ตอนที่ 1126 เวทนา
เซี่ยเต้าหลิงถือแผ่นหยกขณะดูอย่างละเอียด
สิบห้านาทีต่อมา
นางกล่าวกับกู่ฉิงซานว่า “นี่คือวิหารธูป ตามกฎโบราณแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่จะขึ้นเทียนจูจะต้องจุดธูปที่นี่เป็นเวลาหนึ่งวันก่อนจึงสามารถขึ้นเทียนจูเพื่อมุ่งสู่เขาเซียวหมีได้”
กู่ฉิงซานถามว่า “เทียนจูพินาศไปแล้ว โลกเทียนจูก็กลายเป็นที่รกร้างอย่างสมบูรณ์ อาจารย์ยังต้องปฏิบัติตามพิธีโบราณอีกหรือ”
“อืม ข้าจะต้องทำสมาธิอยู่ที่นี่หนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้าจึงจะเริ่มขึ้นเทียนจู”
เซี่ยเต้าหลิงกล่าวจบจึงเรียกเต่าวิญญาณให้เข้ามา
นางส่งแผ่นหยกให้เต่าวิญญาณแล้วกล่าวว่า “กฎเก่าแก่แบบนี้ เอาไปคืนเถอะ”
กู่ฉิงซานถามว่า “อาจารย์จำได้แล้วหรือ”
เซี่ยเต้าหลิงพยักหน้าแล้วตอบว่า “มีปัญหาเก้าสิบสี่ข้ออยู่ในวิชาดังกล่าว มีหนึ่งพันแปดสิบเก้าจุดที่สามารถพัฒนาได้ มีหกสิบเอ็ดจุดที่คลุมเครือ ข้าทำเครื่องหมายกำกับและปรับปรุงส่วนที่เกี่ยวข้องไว้หมดแล้ว ขอบใจที่ส่งวิชาเต๋านี้มาให้นะ”
กู่ฉิงซานถามอีกครั้งว่า “อาจารย์ทำแบบนี้กับวิชาเต๋าของผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนเลยหรือ”
“ใช่ ยังไงเสียพวกเราก็ไม่ได้มีความคับแค้นใจต่อกัน ข้าใช้ของของพวกเขา จากนั้นก็มอบความช่วยเหลือเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงทางอ้อม ดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้ติดหนี้อะไรกัน”
กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วพลันนึกถึงคำต่อว่าของคนเหล่านั้นที่เพิ่งพูดเมื่อครู่ แต่สุดท้ายเขาเก็บมันเอาไว้ในใจ
เต่าวิญญาณรับแผ่นหยกมา ไม่รู้ว่ามันไปที่ใด
เหลือเพียงอาจารย์กับศิษย์อยู่ในโถ
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนถามว่า “อาจารย์ จริง ๆ ท่านไม่จำเป็นต้องก้าวข้ามภัยพิบัติก็สามารถพัฒนาสู่ระดับต่อไปได้ใช่หรือเปล่า”
เซี่ยเต้าหลิงพยักหน้า
“ข้าไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้” นางกล่าวช้า ๆ “แต่พอข้าขัดเกลาดอกบัวทองคำแล้ว ความเข้าใจการฝึกยุทธ์ของข้าก็เหนือกว่าเมื่อก่อน หลายสิ่งสามารถเข้าใจได้เพียงมองแค่ครั้งเดียว บางครั้งก็มีภาพบางอย่างวาบขึ้นในใจ”
“ภาพอะไรหรือ” กู่ฉิงซานถาม
เซี่ยเต้าหลิงดูสับสนเล็กน้อยก่อนกระซิบตอบว่า “ข้าบอกไม่ได้ บางครั้งมันเป็นภาพสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยเห็นมาก่อน บางครั้งมันเป็นภาพการทำลายล้างโลก แล้วก็ยังมีใบหน้ากับคำพูดที่ไม่คุ้นเคยอยู่มากมาย”
“หรือว่าเป็นความฝัน ท่านมองเห็นผู้ฝึกยุทธ์จากยุคโบราณหรือเปล่า” กู่ฉิงซานถาม
ที่ถามเช่นนี้เพราะกู่ฉิงซานเคยเข้าสู่ความฝันของเซี่ยเต้าหลิงตอนไปตามหาตำแหน่งของดาบศักดิ์สิทธิ์มาก่อน
เพื่อหลีกเลี่ยงการค้นพบเกาะแห่งเวลารกร้างที่ใช้หลอมดาบศักดิ์สิทธิ์ ราชานิรันดร์จึงซ่อนแผ่นหยกสุดท้ายไว้ในความฝันของเซี่ยเต้าหลิง
เซี่ยเต้าหลิงครุ่นคิดสักพักก่อนตอบว่า “ไม่ ถ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ข้าจะต้องสามารถตรวจสอบได้หนึ่งถึงสองอย่างแน่นอน แต่สิ่งของกับสถานที่ที่ข้าฝันถึงล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน
เซี่ยเต้าหลิงสะบัดมือเพื่อจัดการกับค่ายกลเสริมสร้างจำนวนมาก จากนั้นถามอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าได้ถ่ายทอดวิชานั้นให้กับเจ้าแล้ว ได้เรียนรู้บ้างหรือเปล่า”
“ข้าได้เรียนรู้แล้ว” กู่ฉิงซานยอมรับ “วิชานั่นสามารถเปลี่ยนเป็นภาพมายาได้”
“ใช่ มันคือภาพมายา ข้าเคยเห็นมันในภาพภาพหนึ่งมาก่อน” เซี่ยเต้าหลิงกล่าว
กู่ฉิงซานตกตะลึง
เขาจำตัวตนนั้นได้
มันคือสัตว์ประหลาดคล้ายมนุษย์ขนาดใหญ่ ใบหน้ามนุษย์มองเห็นได้อย่างเลือนราง แต่ร่างเป็นงู… ไม่ใช่งูสิ แต่เป็นมังกรต่างหาก
เซี่ยเต้าหลิงกล่าวว่า “หลังจากข้าพบสิ่งนี้ ข้าได้ไปดูแผ่นหยกที่ใช้ฝึกฝนวิชานี้ในตอนนั้นเพื่อพยายามหาจุดกำเนิดของตัวตนนี้ แต่น่าเสียดาย แผ่นหยกวิชายุทธ์ไม่ได้มีวิชานี้อยู่ ไม่มีแม้แต่นิดเดียว”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง กู่ฉิงซานรู้สึกเย็นเยือกตรงแผ่นหลังจนอดที่จะถามไม่ได้ว่า “หรือว่าท่านจะจำผิดไป ไม่ใช่แผ่นหยกนั่น แต่เป็นแผ่นหยกอื่น”
“ไม่น่านะ”
เซี่ยเต้าหลิงหลุบตาก่อนกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าจำไม่ได้จนกระทั่งพลิกแผ่นหยกดูอีกครั้งถึงได้รู้ว่าข้อผิดพลาดนี้มาจากการคำนวณของตัวเอง”
กู่ฉิงซานตกตะลึง
เซี่ยเต้าหลิงกล่าวต่อว่า “ปีนั้นข้าอายุสิบเก้าปี หลังจากสำนักถูกทำลาย ข้าก็อยู่เพียงลำพัง มีอยู่วันหนึ่ง ข้าฆ่าผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่มีเจตนาร้ายจนได้รับวิชายุทธ์มาจากเขา ข้าคิดว่าหลังจากได้ดูแล้ว วิชานี้ก็ทำงานทันที…ในตอนนั้น ข้ากลัวตัวเอง พอรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ข้าก็เลยผนึกความทรงจำนี้ไว้…จนกระทั่งข้าเริ่มค้นหาความทรงจำนี้อีกครั้งถึงได้พบกับความจริง”
กู่ฉิงซานแทบจะรักษาความสงบของเขาเอาไว้ไม่อยู่ จากนั้นถามว่า “อาจารย์ แล้วแม่น้ำแห่งการลืมเลือนล่ะ”
“มันคือสิ่งที่ข้าใช้งานเอง เป็นวิชาที่เกิดจาก ‘การรู้แจ้ง’ ” เซี่ยเต้าหลิงยอมรับ
“เมื่อไหร่หรือ”
“ยี่สิบเอ็ดปี”
กู่ฉิงซานกลั้นหายใจ
เขาเห็นหลายสิ่งมามากมายในชีวิต แต่คนอย่างเซี่ยเต้าหลิง เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
เซี่ยเต้าหลิงพูดต่อว่า “เทียบกับภาพมายาของเขาปูโจวแล้ว คนข้ามฟากแม่น้ำแห่งการลืมเลือนคือตัวตนที่สามารถสื่อสารได้ ทุกครั้งที่ทะเลาะกันจะมาจากการที่ข้าถามเสมอว่าชีวิตตัวเองใช้ไปเท่าไหร่แล้ว ดังนั้นภายหลังข้าจึงถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับข้า”
กู่ฉิงซานถามทันทีว่า “นางตอบว่าอะไรหรือ”
“นางไม่เคยบอกอะไรข้าเลย แต่มีครั้งหนึ่งที่ข้าตื๊อจนนางถอนหายใจออกมาแล้วบอกว่าช่างน่าเวทนานัก”
หัวใจของกู่ฉิงซานแทบหลุดออกมา
อันที่จริง ประโยคนี้ติดอยู่ในใจเขาไม่ลืมเลือน
ในตอนนั้น ในโลกของซากศพขนาดใหญ่ ดาบพิภพและสัตว์ประหลาดที่เขาพยายามสังหารสุดความสามารถได้บอกแบบนี้กับเขาเช่นกัน
มันบอกว่าช่างน่าเวทนานัก
น่าเวทนา
ทำไมถึงน่าเวทนาล่ะ
ความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจของกู่ฉิงซานไว้แน่น
เขาพลันยืนขึ้นแล้วเดินไปมาในโถง
“ศิษย์เอ๋ย เจ้าเป็นอะไรน่ะ” เซี่ยเต้าหลิงถาม
กู่ฉิงซานฝืนยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่มีอะไร ข้ากำลังคิดถึงคนข้ามฟากแม่น้ำแห่งการลืมเลือน สุดท้ายแล้วจะนางมาจากที่ไหนกันแน่”
…เศษเสี้ยวยมโลกที่ถูกปกคลุมโดยวิญญาณชั่วร้ายไม่ควรจะมีเทพสิ
นางแข็งแกร่งจริง วิญญาณชั่วร้ายอาจจะไม่สามารถรับมือกับนางได้
ดังนั้น นางจะต้องมาจากโลกที่ไม่รู้จักของเศษเสี้ยวยมโลกแน่ ๆ
ทำไมนางถึงบอกว่าเซี่ยเต้าหลิงน่าเวทนาล่ะ
นางรู้อะไรกันแน่
หรือว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างเรื่องราวของอาจารย์กับเรื่องที่เขาได้พบสัตว์ประหลาดนั่น
กู่ฉิงซานรู้สึกว่าเขาได้หัวระเบิดแน่หากยังคิดมากไปกว่านี้
เซี่ยเต้าหลิงขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าเคยลองใช้ยันต์แปดทิศเพื่อหาทางติดต่อกับสิ่งที่อยู่ในความฝันเหล่านี้”
“ผลเป็นยังไงบ้าง” กู่ฉิงซานถาม
“ผลลัพธ์ล้วนพุ่งเป้ามาที่ภัยพิบัติเขาเซียวหมีในครั้งนี้… เจ้าก็รู้ว่าเดิมทีข้าไม่เคยก้าวข้ามภัยพิบัติเลยสักครั้ง แต่พอรู้ว่าจะได้ข้อมูลหากทำการก้าวข้ามภัยพิบัติ ประกอบกับได้สั่งสมวิชาเต๋าเพื่อช่วยโลกของตัวเอง ข้าถึงได้มาที่นี่”
กู่ฉิงซานนิ่ง
ดูท่าครั้งนี้เขาต้องทุ่มสุดตัว
นี่ไม่ใช่เรื่องของเซี่ยเต้าหลิงเท่านั้น แต่อาจจะเป็นเรื่องของเขาด้วย
เซี่ยเต้าหลิงกล่าวต่อว่า “ในเมื่อเทียนจูพังไปแล้ว ภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพและภัยพิบัติเขาเซียวหมีจึงอันตรายมากยิ่งขึ้น ที่จริง ลึก ๆ แล้วข้าก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ฉิงซาน เจ้าก็ต้องห้ามประมาทด้วย”
“อืม ข้าจะออกไปดูรอบ ๆ ให้สักหน่อย” กู่ฉิงซานกล่าว
“แล้วก็การมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย มีเพียงผู้ที่ก้าวข้ามภัยพิบัติเท่านั้นที่สามารถมาถึงได้ หากเจ้าดูรอบ ๆ อาจจะเจอบางสิ่งก็ได้”
น้ำเสียงของเซี่ยเต้าหลิงพลันเร็วขึ้นแล้วกล่าวว่า “เจ้าจะกลับสำนักเมื่อไหร่ พวกซิ่วซิ่วคิดถึงเจ้ามากเลยนะ”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ช่วงนี้ข้ายุ่งมาก เสร็จเมื่อไหร่ข้าจะกลับไปหาพวกเขา”
เขาพลันนึกบางอย่างออกก่อนถามทันทีว่า “อาจารย์ ตอนนี้ท่านอยู่ระดับราชาแห่งอิสรภาพใช่หรือเปล่า”
“ใช่” เซี่ยเต้าหลิงตอบ
กู่ฉิงซานถามอย่างระวังว่า “ว่ากันว่าราชาแห่งอิสรภาพมีผู้รับใช้สี่สิบแปดคน แล้วผู้รับใช้สี่สิบแปดคนนั้นอยู่ไหนหรือ”
เซี่ยเต้าหลิงตอบว่า “อ๋อ” ก่อนลงจากเก้าอี้แล้วเดินมาหากู่ฉิงซานพร้อมกับเอามือไขว้หลัง
นางยื่นมือออกมา…
แต่กู่ฉิงซานสูงเกินไป ด้วยส่วนสูงของนาง ทำให้ไม่สามารถแตะหน้าผากของกู่ฉิงซานได้
เซี่ยเต้าหลิงชำเลืองมองเขาแล้วกล่าวว่า “ก้มหัวหน่อย”
กู่ฉิงซานก้มหัว
เซี่ยเต้าหลิงเอานิ้วแตะตรงหว่างคิ้วของเขา จากนั้นหันหลังแล้วเดินกลับไปเพื่อปีนขึ้นเก้าอี้ก่อนนั่งลง
..............................