ตอนที่ 859 พันธนาการแห่งโชคชะตา
กู่ฉิงซานมองภาพติดตาของเขาที่อยู่ไกลออกไป
การเคลื่อนไหวของมีดผ่านไปแล้ว แต่ภาพติดตายังอยู่
“หืม น่าแปลก ทำไมมันถึงไม่หายไปล่ะ”
กู่ฉิงซานพึมพำอย่างแปลกประหลาด
เมื่อหันมองกลับไป ฮอร์ครักซ์ ดาบเฉือนอากาศ ยังลอยอยู่กลางอากาศขณะกลืนกินพลังวิญญาณของเขาจากไกลๆ
กู่ฉิงซานค่อยๆ เข้าใจ
เขากล่าวเจตจำนงผ่านดาบเฉือนอากาศ
จากนั้น ดาบเฉือนอากาศส่งเสียงหึ่งอย่างแผ่วเบา
ภาพติดตาพุ่งมาจากไกลๆ ก่อนหยุดอยู่ข้างกู่ฉิงซาน
“หรือก็คือ...”
กู่ฉิงซานมองภาพติดตาก่อนชูดาบขึ้น
จากนั้นภาพติดตายกดาบขึ้นมา
กู่ฉิงซานฟาดประกายดาบจันทราสีขาวออกไป
ภาพติดตาสะบัดเงาดาบยาวตามขณะฟาดประกายดาบจันทราสีขาวออกมา
กลายเป็นว่าภาพติดตายังคงอยู่ตลอด
ฮอร์ครักซ์นี้มีชื่อว่าดาบเฉือนอากาศ สามารถหลอมรวมเป็นร่างหนึ่งเพื่อต่อสู้พร้อมกับร่างหลักได้
นี่เทียบเท่ากับการโจมตีสองครั้ง
ยิ่งกว่านั้น ภาพติดตาจะไม่หายไปทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตี มันเพียงต้องการพลังวิญญาณเพื่อฟื้นฟูเท่านั้น
ในแง่ของการโจมตี ประสิทธิผลนี้ถึงกับดีทีเดียว
กู่ฉิงซานตัดการเชื่อมต่อของตัวเองกับดาบเฉือนอากาศ
ภาพติดตาหายไปทันที
ดาบเฉือนอากาศตกลงมาอย่างแผ่วเบา มือของกู่ฉิงซานคว้าเอาไว้ได้ทัน
กู่ฉิงซานครุ่นคิด รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาถ่ายพลังวิญญาณเข้าสู่ดาบเฉือนอากาศ
ภาพติดตาปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้ ขณะถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปเพิ่มขึ้น ภาพติดตาจะค่อยๆ เด่นชัดขึ้นจนแทบจะดูเหมือนกับตัวเขาเอง
กลายเป็นว่าภาพติดตายังเป็นเพียงเงามายา มันเย็นเยือกเสมอ ไม่มีสีหน้าใดๆ
กู่ฉิงซานฟันประกายดาบโค้งออกไปอีกครั้ง
ภาพติดตาฟันดาบตาม ประกายดาบถูกส่งออกไปเจิดจ้ายิ่งกว่า
กู่ฉิงซานรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างประกายดาบทั้งสอง ความตกตะลึงในใจไม่อาจหักห้ามเอาไว้ได้
พลังโจมตีของภาพติดตาเหนือกว่าร่างของกู่ฉิงซานอย่างคาดไม่ถึง!
กู่ฉิงซานอยู่ที่เดิม รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อนัก
เขาไม่เคยเห็นอาวุธพิเศษแบบนี้มาก่อน
อาวุธวิเศษของโลกฝึกฝนต้องพึ่งธาตุทั้งห้าหรือธาตุพิเศษทั้งห้าเสมอ ไม่เคยมีอาวุธอะไรแบบนี้มาก่อน
ไม่มีสิ่งแบบนี้ทางฝั่งเทคโนโลยี
ฝั่งเวทมนตร์อาจจะมีของแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นภาพติดตาขนาดเล็กที่มีพลังโจมตีอ่อนแอ ไม่สามารถต้านทานการโจมตีใดๆ ได้
ทางฝั่งโกลาหล ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งแปลกประหลาดที่ทำร้ายคนอื่นแต่ไม่รุนแรงนัก
ทางฝั่งลี้ลับ... ไม่ต้องไปพูดถึงเลย นั่นคือสิ่งที่เกินกว่าจะเข้าใจ แต่อาจจะมีอะไรที่คล้ายกับแบบนี้อยู่ก็ได้
ส่วนทางฝั่งป่าเถื่อน ฝั่งแปลกประหลาด ฝั่งคุกและแม้กระทั่งโลกอันไร้ที่สิ้นสุดแห่งอื่น ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่ามีอาวุธที่คล้ายกันแบบนี้อยู่หรือไม่ แต่กู่ฉิงซานเชื่อโดยสัญชาตญาณว่ามีของแบบนี้อยู่ไม่มากนัก
นั่นก็เพราะ...
ฮอร์ครักซ์นี้สามารถจำลองร่างกายและปลดปล่อยพลังที่เหนือกว่าร่างกายได้!
เพียงแค่ส่วนนี้ มันก็เหนือกว่าอาวุธจำลองอื่นๆ แล้ว
กู่ฉิงซานยังคงถ่ายพลังวิญญาณจำนวนมากเข้าไปในดาบเฉือนอากาศ
ภาพติดตาของเขายิ่งมายิ่งเด่นชัดจนแทบจะเห็นเส้นขนบนใบหน้า
แปะ!
ภาพติดตาพลันหายไป
กู่ฉิงซานตกตะลึง
กลายเป็นว่ามันมีขีดจำกัดอยู่
ประมาณจากการถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปนั้น ภาพติดตาสามารถปล่อยการโจมตีได้ในระดับสูงกว่าพลังของร่างหลัก
หากต้องการเพิ่มพลัง ภาพติดตาจะพังทลาย
แต่ในฐานะเงา การที่สามารถเหนือกว่าร่างหลักได้นั้นก็นับว่าทรงพลังมากแล้ว
ลองจินตนาการสิว่าหากเจอศัตรูที่ทัดเทียมกัน แต่ทันใดนั้นก็มีสหายที่แข็งแกร่งกว่าออกมาสู้
ผลของการต่อสู้เป็นที่ประจักษ์แล้ว
กู่ฉิงซานมองดาบเฉือนอากาศขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือจนอดที่จะขยับมันไม่ได้
ตราบที่เขามีฮอร์ครักซ์นี้ก็สามารถมีพลังเหนือกว่าระดับสามพันโลกได้ นั่นอาจจะเทียบเท่าระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์เลยก็ได้
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมมีหลายคนที่ต้องการฮอร์ครักซ์!
ไม่สงสัยเลยว่าในโลกสะสมของทริสเต้ มารดาภูตผีถึงยอมรับฮอร์ครักซ์อย่างไม่ลังเล!
กู่ฉิงซานวางดาบเฉือนอากาศอย่างระมัดระวัง
เขาสงบสติขณะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน
ต่อไปภารกิจยังยุ่งยากอยู่
เขาเชื่อมต่อกับมีดฟันวิญญาณอีกครั้งแล้วเริ่มสร้างฮอร์ครักซ์ชิ้นใหม่ขึ้นมา
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
ก่อนจะรู้ตัว กู่ฉิงซานสร้างดาบเฉือนอากาศเสร็จแล้วสิบสองเล่ม
ด้วยการอาศัยความได้เปรียบเรื่องสภาพร่างกายที่ดี เขาไม่หยุดพักขณะสร้างฮอร์ครักซ์ป้องกันต่อ
แผ่นระเบิดห้าธาตุโกลาหล
นี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจนัก
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอื่น มันจะระเบิดคลื่นพลังอันแก่กล้าออกมาเพื่อลบล้างอีกฝ่าย
ในเวลาเดียวกัน มันจะเปลี่ยนผู้ใช้ให้กลายเป็นองค์ประกอบห้าธาตุที่สะดวกที่สุดเพื่อหลบหนีออกจากฉากดังกล่าว
กู่ฉิงซานพยายามสุดความสามารถ
เขาควบคุมดาบเฉือนอากาศขณะปล่อยภาพติดตามาโจมตีตัวเอง
แผ่นระเบิดห้าธาตุโกลาหลระเบิดพลังอันผันผวนที่เหนือกว่าระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ออกมาจนทำให้ภาพติดตาหวาดกลัว
น่าเสียดายที่ภาพติดตาเป็นเพียงภาพติดตา จึงไม่มีการตอบสนองใดๆ
ตอนนี้ กู่ฉิงซานรู้สึกว่าเขากลายเป็นสายลมพัดหวีดหวิวขณะพัดจากที่หนึ่งมุ่งสู่ส่วนลึกของศูนย์กักกันหุบเหว
กู่ฉิงซานหันมองกลับไปจนเห็นอีกคนยืนอยู่ตรงนั้น ชูดาบขึ้นแล้วแผดเสียงคำรามดังลั่นออกมา ร่างกายอีกฝ่ายทรงพลังและกำลังจะต่อสู้เพื่อชีวิตของเขา
ป้องกันอะไรไร้สาระ
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นอุปกรณ์สำหรับหลบหนี
กู่ฉิงซานผู้เปลี่ยนจากสายลมมาเป็นคนอีกครั้งถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ก่อนว่างแผ่นระเบิดห้าธาตุโกลาหล
เขาวางมีดฟันวิญญาณกับดาบเฉือนอากาศสิบสองเล่ม ในเวลาเดียวกันก็เก็บกวาดวัสดุทั้งหมดออกไป
ต่อมา
ถึงเวลาสังหารมังกรมารแล้ว
กู่ฉิงซานก้าวขึ้นสู่แผ่นวงกลม ออกจากโต๊ะทำงานก่อนกลับศูนย์สั่งการอีกครั้ง
“ข้าอยากออกคำสั่ง” กู่ฉิงซานกล่าว
เสียงจักรกลเย็นเยือกดังขึ้นจากท้องนภามืดมิด
“มนุษย์วัยรุ่นเพียงคนเดียวผู้ปรากฏตัวในหนึ่งร้อยล้านปี โปรดบอกข้ามาได้เลย”
“ข้าอยากทำลายอาวุธ: มังกรหลับใหล” กู่ฉิงซานกล่าว
“โปรดรอสักครู่ ท่านต้องยืนยันตัวตนก่อน”
วงแสงปรากฏขึ้นที่เท้าของกู่ฉิงซานขณะเคลื่อนขึ้นช้าๆ จนถึงศีรษะด้วยความเร็วที่ช้ายิ่ง
ไม่ช้า
วงแสงหายไป
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น
“ตัวตนได้รับการยืนยันแล้ว ท่านคือเผ่าพันธุ์มนุษย์จริง”
“ท่านแน่ใจหรือว่าอยากทำลายมังกรหลับใหล”
“ข้าแน่ใจ”
“แต่มังกรมารตายแล้ว”
“ข้าขอยืนกรานดำเนินตามขั้นตอนนี้”
“คำสั่งของท่านมีผลแล้ว โปรดเริ่มขั้นตอนการทำลายล้างตามขั้นตอนปฏิบัติการของผู้มีอำนาจสูงสุด”
“เข้าใจแล้ว”
กู่ฉิงซานหยิบดาบเฉือนอากาศออกมา
แรงดูดมหาศาลห่อหุ้มดาบเฉือนอากาศเล่มนี้เอาไว้ มันแยกออกจากมือก่อนพุ่งตรงออกไป
ดาบเฉือนอากาศถูกสลักในท้องนภามืดมิดก่อนกลายเป็นดวงดาวเจิดจ้า
กู่ฉิงซานหยิบดาบเฉือนอากาศเล่มที่สองออกมา
ฮอร์ครักซ์ชิ้นนี้พุ่งขึ้นท้องนภามืดมิดก่อนกลายเป็นดวงดาวเช่นกัน
ฮอร์ครักซ์จู่โจมสิบสองชิ้นล้วนถูกติดตั้งบนท้องนภามืดมิด ขจัดความมืดสุดหยั่งในพื้นที่กว้างใหญ่ออกไปก่อนส่องแสงมายังศูนย์สั่งการที่ไกลจนมองไม่เห็น
“เข้าสู่กระบวนการปลุกพลังทำลายล้างในวิญญาณของมังกรมารตามกำหนด โปรดรออย่างอดทน”
“เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ท่านต้องยืนยันกระบวนการทำลายล้างอีกครั้ง”
“ข้าจะยืนยันกระบวนการดังกล่าวได้อย่างไร” กู่ฉิงซานถาม
“ท่านต้องดีดนิ้ว”
ดีดนิ้วหรือ
กู่ฉิงซานไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร
“อืม... อย่างนี้นี่เอง”
หลังจากพูดจบ เขายืนรออยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน
ในสมัยโบราณ เผ่าพันธุ์มนุษย์มีอำนาจที่จะทำลายมังกรมารในรูปของวิญญาณ
หากมังกรมารยังมีชีวิตอยู่ มันจะต้องสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของวิญญาณได้อย่างแน่นอน
ถ้าเป็นอย่างนั้น
มัน
ก็ยังมีชีวิต
“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก!”
เสียงเกรี้ยวกราดยิ่งดังขึ้น
ตรงข้ามกับกู่ฉิงซาน วิญญาณของมังกรมารพลันปรากฏขึ้น
ถึงแม้จะเป็นร่างวิญญาณ แต่ทั้งร่างถูกพันด้วยเชือกเหล็กสีดำขนาดใหญ่ทำให้ไม่สามารถขยับได้
เชือกเหล็กดำเต็มไปด้วยอักขระสีเทาเข้ม เสียงคมปลาบดังขึ้นมา
นี่คือเชือกเหล็กที่มากพอจะกักขังวิญญาณของมังกรมารเอาไว้ได้
นอกจากนี้
คลื่นที่มองไม่เห็นปกคลุมร่างของกู่ฉิงซานในระยะหลายสิบเมตรเพื่อทำหน้าที่ปกป้องอย่างสมบูรณ์
เสียงจักรกลเย็นเยือกดังขึ้นอีกครั้ง
“พลังสังหารวิญญาณยังถูกปลุกขึ้นมา มาตรการป้องกันทำงานแล้ว โปรดอย่าได้กังวล”
กู่ฉิงซานพยักหน้าขณะมองวิญญาณของมังกรมาร
เทียบกับการพบกันก่อนหน้านี้ ครั้งนี้อีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
เขาคู่สีดำยาวบนศีรษะไม่ตั้งตรงสูงอีกต่อไป แต่มันยึดติดกับศีรษะก่อนยื่นไปด้านหลัง
สีดำบนเขายาวค่อยๆ ลอกออก เผยให้เห็นเนื้อสีเทาข้างใน
ร่างของวิญญาณมังกรมารแตกต่างจากคราวที่แล้วเช่นกัน
กลุ่มแสงและเงาสีเทาลอยไปมาตามร่างกาย บางส่วนไหลซึมเข้าสู่ร่างกายจนไม่เห็นมันอีก
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่รูปลักษณ์ปกติของมังกรมาร
“ท่านทำอะไรกับตัวเอง” กู่ฉิงซานถาม
วิญญาณมังกรมารไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับจ้องเขม็งแทน จากนั้นอ้าปากพูดว่า “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“ทันทีที่ข้าตาย จะไม่มีใครสามารถขัดขืนผู้ถักทอชีวิตหุบเหวได้” มังกรมารตอบ
“ตอนท่านยังมีชีวิต ท่านไม่ได้ขัดขืนมากเท่านี้นี่” กู่ฉิงซานกล่าว
มังกรมารตกตะลึงแล้วพึมพำออกมาว่า “เจ้ารู้ด้วยหรือ”
“ใช่แล้ว ข้ายังรู้อีกว่าท่านคิดอะไร... เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่คู่ควรที่จะจงรักภักดี พลังหุบเหวคือสิ่งที่ท่านเชื่อมั่น” กู่ฉิงซานกล่าว
มังกรมารมองเขาด้วยสีหน้าลังเล
ผ่านไปเนิ่นนาน พวกเขาไม่พูดอะไร
เสียงจักรกลดังขึ้นอีกครั้ง “สองนาทีผ่านไป พลังทำลายล้างเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์แล้ว”
มังกรมารพลันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ในที่สุดก็มีเจ้าโง่โผล่มาแล้ว เขาถึงกับอยากฆ่าข้าอย่างบริสุทธิ์ใจสินะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
กู่ฉิงซานมองอีกฝ่ายก่อนถามด้วยความสับสนว่า “เจ้าโง่หรือ”
มังกรมารคำรามใส่ท้องนภา “ช่างน่าเสียดาย! ช่างน่าเสียดาย! อีกไม่นานข้าจะสามารถจมสู่หุบเหวได้แล้ว หลังจากนั้น ข้าจะกำจัดพันธนาการของวิญญาณทิ้งไป ทำไมถึงยังมีมนุษย์มาในเวลาแบบนี้อีก!”
“ขอโทษที ข้ามาช้าไปหน่อยน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
มังกรมารลดเสียงรุนแรงลงก่อนมองกู่ฉิงซานอีกครั้ง
ดูเหมือนมันจะสงบลงแล้วก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้าว่า “ตั้งแต่ยุคโบราณมา ไม่มีใครเคยพยายามฆ่าข้า เพราะข้าคืออาวุธที่มีข้อบกพร่อง”
“ข้อบกพร่องหรือ” กู่ฉิงซานถามอย่างแปลกประหลาด
“ใช่ ข้อบกพร่องใหญ่หลวง”
มังกรมารยิ้มกว้างก่อนอ้าปาก เผยรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันออกมา
“ตอนเผ่าพันธุ์มนุษย์สร้างข้าขึ้นมา พวกมันได้ออกแบบกฎแห่งกรรมขึ้นมา: ทุกสองพันปี ข้าสามารถตื่นขึ้นมากลืนกินสิ่งมีชีวิตจำนวนวมากที่ติดเชื้อเพราะเลือดของมังกรมารได้ เพราะแบบนั้นจึงทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น”
“ข้ารู้เรื่องนี้” กู่ฉิงซานพยักหน้า
มังกรมารจ้องกู่ฉิงซานด้วยแววตานึกสนุก “เจ้ารู้หรือไหมว่าหากใครบางคนฆ่าข้า เช่นนั้นเขาจะถูกยึดครองโดยกฎแห่งกรรมจนกลายเป็นมังกรมารตัวใหม่เสียเอง”
กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าเข้าใจ ดังนั้นจึงมีศูนย์สั่งการของศูนย์กักกันหุบเหวเพื่อไว้ฆ่าท่าน ไม่ใช่ข้า”
มังกรมารยิ้มเยาะออกมา “เจ้าคิดว่ากฎแห่งกรรมเป็นเรื่องล้อเล่นหรือ ถึงแม้เจ้าจะไม่สามารถฆ่าข้าด้วยตัวเองได้ แต่ข้าก็ตายเพราะเจ้า ตามการตัดสินของกฎแห่งกรรม เจ้าจะไม่สามารถได้รับพลังที่ข้าสำรองไว้มาหลายปีและเจ้าจะกลายเป็นคนแรก เป็นมังกรมารที่อ่อนแอที่สุด”
กู่ฉิงซานตกตะลึง
มังกรมารยิ้มอย่างมีชัยก่อนกล่าวต่อว่า “ไม่มีใครกล้าใช้งานคำสั่งเพื่อฆ่าข้าเพราะไม่มีใครเต็มใจจะทิ้งตัวตนของเผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อกลายเป็นพวกผิดมนุษย์ กลายเป็นอาวุธที่จะไม่มีวันได้รับการยินยอมจากเผ่าพันธุ์มนุษย์”
เสียงของมันค่อยๆ ดุร้ายมากขึ้น “เผ่าพันธุ์ทั้งหมดจะหวาดกลัวเจ้าตามสัญชาตญาณจนถอยห่าง เพราะทันทีที่เจ้าสัมผัสร่างพวกมัน เจ้าจะกระจายเลือดมังกรไปสู่พวกมัน... ถ้าเช่นนั้น พวกมันก็ต้องเลือกว่าจะถูกเจ้ากินหรือฆ่าเจ้าก่อนจะถึงตอนนั้น”
“เจ้าจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดของการแพร่กระจายคำสาปแห่งความตาย”
“เจ้าจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ผู้คนหวาดกลัวและรังเกียจ”
“นับจากนั้นไป เป็นเวลาอันยาวนาน เจ้าจะไม่สามารถหาอะไรพบ จะไม่มีมนุษย์คนไหนกล้าเข้าใกล้เจ้า เจ้าทำได้เพียงร่อนเร่ในความโดดเดี่ยวชั่วนิรันดร์”
น้ำเสียงของมันพลันกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยการยั่วยุ
“สหายที่น่าสงสาร สายเกินกว่าจะกลับใจแล้ว เจ้าต้องปล่อยข้าไป จากนั้นเจ้าจะรักษาตัวตนในฐานะเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้ได้ เจ้าจะกลับสู่โลกของตัวเอง ในฐานะคนธรรมดา เจ้ามีทุกสิ่งที่เป็นของตัวเองอยู่แล้วนี่”
ตอนนี้ เสียงจักรกลเย็นเยือกและชั่วร้ายดังขึ้นในที่สุด
“พลังแห่งการทำลายล้างถูกเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์แล้ว”
“โปรดออกคำสั่งด้วย”
มังกรมารมองกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานก้มศีรษะแล้วไม่กล่าวอะไรสักพัก
เสียงของมังกรมารอ่อนลงก่อนกล่าวเสียงต่ำว่า “ตัดใจซะ เจ้าหนู เจ้ายังมีสิ่งงดงามอีกหลายอย่างให้ทำนัก ทำไมถึงต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสัตว์ประหลาดด้วย”
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ
กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นช้าๆ ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “พวกเราไม่เคยสามารถเลือกโชคชะตาได้อยู่แล้ว”
เขาดีดนิ้ว
…………………………………………..