ตอนที่ 1091 สองสกิล
วิญญาณแห่งเวลายืนอยู่ในทะเลทราย มือถือหินแห่งสรรพสิ่งเอาไว้แล้วกระซิบว่า
“ในอดีต เพื่อปกป้องโลกจากการรบกวนของธุลี สี่เทพอันชอบธรรมจึงได้ติดตั้งคำสาบานแห่งการลดทอนเอาไว้เป็นพิเศษ”
“เมื่อคำสาบานเสร็จสิ้น ข้าดันมองข้ามเวลาไปโดยไม่ได้ตั้งใจ”
“ข้าเห็นบางสิ่งออกมาจากโลกธุลี มันแฝงตัวอยู่ในทางเดินลับมานานนับไม่ถ้วน จนกระทั่งยืนยันได้ว่ารอบข้างปลอดภัย มันจึงเปิดการทำงานตัวเอง”
“…เทวภัณฑ์ของหวนคืนชาติภพหกวิถี หนึ่งในสองยอดฝีมือของวิญญาณชั่วร้าย วิญญาณภูตผี ราชาโหมวลัว”
“เพราะวิญญาณและทุกสรรพสิ่งไม่ได้รับผลจากโลกธุลี ดังนั้นคำสาบานของสี่เทพจึงเพียงลดทอนพลังทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตเท่านั้น แต่มันไม่สามารถส่งผลกับหกเทพอย่างราชาโหมวลัวได้”
“ราชาโหมวลัวฆ่าทุกชีวิตในทางเดินลับ… จนเหลือแต่ภูตที่ซ่อนเก่ง”
“ในช่วงหนึ่งร้อยล้านปี คำสาปของเรนี่โดลกำลังจะหายไปสิ้น”
“ราชาโหมวลัวฉวยโอกาสในช่วงเวลาที่คำสาปอ่อนแอที่สุดเพื่อเปิดช่องว่างจากทางเดินลับ จากนั้นเรียกคนที่มีความคิดเหมือนกันจากทุกอาณาจักรผ่านช่องว่างนั่น”
“เมื่อรอจนกระทั่งคำสาปหายไปสิ้น ราชาโหมวลัวจึงต้อนรับแขก ด้วยความช่วยเหลือของคนเหล่านั้นจะทำให้ฆ่าภูตจนสิ้นได้”
“หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยล้านปี ข้ามองเห็นเพียงชิ้นส่วนเปราะบางหลังจากผ่านมาเนิ่นนาน ข้าไม่รู้ว่าราชาโหมวลัวอยากจะทำอะไร คงได้แต่หวังว่าเจ้ากับภูตจะรอดชีวิตกลับมาได้”
หินแห่งสรรพสิ่งค่อยๆ เผาไหม้
วิญญาณแห่งเวลาเบนสายตามาจับจ้องกู่ฉิงซาน
นางจ้องมองกู่ฉิงซาน ใบหน้าเศร้าโศกเล็กน้อย
“คนแปลกหน้าผู้มาถึงทีหลังเอ๋ย ข้าไม่สามารถยกเลิกคำสาบานของสี่เทพได้ ทำได้เพียงมอบพละกำลังให้ได้เล็กน้อยเท่านั้น”
“ตอนนี้ วางมือเจ้าบนหินแห่งสรรพสิ่ง มันจะปลดปล่อยวิชาที่สองให้กับเจ้า”
“ข้าไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะสามารถช่วยได้หรือเปล่า แต่นี่คือสิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำได้”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเองและเหล่าภูตได้”
หลังจากวิญญาณแห่งเวลากล่าวจบ ทั่วร่างกลายเป็นพายุทรายก่อนหายไป
มีเพียงหินแห่งสรรพสิ่งที่ร้อนฉ่าเท่านั้นที่ยังลอยอยู่ตรงหน้ากู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานมองหินแห่งสรรพสิ่งก่อนตกอยู่ในความเงียบ
สองสกิล
การที่ปลุกสกิลที่สองขึ้นมาได้ มันมีไว้เพื่อจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์จากยมโลกหรือว่าจัดการกับราชาโหมวลัวกันล่ะ
แต่นี่มันช่างเป็นพลังที่เล็กน้อยเหลือเกิน
แต่หลังจากผ่านมาหนึ่งร้อยล้านปี วิญญาณแห่งเวลาสามารถทำแบบนี้ได้ นี่นับว่าน่าทึ่งมากนัก
กู่ฉิงซานส่ายหน้าและอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
ถ้าหากมีพลังวิญญาณสำรองเอาไว้ เคลื่อนตะวันบดบังจันทราและการตัดสินใจของพิภพล้วนเป็นสกิลที่จะต้องถูกเลือก
กู่ฉิงซานมองค่าพลังวิญญาณ
“พลังวิญญาณที่เหลืออยู่: 0 / 600”
…พลังวิญญาณถูกลดทอนไปจนสิ้น
ต่อให้สามารถใช้พลังวิญญาณตอนใช้สกิลได้ เขาก็ได้ใช้พลังวิญญาณเกือบทั้งหมดในการฝึกฝนสกิลเทพของอสุรา ในตอนนั้นเหลืออยู่ราวหนึ่งหมื่นแต้ม ไม่มากพอที่จะใช้ “เคลื่อนตะวันบดบังจันทรา” และ “การตัดสินใจของพิภพ” คู่กันได้ด้วยซ้ำ
ชิ…
แล้วจะเลือกอย่างไรดีล่ะ
การที่เลือกสองสกิลได้จะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของตัวเองได้งั้นหรือ
ฝั่งตรงข้ามคือศัตรูทรงพลังจากฝั่งยมโลกและฝั่งปีศาจ ลำพังพึ่งแต่ตัวเองอย่างเดียวไม่มีทางชนะสงครามนี้ได้
กู่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างหนัก
หลังจากกลายเป็นร่างมนุษย์ เขาไม่อาจมองเห็นภูตได้อีกต่อไป
คนอื่นเดินเข้ามา
“เจ้าคุยกับภูตมา ได้เรื่องยังไงบ้าง” กู่เหยียนถาม
“สัตว์ประหลาดที่ไล่พวกเรามาก่อนหน้านี้ พวกมันมีคนช่วยและจะมาตามหาพวกเราในไม่ช้า” กู่ฉิงซานตอบอย่างแผ่วเบา
“ว่าไงนะ!”
ทุกคนอุทานเสียงหลง
หลานซิ่วกล่าวกับคนข้างหลังว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาใช้วิชาทำนายเพื่อดูสถานการณ์แล้ว”
“ขอรับ”
ผู้ติดตามคนหนึ่งก้าวมาขณะส่งไพ่สีดำมาให้ทุกคน
รอจนกระทั่งทุกคนได้ไพ่สีดำในมือเหมือนกันแล้ว ผู้ชายคนนั้นพลันตะโกนว่า
“ทำนาย!”
สิ้นเสียงของเขา ไพ่สีดำทั้งหมดกลายเป็นสีดำสนิท
“นายท่าน พวกเราจะถูกกวาดล้าง” ผู้ชายรายงาน
หลานซิ่ว กู่เหยียนและฉ่าเฉียงมองหน้ากัน
กู่เหยียนกวักมือเรียกคนข้างหลัง
ผู้ติดตามออกมาทันที
เขาโยนบอลไฟขึ้นในอากาศ เมื่อเปลวเพลิงกระจายออกอย่างช้าๆ เขาจึงร่ายคาถา
ในเปลวเพลิง ผู้คนค่อยๆ ปรากฏขึ้น
กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากกำลังเหาะด้วยความเร็วเต็มกำลังอยู่ในความว่างเปล่าอันมืดมิด
รอบข้างพวกเขา มีสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงเคลื่อนไหวไปทั่ว
ทุกคนเห็นจ้าวเปลวไฟสีดำหลายสิบตัว… แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงสัตว์ประหลาด พวกมันคล้ายกับไม่ใช่พวกที่แข็งแกร่งที่สุด
แบบนี้เอาชนะไม่ได้แน่ๆ!
ผู้ติดตามรายงานเสียงดังว่า “นายท่าน พวกมันอยู่ห่างจากพวกเราราวสองพันไมล์ กำลังตรงมาทางนี้ด้วยความเร็วมหาศาล!”
กู่เหยียนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าเห็นแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนนะ มีภูตอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ ถึงพวกเราจะถูกจำกัดความสามารถไป แต่พวกภูตพอจะจัดการคนพวกนี้ได้หรือเปล่า” ฉ่าเฉียงถาม
“ไม่มี ภูตยังมาขอให้พวกเราช่วยอยู่เลย” กู่ฉิงซานตอบ
สมองของเขากำลังทำงานด้วยความเร็วสูงสุด
“เวลากำลังจะหมดแล้ว” กู่ฉิงซานมองซูเสวี่ยเอ้อร์ “เจ้ามีแผนที่ดาราอยู่ในมือ ลองดูว่ามีสถานที่อะไรให้หลบเพื่อป้องกันตัวได้บ้าง”
ซูเสวี่ยเอ้อร์ครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “จุดสิ้นสุดของแผนที่ดารามีดินแดนไร้ผู้อาศัยอยู่ มีป้อมปราการสงครามจักวรรดิซ่อนอยู่ที่นั่น แผนที่ดาราบอกว่าหากไปถึงที่นั่นก็จะไม่มีใครหาพบ”
“ดีมาก ไปที่นั่นกันเถอะ” กู่ฉิงซานพยักหน้าก่อนกลายเป็นแมวสีดำ
เขากล่าวกับชายชราเครายาวด้วยภาษาแมวว่า “ศัตรูจะมาถึงในไม่ช้า พวกท่านต้องไปพร้อมกับพวกข้า”
“ไม่มีปัญหา” ชายชรากล่าว
กู่ฉิงซานมองเขาขณะมองทะเลแสงสว่างที่อยู่ด้านหลัง
นั่นคือร่างวิญญาณของภูตนับไม่ถ้วน
กู่ฉิงซานถามว่า “พวกท่าน… ต่อสู้ได้มากแค่ไหน”
ชายชราจ้องอีกฝ่ายแล้วตอบว่า “อย่ามาดูถูกพวกข้าจะดีกว่า หากไม่ใช่วิญญาณชั่วร้ายที่แข็งแกร่งที่สุด พวกข้าไม่กลัวสัตว์ประหลาดตัวอื่นหรอก”
กู่ฉิงซานกล่าวทันทีว่า “แบบนั้นก็ดี เรียกคนของท่านออกมา ตามยานอวกาศของพวกข้า เดี๋ยวนี้เลย”
ชายชราถามว่า “พวกเราจะรักษาการติดต่อกันได้ยังไง”
กู่ฉิงซานถามกลับว่า “ท่านมีวิธีที่ทำให้พวกข้ามองเห็นหรือเปล่า”
ชายชราดึงหนังสติ๊กที่ทำจากกิ่งไม้สีเขียวออกมาแล้วตอบว่า “ถึงแม้พวกข้าจะเป็นร่างวิญญาณ แต่ก็สามารถหยิบไม้เท้ามาถือไว้ในมือได้ แบบนี้พวกเจ้าก็จะรู้ว่าพวกข้าอยู่ตรงไหน”
“…นี่ก็นับว่าเป็นไม้เท้าหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“แน่นอน นี่คือไม้เท้าสองคมที่ทรงพลังมาก!”
ชายชราเครายาวชูหนังสติ๊กขึ้นสูง กู่ฉิงซานจึงมองเห็นมันได้ชัดขึ้น
“เอิ่ม ช่างมันเถอะ พวกเราควรเผ่นกันได้แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
กู่ฉิงซานกล่าวจบจึงเปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์ เขาเดินมาหากลุ่มคนแล้วกล่าวว่า
“ไป! ไปตอนนี้เลย! ทุกคนขึ้นยานอวกาศ”
ทุกคนรีบขึ้นยานอวกาศ
ตูม…
ยานอวกาศทะยานขึ้นจากพื้น พุ่งออกจากถ้ำ เดินทางเข้าสู่ความว่างเปล่ามืดมิด
ความเงียบกลับคืนสู่ถ้ำซากปรักหักพัง
ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากปรากฏตัวขึ้นที่นี่
รอบข้างพวกเขา สัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
“ภูตพวกนั้นชอบซ่อนในสถานที่แบบนี้หรือ” ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำถาม
จ้าวเปลวไฟสีดำตอบว่า “ไม่ใช่แค่พวกมัน มีพวกมดที่มากับพวกท่านด้วย พวกมันปะปนอยู่กับภูต”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำนิ่งไปก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยากจะอธิบายว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็จัดการไปทั้งคู่เลยละกัน”
จ้าวเปลวไฟสีดำถามว่า “ท่านหมายความว่า…”
ผู้ฝึกยุทธ์กล่าวว่า “ราชาชอบกินวิญญาณ ข้าจะจับพวกมันให้หมดเพื่อมอบให้ราชา; ส่วนมดพวกนั้น ข้าขอมอบเป็นอาหารสดๆ ให้พวกเจ้าก็แล้วกัน”
จ้าวเปลวไฟสีดำเห็นอีกฝ่ายมั่นใจ มันจึงยินดี “ขอบคุณท่านมาก”
สัตว์ประหลาดอีกตัวถอนหายใจจากด้านข้าง “แขกทุกท่านสามารถหาพวกมันได้ง่ายๆ นี่นะ… ผิดกับพวกข้าที่หาได้ยากเย็นนัก”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำดึงมือออกจากแขนเสื้อช้าๆ เพื่อบีบค่ายกล
เขากล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “ด้วยพลังของราชาภูตผีแห่งยมโลก แน่นอนว่ามันสามารถยับยั้งวิญญาณคนตายทั้งหมดได้ นี่คือเรื่องสามัญสำนึกในโลกของพวกข้า”
ขณะพูด พลังวิญญาณพลันถูกกระตุ้นเข้าสู่ค่ายกลในมือ วิชาเสร็จสิ้นทันที
…วิชาค้นหาจากยมโลก พันธนาการของราชาภูตผี!
ผู้ฝึกยุทธ์ตะโกนว่า “ไป!”
เพียงพริบตา แสงสว่างเลือนรางแผ่ออกมาจากผู้ฝึกยุทธ์ กระจายไปทั่วถ้ำด้วยความเร็วสูงยิ่ง
เกิดความเงียบ
มีแต่ความเงียบ
ไม่มีอะไรปรากฏขึ้น
“นะ… นายท่าน วิญญาณภูตอยู่ที่ไหนหรือ?” จ้าวเปลวไฟสีดำถามด้วยความสับสน
ผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากนิ่งไปสักพัก
ไม่ช้า
เขาดึงวิชากลับมาด้วยสีหน้ามืดมน “ไม่มีวิญญาณภูตอยู่ที่นี่ ไม่มีสักดวงเลย”
“ไม่มีหรือ” จ้าวเปลวไฟสีดำถามด้วยความประหลาดใจ
มันไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกหรือเปล่า
ทันใดนั้น นกกระดูกบินมาจากนอกถ้ำแล้วกล่าวว่า “รายงาน… ภูตหนีไปแล้ว! ภูตหนีไปแล้ว!”
จ้าวเปลวไฟสีดำถามทันทีว่า “เจ้าเห็นไหมว่าพวกมันหนีไปไหน?”
นกกระดูกตอบว่า “นายท่านโปรดวางใจ พี่น้องของข้ากำลังตามหลังพวกมันอยู่”
จ้าวเปลวไฟสีดำมองผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากาก
ผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากถามว่า “เจ้ายังจะมัวรออะไรอีก ตามไปสิ วันนี้ข้าจะต้องจับวิญญาณพวกนี้เพื่อไปมอบแก่ราชาให้ได้!”
………………………………….