webnovel

1112 การมาถึงของเหล่าภูต

ตอนที่ 1112 การมาถึงของเหล่าภูต

กลุ่มคนรวมตัวกันอีกครั้ง

กู่ฉิงซานชี้ไปที่เขายาวหนึ่งคู่กับมีดหัวม้าที่ลอยอยู่ข้างซูเสวี่ยเอ้อร์แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”

ซูเสวี่ยเอ้อร์บอกเรื่องราวให้ฟัง

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ตอนนี้สถานการณ์วิกฤติ ทำไมเจ้าไม่ใช้พวกมันล่ะ”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ดูระแวดระวังขณะตอบว่า “พวกมันสู้กับข้าอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่หลังจากเจ้านายถูกฆ่า พวกมันจะยอมรับข้าในฐานะเจ้านายในพริบตา”

กู่ฉิงซานมองนางขณะส่งสัญญาณให้เล่าต่อ

ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวว่า “หากเป็นการแสดง ข้าไม่สามารถใช้พวกมันได้อย่างแน่นอน; หากไม่ใช่การแสดง ท่าทีของพวกมันที่มีต่อเจ้านายก็ไร้ความเห็นอกเห็นใจเกินไป บางทีพวกมันอาจจะมีความคิดอื่น ข้าก็เลยไม่กล้าใช้น่ะ”

กู่ฉิงซานยื่นหน้าเข้าไปแล้วกล่าวว่า “ซูเสวี่ยเอ้อร์ เจ้าโตขึ้นมากจริง ๆ ”

เคร้ง!

ด้วยเสียงดาบอันรุนแรง มือและดาบของกู่ฉิงซานหายไปทันทีก่อนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

เส้นแสงเย็นเยือกตัดผ่านเขายาวกับมีดหัวม้า

ไวมาก!

ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของทุกคน

เสียงร้องโหยหวนน่าเวทนาดังขึ้นเสียงแล้วเสียงเล่า

พวกมันถูกฟาดโดยดาบพิภพก่อนหายไปจากโลกอย่างสมบูรณ์

“หือ พวกมันไม่ใช่เทวภัณฑ์ยมโลกหรือ มันยังไงกันน่ะ” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถาม

กู่ฉิงซานอธิบายว่า “ข้าเพิ่งฆ่าประตูภูตผีมา ทำให้ตระหนักถึงความลับของพวกมัน…ที่จริง เทวภัณฑ์ยมโลกของจริงจะกลับโลกนั้นทันทีหลังจากพ่ายแพ้ เพราะงั้นสองชิ้นนี้จึงเป็นของปลอม”

“งั้นพวกมันคืออะไรล่ะ” ฉ่าเฉียงอดที่จะขัดไม่ได้

“มันคือสองคนนั้นที่ถูกซูเสวี่ยเอ้อร์ฆ่า ตอนพวกมันกำลังจะตาย พวกมันคล้ายกับสามารถใช้วิชาอย่างหนึ่งเพื่อให้สามารถกลายเป็นรูปลักษณ์ของเทวภัณฑ์ได้ ทำให้ผู้อื่นสับสนเพื่อแลกกับโอกาสมีชีวิตรอด”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ กู่ฉิงซานพลันตอบสนอง

ใช่แล้ว

นี่คล้ายกับความลึกลับของทุกสรรพสิ่งมาก

วิชานี้มันคืออะไรกัน

…สามคนนี้เชี่ยวชาญวิชาลับที่คล้ายกับความลึกลับของทุกสรรพสิ่ง ความลึกลับนี้เป็นของธรรมดายิ่งในเศษเสี้ยวยมโลกหรือ

กู่ฉิงซานส่ายหน้า ไม่คิดให้มากความอีก

นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องนี้

เขากล่าวเสียงดังไปยังทิศทางที่ไกลออกไปว่า “ขอภูตหนึ่งตนมาทางนี้หน่อย”

ภูตตนหนึ่งบินมาพร้อมกับไม้เท้าเพลิง

กู่ฉิงซานชี้ไปที่เปลวเพลิงแล้วกล่าวว่า “การต่อสู้จบลงแล้ว ไม่ว่าเทวภัณฑ์ของพวกท่านจะหลอมเสร็จหรือไม่ โปรดส่งใครบางคนมาช่วยข้ารักษาบาดแผลที”

…ยารักษาชั้นยอดของลอร่าล้วนถูกสร้างขึ้นโดยพวกเขา แต่พวกภูตมีวิชารักษาที่ทรงพลังยิ่งกว่า

น่าเสียดายที่คนธรรมดามองเห็นพวกภูตได้ยาก ยิ่งจะให้พวกเขารักษายิ่งแล้วใหญ่

ทว่าตอนนี้ กู่ฉิงซานเป็นพันธมิตรกับพวกภูต อีกทั้งยังได้มอบของขวัญเป็นไม้แห่งกฎเกณฑ์ภูตให้เพื่อช่วยต้านทานการโจมตีของศัตรูทั้งหมด เป็นธรรมดาที่คำขอของเขาจะถูกพวกภูตเก็บไปคิดจริงจัง

จุดเปลวไฟก่อเป็นแถวข้อความในความว่างเปล่า

“รอสักครู่ พวกข้าจะเปิดใช้งานเทวภัณฑ์เดี๋ยวนี้แหละ”

กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “เทวภัณฑ์อะไรหรือ”

“เทวภัณฑ์มิติน่ะ”

จุดเปลวไฟลอยกลับไป

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เขาเห็นว่าจุดเปลวไฟทั้งหมดเคลื่อนตัวออกห่างจากทั้งสองฝั่ง

ความมืดหายไปทั้งสองฝั่งราวกับเปิดม่าน

ฉากของโลกอีกใบปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน

…ตำหนักงดงามโอ่อ่า สิ่งปลูกสร้างจำนวนมากลอยอยู่ในอากาศ ป่าสีเขียวและสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดนับไม่ถ้วน

“อาณาจักรภูต!” หลานซิ่วกล่าวอย่างตื่นเต้น

นี่คือฉากที่หายากยิ่ง น้อยคนนักจะได้เห็นอาณาจักรภูตของจริง

ภูตที่มีหนวดและสวมมงกุฎบินออกมา

ด้านหลังเขาคือภูตนับไม่ถ้วน พวกเขาล้วนสวมชุดโอ่อ่ากับถือไม้เท้าสั้นเอาไว้

ภูตตนนั้นกระแอมลำคอก่อนกล่าวเสียงดังว่า “ทุกคนที่สู้ร่วมกับบรรพบุรุษภูตอย่างพวกข้าเอ๋ย พวกเจ้าล้วนเป็นมิตรสหายของเผ่าภูตแล้ว!”

หลานซิ่ว กู่เหยียนและฉ่าเฉียงล้วนเผยรอยยิ้มออกมา

คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นพวกภูตได้ ยิ่งการติดต่อกับพวกเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง

สมบัติของพวกเขาสุดประมาณ แต่ความเป็นมิตรสหายนั้นหาได้ยากยิ่งกว่า

เพราะตราบที่เป็นมิตรสหายกับพวกเขา ย่อมสามารถไปมาหาสู่เพื่อแลกเปลี่ยนกันได้ทุกเมื่อ!

นี่คือสิ่งที่ทุกเผ่าพันพันธุ์ต่างใฝ่ฝันถึง

เมื่อภูตตนนั้นประกาศจบ เขาเริ่มมองรอบข้างขณะถามด้วยน้ำเสียงสับสนว่า

“แล้ว พ่อของพ่อของพ่อของพ่อของพ่อข้าอยู่ไหนล่ะ”

เกิดความเงียบรอบข้าง มีเพียงจุดเปลวเพลิงที่ยังคงวูบไหว

ภูตตัวน้อยที่อยู่ข้างเขาลดเสียงลงขณะตอบว่า “ท่านราชา ตอนนี้พวกเขาเป็นร่างวิญญาณ”

ราชาตบศีรษะก่อนกวัดแกว่งไม้เท้าสั้นแล้วกล่าวว่า “วัสดุที่ล้ำค่าที่สุดยังถูกเก็บไว้ในเผ่ามังกร ดังนั้นต้องให้บรรพบุรุษข้าใช้ร่างหุ่นกระบอกเพื่อกลับไปจัดการกับปัญหานี้!”

“…จงขยับ หุ่นกระบอก!”

ท่ามกลางเสียงอันแผ่วเบา ชายชราเครายาวและพวกภูตนับไม่ถ้วนล้วนเผยร่างออกมา

พวกเขาล้วนเป็นหุ่นกระบอก

ชายชราเครายาวโบกมือเพื่อส่งสัญญาณบอกลูกหลานว่ายังไม่ต้องพูด

เขาคว้าไม้เท้าสั้นของราชาภูต บินขึ้นไปแล้วกวัดแกว่งตรงหน้าซูเสวี่ยเอ้อร์เพื่อร่ายคาถา

“ฉ่า ๆ ”

“แขนของเจ้าจะทรงพลังยิ่งขึ้นจนสามารถถือไม้กวาดฟาดหนูได้”

“ร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นราวกับหมูป่าในป่าใหญ่!”

ปัง!

กลุ่มควันสีขาวลอยออกจากซูเสวี่ยเอ้อร์

ซูเสวี่ยเอ้อร์ประหลาดใจที่พบว่าแขนที่เสียไปของนางกลับคืนมา ร่างกายที่บาดเจ็บก็ได้รับการรักษา

ชายชราเครายาวคำนับ

“แม่นาง แขนของเจ้าได้รับพรจากพลังทำลายปีศาจและชีวิตใหม่ ถ้าเจ้าพบคนไม่ดีเข้าในสักวัน เจ้าสามารถใช้มันเพื่อโจมตีศัตรูโดยตรงได้…จะว่าไปแล้ว เมื่อครู่เจ้ากล้าหาญเหลือเกิน กล้าถึงขนาดที่ลงมือจัดการ ข้าสงสัยจริงว่าเจ้าจะเต็มใจกลายเป็นภูตหรือเปล่า”

ซูเสวี่ยเอ้อร์รู้ว่าความคิดของภูตแตกต่างจากมนุษย์ ดังนั้นนางไม่กล้าพูดอะไรนอกจากขอบคุณแล้วกล่าวว่า “ขอน้อมรับความรู้สึกไว้ ข้ายังอยากเป็นมนุษย์อยู่น่ะ ขอบคุณที่ช่วยรักษาบาดแผลให้ข้า”

ชายชราเครายาวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนบินมาหากู่ฉิงซานอีกรอบ

“เจ้าหนุ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะความพยายามของเจ้า ภูตอย่างพวกข้าคงไม่มีความหวัง เกรงว่าได้ถูกราชาสวรรค์โหมวลัวกินเป็นแน่”

กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “ด้วยความยินดี พวกเราต่างก็ช่วยเหลือกันจนถึงตอนนี้”

ชายชราเครายาวถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เจ้าอยากแต่งงานกับเจ้าหญิงเผ่าภูตหรือเปล่า”

รอยยิ้มของกู่ฉิงซานแข็งทื่อ

ซูเสวี่ยเอ้อร์ยื่นมือที่เพิ่งงอกออกไปแตะที่เอวของเขาก่อนออกแรงหยิกเนื้อบริเวณดังกล่าว

“เรื่องนี้ไม่จำเป็นหรอก” กู่ฉิงซานตอบขณะกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็เลยขอบผู้หญิงที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกันน่ะ”

ชายชราเครายาวเผยสีหน้าเสียดายก่อนกล่าวว่า “ช่างเถอะ ไว้เรื่องขอบพวกเราค่อยคุยทีหลังก็แล้วกัน”

สีหน้าของเขาดุดันขึ้นทันที

“บาลาฮู! บาลาฮู! ราชาสวรรค์โหมวลัว ไปให้พ้นจากตัวข้า!”

เขาได้ไม้เท้าสั้นในมือไปในความว่างเปล่า

…แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“แปลกแหะ มันไม่อยู่ในโลกนี้แล้วหรือ” ชายชราเครายาวถามด้วยความสับสน

ตอนนี้ศัตรูหนีไปแล้ว ชายชราเครายาวจึงไม่มีอะไร เขาจึงบินกลับมารำลึกความหลังกับลูกหลาน

ซูเสวี่ยเอ้อร์ยื่นมือออกไปเพื่อส่งปืนพกให้กู่ฉิงซาน

“นี่คืออาวุธที่เทพธิดาแห่งความยุติธรรมมอบให้เจ้า เมื่อครู่ข้าเพิ่งใช้ไปน่ะ”

กู่ฉิงซานดันปืนพกกลับไปแล้วกล่าวว่า “เจ้าเก็บไว้ป้องกันตัวเองเถอะ”

“แล้วเจ้าล่ะ” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถาม

“เมื่อใดที่ข้าไม่ต้องการก็ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ข้าได้” กู่ฉิงซานตอบ

ถึงในใจซูเสวี่ยเอ้อร์จะมีความสุข แต่ยังคงยืนกรานดันปืนพกไปในมือของกู่ฉิงซาน

คาดไม่ถึง ทันทีที่ปล่อยมือ ปืนพกลอยกลับมาอยู่ในมือนาง

ตอนนี้ เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น

“ปืนกระบอกนี้เข้ากันได้ดีกับยีนและคลื่นสมองส่วนตัวของซูเสวี่ยเอ้อร์ อีกทั้งยังส่งเสริมการวิวัฒนาการส่วนตัวของซูเสวี่ยเอ้อร์ คนอื่นจึงใช้ไม่ได้อีกต่อไป”

ซูเสวี่ยเอ้อร์หยุดดันก่อนเก็บปืนพกไป

“ฉิงซาน ตอนนี้เจ้ามีแผนอะไร” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถาม

กู่ฉิงซานเงียบไปสักพัก

…ในที่สุดก็ถึงช่วงเวลานี้แล้ว

การต่อสู้ขั้นเด็ดขาดกับเทพแห่งความโกลาหลหรือก็คือวิญญาณกรีดร้องกำลังจะมาถึง

นี่คือจุดเริ่มต้นของพายุ

เขามีโล่งของผู้พิทักษ์ทุกสิ่ง ครั้งต่อไปเขาจะช่วยแม่นางเฮยไห่

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าอยากรีบกลับอาณาจักรหนามทันที จากนั้นเรียกทุกคนมาแล้วกลับไปอดีตเพื่อสู้กับวิญญาณกรีดร้อง”

ซูเสวี่ยเอ้อร์บีบมือก่อนกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”

กู่ฉิงซานพยักหน้า

ทันใดนั้น เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นอีกครั้ง “ไม่ได้ ซูเสวี่ยเอ้อร์ ตอนนี้ท่านอยู่ในช่วงสำคัญของการวิวัฒนาการ จะเอาชีวิตไปเสี่ยงง่าย ๆ ไม่ได้ ท่านกับข้ามีหน้าที่ที่สำคัญกว่าไม่ใช่หรือ”

“เจ้าหมายความว่ายังไง” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถามด้วยความไม่พอใจ

เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ตอบว่า “ป้อมปราการสงครามสุดท้ายที่อยู่ใต้เท้าพวกเราคือเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิดาราในตอนนั้น”

“ข้าไม่สามารถใช้งานป้อมปราการแห่งนี้ได้… รหัสผ่านหลักอาจจะอยู่กับผู้สืบทอดจักรวรรดิคนอื่นก็ได้” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว

เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์กล่าวว่า “ท่านคือผู้สืบทอดคนสุดท้ายของจักรวรรดิและข้ามีพลังการประมวลที่แข็งแกร่งที่สุดของเทพธิดาแห่งความยุติธรรม อีกทั้งข้ายังรู้อัลกอริทึมการเข้ารหัสทั้งหมดของจักรวรรดิในตอนนั้นด้วย”

“เจ้าหมายความว่า…”

“ท่านต้องเข้าป้อมปราการกับข้า ด้วยตัวตนของท่านกับพละกำลังของข้า พวกเราย่อมสามารถเปิดป้อมปราการนี้ได้อย่างแน่นอน…จากนั้นพวกเราจะใช้มันเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ขั้นเด็ดขาด”

“ความคิดดี” ดวงตาของซูเสวี่ยเอ้อร์ทอประกาย

นางมองกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานถามว่า “ไม่มีอันตรายใช่หรือเปล่า”

เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ตอบว่า “ไม่มี ข้าคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ แต่มันต้องใช้เวลา”

“นานแค่ไหน” กู่ฉิงซานถาม

เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ตอบว่า “อย่างเร็วสุดก็หนึ่งถึงสองวัน อย่างช้าสุดก็สามถึงสี่วัน…ท่านกลับไปรวมกลุ่มก่อน พวกข้าจะตามไปทีหลัง”

“เอาเถอะ ถ้างั้นข้าจะทิ้งสัตว์ประหลาดหุบเหวทั้งหมดนี้เอาไว้ ไม่ต้องกลัวพวกมันนะ ตอนนี้หุบเหวเป็นพันธมิตรกับพวกเราแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

“อืม ไม่ห่วงแน่นอน” เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์กล่าว

..............................