webnovel

0933 อัปเกรด!

ตอนที่ 933 อัปเกรด!

“หลิน ฆ่าเหาพวกนี้ก่อน จะได้ไม่ดึงดูดความสนใจจากสัตว์ประหลาดหุบเหว” กู่ฉิงซานกล่าว

“เจ้าไม่ต้องคาดหวังกับตัวเองไว้มากก็ได้” หลินกล่าว

“เข้าใจแล้ว ความจริง ข้าคือคนที่ไม่ถูกนับว่าเป็นธุลีอยู่แล้ว” กู่ฉิงซานหัวเราะหยอกเย้า

“ก็นั่นล่ะนะ” หลินเห็นด้วย

“ดังนั้นข้าสามารถสู้ได้อย่างเต็มที่”

ขณะกู่ฉิงซานกล่าว เขาดึงฮู้ดของชุดคลุมแห่งความเงียบสีดำขึ้น

แบบนี้ เขาจึงสวมทั้งเกราะของราชาหนามที่ประกอบด้วยแสงบริสุทธิ์ มีชุดคลุมสีดำพาดอยู่บนบ่า

ความมืดและแสงสว่าง ชุดคลุมและเกราะ ชุดที่กู่ฉิงซานใส่เหมือนกับผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์

“เกราะนี่ดีทีเดียว” หลินมองเขาขณะกล่าว

เกราะของราชาหนามครอบครองพลังป้องกันเหนือธรรมชาติสามอย่าง “กำจัดธาตุ” “ไร้บาดแผล” และ “บัญชาสวรรค์” มันคือเกราะศึกแข็งแกร่งที่สุดที่กู่ฉิงซานเคยเห็นมา

เพราะแบบนี้ เกราะโบราณนี่จึงถูกชื่นชมโดยหลิน

“ข้าจะลองดู” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาคว้าดาบยาวที่เหมือนน้ำสารทจากความว่างเปล่าก่อนทะยานขึ้นสู่ท้องนภา

โดยไม่ลังเล กู่ฉิงซานเข้าปะทะกับกลุ่มสัตว์ประหลาด

ประกายดาบที่พุ่งออกไปส่องแสงท้องนภายามราตรี

หลินมองขึ้นไป

นางเห็นกู่ฉิงซานอาละวาดใส่สัตว์ประหลาด บางครั้งก็ถูกอัดโดยสัตว์ประหลาดหลายครั้ง แต่ก็ไร้ซึ่งบาดแผลใดๆ

แต่เมื่อเขากวัดแกว่งดาบ สัตว์ประหลาดคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

ฝนโลหิตตกลงมาจากท้องนภา

กู่ฉิงซานยังคงไม่ยอมแพ้ อีกมือของเขาหยิบดาบพิภพที่ทะยานมาจากไกลๆ ดาบทั้งสองเล่มปรากฏขึ้นพร้อมกัน

ดาบเล่มหนึ่งทำลายหมื่นกฎเกณฑ์ ดาบอีกเล่มทำลายทุกสรรพสิ่ง

ผู้ถือดาบทั้งสองเล่มคือผู้ใช้วิชาดาบสวมเกราะราชาหนามที่ไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวแต่อย่างใด

แม้กระทั่งยามเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดทรงพลังเหล่านั้น พวกมันก็ต้องดื่มด่ำความเกลียดชังเมื่ออยู่ต่อหน้าดาบของกู่ฉิงซาน

เบื้องหน้ากู่ฉิงซาน พลังวิญญาณที่ได้รับรีขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง

พลังวิญญาณคือสกุลเงินที่แข็งจริง!

กู่ฉิงซานไม่ได้จากไปไหน ยังคงเหาะและทะยานอยู่ในกลุ่มประหลาด บางครั้งก็พลันปรากฏตัวแล้วหายไป

เขาฟันสัตว์ประหลาดด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีอย่างไร้เทียมทาน

หลินมองอยู่สักพักจนอดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “จริงด้วย อุปกรณ์คือปัญหาใหญ่ในการตัดสินผลลัพธ์ ก่อนหน้านี้ข้าเพิกเฉยเกินไปจริงๆ”

นางพบที่ให้นั่งก่อนมองกู่ฉิงซานสังหารสัตว์ประหลาดราวกับสับผักผลไม้อยู่เงียบๆ

ในที่สุด การสังหารของกู่ฉิงซานก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าสัตว์ประหลาดตื่นตัว

มันคือโครงกระดูกขายาวที่แข็งแกร่งกว่าสัตว์ประหลาดทั้งหลาย มันตัวใหญ่กว่าสัตว์ประหลาดห้าตัวรวมกันเสียอีก

มันโผล่หัวมาจากส่วนลึกของท้องนภาที่อยู่สูงยิ่งกว่า จากนั้นเคลื่อนลงมาในกลุ่มสัตว์ประหลาดอย่างเงียบงัน มันซ่อนอยู่หลังกู่ฉิงซานไปไกลหลายสิบไมล์

เมื่อสัตว์ประหลาดเข้าใกล้กู่ฉิงซานทีละก้าว กู่ฉิงซานพลันเคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนมาอยู่ตรงหน้าหลิน

“นี่ สัตว์ประหลาดนั่นอาจจะอยู่ระดับนภายามค่ำ ข้าจัดการมันไม่ได้ คงต้องพึ่งเจ้าแล้วล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“ตอนนี้ข้าทำได้แค่ต่อยเท่านั้น ไม่ดีนักหากจะให้ต่อสู้มากเกินไป ไม่อย่างนั้นบาดแผลจะฉีกเปิดอีก” หลินกล่าวพลางขมวดคิ้ว

กูฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนเดินไปหานาง

“เจ้าจะทำอะไร” หลินถาม

“ต่อยข้าให้เต็มแรงไปเลย” กู่ฉิงซานส่งสัญญาณ

“เจ้าบ้าไปแล้ว…แต่วิธีนี้ก็ดีแหละ”

หลินนั่งนิ่ง กำหมัดก่อนต่อยใส่กู่ฉิงซานด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

ชั้นเสียงรุนแรงห้อมล้อมแขนของนางเอาไว้ มันดังขึ้นในความว่างเปล่าครั้งแล้วครั้งเล่า เผยให้เห็นถึงความน่าสะพรึงของหมัดนี้

ถ้าหมัดนี้เป็นการต่อยจริง กู่ฉิงซานอาจจะไม่มีโอกาสรอดก็ได้

แต่กู่ฉิงซานยืนนิ่งไม่ซ่อนเร้น

ส่วนหลิน นางไม่ลังเลที่จะต่อยออกไป

เมื่อหมัดกำลังจะโดนหน้าอกของกู่ฉิงซาน กู่ฉิงซานพลันหายไป

กลับกัน เป็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ระดับนภายามค่ำที่อยู่ตรงนั้น

‘สกิลขั้นเทพ เคลื่อนย้าย!’

‘โฮก!’

สัตว์ประหลาดตัวใหญ่มองหลินด้วยความประหลาดใจก่อนจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น มันเจอเข้ากับหมัดทรงพลังของหลิน

‘ตูม!’

เสียงหมองหม่นน่าสะพรึงกระจายไปทั่วพื้นที่

ทั่วร่างของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่เละเป็นก้อนเนื้อเพราะหมัด มันกระจายจนไม่เหลือร่องรอยให้เห็นอีก

หมัดเดียว!

เพียงแค่หมัดเดียว สัตว์ประหลาดระดับนภายามค่ำถึงกับถูกสังหาร!

หลินดึงมือกลับ ใบหน้าสงบ ไม่เห็นการแปรเปลี่ยนแต่อย่างใด

นางเงยหน้ามองท้องนภา

กู่ฉิงซานยังคงทำการสังหาร ไม่มีสัตว์ประหลาดตัวไหนปัดป้องดาบของเขาได้

ถ้าแบบนี้ นางก็ไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเองแล้ว

หลินครุ่นคิดอย่างเงียบงัน

นางกำลังจะหาสถานที่เพื่อนั่งเป็นผู้ชมด้วยจิตใจที่ผ่อนคลาย แต่กลับเห็นกู่ฉิงซานลงมาจากท้องนภาราวกับอุกกาบาตก่อนกลิ้งมาอยู่หน้านาง

“เกิดอะไรขึ้น” หลินรีบถาม

“สู้แทนข้าสักพัก จู่ๆ พลังของข้าก็ติดขัด ต้องใช้เวลาสักพัก” กู่ฉิงซานกล่าว

บนรูม่านตาของเขา แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“การ์ด: ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซาน กำลังจะเข้าสู่ระดับสีคราม”

“โปรดทราบ: ท่านต้องปรับการ์ดที่มีอยู่ทันที ไม่อย่างนั้นการพัฒนานี้จะล้มเหลว”

“หลังจากการพัฒนาล้มเหลว ท่านจะไม่สามารถพยายามพัฒนาได้อีกเป็นเป็นเวลาหกสิบวัน”

“ข้าต้องเริ่มปรับการ์ดตอนนี้เลยหรือ”

“โปรดทราบว่าท่านต้องอยู่ในสภาพทำสมาธิระหว่างปรับการ์ด”

แม้แต่การ์ดอย่างเทพกองทัพเรือโลหิตก็ถูกใช้ไปแล้ว หากการพัฒนาล้มเหลวในครั้งนี้ก็ต้องรออีกหกสิบวัน

ถ้าเช่นนั้น กู่ฉิงซานก็ไม่อยากจะจินตนาการเลยจริงๆ

กู่ฉิงซานประสานมือทั้งสองข้างแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญมากในการฝึกฝนของข้า ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ โปรดช่วยข้าสักพักด้วย”

“เพราะอย่างนี้ไงผู้ฝึกยุทธ์อย่างเจ้าถึงมีปัญหามากกว่าคนอื่น” หลินกล่าวอย่างจนใจ

“โอ้ ขอบคุณมาก”

หลังจากกู่ฉิงซานพูดจบ เขานั่งขัดสมาธิทันทีก่อนเริ่มปรับการ์ดด้วยความสนใจยิ่ง

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม การ์ดมรกตที่เขาได้รับปรากฏขึ้นตรงใจกลางหน้าต่างใบแล้วใบเล่า

“ของหายาก: หอกปีศาจแดง”

“สกิลการ์ด: หลั่งโลหิต”

“เกราะศึกหมอกดำ (ครบชุด) (ไม่สามารถใช้ได้)”

สายตาของกู่ฉิงซานจับจ้องเกราะศึกหมอกดำ

การ์ดใบนี้ถึงกับถูกจั่วโดยบัญญัติราชามารเพื่อเขาโดยเฉพาะ นอกจากการป้องกันแล้ว ยังมาพร้อมกับการล่องหนอีกด้วย มันเป็นประโยชน์ยิ่งเสมอมา

สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อกู่ฉิงซานเป็นอิสระจากบัญญัติราชามาร การ์ดใบนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้อย่างสมบูรณ์

ดูท่าบัญญัติราชามารจะไม่อยากทำธุรกิจที่ขาดทุน

กู่ฉิงซานลอบครุ่นคิด

ตอนนี้ คำบรรยายการปรับการ์ดเริ่มปรากฏบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“จากมรกตสู่สีคราม ความสามารถของท่านจะพัฒนาขึ้นมาก”

“ดังนั้น ท่านต้องยกการ์ดทั้งหมดให้ เหลือไว้ได้เพียงหนึ่งใบ ทำแบบนั้นจึงสามารถอัปเกรดเป็นการ์ดระดับสีครามได้”

“ตอนท่านได้การ์ดสีครามใบแรก การพัฒนาการ์ด: ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซาน จึงจะสมบูรณ์”

“โปรดเลือกการ์ดเพียงใบเดียวที่ท่านจะเก็บไว้”

หลังจากอ่านแล้ว กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาคิดว่ามันจะเป็นเรื่องยากลำบาก แต่กลับกลายเป็นว่ามันมีแค่นี้เอง

เขาไม่ลังเลที่จะจดจ่อกับ “ของหายาก: หอกปีศาจแดง”

“ข้าต้องการให้การ์ดใบนี้พัฒนา”

กู่ฉิงซานกล่าว

“ท่านแน่ใจหรือ”

“แน่ใจ”

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม การ์ดใบอื่นพลันหายไป

พวกมันกลายเป็นดาวดวงน้อย ทุกดวงจมเข้าสู่ “ของหายาก: หอกปีศาจแดง”

“ของหายาก: หอกปีศาจแดง” เริ่มเปลี่ยนไป

บนหน้าการ์ด แสงสีแดงที่สุกสกาวทั่วจอเสียประกายไปก่อนค่อย ๆ หดจนกลับสู่พื้นผิวหอก

ม่านสีแดงเหล่านี้ค่อยๆ เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ พวกมันพันรอบหอกเอาไว้

สีของการ์ดค่อยๆ เปลี่ยนจากสีแดงสดใสกลายเป็นสีแดงเข้ม คล้ายกับเป็นสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงของพลัง

แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กเริ่มปรากฏขึ้นข้างการ์ด

“การ์ดของท่าน: หอกปีศาจแดง พัฒนาเสร็จสิ้น”

“ของหายาก: หอกปีศาจแดง”

“นับจากนี้ไป หากสวมใส่หอกปีศาจนี้จะไม่ได้รับผลจากการสวมเกราะ”

“หอกปีศาจนี้มีคุณลักษณะของกฎเกณฑ์: เชือดเฉือนสมบูรณ์”

“คำอธิบาย: นี่เป็นอาวุธชิ้นแรกที่ถูกสร้างโดยเทพในยุคโบราณเพื่อเอาไว้ทำร้ายพวกเดียวกัน”

“ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้!”

กู่ฉิงซานยินดี

ปัญหาใหญ่ที่สุดของหอกปีศาจแดงคือมันไม่สามารถใช้ได้เมื่อสวมเกราะ

ตอนนี้ปัญหานั้นหายไปแล้ว

ค่าการต่อสู้ของหอกเล่มนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

บางที เขาน่าจะสามารถหาเคล็ดลับการเป็นผู้ใช้วิชาหอกได้

อย่างไรเสีย นี่ก็คือหอกที่ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขืนได้

กู่ฉิงซานครุ่นคิดไปมาก่อนเห็นว่าบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม การ์ดประจำตัวของเขาพลิกไปมาก่อนกลายเป็นการ์ดสีคราม

ข้อความยังปรากฏขึ้นแถวแล้วแถวเล่า

“ท่านมีการ์ดสีคราม: หอกปีศาจแดง แล้ว”

“ระดับผู้ส่งสารแห่งบาปของท่านเพิ่มขึ้นเป็นการ์ดสีคราม”

“ตอนนี้ท่านสามารถเรียนรู้ความสามารถการ์ดใบใหม่: การ์ดต่อสู้ ได้”

ทันใดนั้นรายละเอียดทั้งหมดที่หน้าต่างระบบเทพสงครามหายไป

เด็กผู้หญิงในชุดสีขาวปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบ

‘เสี่ยวซี!’

นางมองกู่ฉิงซานแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไง นี่คือภาพที่ข้าทิ้งไว้ในกองการ์ดบาป ถ้าสักวันข้าเจอคู่หูขึ้นมา ข้าจะใช้ภาพนี้เพื่อช่วยให้เข้าใจสกิลของการสร้างการ์ด”

“ดังนั้น ถ้าเจ้าสามารถเห็นวิดีโอนี้ได้ เจ้าก็เป็นสหายเพียงคนเดียวของข้า”

เสี่ยวซีกุมมือเข้าด้วยกันแล้วกล่าวอย่างมีความสุขว่า “ข้าจะเริ่มสอนเจ้าถึงวิธีใช้การ์ดต่อสู้นะ”

นางยังคงจั่วการ์ดจากความว่างเปล่า จั่วการ์ดสิบสองใบออกมาถือไว้ในมือ

การ์ดเหล่านี้แสดงต่อหน้าดวงตาของกู่ฉิงซาน

“อย่างแรกเลย เจ้าต้องเข้าใจว่าธาตุที่สร้างโลกขึ้นมาคือดิน น้ำ ไฟและลม”

เสี่ยวซีเริ่มอธิบาย

“เช่นนั้นตอนพวกเราใช้การ์ดต่อสู้ พวกเราต้องมีการ์ดสี่ใบในการใช้ การ์ดสี่ใบนี้ต้องมีพลังสี่ธาตุของดิน น้ำ ไฟและลมตามลำดับ”

“จากนั้น เจ้าต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง จากนั้นมอบหมายการ์ดต่างๆ ตามคุณลักษณะและการกระทำของตัวเองเพื่อสร้างโลกขึ้นมา”

“สิ่งสำคัญที่สุดคือเจ้าต้องเข้าใจว่ากำลังสร้างโลกแบบไหนขึ้นมา”

เสี่ยวซีกล่าวก่อนวางการ์ดในความว่างเปล่าตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นนำมาประกบทีละใบ

“เจ้าต้องไวเวลาใช้การ์ดต่อสู้ เจ้าต้องพิจารณาถึงความเข้ากันได้ของการ์ดแต่ละใบ ดูว่าขัดกันเองหรือเปล่า ดูว่าหลอมรวมกันหรือไม่ รวมถึงดูว่าสามารถสร้างการตอบสนองอันแสนวิเศษได้หรือไม่ได้ นี่คือกระบวนการที่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์มากมาย”

ขณะพูด นางประกบการ์ดสิบสองใบเข้าด้วยกัน

“ดูสิ นี่คือโลกขนาดเล็กที่ข้าร่ายขึ้นมา”

เสี่ยวซีแสดงความสำเร็จให้กู่ฉิงซานให้ได้เห็นราวกับกำลังโอ้อวด

นั่นคือโลกทะเลบุปผา

เพียงแค่ขยับ เสี่ยวซีเข้าสู่โลกทะเลบุปผา

นางถือดอกไว้ในมือข้างหนึ่งก่อนมองมาที่กู่ฉิงซาน “เป็นอย่างไรบ้าง? สุดยอดไหมล่ะ มีดอกไม้เยอะขนาดนี้เลย แต่ข้าต้องใช้ความพยายามมากเลยนะ”

นางวิ่งไปมาท่ามกลางบุปผาก่อนหัวเราะแล้วจากไป

ภาพค่อยๆ หายไป

กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย

ใช่แล้ว เสี่ยวซีชอบดอกไม้เป็นพิเศษ หลังจากเหตุการณ์นี้ถูกพบโดยเผ่าพันธุ์เทพ นางก็ถูกผนึกทันที

เพราะพวกเขากลัวว่าหากนางฟื้นคืนความรู้สึกขึ้นมา ความทรงจำจากยุคโบราณก็จะพลอยฟื้นกลับมาด้วย

ถ้าเช่นนั้น ตัวตนปลอมของพวกเขาในฐานะ “เทพ” ก็จะถูกเปิดโปงทันที

‘เสี่ยวซี…’

ตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน

กู่ฉิงซานเงียบ

นางคือสหายเพียงคนเดียวที่ต้องช่วยให้ได้

ตอนนี้ หน้าต่างระบบเทพสงครามกลับมาเป็นปกติ

แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“ท่านได้เรียนรู้วิธีพื้นฐานในการร่ายการ์ด”

“โปรดร่ายโลกขนาดเล็กในฐานะผู้ส่งสารแห่งบาปด้วย”

“ตามข้อมูลที่ทราบ นี่เป็นทางเดียวที่ท่านจะสามารถพัฒนาพละกำลังได้”

กู่ฉิงซานชำเลืองมอง

ใช่แล้ว ซากศพขนาดใหญ่เคยกล่าวว่าเขาต้องหาวัตถุที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ของโลกภายใน ผนึกพวกมันเข้าไปในการ์ด จากนั้นเอามารวมด้วยกันกับโลกภายในขนาดเล็ก แบบนั้นเขาจึงสามารถข้ามภัยพิบัติได้อีกครั้ง

หรือก็คือมหาภัยพิบัติปกติ

แต่การค้นหาวัตถุที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ของโลกภายในเป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก

มันต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ความมั่งคั่งมหาศาลและเวลาที่ยาวนาน

โชคดีที่เขารวบรวมการ์ดแตกสลายนับหมื่นใบจากจักรวรรดิเทียนหลันมาได้ หากฟื้นคืนพวกมันด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะหาเจอ

หวังว่าจะเป็นแบบนั้น

เมื่อกู่ฉิงซานกำลังอัปเกรดการ์ด หลินเข้ามาแทนที่ก่อนเริ่มสังหารสัตว์ประหลาด

นางพับแขนเสื้อขึ้น ยกมือเรียวสีขาว กดนิ้วทั้งหมดบนนิ้วหัวแม่มือก่อนกระโดดขึ้นสู่ท้องนภา

‘ฟิ้ว!’

‘ฟิ้ว!’

‘ฟิ้ว!’

อากาศฟาดฟัน

เพียงแค่อาศัยพลังของนิ้ว กลุ่มสัตว์ประหลาดบนท้องนภาถูกอัดลงกับพื้นอย่างต่อเนื่อง

สัตว์ประหลาดไม่ได้โง่เช่นกัน เมื่อเห็นว่าศัตรูที่ยืนนิ่งกลับทรงพลังในพริบตา พวกมันหลบหนีอย่างแตกตื่นทันที

จากนั้น พวกที่ทรงพลังจริงๆ จึงมา

มีสัตว์ประหลาดหลายสิบตัวที่ถูกสังหารโดยหลินในหมัดเดียว

พวกมันรวมกลุ่มเป็นระเบียบโดยมีสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังกว่านำก่อนพุ่งมาทางหลิน

เมื่อเผชิญหน้ากับพละกำลังเช่นนั้น หลินผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถยืนนิ่งได้อีกต่อไป

หลินอดที่จะหันกลับมามองกู่ฉิงซานไม่ได้

กู่ฉิงซานหลับตาแน่น ยังคงทำสมาธิอยู่

“ชิ ดูท่าบาดแผลจะไม่ฟื้นฟูชั่วคราวสินะ”

หลินกล่าวอย่างเสียดาย

นางกลั้นหายใจ วางมือเป็นท่าป้องกันเพื่อคุ้มกันกู่ฉิงซานเอาไว้

ทันใดนั้น ใบไม้ที่แผ่แสงสีเขียวมรกตปรากฏขึ้น

หลินสังเกตเห็นทันทีที่ใบไม้ปรากฏขึ้น

นางรู้ว่าใบไม้คือสิ่งที่นำชุดเกราะมาให้กู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานบอกนางเองเลยว่านี่เป็นวิชาของสหาย

หลินเมินใบไม้สีเขียวขณะยังคงป้องกัน คอยจับตาดูสัตว์ประหลาดที่บินมาจากส่วนลึกของท้องนภาอย่างเงียบงัน

คาดไม่ถึง ใบไม้สีเขียวลอยอยู่ตรงหน้านางแล้วพลันกลายเป็นเส้นทางว่างเปล่าขนาดเท่าฝ่ามือ

ขวดโปร่งแสงที่มีแสงสีเขียวเป็นประกายพุ่งออกมาก่อนหยุดอยู่หน้าหลิน

หลังจากนั้นก็มีประโยคดังขึ้น

“พี่สาว ดูเหมือนเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ นี่คือยารักษาที่ดีที่สุดในโลกเก้าร้อยล้านชั้น โปรดดื่มมันด้วย”

หลินมองขวดยาสีเขียวก่อนหมดสติไปชั่วครู่

“น้ำพุหนุ่มสาวนิรันดร์ของราชวงศ์ภูต…”

นางกระซิบ เอื้อมมือไปหยิบขวดก่อนเปิดจุก

ทันใดนั้น กลิ่นหอมสดชื่นแผ่ออกมาจากขวด สายลมพัดพา แผ่กระจายไปทั่วพื้นที่อย่างรวดเร็ว

กลุ่มหญ้าสีเขียวขจีเติบโตขึ้นบนพื้น

ต้นอ่อนขนาดเล็กปรากฏขึ้นจากพื้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าขณะเติบโตอย่างบ้าคลั่ง

น้ำพุและลำธารปรากฏขึ้น

ไส้เดือน ตัวด้วง ตั๊กแตนและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอื่นๆ ก่อเกิดขึ้นมา

ใช่จริงๆ มันคือน้ำพุหนุ่มสาวนิรันดร์ มูลค่าของขวดนี้มันช่าง…

หลินไม่ลังเลอีกต่อไป นางเงยหน้าขึ้นดื่มน้ำพุในขวด

ข้อต่อทั่วร่างของหลินส่งเสียง

หลังจากนั้น ใบหน้าอันซีดเผือดของนางหายไปสิ้นก่อนค่อยๆ กลับมาเป็นสีกุหลาบ

พรวด!

หลินกระอักโลหิตสีดำออกมา

นี่คือโลหิตที่สั่งสมอยู่ในร่างกาย มันถูกขับออกมาจากอวัยวะภายในที่แข็งแรงแล้ว

ใบไม้สีเขียวอีกใบลอยขึ้นมา ก่อเกิดเส้นทางว่างเปล่าอีกจุด

เสียงของเด็กผู้หญิงดังขึ้นอีกครั้ง “พี่สาว ข้าต้องเดินทางผ่านโลกหลายใบเพื่อมาที่นี่ โปรดปกป้องพี่ชายข้าไว้ก่อนนะ”

สิ้นเสียงนาง เกราะศึกสีทองปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินพร้อมกับถุงมือที่ปลดปล่อยภูตผีธาตุไฟออกมาเป็นครั้งคราว

หลินมองเกราะสีทอง จากนั้นมองถุงมือ นางพูดไม่ออกสักพัก

นางถอนหายใจออกมา

ตอนนี้ ในที่สุดนางเข้าใจว่าที่ไก่พูดถึง “มีความมั่งคั่งสุดหยั่งในโลกเก้าร้อยล้านชั้น” หมายถึงอย่างไร

.......................................