webnovel

1018 วิชาเนตรชั่วพริบตา

ตอนที่ 1018 วิชาเนตรชั่วพริบตา

“เจ้ายังรับคนอยู่หรือเปล่า”

ราชาถาม

ความจริง เขามองออกจากการแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ว่าคนกลุ่มนี้ร่ำรวยมาก

ความประหลาดใจเดียวคือเขาไม่คาดคิดว่าคนกลุ่มนี้จะร่ำรวยได้ถึงขนาดนี้

ราชาชำเลืองมองกู่ฉิงซานและลอร่าอย่างระแวดระวัง

เกราะที่พวกเขาสองคนสวมเกินกว่าที่ขอบเขตเงินตราจะสามารถวัดได้ ต่อให้ขายเมืองเรเควี่ยมทั้งเมืองก็ไม่สามารถซื้อพวกมันมาได้

และสาวน้อยคนนั้นคือข้ารับใช้ของชายคนนี้

เขาได้ยินมากับหูก่อนหน้านี้ว่าสาวน้อยเรียกชายคนนั้นว่า “นายท่าน”

ต่อให้คำพูดจะไม่น่าเชื่อถือ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามารถยืนยันผ่านพฤติกรรมและท่าทางได้

สาวน้อยให้ความสนใจชายคนนั้นเสมอ

ทันทีที่เขาพูด สาวน้อยจะคิดอย่างจริงจัง ตราบที่เขาถ่ายทอดคำสั่ง สาวน้อยจะตอบรับอย่างไม่ลังเล

เขาหัวเราะ นางมีความสุข

เขาขมวดคิ้ว นางประหม่า

ไม่สงสัยเลยว่านี่คือคู่นายบ่าว

ราชาอิจฉาเล็กน้อย

เป็นความจริงที่เมืองเรเควี่ยมคือสรวงสวรรค์สำหรับเทพ เทพทุกองค์สามารถปลุกสกิลวิเศษขึ้นมาได้โดยตรง แถมยังเกิดมาทรงพลังมากอีกด้วย

แต่เมื่อเทียบกับข้ารับใช้คนนี้แล้ว…

สกิลเทพดูจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

ทั้งที่มีสกิลวิเศษนับไม่ถ้วน แต่เขายังถูกคทานั่นเสียบเข้าร่าง ชีวิตของเขาเกือบสูญสิ้น

จะว่าไปแล้ว คทานั่นก็ประเมินราคาไม่ได้เช่นกัน

หลังจากเรื่องราวจบลง คนกลุ่มนี้จะต้องหาทางออกจากเมืองเรเควี่ยม

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความคิดของราชาก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

เมืองเรเควี่ยมถูกควบคุมโดยสัตว์ประหลาด มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่

การไปโลกเก้าร้อยล้านชั้นกับพวกเขาอาจจะดีกว่าก็ได้!

การเข้าร่วมกับพวกเขาคงเป็นทางที่ดีที่สุด

ราชาเพียงรู้สึกว่าดวงตาของเขาพลันเห็นภาพชัดขึ้น

ดังนั้นเขาจึงถามด้วยประโยคเมื่อครู่ไป

กู่ฉิงซานยิ้มแล้วตอบว่า “พวกข้ารับคนอยู่ แต่ตามกฎของคำสาบานแห่งดาบ ระยะเวลาการตรวจสอบอยู่ที่สามเดือน”

“ระยะเวลาการตรวจสอบหรือ มันคือการทดสอบความจงรักภักดีหรือเปล่า” ราชาถาม

“เปล่า พวกข้าล้วนเป็นคนเก่งจากที่ต่างๆ ในกลุ่มนี้ ไม่มีใครจงรักภักดีต่อใครทั้งนั้น” กู่ฉิงซานตอบ

เมื่อได้ยินที่เขาพูด ราชารู้สึกดีขึ้นมาทันที

กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “ระยะเวลาการตรวจสอบคือการให้ผู้ที่วางแผนจะเข้าร่วมแสดงค่าของตัวเองออกมา ทำแบบนี้จะตัดสินใจได้ว่าควรได้รับการปรนนิบัติอย่างไรหลังจากเข้าร่วมกลุ่มอย่างเป็นทางการแล้ว”

“ปรนนิบัติ” ราชาทวนซ้ำ

“ใช่ ปรนนิบัติ” กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“ถ้าอย่างนั้น หากเป็นสมาชิกสำรองล่ะ” ราชาถาม

“ด้วยความยินยอมของสมาชิกสามคนก็จะได้เป็นสมาชิกสำรอง” กู่ฉิงซานกล่าว

ราชาครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวอย่างเป็นระบบว่า “เอาล่ะ ตอนนี้ข้าขอสมัครเป็นสมาชิกสำรองอย่างเป็นทางการ หวังว่าเจ้าจะตกลงรับนะ”

“อย่างไรเสีย ความสามารถการต่อสู้ของข้าก็แข็งแกร่งมาก สามารถสนับสนุนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี”

กู่ฉิงซานเห็นด้วย “มันก็จริง พวกเราต้องการคนเก่งที่สามารถยืนหยัดแนวหน้าได้ พวกเจ้าคิดว่าไงล่ะ”

เย่เฟยหลีและจางหยิงห่าวมองหน้ากัน

กู่ฉิงซานยังมีความสามารถที่แท้จริงอยู่ เขาสามารถรวบรวมกฎเกณฑ์สำหรับการเข้าร่วมการประชุมได้ด้วย “ระยะเวลาการตรวจสอบ” ทันที เขาไม่ต้องแม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ

ความจริง ตอนที่เขาบอกว่า “คนเก่งที่สามารถยืนหยัดแนวหน้าได้” พวกเขาก็เข้าใจแล้ว

เหอะ

ดูท่าการเดินทางมาสำรวจซากปรักหักพังนี้จะได้มือดีมาช่วยในแนวหน้าแล้วล่ะ

อีกอย่าง

นอกเมืองเรเควี่ยม วิญญาณกรีดร้องก็เกือบมาถึงแล้ว

อืม…

ทั้งสองเพียงพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”

กู่ฉิงซานตบบ่าของราชาทันทีแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ นับจากนี้ไป เจ้าคือสมาชิกสำรองของคำสาบานแห่งดาบ เจ้าต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเองให้ได้ภายในสามเดือน”

“คุณค่าของเจ้าจะเป็นตัวกำหนดการปรนนิบัติ”

ราชามองกู่ฉิงซาน ดวงตากวาดมองสายลมล่องหนบนร่างอีกฝ่าย จากนั้นมองลอร่า

เขาอดที่จะชี้ไปยังลอร่าไม่ได้แล้วกล่าวว่า “คือว่า… ข้าอยากถามหน่อยน่ะ ต้องทำขนาดไหนข้าจึงจะสามารถมีข้ารับใช้เหมือนอย่างที่เจ้ามีได้”

กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วตอบว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรรู้ เจ้าเป็นเพียงมือใหม่ ดังนั้นไว้ถามวันหลังจะดีกว่า”

ราชาตกตะลึง

เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดเงื่อนไขเพื่อให้พยายามหนักมากกว่านี้เสียอีก แต่มันกลับมาลงเอยแบบนี้เสียได้

…ใช่แล้ว อีกฝ่ายไม่ได้ขอให้เขามาเข้าร่วม

ราชากล่าวต่อว่า “อา โทษที ข้าผลีผลามเกินไปหน่อย”

กู่ฉิงซานพยักหน้าก่อนไม่กล่าวอะไรอีก

หัวข้อนี้จึงยุติลง

ในความมืด แผ่นหินยังคงลอยไปข้างหน้า ค่อยๆ เข้าใกล้เสาซากศพ

เสาซากศพต้นแรกใกล้เข้ามา

ราชาหลับตาลงอีกครั้งแล้วจมสู่ความคิด

“ขอข้าคิดดูก่อน ดูเหมือนจะมีความลับในใจข้าที่ไม่ถูกขวางกั้นนะ”

เขาก้มศีรษะแล้วนิ่งไปนานสองนานจนกระทั่งแผ่นหินกำลังจะลอยผ่านเสาซากศพต้นแรกไป เขาจึงค่อยๆ เผยความรู้สึกเศร้าโศกออกมา

“อย่างนั้นหรือ นี่คือสัตว์ประหลาดในตำนานที่ถูกเทพเปลี่ยนสภาพโดยใช้หุบเหว พวกมันล้วนถูกผนึกในเสาซากศพ”

“ข้าต้องการเวลาท่องคำอธิษฐานเพื่อปลุกพวกมันขึ้นมา!”

ราชาชูแหวนสีทองในมือขึ้นแล้วท่องคาถา “เทพแห่งชีวิตมอบรูปลักษณ์พิเศษให้ พลังหุบเหวกลายเป็นอาวุธให้กับพวกเจ้า”

“ตอนนี้พวกเจ้าต้องรอ นี่คือการเริ่มต้นของการตื่นขึ้น”

แหวนสีทองพลันส่องแสง

ราชายินดีขณะยังคงท่องคาถาต่อไป

ในเวลาเดียวกัน

กู่ฉิงซานจ้องมองด้วยสายตาตกตะลึง

เขาพลันรู้สึกถึงความเสียวซ่านอย่างรุนแรงจากดวงตา

ลอร่าพบทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางจึงมาจับมือเขาเอาไว้แล้วถามอย่างวิตกว่า “กู่ฉิงซาน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”

“ไม่ต้องห่วง หนึ่งในวิชาของข้าไม่มั่นคงนิดหน่อย” กู่ฉิงซานยิ้ม

เขาจมสู่ความคิด

ทำไมจู่ๆ ดวงตาของเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดเอาตอนนี้ล่ะ

นี่เป็นการย้ำเตือนบางอย่างหรือเปล่า

แต่นี่คือวิชาโลกที่เขาสร้างด้วยตัวเอง ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แล้วมันจะมาย้ำเตือนได้อย่างไร

…ไม่ใช่

ในวิชานี้ มีเจตจำนงอยู่แน่นอน

เจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ของโลกคู่ขนาน

เพราะเขาช่วยให้มันก้าวผ่านความโกลาหล มันจึงเข้าร่วมกับวิชาเนตรของเขา

มันต้องการจะบอกอะไรกันแน่

กู่ฉิงซานปลดผ้าสีดำตรงหน้าออกก่อนลืมตาขึ้น

มันคือสีดำสนิทที่อยู่ตรงหน้า เขายังมองไม่เห็นอะไร

แต่ทว่า

ฉากหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้ากู่ฉิงซาน

ซากศพนับไม่ถ้วนรวมตัวในเสาขนาดใหญ่ยืนอยู่ในความมืดที่ไร้พรมแดน

ป่าซากศพ

ยังอยู่ที่นี่ ยังเป็นฉากนี้อยู่

ส่วนหนึ่งของป่าซากศพนี้แทบจะเหมือนกับโลกจริงที่รู้สึกได้ด้วยจิตเทพ แต่มันแตกต่างออกไปเล็กน้อย

กู่ฉิงซานสังเกตป่าซากศพด้วยตาทั้งสองข้างขณะเทียบกับโลกจริงในจิตเทพอย่างต่อเนื่อง

สถานที่ยังเป็นที่เดิม แต่มันแตกต่างกันเล็กน้อย

โครงร่างของซากศพบนเสาซากศพบางจุดต่างออกไป

ยิ่งกว่านั้น ในป่าซากศพที่ดวงตาเห็น ไม่มีกลุ่มพวกเขา ไม่มีแผ่นหิน

เท่าที่ดวงตาสามารถมองเห็นได้ มีเพียงความเงียบสงัดเท่านั้น

น่าแปลก ทำไมเขาถึงเห็นป่าซากศพอีกที่กันล่ะ

กู่ฉิงซานสงสัย แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบอย่างแผ่วเบา

ราวกับบางสิ่งกำลังคืบคลานด้วยการเคลื่อนไหวอันน้อยนิด

กู่ฉิงซานเงยหน้ามอง

เขาเห็นปากสีเทาปรากฏขึ้นในความมืดเหนือป่าซากศพ

นี่คือปากที่สุดจะจินตนาการ เมื่อมันอ้าออก มันสามารถห่อหุ้มป่าซากศพทั้งหมดเอาไว้ได้

ปากขนาดใหญ่ดูดเสาซากศพที่อยู่เบื้องล่างนับไม่ถ้วนอย่างบ้าคลั่ง

เสาซากศพแยกออกทั้งสองข้างต้นแล้วต้นเล่า เผยให้เห็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์จำนวนมากที่หลับใหลอยู่ข้างใน

ปากขนาดใหญ่อ้าออกช้าๆ

ลิ้นยาวนับพันพุ่งออกไป ไม่ช้าก็รัดสัตว์ประหลาดที่กำลังหลับใหลอยู่

ลิ้นรัดสัตว์ประหลาดจนอยู่หมัด พวกมันกลายเป็นก้อนเนื้อที่ดิ้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง

ในก้อนเนื้อ เสียงกรีดร้องดังขึ้นเสียงแล้วเสียงเล่า

หลังจากพยายามไม่กี่อึดใจ

ลิ้นก็จัดการพวกมันจนหมด

สัตว์ประหลาดทั้งหมดถูกกินจนเกลี้ยง ไม่เหลือเลือดแม้สักหยด

ลิ้นยาวหนาหดกลับอย่างรวดเร็ว

ปากขนาดใหญ่หายไป

โลกกลับสู่ความมืดอีกครั้ง

ความมืดสนิท

กู่ฉิงซานรู้ว่าดวงตาของเขากลับมาบอดอีกครั้ง

แต่สิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่ มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่

เขาผูกผ้าสีดำตรงดวงตาขณะครุ่นคิดต่อ

สิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างภาพเมื่อครู่กับสถานการณ์ปัจจุบันคืออะไร

เขาเห็นอนาคตอย่างนั้นหรือ

หรือก็คือ ไม่ต่างจากผู้สร้างปฐพี เขามีความสามารถมองเห็นอนาคตเมื่อปลุกพลังขึ้นมาได้อย่างนั้นหรือ

กู่ฉิงซานตรวจสอบอย่างละเอียด ทันใดนั้นเสียงของราชาดังขึ้นที่หูของเขา

คำอธิษฐานของราชาคล้ายกับเสร็จสิ้นแล้ว

เขาได้ยินเสียงอีกฝ่ายพลันดังขึ้นเรื่อยๆ “ด้วยการผสานของพลังศักดิ์สิทธิ์และพลังอันลึกล้ำ โปรดทำตามบัญชาของเทพแห่งชีวิต ปลุกพวกมันขึ้นมาจากการหลับใหลชั่วนิรันดร์เพื่อรับใช้ข้าด้วยเถิด!”

แสงเจิดจ้าจากแหวนสีทองแทงเข้าใส่ความมืด สาดส่องไปทั่วป่าซากศพราวกับกลางวัน

‘ครืน!’

เสาซากศพขนาดใหญ่ต้นแล้วต้นเล่าแยกออกจากกัน เผยให้เห็นฉากข้างใน

ว่างเปล่า

ภายในเสาซากศพแต่ละต้นว่างเปล่า

สิ่งมีชีวิตในตำนานที่เทพแห่งชีวิตหลงเหลือไว้ให้คล้ายกับไม่มีตัวตน

“ว่างเปล่า! ไม่!”

ราชากล่าวเสียงดังด้วยความสับสน “นี่มันไม่ถูก! พวกมันล้วนหลับใหลอยู่ที่นี่ ทำไมถึงไม่มีได้ล่ะ!”

คนอื่นไม่สนว่าเขาพูดอะไร ทุกคนเงยหน้ามองความมืดเหนือป่าซากศพพร้อมกัน

ถึงแม้จะมองไม่เห็นอะไร แต่มีเสียงผิวปากดังขึ้นในความมืด

ดูเหมือนบางสิ่งกำลังจะมา

ราชาตกตะลึง เขากล่าวอย่างยินดีว่า “ใช่ อาจจะเพราะรอนานเกินไป พวกมันก็เลยตื่นขึ้นมาแล้ว”

เขาเงยหน้ามองอย่างมีหวัง

สีหน้าของกู่ฉิงซานพลันเปลี่ยนไป

กลายเป็นว่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่คืออดีตของโลก!

สิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงที่กินสิ่งมีชีวิตในตำนานทั้งหมดเข้าไปด้วยปากเดียว

มันกำลังจะมาแล้ว!

กู่ฉิงซานอดที่จะตะโกนเสียงดังไม่ได้ว่า “ลอร่า ที่พักพิงหมื่นโลก”

ลอร่ากางร่มหลากสีสันอย่างไม่ลังเล

…………………………