ตอนที่ 1103 การเต้นบูชายัญ
การเต้นบูชายัญได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ในความมืด ความรู้สึกแปลกประหลาดซึมซาบผ่านความคิดของกู่ฉิงซาน
เขาพลันเข้าใจว่านี่คือโอกาส
พลังที่ตรงไปตรงมา ดั้งเดิมและไร้การควบคุมมากที่สุดของการเต้นบูชายัญสามารถช่วยให้เขาเข้าใจหลายสิ่งได้
เสียงกลองดังขึ้น
กู่ฉิงซานเกิดความรู้แจ้งแรกในใจ
กลายเป็นว่าเหล่าเทพร่วมมือกันเพื่อเป็นจ้าวแห่งกฎเกณฑ์
ด้วยการนำกฎเกณฑ์บางอย่างมารวมกัน ทำให้มันแข็งแกร่งมากพอที่จะควบคุมทุกสิ่งที่ข้องเกี่ยวกับกฎเกณฑ์นี้
ยกตัวอย่างเช่น
กฎเกณฑ์แรกที่ราชาภูตผีแห่งยมโลกครอบครองคือควบคุมคนตาย
กฎเกณฑ์แรกที่เทพปฐพีครอบครองคือควบคุมทรัพย์สินทั้งหมดในปฐพี
เมื่อสองกฎเกณฑ์มารวมกันจะทำให้ได้รับสกิลเทพที่เป็นเอกสิทธิ์ต่อกู่ฉิงซาน
…การเต้นบูชายัญ เสียงเพรียกแห่งการหลับใหล
ตอนนี้ เทวดาสงครามสิบสององค์มาอยู่ด้านหลังเขาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
โลกเปิดเผยความจริงต่อหน้ากู่ฉิงซาน
“บุก!”
กู่ฉิงซานกวัดแกว่งดาบ
เทวดาสิบสององค์พุ่งออกไป ปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งที่สุด ต่อสู้กับคำสาปที่มองไม่เห็นบนสะพานแขวน
พวกมันแข็งแกร่งที่สุดขณะทำลายฝูงสัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็นด้วยฝีมือตัวเอง
กู่ฉิงซานชำเลืองมองก่อนส่ายหน้าแล้วพึมพำอย่างแผ่วเบาว่า “ยังไม่มากพอ”
เขาเริ่มร่ายรำดาบ
แสงระยิบระยับของร่างกู่ฉิงซานขยายไปถึงดาบยาวขณะกวัดแกว่งเป็นรัศมีเส้นโค้งงดงามออกมา
จิตสังหารบนดาบยาวหายไปแล้ว กลายเป็นความเห็นอกเห็นใจและความหนักอึ้ง
“ออกมาให้หมด”
เขากระซิบ
ทั่วสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เทวดาทั้งหมดที่ถูกฝังในพื้นพุ่งออกมาจากสุสาน
โครงกระดูกของเทวดาเหล่านี้ข้ามท้องนภาก่อนลงมาอยู่บนสะพานแขวนอย่างรวดเร็ว
พวกมันชักอาวุธออกมาร่างแล้วร่างเล่าเพื่อต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็น
ครืน!
โลกไม่สามารถต้านทานการต่อสู้อันรุนแรงนี้ได้ก่อนส่งครวญครางอย่างรุนแรง
วินาทีต่อมา
ภูเขาไกลลิบเริ่มพังทลาย
ปฐพีจมลง
ท้องนภาร่วงหล่น
โลกแตกสลาย
กู่ฉิงซานถือดาบยาวไว้ขณะก้าวไปอย่างช้าๆ พร้อมกับร่ายรำประกายดาบอย่างงดงาม
ทันใดนั้น การรู้แจ้งใหม่ก็เกิดขึ้น
…สำหรับทุกชีวิต ปฐพีก็คือปฐพี
สำหรับวิญญาณ ร่างของทุกชีวิตก็คือปฐพี
ปฐพีไม่ใช่เพียงแค่ปฐพี แต่เป็นร่าง เป็นการพึ่งพาอาศัย เป็นการปรากฏของทรัพยากรทั้งหมด
แนวคิดเรื่องปฐพีได้รับการขยาย
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้นขณะมองสะพานแขวน
สัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็นสิบสองตัวต่อสู้กับเทวดาสิบสององค์ ความว่างเปล่าระเบิดเพราะพวกมัน
พลังคำสาปถูกใช้อย่างเต็มที่ เทวดาไม่สามารถเอาชนะได้ แม้กระทั่งร่างของเทวดาหนึ่งถึงสององค์ก็ค่อยๆ แตกสลาย
“ปฐพีคือร่าง ร่างคือกฎเกณฑ์” กู่ฉิงซานกระซิบ
ดาบยาวลอยขึ้นก่อนวาดออร่าในความว่างเปล่า
…การเต้นบูชายัญ ฟื้นคืนชีพ
ร่างของเทวดาสิบสองร่างฟื้นคืนทันที ความหยิ่งทะนงของพวกมันกลับคืนมา
แสงศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจากหลังกระดูก พวกมันคล้ายกับฟื้นคืนจนกลับสู่จุดสูงสุดเมื่อนานมาแล้ว
เทวดาพุ่งเข้าไปสู้กับสัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็นต่อ
กู่ฉิงซานหลับตาขณะยังคงรับประสบการณ์จากการเต้นบูชายัญ
ตูม…
ขณะการต่อสู้ทั้งสองฝ่ายรุนแรงขึ้น โลกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เริ่มพังทลาย
ผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนเศษซากโลกตกลงไปในวังวนความว่างเปล่า
มีเพียงสะพานแขวนและโบสถ์ที่ยังคงไม่ขยับไปไหน
บนสะพานแขวน เสียงวิตกอันคมปลาบดังขึ้น
“ขุมกำลังจากปฐพี อย่าร่ายรำ พวกเราสามารถคุยกันได้!”
สัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็นทั้งหมดรวมตัวกันแล้วตะโกนว่า “สายลมแห่งความโกลาหล!”
สายลมพัดพา
นี่คือสายลมที่สามารถทำลายทุกสิ่งได้
เทวดาสิบสององค์พยายามสุดความสามารถที่จะขัดขืนสายลมแห่งความโกลาหล แต่ร่างของพวกมันค่อยๆ ได้รับความเสียหายจากสายลม
กู่ฉิงซานยังคงหลับตา
ทุกสิ่งถือกำเนิดจากการเต้นบูชายัญ
เอาล่ะ ให้ข้าได้รู้ความจริงเกี่ยวกับการเต้นบูชายัญได้แล้ว
ให้ข้าได้รู้อะไรคือสิ่งที่เป็นความทรงจำสุดท้าย
การร่ายรำนี้มาจากไหน
กู่ฉิงซานพลันปล่อยดาบพิภพแล้วสะบัดดาบด้วยนิ้ว
ตัง!
เสียงกระทบชัดเจนดังมาจากดาบยาวก่อนค่อยๆ กระจายไปในกระแสวังวนความว่างเปล่า
การเต้นบูชายัญ เสียกเพรียกแห่งการหลับใหล!
ด้วยความเข้าใจของกฎเกณฑ์ ครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าการอัญเชิญโครงกระดูกเทวดา
ในกระแสวังวนหลายหมื่นไมล์ ร่างของทุกวิญญาณลืมตาขึ้น
สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ราวดวงดาว
แมลงตัวเล็กจ้อยราวธุลี
ซากศพนิรนามที่ลอยเคลื่อนไหวไปมา
ทุกสิ่งกำลังมุ่งหน้ามายังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
พวกมันลอยอยู่ในท้องนภาขณะบินไปมาอย่างร้อนรนราวกับกำลังรอบางสิ่ง
เทวดาสิบสององค์พยายามสุดความสามารถที่จะต้านทานสายลมแห่งความโกลาหล
พวกมันเริ่มต้านไม่อยู่ทีละน้อย
ตอนนี้ ตัวตนที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าร่างแล้วร่างเล่า
ตัวตนไม่ทราบจุดกำเนิดเหล่านี้ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของโลกเก้าร้อยล้านชั้นมาก่อน
ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันคืออะไร ยิ่งเรื่องที่พวกมันมาจากไหนยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ตัวตนทั้งหมดห้อมล้อมความว่างเปล่าขณะมองกู่ฉิงซานอย่างเงียบงัน
กู่ฉิงซานยังหลับตาโดยไม่กล่าวอะไร
…จนกระทั่งท้ายที่สุด
เขาลืมตาขึ้นแล้วทำมือแปลก
เทวดาสิบสององค์หยุดขัดขืนสายลมแห่งความโกลาหลทันทีก่อนบินกลับมาอยู่ด้านหลังเขา
กู่ฉิงซานกระซิบว่า “สังเวย”
เทวดาสิบสององค์คำรามพร้อมกัน “สังเวย!”
ในกระแสวังวนความว่างเปล่า สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนตะโกนพร้อมกันว่า “สังเวย!”
เสียงตะโกนดังขึ้นราวกับเสียงขับขาน ก่อเกิดเป็นท่วงทำนองที่เต็มไปด้วยความน่าเวทนาและความโอ่อ่า
ตอนนี้ คำสาปที่มองไม่เห็นบนสะพานแขวนคล้ายกับเจิดจ้าเล็กน้อย
ตัวตนทั้งหมดในความว่างเปล่ามองไปยังสะพานแขวน
คำสาปที่มองไม่เห็นพลันแผดเสียงกรีดร้องเสียดแทงออกมา
“สังเวยโลก… บัดซบ…”
“หนี…”
สายลมพัดแรงขึ้น
ฟิ่ว…
บางสิ่งที่จับต้องไม่ได้และมีขนาดใหญ่ได้หลบหนีจากสะพานแขวน
มันออกจากโลกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไป ไม่มีใครรู้ว่ามันไปที่ไหน
กู่ฉิงซานหรี่ตาด้วยความรู้สึกเสียดาย
เขาก้าวถอยหลังแล้วเหยียบลงไปอย่างแผ่วเบา
เห็นได้ชัดว่าเป็นความว่างเปล่า แต่เท้าของเขายังเหยียบลงไปบนพื้น
…ทั่วโลกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์พลันกลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง
สิ่งปลูกสร้าง ขุนเขา แม่น้ำและพื้นดินทั้งหมดกลับสู่ความสงบ ปฐพีกลับมาเกื้อหนุนเท้าของกู่ฉิงซาน
สถานที่ที่เทพปฐพีอยู่ต้องมีปฐพี
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจ”
กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพึมพำว่า “การร่ายรำของเทพปฐพี โลกถือกำเนิดในความว่างเปล่า สามารถทำการสังเวยวิญญาณทั้งหมดของโลกที่ถูกทำลายโดยวันสิ้นโลกได้”
เขาเงยหน้าขึ้นมองตัวตนแปลกประหลาดนับไม่ถ้วนในความว่างเปล่า
พวกมันมีขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายมนุษย์ แขนขาเหมือนกรงเล็บ ไม่มีใบหน้า
พวกมันล้วนจ้องมองกู่ฉิงซานราวกับกำลังรอบางสิ่ง
…นี่คือโลกที่ถูกทำลาย คือวิญญาณที่เหลือรอดของโลก
ใช่แล้ว ในสายตาของเขา เจตจำนงโลกที่ยังหลงเหลืออยู่กำลังส่งเสียงคร่ำครวญเช่นกัน
สีหน้าของกู่ฉิงซานซับซ้อนขณะทำการย่างก้าวอย่างแผ่วเบา
ครั้งนี้
พละกำลังของตัวเองอ่อนแอเกินไป ไม่มีทางที่จะทำการร่ายรำแห่งความทรงจำนี้ได้สำเร็จ
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากการเต้นบูชายัญเสร็จสิ้นสมบูรณ์
…แต่เขาต้องทำให้อีกฝ่ายเข้าใจสิ่งหนึ่ง
ยังมีคนแบบนี้อยู่ในโลก ยังมีความหวังที่เขาจะสามารถสักการะและให้การดูแลได้
ใช่ สักวัน เขาจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
กู่ฉิงซานส่งเสียงร้องยาวออกมาขณะร่ายรำดาบ
ท่วงท่าของเขาช้ายิ่ง เผยให้เห็นว่าถึงช่วงสำคัญแล้ว
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงกลองจากแดนไกลดังสนั่น แต่มันกลับทำให้สดชื่นอย่างคาดไม่ถึง
สองดาบของกู่ฉิงซานออกมาร่ายรำอย่างช้า
กลุ่มแสงหมองหม่นรอบตัวเขาปรากฏขึ้นกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า พวกมันส่องแสงรอบตัวอย่างไม่มีสิ้นสุดราวกับดวงดาว
จากช้าไปเร็ว ทั่วร่างของเขาเหมือนกับวังวนส่องแสงที่ร่ายรำได้ลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ
เขาพลันตะโกนว่า “โลกในอดีตได้หายไปแล้ว!”
เทวดาสิบสององค์ตะโกนตาม “โลกได้หายไปแล้ว!”
ในกระแสวังวนความว่างเปล่า สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนกล่าวอย่างเศร้าเสียใจว่า “หาย!”
กู่ฉิงซานกัดฟัน ทะยานขึ้นในอากาศ จากนั้นตะโกนว่า “เมื่อวันสิ้นโลกมาเยือนอีกครั้ง หากมัวแต่รอที่จะสู้ก็เท่ากับไม่อยากสู้!”
ความว่างเปล่าเงียบสงัด
ดูท่าอารมณ์ทั้งหมดจะปะทุขึ้นด้วยเสียง วิญญาณของโลกที่ยังหลงเหลืออยู่ตะโกนพร้อมกัน “สู้!”
กู่ฉิงซานยืนขึ้นในความว่างเปล่าขณะหอบหายใจเสียงดัง
แค่กระโดดจนมาถึงระดับนี้ พละกำลังทั้งหมดของเขาก็ถูกใช้จนหมดแล้ว
เขาเหนื่อยล้า ร่องรอยสุดท้ายของพลังวิญญาณไม่เหลือ เขากำลังจะตกลงจากความว่างเปล่า
…นี่คือการร่ายรำที่รำลึกถึงการทำลายล้างของโลกในอดีต แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีพลังที่จะกระโดดอีกต่อไปแล้ว
เสียงผู้หญิงแหบพร่าพลันดังขึ้นในความว่างเปล่า “ขอให้เทพปฐพีรักษาการสังเวยนี้ไว้ จนกว่าจะถึงการร่ายรำครั้งต่อไป ทุกคนจะร่วมการสังเวยอีกครั้ง!”
เสียงกลองหายไป
ความว่างเปล่า โลก สิ่งมีชีวิตและทุกสรรพสิ่งค่อยๆ สงบลง
หลังจกาได้รับคำชี้แนะจากเสียงผู้หญิง ผู้ที่ไม่ไม่เต็มใจจะละทิ้งในความว่างเปล่าคุ้มกันอยู่สักพักก่อนค่อยๆ หายไป
พวกมันหายไปอย่างไร้ร่องรอยและรวดเร็ว ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันมาจากไหนและพวกมันไปที่ใด
ไม่ช้า
ภาพทั้งหมดกลับมาเป็นดังเดิม
กู่ฉิงซานนั่งลงกับพื้นด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ
ถึงแม้คำสาปจะถูกขับไล่ไปแล้ว แต่ความอยุติธรรมในใจยิ่งมายิ่งรุนแรง
บัดซบ ทำไมข้าถึงทำให้พวกเขาสงบลงไม่ได้
เขายกมือขึ้น
มือไม่อาจหยุดสั่นได้ เขาไม่แม้แต่จะสามารถกุมดาบได้
หลังจากทำการร่ายรำ พลังทั้งหมดของเขาถูกใช้จนสิ้น ตอนนี้ เขาทำได้เพียงนั่งเท่านั้น
เสียงผู้หญิงแหบพร่าดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
“เจ้าคือผู้สืบทอดคนสุดท้ายของการเต้นบูชายัญ ข้าขอถามเจ้า เจ้าอยากจบการเต้นบูชายัญนี้หรือไม่”
กู่ฉิงซานกัดฟันแล้วตอบว่า “อยาก!”
“เทพตัวน้อย เจ้าอ่อนแอเกินไป เจ้าจะต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้”
เสียงผู้หญิงค่อยๆ เลือนรางก่อนหายไปในที่สุด
………………………………….