ตอนที่ 764 การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ
แม้กู่ฉิงซานจะจากไปแล้วก็ตาม
แต่ในโลกปีศาจซี่ฉี การต่อสู้บนท้องฟ้าก็ยังคงดำเนินต่อไป
เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำได้กวาดแสงออกค้นหาไปทั่วทั้งโลกปีศาจ
แต่ก็ไม่พบว่ามีเผ่าพันธุ์มนุษย์หลบซ่อนตัวอยู่ในโลกใบนี้
หากอยู่ในยุครุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ในโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ บอกได้เลยว่าการค้นหาตัวกู่ฉิงซานแบบเฉพาะเจาะจง มันคงเป็นเรื่องยาก
หากแต่ที่นี่คือโลกปีศาจดึกดำบรรพ์ และตลอดทั้งโลก มันมีผู้ฝึกยุทธเพียงคนเดียวคือกู่ฉิงซาน ดังนั้นย่อมเปรียบดั่งไข่มุกขาว ท่ามกลางกองถ่านสีดำ อย่างไรก็เด่นสะดุดตา สามารถค้นหาได้โดยง่าย
เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ สามารถอาศัยความผันผวนทางพลังวิญญาณจากร่างกายของผู้ฝึกยุทธ ในการตามตัวกู่ฉิงซาน
อย่างไรก็ตาม ในโลกใบนี้ ณ ปัจจุบัน เขาไม่อาจตรวจพบถึงคลื่นความผันผวนทางพลังวิญญาณใดๆ ได้เลย
เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ นิ่งคิดตริตรอง สุดท้ายหันไปส่งสัญญาณให้แก่ร่างมนุษย์แสง
ร่างมนุษย์แสงส่งสัญญาณต่อไปให้เหล่าทวยเทพ ทั้งหมดค่อยๆ ล่าถอยกลับ
ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ออกไปจากโลกปีศาจซี่ฉี ขณะกำลังต่อกรกับกษัตริย์ปีศาจ
ฉากที่ปรากฏคือ กษัตริย์ปีศาจสามารถขับเคี่ยวกับเทพวิญญาณ สุดท้ายกดดันให้อีกฝ่ายล่าถอยไปได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่นับจากนี้เป็นต้นไป ชื่อเสียงของเขาจะต้องกึกก้องไปทั่วทั้งโลกปีศาจดึกดำบรรพ์!!
…
กลับมายังโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำกุมเหรียญโบราณในมือ
ร่างมนุษย์แสงเมื่อเห็นถึงสิ่งนี้ มันจึงเอ่ยปาก “ตัวเหรียญชักนำเจ้า ส่งผ่านมายังภาพทับซ้อนในยุคนี้สองครั้งติดๆ กัน ดังนั้นมันจึงไม่สามารถใช้งานได้อีกเป็นเวลาชั่วคราวในตอนนี้”
เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ สบถร้องในจิตใจอย่างไม่ยินยอม
‘เหตุใดข้าถึงไม่อาจหาตัวกู่ฉิงซานพบ!’
‘มันไปมุดหัวอยู่ที่ใดกัน?’
‘เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันจะออกจากโลกปีศาจซี่ฉี และไปหลบซ่อนตัวอยู่ในโลกปีศาจอื่น?’
‘หรือว่าจะออกไปจากภาพทับซ้อนยุคนี้แล้ว?’
แต่จำนวนยุคภาพทับซ้อนมันก็จำนวนอยู่มากมายเกินไป ทั้งโลกปีศาจเองก็มีอยู่นับพัน
ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใด การค้นหาก็ล้วนยากเย็น
“เพราะเหตุใดกัน? ข้าถึงยังไม่สามารถสังหารเขาลงได้เสียที” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ บ่น
“เจ้าไม่ต้องสังหารมันด้วยตัวเองก็ได้ แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
“เจ้ายังมีวิธีดีๆ หลงเหลืออยู่อีกหรือ?”
ร่างมนุษย์แสง “ในยุคโบราณ พวกเราไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ลงมือทำอะไรในช่วงเวลาสุดท้าย แต่พวกเรากระจ่างแก่ใจดีว่า ในยุคภาพทับซ้อนเหล่านี้ มันจะต้องเก็บซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้อย่างแน่นอน”
“ดังนั้นแม้เราจะไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ที่ใด แต่อย่างน้อย เราก็สามารถใช้วิธีอันหลากหลายในการตามหาจุดเชื่อมโยงที่ถูกตั้งเอาไว้ในโลกภาพทับซ้อนได้”
“ในบรรดายุคภาพทับซ้อนที่พิเศษเหล่านั้น พวกเราได้ตระเตรียมวิธีการ ‘ทำลาย’ ให้ล่มสลายลงโดยสิ้นเชิงมาเนิ่นนานแล้ว”
“ตอนนี้ เนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปที่จะทำการค้นหา ว่ามนุษย์จากอนาคตผู้นั้นอยู่ที่ใด และยังไม่ล่วงรู้ถึงความลับสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์จากปากของมัน ฉะนั้น เราจะเริ่มต้นใช้ทุกวิถีทาง เพื่อทำลายภาพทับซ้อนทั้งหมด บางทีมันอาจจะบังเอิญสามารถไปทำลายความลับที่ว่านั่นก็เป็นได้ ในกรณีนั้น พวกเราก็นับว่าได้รับชัยชนะเช่นกัน”
“หากทำเช่นนี้ ก็จะเป็นการตัดโอกาสอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง”
เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ พอได้ฟัง ก็พยักหน้าไม่หยุด
นั่นสินะ หากไม่สามารถหาตัวกู่ฉิงซานได้ วิธีการที่ว่ามาก็ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ตราบใดที่กู่ฉิงซานไม่สามารถมุ่งหน้าไปสู่ปลายทางได้ ทุกอย่างก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น
เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น ข้าเองก็วางใจ จากนี้ไปข้าขอเฝ้ารออยู่เฉยๆ จนกว่าเหรียญโบราณจะใช้งานได้อีกครั้งก็แล้วกัน”
ร่างมนุษย์แสง “เจ้ายังคงต้องการที่จะสังหารมันใช่หรือไม่?”
“ใช่ ข้ามาเยือนสถานที่แห่งนี้ก็เพื่อภารกิจสังหาร เพียงแต่อยากจะเร่งให้มันเร็วขึ้นยิ่งกว่านี้ก็เท่านั้นเอง” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ กล่าว
“ตกลง ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ข้าจะไปทำลายยุคภาพทับซ้อนพิเศษเหล่านั้นทั้งหมดลงในคราวเดียว” ร่างมนุษย์แสงกล่าว
“นั่นเป็นการกระทำที่ดีที่สุดแล้ว เมื่อทุกอย่างจบลง อนาคตของเผ่าพันธุ์เทพก็จะกลับมาปลอดภัยและมั่นคงเสียที” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ ทอดถอนหายใจ
ร่างมนุษย์แสงพยักหน้ารับ และหายวับไปทันใด
…
อีกด้านหนึ่ง
กู่ฉิงซานกำลังเดินทางข้ามผ่านกระแสมิติ
นี่คือพื้นที่มิติเวลาอันโกลาหล สะท้อนถึงภาพทับซ้อนในยุคโบราณนับไม่ถ้วน
และมีอยู่หลายครั้งเหมือนกัน ที่กู่ฉิงซานเกือบจะชนเข้ากับภาพทับซ้อนเหล่านั้น
หากเป็นในกรณีที่ว่า เขาก็จะหลุดเข้าไปในพื้นที่มิติอื่นๆ ในยุคโบราณทันที
แต่นับว่าโชคยังดี ที่ใบหยกเป็นตัวคอยควบคุมทิศทางในกระแสมิติให้แก่เขา ชักนำตนไปยังตำแหน่งที่กำหนดไว้เสมอๆ
ในที่สุด เขาก็มาถึงยุคภาพทับซ้อนพิเศษถัดไป
ณ ภายในห้องหนังสือโบราณที่เต็มไปด้วยใบหยก
ร่างของกู่ฉิงซานปรากฏขึ้น
แวบแรกที่เขาปรากฏกาย ก็มีคนคนหนึ่งดึงตัวเขาออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซานมิได้เอ่ยคำใด เพียงมองหน้าอีกฝ่าย
เห็นแค่เพียงสาวกของวังสวรรค์เมฆาวิเวกที่สวมเสื้อผ้าสามัญ เร่งเอ่ยปากขณะกำลังวิ่ง “เร็วเข้า! งานประลองสาวกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เจ้าได้ลงชื่อไว้แล้วใช่หรือไม่? เหตุใดยังยืนเหม่อลอยอยู่ในห้องหนังสืออยู่อีก?”
กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นเพราะข้าเพิ่งจดจำไว้ว่ามีเทคนิคมนตราที่อาจนำไปใช้ได้ ดังนั้นจึงมายังห้องสมุดเพื่อค้นหามัน”
สาวกถอนหายใจ “ข้าล่ะนับถือในความมั่นใจของเจ้าจริงๆ แต่เร็วเข้าเถอะ! หากขึ้นเวทีช้าเจ้าคงจะไม่ได้ใช้มันแล้ว”
“เข้าใจแล้วๆ” กู่ฉิงซานรับคำ
ทั้งสองบินไปยังจัตุรัส แล้วก็หยุดลง
ไม่ไกลออกไป เป็นแท่นสูงที่ตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัส
โดยมีผู้ฝึกยุทธกำลังยืนอยู่บนแท่นสูง ร่ายรำต่อสู้ด้วยเทคนิคมนตรา
ขณะเดียวกัน บนท้องฟ้า หลายผู้ฝึกยุทธรุ่นใหญ่กำลังลอยนิ่งไม่ไหวติง เฝ้าดูการประลองของสาวกเบื้องล่าง
ย่อมไม่พ้นเป็นปรมาจารย์ขุนเขาหลัก
กู่ฉิงซานกวาดตามองผ่านใบหน้าของปรมาจารย์ขุนเขาหลายคน
ก่อนที่สายตาของเขาจะสบเข้ากับลั่วปิงลี่ ปรมาจารย์ขุนเขาทำนองเสนาะ
ลั่วปิงลี่พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
หลังจากนั้น เสียงของเธอก็ถูกส่งมา
“ยอดเยี่ยมมาก เจ้าสามารถตัดผ่านขอบเขตที่กำหนดอย่างกระจ่างจิตเทวะได้ในภาพทับซ้อนยุคก่อนหน้า แถมยังเอาชีวิตมาได้นานจนกระทั่งสามารถยกระดับมาได้ถึงขอบเขตเบิกเนตรมิติ”
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เหตุใดต้องยกระดับขึ้นให้ถึงขอบเขตกระจ่างจิตเทวะด้วย?” กู่ฉิงซานส่งเสียงผ่านจิตสัมผัสเทวะ
ลั่วปิงลี่กล่าว “ในยุคนี้ มอนสเตอร์บรรพกาลจักเริ่มการรุกรานเป็นครั้งแรก ระเบิดโจมตีเข้าสังหารเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ผู้ฝึกยุทธนับไม่ถ้วนล้วนถูกกลืนกินโดยพวกมัน นิกายมากมายถูกทำลายล้างลง”
“แล้วจุดประสงค์ที่ข้าถูกส่งมาที่นี่ เพื่ออะไร?” กู่ฉิงซานถามต่อ
“เป็นเหรียญโบราณที่พิเศษออกไป ซึ่งอยู่ในกำมือของจ้าวบรรพกาล ซึ่งเจ้าของมันจักตกตายลงในสงครามครั้งนี้”
“เหรียญโบราณพิเศษที่ว่า มีพลังอำนาจบางอย่างที่สามารถใช้ในการควบคุมยับยั้งเทพวิญญาณได้”
“ในอดีต เหรียญนี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาเนิ่นนานแล้ว ก่อนที่มันจะถูกพรากจากไปโดยเทพวิญญาณ”
“เจ้าจะต้องทำผลงานให้ดีในสงคราม และเมื่อจ้าวบรรพกาลตกตาย เจ้าจะต้องพุ่งตัวไปชิงเหรียญจากมือมันทันที และจะไม่มีใครมาหยุดยั้งเจ้าได้ในเวลานั้น เพราะข้าจะเป็นคนช่วยต้านทานการแทรกแซงของคนอื่นๆ ให้กับเจ้าเอง”
กู่ฉิงซาน “หมายความว่า ข้าจะต้องออกจากโลกใบนี้ทันที หลังจากที่ได้รับเหรียญใช่หรือไม่?”
ลั่วปิงลี่ “ถูกต้องมันคือเหรียญที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด หากเจ้าได้รับมัน จักต้องเร่งจากไปในทันที!”
“แล้วข้าจะสามารถออกไปจากภาพทับซ้อนยุคต่อไปได้อย่างไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ใช้ใบหยกนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าคิดจะจากไป จงถ่ายเทพลังวิญญาณเพื่อเปิดใช้งานมัน”
กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างในมือของเขา
เจ้าตัวก้มหน้าลง และพบว่าปรากฏใบหยกขึ้นในมือ
รูปแบบของใบหยกนี้ไม่แตกต่างไปจากใบหยกแผ่นอื่นๆ เลย เว้นไว้แต่ สองตัวอักษรที่สลักอยู่ใจกลาง นั่นคือคำว่า ‘เซินซุ่ย’สะเทือนดั่งปรารถนา
เขาใส่ใบหยกไว้ในอกเสื้อ แล้วชิ้นเสี้ยวใบหยกก็ประกบรวมเข้ากับใบหยกอื่นๆ ทันที
ในเวลาเดียวกัน บรรทัดแสงตัวอักษรขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นในหน้าต่างเทพสงคราม
“คุณได้รับฐานชิ้นส่วนสำคัญของใบหยก และตอนนี้ ระบบสามารถแสดงข้อมูลของมันได้แล้ว”
“ชื่อไอเท็ม ใบหยกว่ายเวียนโลกสวรรค์ (เศษชิ้นส่วน)”
“คุณภาพ พิเศษ”
“พงศาวดารวันสิ้นโลก สิ่งนี้คือความลับในบรรดาความลับ คือการตกผลึกทางภูมิปัญญาขั้นสูงสุดของผู้ฝึกยุทธเผ่าพันธุ์มนุษย์ และไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไปมาก่อน”
“วิชายุทธเทพสงคราม นับจากนี้ไป คุณสามารถเรียนรู้วิธีการสร้างใบหยกว่ายเวียนโลกสวรรค์ ได้แล้ว”
กู่ฉิงซานกวาดสายตาอ่าน และไม่สนใจมันอีกต่อไป
เขาเก็บใบหยก ปากเอ่ยถาม “เหลือเวลาอีกเท่าใด กว่าที่มอนสเตอร์บรรพกาลจะบุกเข้ามา?”
ลั่วปิงลี่ “ไม่เหลือเวลาแล้ว น่าจะเป็นในตอนนี้เลย”
เปรี้ยง!
เสียงสะท้านสะเทือนขนาดใหญ่ ดังขึ้นจากทุกทิศทาง
ผืนดินสั่นระริก ตลอดทั้งขุนเขาก็สั่นไหวจนมิอาจมองได้ชัดถนัดตา
บังเกิดเสียงกรีดร้องโวยวายนับไม่ถ้วนดังขึ้น
วินาทีนั้น ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าก็หายไป
โลกทั้งใบถูกโยนลงสู่ความมืดมิด
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ปรมาจารย์ขุนเขาเมฆาพยศ ตะโกนถาม
“ผู้นำนิกายมิได้อยู่ที่นี่ ฉะนั้นพวกเราไปตรวจสอบด้วยกันเถิด” ลั่วปิงลี่กล่าว
ปรมาจารย์ขุนเขาคนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย
“ส่วนงานประลองไม่จำเป็นต้องยกเลิก ให้เหล่าอาวุโสดูแลต่อแทน สาวกทั้งหมดจงทำการประลองต่อไป” ปรมาจารย์ขุนเขารุ่งอรุณโบราณประกาศ
“รับบัญชา!” สาวกทุกคนน้อมรับคำ
ร่างของเหล่าปรมาจารย์ขุนเขาทะยานขึ้น ผลุบเข้าไปในความว่างเปล่า ออกไปจากช่องฟ้านิกาย
กู่ฉิงซานขยับกายตั้งท่วงท่าเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าสงครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า
จากนั้น ตนเองก็ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการต่อสู้
และด้วยพลังวิญญาณสายฟ้า ‘ฝันร้าย’ เทคนิคดาบ และขอบเขตเบิกเนตรมิติของตน ย่อมต้องสามารถสำแดงความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่ โดดเด่นในหมู่มวลสาวกวังสวรรค์ได้ไม่ยาก
ทว่าเพียงแค่คิด จู่ๆ พื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ดูเหมือนว่าการรุกรานของมอนสเตอร์บรรพกาลจักบ้าคลั่งและโหดร้ายไม่น้อย
กู่ฉิงซานขบคิดอย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปอีกครั้ง
เปรี้ยง!!!
อำนาจเหลือคณาวิ่งกระแทกทะลวงช่องฟ้าทางเข้านิกาย ปะทะโครม!เข้าใส่ขุนเขารุ่งอรุณโบราณโดยตรง
ภายใต้สายตาของทุกผู้คน เห็นแค่เพียงขุนเขารุ่งอรุณโบราณถูกเป่าหายกลายเป็นซากปรักหักพังลอยฟุ้งไปทั่วฟ้า
กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว
นี่คล้ายว่ามีบางอย่างผิดแผกออกไป
เขาจดจำได้อย่างชัดเจน ว่าแม้จะเป็นหลังจากนี้ไปอีกหลายปี ในช่วงที่เขาพบหน้าเซี่ยกู่หงส์เป็นครั้งแรก สภาพของขุนเขารุ่งอรุณโบราณก็ยังอยู่ดี
กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป จีบเข้าด้วยวิชาลับยับยั้งลมหายใจ แทรกตัวไปในฝูงชน หลบเร้นอยู่ในมุมที่ธรรมดาที่สุด
วินาทีต่อมา สองร่างก็ถูกอัดร่วงลงมาจากฟากฟ้า
โครม โครม!
ร่างดังกล่าวกระแทกเข้ากับพื้น บังเกิดเสียงอึงอลหนักทึบ
สาวกหญิงหลายคนพากันกรีดร้องออกมา
นั่นเพราะในสายตาพวกเธอ สองร่างที่ร่วงตกลงมาคือศพของปรมาจารย์ขุนเขาเมฆาพยศและปรมาจารย์ขุนเขาวารีกระจ่าง!
ดวงตาของกู่ฉิงซานหดลีบลงอย่างกะทันหัน
ทั้งหมดนี่… มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?
ในยุคต่อๆ มา เห็นได้ชัดว่าสองปรมาจารย์ขุนเขา ยังมีชีวิตอยู่ชัดๆ แล้วทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงได้ตกตายลงที่นี่?
ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง สะบัดเงยหน้าขึ้น
เห็นแค่เพียงช่องฟ้าในอากาศถูกฉีกกระชากออก
ทวยเทพนับไม่ถ้วนที่สาดแสงจรัสสุกใส และมอนสเตอร์บรรพกาลปกคลุมหนาแน่นเต็มผืนฟ้า!
บางคนตะโกนขึ้นด้วยความสิ้นหวัง “ไม่จริง! เหตุใดเทพวิญญาณจึงได้ละทิ้งพวกเรา และหันไปช่วยเหลือมอนสเตอร์บรรพกาลกัน!?”
เทพวิญญาณ!
มอนสเตอร์บรรพกาล!
ทั้งสองเผ่าพันธุ์กลับร่วมมีกันโจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์!
เรื่องราวเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
กู่ฉิงซานก้าวถอยหลังไปทีละก้าว ทีละก้าว
เขาค้นพบว่าสถานการณ์ในปัจจุบันผิดปกติอย่างยิ่ง
เขาสมควรจะหลบหนีออกไปจากภาพทับซ้อนนี้เลยดีหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้รับเหรียญโบราณที่สามารถใช้ควบคุมยับยั้งเทพวิญญาณเลย
มือของกู่ฉิงซานลูบไล้ใบหยกว่ายเวียนโลกสวรรค์ ลังเลอยู่พักหนึ่ง
แต่แล้วลั่วปิงลี่ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
ทั้งร่างของเธอปกคลุมไปด้วยเลือด เอื้อมไปคว้าจับมือของกู่ฉิงซาน
ทันใดนั้นกู่ฉิงซานพลันตระหนักได้ว่า อัตราการไหลของกาลเวลาทุกสารทิศชะลอตัวลง
มนุษย์ทุกคน กระทั่งเทพวิญญาณ หรือมอนสเตอร์บรรพกาลบนท้องฟ้า ตนแล้วตนเล่าเชื่องช้าลงราวกับภาพสโลโมชั่น
คาดว่าน่าจะเป็นลั่วปิงลี่ที่ใช้ออกด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง
“ข้าสามารถหน่วงเวลาได้ชั่วครู่ ฉะนั้นตอนนี้ เจ้าจงตั้งใจฟังข้าให้ดี”
เธอกล่าวอย่างรวดเร็ว “ภาพทับซ้อนยุคนี้ ได้ถูกค้นพบแล้วโดยเทพวิญญาณ และพวกเขากำลังจะทำลายที่นี่”
“เจ้าไม่สามารถฉกฉวยเหรียญโบราณได้อีกแล้ว เวลานี้ ที่เจ้าทำได้เพียงอย่างเดียวคือเร่งออกไปจากที่นี่ทันที ไปยังยุคภาพทับซ้อนต่อไป”!
“รีบหนีไปซะ!”
กู่ฉิงซานรับฟัง ก็ถ่ายเทพลังวิญญาณลงในใบหยกทันที
ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นผลุบออกมาจากใบหยก โอบอุ้มร่างกายเขาเอาไว้
ขณะที่เขากำลังจะจากไป กู่ฉิงซานก็เห็นว่าอัตราการไหลของเวลารอบตัวเขาค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ
ลั่วปิงลี่เองก็กำลังประกบสองมือประสานวิธีลับ คล้ายกำลังจะเปิดใช้งานเทคนิคเต๋าบางอย่างเช่นกัน
บังเกิดระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นโอบเข้าร่างกายของเธอ
นี่ดูเหมือนว่า ตัวเธอเองก็ตั้งใจจะหลบหนีไปจากยุคภาพทับซ้อนในปัจจุบันเช่นกัน
“เจ้าไปก่อนเลย แล้วข้าจะตามเจ้าไปทีหลัง” เธอส่งเสียงมา
“เข้าใจแล้ว” กู่ฉิงซานรับคำอย่างว่องไว
แต่แล้วในจังหวะนั้นเอง บนท้องฟ้า จู่ๆ เทพวิญญาณก็สามารถตรวจพบได้ถึงความผันผวนของห้วงกาลเวลา
มันโฉบลงมาอย่างรวดเร็ว ง้างหอกในมือ และจ้วงปลายแหลมเข้าใส่ลั่วปิงลี่
มันคิดจะคร่ากุมชีวิตของเธอ!
ในความคิดของลั่วปิงลี่ ขณะนี้เธอกำลังประสานมือใช้ออกด้วยวิชาลับอยู่ และมันยังไม่สมบูรณ์ ส่วนกู่ฉิงซานก็กำลังจะจากไป นี่หมายความว่าไม่มีใครช่วยเธอได้!
ในแววตาของลั่วปิงลี่เผยให้เห็นถึงความสิ้นหวัง
ต้องรู้นะว่า ยามเมื่อกำลังใช้ออกด้วยเทคนิคมิติและเวลา ตัวเราไม่ควรจะฟุ้งซ่าน หรือมีสิ่งใดมาขัดจังหวะ มิฉะนั้นคงเกิดความล้มเหลวก่อนจะใช้งานมัน
ในขณะเดียวกัน ถ้าเธอเลิกใช้เทคนิคมิติเวลา แน่นอนว่าย่อมสามารถต้านทานการโจมตีนี้ของเทพวิญญาณได้ แต่สุดท้ายก็จำต้องพัวพันกับเทพวิญญาณ มิอาจปลีกตัวหลีกหนีไปไหนได้
ในทำนองเดียวกัน ถ้าเธอยังฝืนใช้เทคนิคมนตรามิติต่อไป เธอก็จะถูกเทพวิญญาณสังหารลงโดยตรง
ไม่ว่าจะเลือกหนทางใด จุดจบคงไม่พ้นความตาย
ในระหว่างช่วงเวลาเดือดพล่าน กู่ฉิงซานตะโกนเตือนขึ้นทันใด “จงร่ายเทคนิคมนตราต่อไป!”
ลั่วปิงลี่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ยอมเชื่อใจเขา กัดฟันร่ายเทคนิคมนตราในมือต่อไป
ขณะเดียวกัน วิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซานก็กวาดข้ามกายลั่วปิงลี่ มองตรงไปยังเทพวิญญาณ
ภายในคู่ดวงตาของเขา คล้ายกับว่ามีเงาดาบเหลืออนันต์กำลังกระชากไปมาอย่างบ้าคลั่ง
เปิดใช้งาน เนตรสะบั้นจิตวิญญาณ!
ในพริบตา เทพวิญญาณก็หายวับไปจากโลก และปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในทันที
มันบังเกิดความสับสนโดยสิ้นเชิง กับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
มันยั้งฝีเท้าเต็มกำลัง หยุดยั้งอยู่ในท่วงท่าป้องกันกลางอากาศ จ้องมองกู่ฉิงซานด้วยความเย็นชา
แต่นั่นคือสิ่งที่กู่ฉิงซานคาดหวังเอาไว้
เพราะใบหยกในมือของกู่ฉิงซาน ได้ถูกกระตุ้นใช้งานโดยสมบูรณ์แล้ว!
ใบหยกส่งเสียงฮู้ม...เบาๆ ชักนำตัวเขาหายวับไปจากชิ้นส่วนภาพทับซ้อนของมิติเวลา
ลั่วปิงลี่เองก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิด เธอสับมืออย่างว่องไว เกิดเสียงฉัวะ! คล้ายกับมีดที่มองไม่เห็นกรีดอากาศ เปิดช่องว่างมิติขึ้นทันใด
แล้วเธอก็มุดเข้าไป หายวับไม่อาจค้นพบถึงร่องรอยได้อีกเลย
.........................................