ตอนที่ 1122 กู่ฉิงซานจู่โจม
“กระดองเต่านี้มีไว้ทำอะไรล่ะ”
“มันสามารถใช้ทำนายได้ นอกจากนี้ยังเป็นอาวุธป้องกันตัวอีกด้วย”
“ต้องใช้หินวิญญาณเท่าไหร่”
“เอามาหนึ่งแสน”
“แพงเกินไป กระดองเต่าที่ไหนก็ใช้ทำนายได้เหมือนกัน ทุกคนล้วนเป็นคนที่มีฐานะ แต่ใครที่ไหนจะใช้กระดองเต่ามาป้องกัน”
“เก้าหมื่นห้าพัน ไม่ลดแล้ว”
“ให้มากสุดเก้าหมื่น ถ้าตกลงก็ซื้อ”
“ตกลง”
ผู้ฝึกยุทธ์สองคนแลกหินวิญญาณกับกระดองเต่า ทั้งคู่ดูมีความสุขมาก
กู่ฉิงซานมองฉากนี้อย่างรอบคอบ
เขาเพิ่งมาได้ไม่นานนัก
รอบข้างมีคนมากมาย ทุกหนแห่งมีผู้ฝึกยุทธ์กำลังต่อรองกัน
มีชีวิตชีวานัก
…แสดงว่าราชาแห่งอิสรภาพเกี่ยวกับธุรกิจหรือ
กู่ฉิงซานชำเลืองมองตลาดกลางแจ้ง สีหน้าของเขาค่อย ๆ เคร่งขรึม
ในตลาดที่แห้งแล้งนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนอยู่จุดสูงสุดของระดับนภายามค่ำ ร่างกายของพวกเขาแผ่ความผันผวนพลังวิญญาณออกมาพร้อมกัน
หรือก็คือ ที่นี่ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำที่มาเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติ
ระดับนภายามค่ำถึงกับเป็นรากฐานการฝึกฝนที่ดี
ไม่สงสัยเลยว่าตอนที่คนเมื่อครู่กำลังต่อรองราคาอยู่นั้นถึงได้พูดว่า “ทุกคนล้วนเป็นคนที่มีฐานะ”
กู่ฉิงซานเดินเข้าไปในเมืองจัตุรัสช้า ๆ
ไม่มีใครให้ความสนใจเขา
บางครั้ง ผู้ฝึกยุทธ์หญิงบางคนจะมองเขา แต่ก็ทำเพียงแค่มองเท่านั้น
ยังไงเสีย ใบหน้าของเขาก็ดูหล่อเหลามากขึ้นหลังจากการทำศัลยกรรมไมโครพลาสติกของอาวุธกาลอวกาศ
ตามคำพูดของอาวุธกาลอวกาศ ใบหน้านี้ดูอ่อนหวาน เป็นการง่ายที่จะดึงดูดความสนใจของผู้หญิง
…นี่คือสไตล์ที่แตกต่างจากกู่ฉิงซานอย่างสิ้นเชิง
แม้กระทั่งเสียงพูดก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในตอนนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศัตรูระบุตัวตนที่แท้จริงได้ กู่ฉิงซานจึงยอมทำศัลยกรรมไมโครพลาสติก
กู่ฉิงซานกำลังเดินอยู่รอบตลาด ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งได้ผุดขึ้นในใจ
…ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ไม่ใช่คนจากโลกเก้าร้อยล้านชั้น
ตามแนวคิดของโลก วังวนความว่างเปล่าถึงกับเป็นส่วนหนึ่งของ “ชั้นกั้นนอกโลก” คนเหล่านี้มาจากโลกที่แท้จริง
กู่ฉิงซานพลันหยุดนิ่ง
เขาเข้าใจสิ่งหนึ่งขึ้นมา
…ผู้คนบนฝั่งผู้ฝึกยุทธ์สามารถติดต่อกับคนในโลกคู่ขนานจำนวนมากได้
เพราะตัวตนของภัยพิบัติสวรรค์ ทำให้พวกเขาสามารถก้าวข้ามมิติและเวลาเพื่อมาพบกันจากโลกต่าง ๆ
ยกตัวอย่างเช่น ช่วงภัยพิบัตินภายามค่ำก่อนหน้านี้
อีกตัวอย่างก็คือช่วงภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพในครั้งนี้
ถ้างั้นภัยพิบัตินี้มันคืออะไรกันแน่ล่ะ
…นั่นหมายความว่ามันเชื่อมโยงกับภัยพิบัติจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีไม่ใช่หรือ
กู่ฉิงซานดูสงบขณะเดินอย่างไร้จุดหมายอยู่ในตลาด บางครั้งจะมองไปตามแผงขายของจำนวนมาก
เมื่อได้เห็นคนที่ขายยันต์ อาวุธ เกราะ เตาหลอมยาเม็ด สมุนไพร หญ้าวิญญาณ ผลไม้วิญญาณ วัตถุดิบอาหารและวิชาเต๋า มันช่างดูน่าตื่นตานัก
ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นอยู่เต็มไปหมดจนแทบจะปิดกั้นทางเดิน
บางครั้งมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะอยู่ใกล้กันเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด ทุกคนจึงปลดปล่อยโล่วิญญาณออกมาเพื่อสัมผัสโล่วิญญาณของอีกฝ่ายเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้พละกำลังของพวกเขาเพื่อรักษาตำแหน่งเอาไว้
ช่างเป็นฉากที่ดูปรองดองและกลมเกลียวเหลือเกิน
กู่ฉิงซานพยักหน้าเล็กน้อย นี่ถึงกับเป็นสิ่งที่เข้าใจได้เพราะทุกคนมีพลังใกล้เคียงกัน พวกเขาไม่รู้จักกัน ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายต่อสู้อย่างไร
กู่ฉิงซานหยุดอยู่หน้าแผงลอยหนึ่ง
“สหายเต๋า เจ้าอยากดูข้อมูลอะไรหรือ” ผู้ฝึกยุทธ์ถาม
“ภัยพิบัติ” กู่ฉิงซานตอบ
ผู้ฝึกยุทธ์หัวเราะแล้วกล่าวว่า “เมื่อเจ้ากับข้ามาถึงจุดนี้ เจ้าย่อมรู้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติเป็นความลับมาก ดังนั้นจะมาพูดจาไร้เหตุผลแบบนี้ไม่ได้”
กู่ฉิงซานไม่รู้อะไรเลย
“แล้วเจ้าขายอะไรบ้างล่ะ” เขาถามด้วยสีหน้าหงุดหงิดขณะชำเลืองมองแผงขายแผ่นหยกอีกแห่ง
ผู้ฝึกยุทธ์หยุดอยู่ตรงชั้นวาง ยื่นสองนิ้วออกไป หยิบแผ่นหยกออกมาแล้วกล่าวว่า “นี่คือข้อมูลของภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพ มูลค่าเท่ากับหินวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อน”
“หนึ่งหมื่นหรือ” กู่ฉิงซานดูประหลาดใจก่อนถามว่า “ทำไมถึงแพงกว่าปกติล่ะ”
เมื่อครู่เขาเดินไปมา ทำให้รู้มูลค่าของข้อมูลนี้
ผู้ฝึกยุทธ์แสดงแผ่นหยกตรงหน้ากู่ฉิงซานก่อนกล่าวอย่างจริงจังว่า “นี่คือฉบับพิเศษสำหรับนักสะสม มันมีข้อมูลมากกว่าฉบับอื่น ๆ ”
อีกฝ่ายกระซิบว่า “มันยังมีข้อมูลของภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีด้วย สิ่งนี้มีมูลค่าเท่ากับหินวิญญาณหกพันก้อน”
“จริงหรือ ไม่ได้โกหกแน่นะ” กู่ฉิงซานถามด้วยความสงสัย
ผู้ฝึกยุทธ์ตบอกแล้วตอบว่า “รับรองได้ว่าเนื้อหาต้นฉบับมาจากการรวบรวมเนื้อหาที่สามารถอ่านได้ด้วยการจ่ายค่าธรรมเนียมเท่านั้น ไม่ได้ไปคัดลอกมาจากผลงานของผู้อื่นโดยพลการ…ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า หลังจากซื้อไปแล้วก็ลองเปิดดูเลยว่าคุ้มค่าจริงหรือเปล่า”
กู่ฉิงซานพยักหน้าเล็กน้อย
ในเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงขนาดนั้น เขาก็รู้สึกว่าข้อมูลนี้มีค่าจริง ๆ
“ตกลง”
กู่ฉิงซานจ่ายด้วยหินวิญญาณ
หินวิญญาณในตัวของเขายังเป็นเงินค่าขนมที่มอบให้โดยอาจารย์จากสำนักร้อยบุปผากับค่าธรรมเนียมรายเดือนที่ได้รับจากตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวก
ความจริง หินวิญญาณเหล่านี้ถูกดองเอาไว้ เขาไม่ได้ใช้สกุลเงินนี้มานานมากแล้ว
โชคยังดี หินวิญญาณคล้ายกับเป็นหลักสากลของโลกผู้ฝึกยุทธ์ทุกแห่ง ชายคนนั้นรับหินวิญญาณไปก่อนส่งแผ่นหยกมาให้อย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกยุทธ์รับหินวิญญาณมาก่อนส่งแผ่นหยกให้เขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าจะดูที่นี่เลยก็ได้ รับรองว่าไม่ขาดทุน!”
กู่ฉิงซานยิ้ม
มั่นใจขนาดนั้นเลยหรือ
เขายืนอยู่กับที่ก่อนใช้จิตเทพทะลวงเข้าไปในแผ่นหยก
ข้อมูลส่วนใหญ่ปรากฏในทะเลแห่งความตระหนักรู้ของเขา
นี่คือโลกเทียนจู
ภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพและภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีล้วนเริ่มขึ้นจากที่นี่
ภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพจะเปิดทุกๆ หนึ่งพันปี
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ทะลวงภัยพิบัตินี้ภายในหนึ่งพันปีจะก้าวข้ามขีดจำกัดของมิติและเวลาก่อนมาปรากฏตัวในโลกเทียนจูโดยตรง
ตำแหน่งตอนนี้ของกู่ฉิงซานคือถิ่นทุรกันดารที่ไม่ไกลจากเมืองหลักของโลกเทียนจู
ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่ทะลวงภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพจะต้องผ่านเมืองหลักของโลกเทียนจูเพื่อรอผู้ฝึกยุทธ์ที่จะต้องเข้าสู่ภัยพิบัติของขุนเขาเซียวหมี
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จะกลายเป็นผู้รับใช้ของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น คอยติดตามเขาและคุ้มกันไปยังยอดเขาเซียวหมีเพื่อผ่านภัยพิบัติที่นั่น
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ก้าวข้ามภัยพิบัติได้สำเร็จจนกลายเป็นจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมี ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นที่คุ้มกันเขาไปถึงยอดเขาเซียวหมีได้สำเร็จจะถือว่าผ่านภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพด้วย
พวกเขาจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาแห่งอิสรภาพ
…ดังนั้น นี่คือความเชื่อมโยงระหว่างภัยพิบัติของราชาแห่งอิสรภาพและภัยพิบัติของขุนเขาเซียวหมี
นี่ถึงกับเป็นภัยพิบัติอันตรายที่สุดในชั่วชีวิตการฝึกฝนของผู้ฝึกยุทธ์
และยังมีปัญหาต่าง ๆ อีกมากมาย
…เสาหลักแห่งสวรรค์ที่เชื่อมต่อกับโลกเทียนจูกับขุนเขาเซียวหมีได้พังทลายลง
ภัยพิบัติทั้งหลายตามทางจะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งมากยิ่งยากจะคาดเดา
มีผู้ฝึกยุทธ์ห้าคนที่ทะลวงขุนเขาเซียวหมีแล้วตายระหว่างปีนขุนเขาเซียวหมี
ผู้ฝึกยุทธ์ที่คุ้มกันพวกเขาเกือบตาย
กู่ฉิงซานอ่านรายละเอียดจบภายในหนึ่งถ้วยชา
เขารู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ แต่ก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวกับผู้ฝึกยุทธ์ว่า “ข้อมูลของเจ้าสมราคาจริง ๆ ”
ผู้ฝึกยุทธ์ยิ้มแล้วกล่าวเสียงดังว่า “ใช่ พวกข้าต่างทำธุรกิจเช่นนี้มาตลอดเพื่อจะได้มีลูกค้าเวียนมาใช้”
กู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพเพื่อกวาดผ่านตลาดที่มีชีวิตชีวา
แน่นอนว่าเขาเห็นเมือง
เมืองเทียนจู
ในเมืองนี้ เสาหลักหินขนาดใหญ่ทะยานอยู่ในท้องนภา มันถูกตัดขาดอยู่ใต้หมู่เมฆ
นี่คือเสาหลักแห่งสวรรค์
ตามที่แผ่นหยกว่าไว้ เมื่อนานมาแล้ว มันสามารถเชื่อมต่อสวรรค์และปฐพีเพื่อตรงไปสู่ยอดขุนเขาเซียวหมีได้
ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดมันจึงถูกตัดขาดเช่นนั้น
กู่ฉิงซานจ้องมอง ทันใดนั้นจิตของเขาขยับ
เพียงชั่วพริบตา ทั้งตลาดพลันหายไป ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนหายไป เสียงตื่นเต้นทั้งหมดกลับสู่ความเงียบ
ดาบยาวสามเล่มพลันปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
กู่ฉิงซานไม่ลังเลที่จะถือดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพเอาไว้เพื่อปกป้องร่างกายของตัวเอง
ความผันผวนพลังวิญญาณทั้งหมดหายไป
รอบข้างเกิดความเงียบสงัด
สายลมเย็นเยือกพัดผ่านดินแดนรกร้างจนเกิดเสียงหวีดหวิว
กู่ฉิงซานถือดาบทั้งสองเล่มขณะเดินไปข้างหน้าหลายก้าวอย่างช้า ๆ
เขาเข้าสู่สภาพต่อสู้
สุดท้ายแล้ว…มันเกิดอะไรขึ้น
กู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพเพื่อตรวจสอบรอบข้าง
…ไม่มีอะไรเลย
คนเหล่านั้นคล้ายกับระเหยไปในพริบตา
ในทุ่งรกร้าง นอกจากทรายกับหินแล้ว ยังมีวัชพืชเกาะหนาแน่นเกาะติดดินอีกด้วย
กู่ฉิงซานมองรอยเท้าหนาทึบและร่องรอยของแผงลอยบนพื้น หัวใจของเขายิ่งสับสนขึ้นมา
ผู้ฝึกยุทธ์เคยอยู่ที่นี่เมื่อครู่
ข้าวของเคยอยู่ที่นี่เช่นกัน
จู่ ๆ ทั้งหมดนี้หายไปได้อย่างไร
เหงื่อเย็นผุดขึ้นที่แผ่นหลังของกู่ฉิงซาน
ทันใดนั้น เขากลับมามีสติทันทีก่อนรีบสัมผัสถุงเก็บของบริเวณเอว แต่เขากลับรับรู้เพียงความว่างเปล่า
กู่ฉิงซานตกตะลึง
ถุงเก็บของของเขาถูกขโมยไป
…เขาคือผู้ใช้ดาบแท้ ๆ แต่กลับมีใครบางคนที่สามารถขโมยถุงเก็บของไปได้โดยที่ไม่รู้ตัว
พละกำลังของคนคนนี้ช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หากคนคนนี้อยากสังหารเขาขึ้นมา…
ไม่
กู่ฉิงซานส่ายหน้า
ในความรู้สึกทางวิญญาณของเขา ไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด
หากอยากฆ่าเขาเงียบ ๆ แม้กระทั่งวิญญาณกรีดร้องก็ไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้
เกรงว่านี่คือความสามารถที่ใช้สำหรับการขโมยโดยเฉพาะ
เขานิ่งไปสักพัก ครุ่นคิดถึงกระบวนการทั้งหมดหลังจากเข้ามาในตลาดอีกครั้ง ทันใดนั้น มีสิ่งหนึ่งแวบเข้ามาในใจของเขา
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ขายข้อมูลเอาหินวิญญาณไปก่อนมอบแผ่นหยกให้กับมือเขา
ถ้าอยากขโมยบางสิ่ง มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ที่ขายข้อมูลเท่านั้นที่ติดต่อกับเขาอย่างใกล้ชิดมากที่สุด
เขาคือผู้ต้องสงสัยมากที่สุด
เมื่อกู่ฉิงซานคิดถึงตรงนี้ เขาพลันนึกบางสิ่งขึ้นมาได้
เขาขมวดคิ้วก่อนพึมพำกับตัวเองว่า “ความรู้สึกนี้…ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก…”
ในเวลาเดียวกัน
เมืองเทียนจู
ในตำหนักงดงามยิ่ง
สาวน้อยที่ถูกแกะสลักด้วยหยกถือถุงเก็บของของกู่ฉิงซานเอาไว้ขณะเอามือลูบอย่างแผ่วเบา
ล็อกวิญญาณบนถุงเก็บของหายไปทันที
สาวน้อยเริ่มนับของรางวัล
“ชุดเครื่องปรุง…”
“หินวิญญาณ”
“น่าแปลก ทำไมไม่มีมรดกวิญญาณเลยล่ะ”
“…มีหลายสิ่งมาจากฝั่งเทคโนโลยี แต่ถ้าเอากลับโลกพวกข้าก็ไม่มีประโยชน์”
เสียงละอ่อนของสาวน้อยดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทันใดนั้นก็เงียบไปอีกครั้ง
นางถืออิฐสีขาวขนาดใหญ่ไว้ด้วยมืออย่างยากลำบาก
ใบหน้าของสาวน้อยจริงจังขึ้นมา
ถึงแม้จะจริงจัง แต่นางก็ยังดูน่ารัก…ยังไงเสีย นางก็ยังเด็กเกินไป
“นี่คือแผ่นหยกขนาดใหญ่ของเสี่ยวหลัว…ข้าจำได้ เขาเคยบอกว่าจะมอบให้กับฉิงซาน…”
..............................