webnovel

1004 ข้าไม่รู้มาก่อนเลย

ตอนที่ 1004 ข้าไม่รู้มาก่อนเลย

ภายในยานอวกาศ

เสียงกระซิบในความว่างเปล่าซาลงแล้ว

นักรบเหล่านั้นที่สวมเกราะเต็มยศและครอบครองพลังวิญญาณแก่กล้าถอยกลับเข้าไปในเงา จากนั้นหายไปจากยานอวกาศ

แม่ทัพเป็นคนสุดท้ายที่จากไป

เขาจ้องเหล่าต้าแล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้าขับตรงไปหนึ่งร้อยหกสิบสามโลก พวกข้าจะเปิดเขตอาคมที่นั่นแล้วพายานอวกาศของเจ้าเข้าไป”

“นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ใครพบพิกัดที่แท้จริงของพวกเรา”

“ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”

“ได้ ข้าเหนื่อยกับเจ้าเหลือเกิน ที่จริง ถ้าเจ้าทำตัวดีตั้งแต่แรก ข้าจะมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้อยู่หรอก แต่น่าเสียดายที่เจ้าทำให้เรื่องมันวุ่นวาย” เหล่าต้าแสร้งทำเป็นเสียใจ

แม่ทัพเปิดปากเหมือนอยากจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ปิดกลับไป

เขาหันหลัง ก้าวไปสองสามก้าวก่อนหายไปจากยานอวกาศ

รอบข้างเงียบสงัด

ฮ่า

เหล่าต้าสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนระบายมันออกมา

เขานั่งลงกับพื้นก่อนกล่าวเสียงดังว่า “เครื่องดื่ม! เอาเครื่องดื่มมาให้ข้าหน่อย!”

เย่เฟยหลีเปิดฝากระป๋องเครื่องดื่มวิญญาณก่อนส่งให้

เหล่าต้าดื่มหมดรวดเดียว ขยับไปตามพื้นช้าๆ สุดท้ายนั่งพิงกับผนัง

“ฟังนะ พวกเราไม่เหลือเวลาแล้ว ก่อนจะเข้าที่นั่น ข้าต้องบอกบางสิ่งก่อน”

ความเร็วการพูดของเหล่าต้าค่อยๆ มากขึ้น

“ที่นั่นประกอบด้วยมนุษย์ เทพ ผู้อาวุโสและเทพที่แท้จริง มีเทพที่แท้จริงจำนวนมากปกครองอยู่ แต่นาน ๆ ทีถึงจะปรากฏตัว ดังนั้นเป็นผู้อาวุโสที่คอยดูแลสถานการณ์โดยรวม”

“ภายใต้ผู้อาวุโส เทพทุกองค์มีสกิลวิเศษอย่างต่ำหนึ่งสกิลตั้งแต่เกิด นี่คือพรสวรรค์ของการเป็นเทพ เป็นตัวตัดสินความแตกต่างระหว่างพวกเขาและมนุษย์”

“ดังนั้นอย่าหยิ่งทะนงเกินตัวตอนเข้าไป ไม่อย่างนั้นข้าไม่มีพลังจะช่วยพวกเจ้า”

เหล่าต้าจ้องไปที่กู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “โดยเฉพาะเจ้า”

กู่ฉิงซานยิ้มแล้วถามว่า “มีเทพจริงๆ หรือ”

เหล่าต้าตอบว่า “ก่อนหน้านี้ไม่มี แต่เทพกลับมาหลังจากผ่านไปหนึ่งหมื่นปี”

เย่เฟยหลีเกิดสนใจเมื่อพูดถึงเทพจนถอนหายใจออกมา “เหลือเชื่อจริง ๆ ที่เชี่ยวชาญสกิลวิเศษตั้งแต่เกิด ดังนั้นตัวตนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นั่นก็เป็นเทพงั้นหรือ”

เหล่าต้าส่ายหน้า “ไม่ ส่วนใหญ่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์และก็มีสิ่งมีชีวิตหายากอยู่ด้วย จำนวนของเทพอยู่ที่สามสิบส่วน แต่พวกเขาแข็งแกร่งที่สุด”

จางหยิงห่าวมีคำถามอยู่ในใจ จึงถามออกไปว่า “พวกเขาเป็นลูกหลานของเทพองค์ไหนหรือ”

เหล่าต้ากล่าวว่า “เจ้ารู้จักเจ็ดเทพหรือเปล่า”

“ใช่เจ็ดเทพมารในพื้นที่จ้าวโลกหรือเปล่า”

“ใช่ พวกเขาเป็นลูกหลานของกลุ่มนั้น”

“แล้วเจ็ดเทพมารมาจากไหนล่ะ พวกเขาเป็นหรือตาย”

“เจ้าถามแต่ละอย่างนี่ดีๆ ทั้งนั้น” เหล่าต้าชมก่อนอธิบายว่า “ไม่รู้ว่าเจ็ดเทพเป็นหรือตาย แต่พวกเขาล้วนหนีออกมาได้ตอนโลกภายในถูกทำลาย”

กู่ฉิงซานถามว่า “ถ้างั้นแล้วสี่เทพผู้ชอบธรรมล่ะ พวกเขาหลบหนีออกจากโลกภายในเช่นกันหรือ”

“ไม่ เหตุผลที่ทำไมถึงถูกเรียกว่าเทพก็เพราะสี่เทพแห่งดิน น้ำ ไฟและลมเป็นผู้รับผิดชอบกระแสวังวนความว่างเปล่า พวกเขาคือเทพดั้งเดิมในความว่างเปล่า”

กู่ฉิงซานเงียบ

คาดไม่ถึง สถานการณ์ในวังวนความว่างเปล่าจะซับซ้อนขนาดนี้

เจ็ดเทพมารมาจากโลกภายใน

เผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณมาจากโลกคู่ขนานก่อนหลบหนีมาที่นี่

มีเพียงสี่เทพผู้ชอบธรรมที่เดิมอยู่ในความว่างเปล่านี้และยังเป็นผู้ปกครองความว่างเปล่าอีกด้วย

ลอร่าพลันกล่าวขึ้นว่า “ยานอวกาศของพวกเราถูกดึงด้วยแรงบางอย่าง แถมตอนนี้มิติเริ่มเปลี่ยนไปอีก ข้าเกรงว่าอีกไม่ช้าจะเข้าสู่สภาพเคลื่อนย้ายพริบตา”

เหล่าต้าเตือนทุกคนอย่างระแวดระวังว่า “จำสิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่ให้ดี ที่นั่นยิ่งใหญ่มาก ไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าจะสามารถทำอะไรได้ตามใจชอบ หลังจากเข้าไปแล้ว พวกเจ้าต้องระวังคำพูดและการกระทำให้ดี ไม่งั้นจะถูกฆ่าเอาได้ทุกเมื่อ”

ทุกคนตอบรับคนแล้วคนเล่า

ทันทีที่พูดจบ หลุมพลันปรากฏขึ้นตรงหน้ายานอวกาศ

แรงดูดมหาศาลมาจากทางเข้าหลุมนั่น ยานอวกาศถูกห่อหุ้มเอาไว้แล้วพลันหายไปจากความว่างเปล่า

ในความรู้สึกของพวกกู่ฉิงซาน พวกเขารู้สึกว่ายานอวกาศช้าลงก่อนแหวกว่ายอยู่ในท้องนภาสีครามอย่างช้าๆ

“ดูนั่น!”

ลอร่าชี้ไปที่จอเฝ้าระวังนอกยานอวกาศ

ทุกคนมองจอพร้อมกัน

พวกเขาเห็นท้องนภาสีครามไม่มีสิ้นสุดอยู่ด้านนอก ดวงดาวสีขาวเจิดจ้าถูกหมู่ดาวห้อมล้อมเอาไว้

ดวงดาวนี้เปล่งแสงอบอุ่นและศักดิ์สิทธิ์ออกมา ส่องสว่างให้กับทั่วทั้งโลก

ใต้ท้องนภา มีเมืองที่สร้างจากหินสีขาวงาช้างตั้งอยู่

เมืองกว้างใหญ่ไกลจนสุดสายตา

ชั้นอักขระเรืองแสงลอยอยู่ในท้องนภา กระจายอยู่ทุกหัวมุมของเมือง คอยล้อมรอบเมืองเอาไว้

“ที่นี่ เมืองยักษ์สันโดษนี้คือเมืองเรเควี่ยม” เหล่าต้ากล่าวพลางถอนหายใจ

กู่ฉิงซานจ้องจอก่อนชี้ไปที่แห่งหนึ่ง “เหล่าต้า เกิดอะไรขึ้นกับรูปปั้นพวกนั้น”

เหล่าต้ามองตามจนเห็นว่ากู่ฉิงซานกำลังชี้ไปที่ใจกลางเมือง สถานที่ที่รูปปั้นทั้งสี่ตั้งอยู่ แต่ละรูปแกะสลักจากหินสีขาวจนกลายเป็นสี่สิ่ง

เหรียญสีทอง

กุญแจสีฟ้า

จี้สีแดงเพลิง

หนังสือสีดำ

เหล่าต้ายิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่คือสัญลักษณ์ของสี่เทพผู้ชอบธรรม เป็นตัวแทนว่าพวกเขากำลังปกป้องสี่พื้นที่ของเมืองเรเควี่ยม”

“จริงหรือ พวกเขาปกป้องที่นี่จริงๆ หรือ” กู่ฉิงซานถาม

“ใช่ เป็นเวลาหนึ่งหมื่นปี สี่เทพผู้ชอบธรรมปกครองเมืองเรเควี่ยมอยู่ที่นี่” เหล่าต้าตอบ

กู่ฉิงซานเงียบไปสักพัก

ท้ายที่สุด เขาพึมพำเสียงต่ำว่า “จริงหรือ ข้าไม่รู้มาก่อนเลย…”

วังวนความว่างเปล่า

ตอนพวกเขากู่ฉิงซานถูกดึงเข้าไปในเมืองเรเควี่ยมก่อนหายไปจากโลกเก้าร้อยล้านชั้น

วิญญาณกรีดร้องสังเกตเห็นทันที

มันรีบไปที่ท้ายยานก่อนมองขึ้นไปในความว่างเปล่า

หายไปจริงๆ!

วิญญาณกรีดร้องยืนอยู่ที่นั่นสักพัก

“จู่ๆ หายไปได้ยังไง นี่มันไม่น่า…”

มันพึมพำเสียงต่ำ

เมื่อเห็นว่ามีบางสิ่งผิดปกติ กัปตันยานอวกาศเดินเข้ามาก่อนถามว่า “นายท่าน เกิดอะไรขึ้น ต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินยานหรือ”

“ไม่ ไปต่อเลย ข้าอยากเห็นมันกับตา” วิญญาณกรีดร้องสั่ง

“ขอรับ!” กัปตันตอบ

ยานอวกาศยังคงเคลื่อนที่ต่อไปอย่างรวดเร็วในความว่างเปล่า

เวลาผ่านไป

ผ่านไปครึ่งวัน

ยานอวกาศมาถึงในที่ที่พวกกู่ฉิงซานหายไป

วิญญาณกรีดร้องเหาะออกมาแล้ววนรอบ แต่ก็ไม่พบอะไร

มันระดมกำลังคนทั้งหมดบนยานให้ค้นหาในความว่างเปล่า

หลังจากผ่านไปพักใหญ่

มันยังไม่พบอะไร

วิญญาณกรีดร้องไม่ยอมแพ้ มันร่ายคาถาแล้วเริ่มเรียกความโกลาหลมา

มันอัญเชิญความโกลาหลทั้งหมดที่เก่งเรื่องการตามรอยจนอัดแน่นไปทั่วยานอวกาศ

ทุกคนถูกระดมกำลังกันให้ตามหาร่องรอยของพวกกู่ฉิงซาน

หนึ่งวันผ่านไป

บัญญัติราชามารและผู้ถือครองมันราวกับอันตรธานหายไปเสียอย่างนั้น

วิญญาณกรีดร้องทุ่มวิชาทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถตามหาที่อยู่ของบัญญัติราชามารได้

การค้นหาดำเนินต่อมาถึงวันที่ห้า

ในที่สุดวิญญาณกรีดร้องก็เปลี่ยนแผน

มันร่ายคาถาเวทมนตร์ก่อนประกาศให้โลกนับไม่ถ้วนในความว่างเปล่าทราบว่า

“ความโกลาหลทั้งหลายเอ๋ย!”

“นับจากนี้ พวกเจ้าทั้งหมดต้องเร่งมือ”

“นั่นเพราะ”

“ไม่ช้าข้าจะกลายเป็นเทพของพวกเจ้าเพื่อปกครองโลกทั้งหมด!”

บนยานอวกาศ คนของความโกลาหลทั้งหมดรีแยกย้าย

พวกเขาได้รับการอัญเชิญมาจากวิญญาณกรีดร้องก่อนถูกส่งกลับไปยังที่ที่เคยอยู่

ทั่วยานอวกาศเหลือเพียงวิญญาณกรีดร้อง

มันนั่งลงบนชั้นดาดฟ้าของยานอวกาศขณะมองความว่างเปล่าอย่างเงียบงัน

“กู่ฉิงซาน ข้าเดาว่าเจ้าคงเข้าสถานที่ลับบางอย่าง”

“พูดตามตรง เจ้าฉลาดมาก”

“แต่เจ้าคิดหรือว่าจะสามารถหลบข้าไปได้ตลอดกาล”

วิญญาณกรีดร้องเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

“ข้ากำลังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งของเทพแห่งความโกลาหลทีละขั้น เจ้ากับบัญญัติของเจ้าไม่สามารถซ่อนอยู่ในสถานที่ลับนั่นได้ตลอดหรอก”

“ข้าแค่อยู่ที่นี่ รอให้เจ้าออกมาอย่างช้าๆ ก็พอ”

“เมื่อเจ้าปรากฏตัวเมื่อไหร่”

“ทุกสิ่งก็จะถึงจุดจบ!”

………………………………….