ตอนที่ 915 ลงมือ
ดาบคือะไร
ดาบคืออาวุธสังหาร
กู่ฉิงซานเป็นคนแบบไหน
เขาเคยทำอาหาร เป็นนายพล เชี่ยวชาญการยิงธนู ศิลปะการต่อสู้ วรยุทธและทักษะอื่นๆ ประสบความสำเร็จด้านค่ายกลต่าง ๆ รู้วิธีสร้างเกราะศึกเคลื่อนที่ แถมยังเชี่ยวชาญการแสดงอีกด้วย
ถึงแม้เขาจะมีความสามารถมากมาย แต่เวลาถือดาบไว้ในมือ เขาจะเหลือเพียงตัวตนเดียว
เขาคือผู้ใช้วิชาดาบ
ในอดีต กู่ฉิงซานสังหารผู้คนในโลกแห่งการสะสมของทริสเต้ จอมมารทะเลโลหิตเคยเห็นวิถีต่อสู้ของเขาผ่านวิชา “ตามรอยมายา”
จอมมารทะเลโลหิตกล่าวกับซูเสวี่ยเอ้อร์ว่ากู่ฉิงซานคือคนที่ไร้เหตุผล
…นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาเย่อหยิ่ง
ความจริง กู่ฉิงซานมีความสุขที่ได้ฟังความเห็นของคนอื่น ขอแค่คำพูดของคนอื่นมีเหตุผลเท่านั้น
นี่หมายความว่าในการต่อสู้แห่งความเป็นความตาย ต่อให้มีความสามารถนับพัน แต่เมื่อกู่ฉิงซานชักดาบออกมา เขาก็จะไม่มีทางแสดงความสามารถอื่นเด็ดขาด
นั่นก็เพราะอีกฝ่ายจะต้องตาย
นี่คือวิธีการต่อสู้ของกู่ฉิงซาน
นี่คือจุดที่ทำให้เขาไร้เหตุผล
ดาบของเขาเร็วมาก
เร็วมากจริง ๆ
ดาบศักดิ์สิทธิ์วูบไหว…
ตูม!!!
ปฐพีเหมือนกับถูกอุกกาบาตทะลวง พายุทรายปกคลุมท้องนภาและปฐพี
“ทุกคนต้องตาย”
กู่ฉิงซานพึมพำอย่างแผ่วเบาขณะเดินอยู่ในสายลมและทราย
…เขาเริ่มใช้งานค่ายกลดาบไท่อี่เก้าเท่าในเวลาเดียวกัน
นี่มาจากพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์: ทางเลือกสวรรค์
“ทางเลือกของสวรรค์… เมื่อถึงเวลาที่ท่านโจมตีใส่ตัวตนหนึ่ง ท่านสามารถเพิ่มการโจมตีเดิมเข้าไปสาม หกหรือเก้าครั้งได้ทันที”
ค่ายกลดาบไท่อี่ที่เขาปล่อยออกมานั้นคือการรวมเอาพลังเหนือธรรมชาติอสนีบาต “ความฝันอันน่าตกตะลึง” มันซ้อนทับกันเก้าครั้งพร้อมกัน เทียบเท่ากับการใช้ค่ายกลดาบไท่อี่เก้าครั้ง พลังของมันเกินกว่าที่จ้าวโลกจะเข้าใจได้
บนปฐพี พายุสายสีเหลืองโหมกระหน่ำจนปกคลุมท้องนภาไปทั่ว
ทุกสิ่งถูกกลืนกิน
“อย่า!”
“บัดซบ!”
“ขอร้อง…”
“อย่า!”
“ข้าผิดไป…”
“อา!”
ในความโกลาหลของทรายและหินที่ปลิวไปมา เสียงกรีดร้องพลันดังขึ้น
ทุกเสียงกรีดร้องทั้งสั้นและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหมือนกับตื่นขึ้นจากฝันร้าย เหมือนสูญเสียความสามารถในการพูด
…นี่คือการกลับใจและความสิ้นหวังก่อนตาย
ลมและควันที่พัดโหมกระหน่ำกลายเป็นพายุหมุนอย่างรวดเร็ว มันพัดพาเอาเศษหินไปกระจายไปทั่วก่อนสลายหายไปที่สุดขอบฟ้า
ความฝันอันน่าตกตะลึงหายไปราวกับทรายดูด
ค่ายกลดาบหายไป
ฉากทั้งหมดค่อย ๆ เด่นชัดอีกครั้ง
ซากศพถูกเก็บกวาดโดยพายุดาบ ไม่เหลือร่องรอยให้เห็น
บนปฐพี มีศีรษะมนุษย์หลายสิบหัวที่เรียงซ้อนกัน
จ้าวโลกทุกคนที่มาขัดขวางตายเกือบหมด เหลือเพียงคนสุดท้าย นั่นเพราะมีเรื่องอยากจะถาม เขาจึงไว้ชีวิตไว้ก่อน
ชายร่างเล็กนั่นเอง
เขานั่งลงกับพื้น ถูกพายุดาบที่มองไม่เห็นกระหน่ำ ไม่กล้าขยับไปไหน
ชายร่างเล็กตะโกนอย่างแตกตื่นว่า “ขอร้องล่ะ ปล่อยข้าไป ข้ายอมยกทุกอย่างที่มีให้เจ้า ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรมาเอาความลับของเจ้าไปเลย!”
“ภูตใหญ่บอกอะไรกับเจ้า” กู่ฉิงซานถามอย่างแผ่วเบา
“เขาบอกว่าเจ้ามีความลับมากมาย ถ้าหากตัวเจ้าเจอก็จได้รับความลับอันน่าทึ่งเหล่านั้นโดยไม่ต้องเสียเงิน จากนั้นก็เอาไปขายต่อได้” ชายร่างเล้กตอบอย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนดึงดาบคู่กลับมา
เขาหันหลังแล้วเดินไปหาหลินกับฉานนู่
ชายร่างเล็กโล่งอกมากเมื่อเห็นเขาจากไป ในที่สุดก็มีชีวิตรอดแล้ว
เขารีบยืนขึ้นก่อนออกจากสถานที่ที่น่ากลัวแห่งนี้
ในวินาทีต่อมา ชายร่างเล็กพลันเงยหน้ามองทองนภาก่อนเหาะขึ้นไ
ไม่ช้าเขาก็จากไปไกล
ตูม!
มีสิ่งหนึ่งตกมาจากที่สูง กระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ศีรษะหัวหนึ่งกลิ้งมาก่อนหยุดลงช้า ๆ
ศีรษะของชายร่างเล็กนั่นเอง
ใบหน้าของเขายังแข็งค้างด้วยความยินดีกับชีวิตที่เหลือ
ความจริง เขาตายแล้ว
ก็แค่ดาบนั้นไวเกินไป ศีรษะยังไม่หลุด ทำให้ยังมีชีวิตอยู่ได้ชั่วคราว
กู่ฉิงซานเดินกลับไปหาหลินและฉานนู่
“ความสามารถของหลายคนน่าสนใจมาก แต่สุดท้ายข้าก็ไม่ได้เห็นแม้แต่นิดเดียว ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก”
หลินกล่าวด้วยความรังเกียจ แต่ดวงตากลับทอประกาย
“ยังมีพลังที่เจ้าไม่เข้าใจอีกหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“แน่นอน ในสวรรค์และปฐพี ความสามารถใหม่มากมายเกิดขึ้นในลำธารไร้ที่สิ้นสุด ข้าสนใจในสิ่งเหล่านี้มาก” หลินกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ
“ขอโทษด้วย ข้าไม่ชอบให้คนอื่นมีโอกาสลงมือน่ะ” กู่ฉิงซานขอโทษ
เขามองท้องนภาแล้วถอนหายใจ “พวกเราพลาดช่วงเวลาที่จะได้ไปโลกต่อไปซะแล้ว”
“หรือก็คือ เจ้าต้องเจอมหาภัยพิบัติในโลกนี้หรือ” หลินถาม
“ใช่แล้ว”
“ข้าจำที่เจ้าพูดได้ว่ามีภูตใหญ่อยู่ในโลกใบนี้ คนเหล่านี้ถูกเขายุยงมา ถ้าเจ้าอยากก้าวข้ามมหาภัยพิบัติที่นี่ เจ้าก็ต้องระวังตัวไว้หน่อย” หลินเตือนเขา
ฉานนู่วิตกเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนดึงแขนเสื้อของกู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “นายท่าน ข้าไม่กลัวพลังวิเศษใด ๆ ให้ข้าฆ่าภูตนั่นเถอะ!”
กู่ฉิงซานส่ายหน้า เอื้อมมือแล้วบีบวิชาดาบ
ดาบลับกระแสพลัง
เสียงหวีดหวิวรุนแรงดังขึ้นทันที
ประกายดาบสีเหลืองหมองหม่นตัดผ่านราตรีก่อนจากไปในท้องนภา
ดาบพิภพ
ฉานนู่มองดาบบินที่ทะลวงผ่านอากาศ ครุ่นคิดอย่างระวัง จากนั้นค่อย ๆ ผ่อนคลาย
หลินกอดอกแล้วถามอย่างสนใจว่า “ดาบพิภพได้พลังอะไรหลังจากตื่นขึ้นมา”
กู่ฉิงซานตอบตามตรงว่า “ไม่ได้พลังอะไร แต่มันสามารถฆ่าทุกสิ่งได้”
“รังของภูตทะลวงไม่ง่ายหรอกนะ” หลินกล่าว
“เพราะงั้นด้วยการฟาดฟันของดาบพิภพ ข้าจึงเสริมแรงลงไปนิดหน่อยเพื่อฟันมันไปพร้อมกับโลกใบนี้”
กู่ฉิงซานกล่าว
พวกเขารออยู่หลายอึดใจท่ามกลางราตรีอันเงียบสงบ
ไม่นานนัก
ที่สุดขอบฟ้าที่มองไม่เห็น เสียงสะเทือนปฐพีค่อย ๆ ดังขึ้น
เสียงนี้ค่อย ๆ ดังขึ้น
ปฐพีแยกออก
สารหลอมเหลวพุ่งขึ้นสูงในอากาศ
เมฆสีดำแห่งการทำลายล้างกระจายไปทั่วท้องนภา
ทั้งสามสัมผัสถึงมันอย่างเงียบงัน
โลกทั้งใบสั่นไหวไปมา ยิ่งมายิ่งรุนแรงขึ้น
หลินครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “อืม… พลังที่สามารถฆ่าทุกสิ่งได้ด้วยพรจากแรงโน้มถ่วงโลกที่มากหลายเท่า ทำให้โลกใบนี้ถูกทำลาย”
“ต้องขอโทษด้วย วิชาดาบออกจะโหดเหี้ยมไปหน่อย” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความละอาย
“หลังจากดาบทั้งสองอยู่ในมือของเจ้า เจ้าฆ่าใครหรือยัง” หลินถาม
“ยังนะ ปกติข้าไม่ฆ่าคนน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ
หลินมองเขา จากนั้นมองพื้นหินว่างเปล่ากับกองศีรษะ
นางหันกลับมามองเขาอีกครั้ง
“เออ” กู่ฉิงซานอธิบาย “ข้าจะลงมือเวลาอีกฝ่ายไร้เหตุผลน่ะ”
“แล้วถ้าเป็นคนมีเหตุผลล่ะ”
“ก็จะโน้มน้าวผู้คนด้วยเหตุผล”
“ถึงปากจะบอกว่าใช้เหตุผลเพื่อโน้มน้าวผู้คน แต่การหลอกลวงของเจ้าไม่ได้แย่ไปกว่าการใช้วิชาดาบเลย”
ขณะทั้งสองสนทนา กู่ฉิงซานพลันรู้สึกถึงบางสิ่งในใจ ความเจ็บปวดสายหนึ่งแล่นผ่านใบหน้า
“มหาภัยพิบัติหรือ” หลินถาม
“ใช่” กู่ฉิงซานลูบคิ้ว
ฉานนู่เห็นสีหน้าของกู่ฉิงซานก่อนกล่าวอย่างวิตกว่า “พวกเราต้องรีบหาโลกใหม่แล้ว ไม่อย่างนั้นนายท่านจะต้องเอาชีวิตรอดในกระแสวังวนแห่งความว่างเปล่า”
ใช่แล้ว
โลกนี้ถูกสับเป็นชิ้น ๆ เพราะดาบพิภพด้วยพลัง “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์” ทำให้มันพังทลายและกำลังจะถูกทำลายในไม่ช้า
ส่วนภูตใหญ่ สวะแบบนั้นตายไปนานแล้ว
โชคยังดี มันให้พลังวิญญาณจำนวนมากกับกู่ฉิงซาน ทำให้พลังวิญญาณของกู่ฉิงซานยังสมดุล
ธารแสงสว่างพุ่งกลับจากส่วนลึกของเมฆสีดำ
กู่ฉิงซานมองธารแสงสว่างจากไกลจนเข้าใกล้มาก่อนเริ่มถามว่า “เจ้าทำลายโลกนี้ได้ยังไง”
ดาบพิภพมาอยู่หน้ากู่ฉิงซานแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “อย่ามาโทษเรื่องนี้กับข้า… เป็นเพราะท่านขาดประสบการณ์จนใช้แรงมากเกินไปชั่วขณะนั่นแหละ”
กู่ฉิงซานพูดไม่ออก
เขาไม่อยากต่อปากต่อคำกับเรื่องนี้ต่อหน้าสองสาวอีก ดังนั้นเขาเก็บดาบพิภพอย่างไม่มีทางเลือกด้วยเกรงว่ามันจะพูดอะไรมากไปกว่านี้
“ในเมื่อไม่มีทางไปโลกลี้ลับแล้ว เช่นนั้นเจ้าจะไปไหนล่ะ” หลินถาม
“ข้าไม่รู้” กู่ฉิงซานตอบตามตรง “ข้าทำได้เพียงทะลวงความว่างเปล่าเพื่อหาสถานที่ปักหลักเท่านั้น”
เขาชักดาบคลื่นเสียงออกมาก่อนตวัดใส่ท้องนภาอย่างรุนแรง
…………………………………..........