ตอนที่ 729 ความทะเยอทะยานของราชินี
ณ โลกอารยธรรมแห่งหอคอยสูง
ภายในวิหารแห่งความรู้
ช่วงเวลานี้ พิธีต้อนรับอันยิ่งใหญ่ได้สิ้นสุดลงแล้ว เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างก็แยกย้ายกันไป
บริวารและผู้ศรัทธาบางส่วนกำลังวุ่นอยู่กับการเก็บกวาด
ทว่าแม้จะยุ่งและวุ่นวาย แต่สีหน้าของทุกคนกลับเต็มไปด้วยความสุข
ลากยาวกระทั่งถึงกลางดึก ในที่สุดเหล่าบริวารและผู้ศรัทธาก็ทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกวิหารจนเสร็จสิ้น
จากนั้น ภายใต้คำสั่งของบิชอป ทุกคนก็เริ่มจัดสถานที่ทดสอบอีกครั้ง
นี่เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะจะต้องทำมันในทันที ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะสายเกินไป
เนื่องจากนับแต่พรุ่งนี้ไป ทางเข้าวิหารคงมิแคล้วคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่จะเข้าร่วมศรัทธา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม
เพราะในระหว่างพิธีต้อนรับราชินีแห่งหนามในช่วงกลางวัน จู่ๆ เธอก็ได้ประกาศว่าจะบริจาคทรัพย์สมบัติจำนวนมากให้แก่ทางวิหาร
และมันเป็นสมบัติจำนวนมหาศาลที่ถึงขั้นสามารถทำให้ตลอดทั้งดินแดนชิงอำนาจเคลื่อนไหวได้
แม้กระทั่งพระสันตะปาปาเองก็ยังปลื้มปีติ เขาดูคล้ายกับกลายเป็นหนุ่มน้อย อ่อนวัยลงกว่าเดิมนับสิบๆ ปี
และต้องไม่ลืมนะว่า วันนี้มันยังมีเรื่องแสนพิเศษเพิ่มอีกหนึ่ง!
นั่นคือ ในช่วงเช้า เทพวิญญาณได้เสด็จลงมายังโลก
เบื้องหน้าของทุกสิ่งมีชีวิต ในดินแดนชิงอำนาจ เทพวิญญาณได้ทำการ ‘ผนึกผู้ไม่เชื่อฟัง’
หลังจากนั้น ในช่วงที่พิธีเฉลิมฉลองยามบ่ายพึ่งเริ่มต้น ราชินีแห่งหนามก็ได้บริจาคทรัพย์ให้อย่างกะทันหัน ชนิดที่ว่า สร้างความสั่นสะเทือนยิ่งกว่าการปรากฏกายของเทพวิญญาณซะอีก! การบริจาคในครั้งนี้ส่งอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงกับทางคริสตจักร
ด้วยการบริจาคในครั้งนี้ อย่างน้อยๆ เป็นเวลากว่าสามสิบปี นักบวชทุกคนในวิหารไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายใดๆ เลย!
ยิ่งไปกว่านั้น นักบวชทุกคนในวิหารแห่งความรู้ ยังได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษจากทางอาณาจักรหนามนั่นคือ ได้รับเกียรติเป็นอัศวินกิตติมศักดิ์ของทางอาณาจักรหนาม
ซึ่งในโลกสองร้อยล้านชั้นของดินแดนชิงอำนาจ อัศวินกิตติมศักดิ์แห่งอาณาจักรหนาม มีสิทธิ์สามารถเบิกใช้เหรียญหมายเลขห้าร้อยกว่าหนึ่งหมื่นเหรียญ ในโลกใบไหนก็ได้!!
เงินจำนวนนี้ เพียงพอแล้วที่สำหรับให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ สะดวกสบายไปได้ตลอดชีวิต!
และเนื่องจากอำนาจของทางวิหาร ถึงแม้จะมีบุคคลใดเกิดความริษยา แต่ก็มิกล้าโจมตีนักบวชเพื่อยึดทรัพย์อย่างแน่นอน
ไม่มีใครกล้าจัดการกับ ‘ผู้ศรัทธา’ ในเทพวิญญาณอย่างเปิดเผย
ดังนั้น เงินนี่จึงปลอดภัย และไม่สามารถถูกขโมยไปได้
เป็นผลให้ผู้คนสามารถกล่าวได้อย่างไม่ลังเลเลยว่า การพิธีบริจาคของราชินีหนาม ส่งอิทธิพลเหนือล้ำยิ่งกว่าเทพวิญญาณไปแล้ว มันได้กลายเป็นหัวข้อข่าวสำคัญในโลกสองร้อยล้านชั้น ที่ไม่ว่าผู้ใด พอได้ฟังก็ต้องทอดถอนหายใจ
แต่สิ่งนี้มันจะเป็นการทำให้เทพวิญญาณขุ่นเคืองหรือไม่นะ?
ไม่แน่นอน เพราะการกระทำของฝ่าบาท นับว่าเป็นการช่วยพัฒนาคริสตจักรของเทพวิญญาณด้วยเช่นกัน
ในวันรุ่งขึ้น พระสันตะปาปาจะมอบตำแหน่งบิชอปกิตติมศักดิ์ให้แก่องค์ราชินี!
…
ลึกเข้าไปในวิหารแห่งความรู้
ห้องรับแขกของพระสันตะปาปา
แม้ว่ามันจะสายไปนิด แต่การเจรจาลับยังคงดำเนินอยู่ที่นี่
ผู้เข้าร่วมมือเพียงพระสันตะปาปา ราชินี และนายพลข้างกายพระราชินี
พระสันตะปาปากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทลอร่า ในตลอดทั้งหมื่นโลกา ทางวิหารได้สืบเสาะจนล่วงรู้ถึงความลับมากมาย เหตุใดท่านจึงยังดูกังวลอยู่อีก?”
“เป็นเพราะเรายังเยาว์วัยนัก แต่ขณะเดียวกันก็กระตือรือร้น หมายมั่นจะครอบครองในสิ่งที่ปรารถนา หรือเจ้าอาจจะพูดว่าเรากำลังร้อนใจอยู่ก็ได้” ลอร่าตอบ
ระหว่างกล่าว ลอร่าก็เอื้อมมือไปในความว่างเปล่า ควานหาอะไรบางอย่าง
แล้วเธอก็เหยียดไปคว้าจับอะไรบางอย่าง และชักมันออกมา
ปรากฏว่าเป็นถุงมือโซ่เหล็กคู่หนึ่ง ที่กำลังสาดประกายแสงสีทองเข้ม
“อือ? นี่มันเกราะมืออัศวินระดับมหากาพย์ไม่ใช่หรือ? เราโชคดีอีกแล้วในครั้งนี้”
ลอร่าอุทานด้วยความประหลาดใจ และโยนถุงมือไปเบื้องหลังเธอ
อีเลียรับเอาถุงมือไว้อย่างรวดเร็ว
“ฝ่าบาท ท้องพระคลังไม่สามารถยัดอะไรลงไปได้มากกว่าอีกแล้ว ดังนั้นเกรงว่าถุงมือคู่นี้...” อีเลียเอ่ยปาก
“ไม่ใช่ว่าทางเราได้บริจาคสิ่งของมากมายให้แก่วิหารแห่งความรู้แล้วหรอกหรือ?” ลอร่าชิงกล่าว
“ของบริจาคพวกนั้น เป็นส่วนที่วางซ้อนๆ กันอยู่นอกพระคลัง...”
“โอ้...”
ลอร่าหันไปกะพริบตากับเธอ
การบริจาคในครั้งนี้ กลับกลายเป็นว่า มันเป็นแค่การช่วยลดขยะบางส่วนที่อยู่นอกพระคลังเท่านั้นเอง
ทว่าถุงมือเหล็กคู่นี้เป็นสมบัติชั้นมหากาพย์ มันไม่สามารถโยนทิ้งลงไปกองกับ ‘ขยะ’ นอกพระคลังได้
“อีเลีย เก็บถุงมือนั่นไว้สวมใส่เถอะ” ลอร่ากล่าว
อีเลียชูมือขึ้น เผยถุงมือโปร่งสาดแสงสีขาวบริสุทธิ์ที่กำลังสวมใส่ให้ลอร่าดู “ฝ่าบาททรงลืมไปแล้วหรือ? ว่าก่อนที่ท่านจะสุ่มได้ถุงมือโซ่เหล็ก ท่านได้มอบถุงมือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ระดับสิ่งประดิษฐ์เทวะให้กระหม่อมแล้ว”
ลอร่าเริ่มกังวล “เฮ้อ...แล้วเราต้องทำอย่างไรดี จริงสิพระสันตะปาปา เราจะบริจาคคู่ถุงมืออัศวินนี้ให้แก่ท่านอีกชิ้นก็แล้วกัน”
ว่าจบ เธอก็หยิบถุงมือโซ่เหล็กกลับมา และโยนมันลงบนโต๊ะน้ำชา
พระสันตะปาปาแทบจะเก็บแววตาลิงโลดไว้ไม่มิด
“ฝะ...ฝ่าบาทลอร่า ความเอื้อเฟื้อของท่านในคราวนี้ ทางวิหารรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก” พระสันตะปาปากล่าวตะกุกตะกัก
ลอร่าส่ายมืออย่างไม่ใส่ใจ แต่แล้วสีหน้าของเธอก็เริ่มจริงจัง
“ท่านสันตะปาปา เราจะขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมากับท่าน แท้จริงแล้วเราปรารถนาจะล่วงรู้ความลับบางอย่าง”
“ฝ่าบาท วันพรุ่งนี้กระหม่อมจะมอบตำแหน่งบิชอปกิตติมศักดิ์ให้แก่ท่านอยู่แล้ว และเมื่อถึงเวลานั้น ท่านก็สามารถค้นหาข้อมูลทั้งหมดที่ทางวิหารแห่งความรู้เก็บรวบรวมเอาไว้ได้เลย ด้วยตนเองอย่างง่ายดาย”
“ไม่สิท่านสันตะปาปา ท่านคิดว่าการที่เราทุ่มเทถึงขนาดนี้ เพียงเพราะแค่ปรารถนาจะล่วงรู้ถึงความลับธรรมดาๆอย่างนั้นหรือ?”
“ฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไร?”
“เราต้องการทราบถึงความลับของเหรียญ” ลอร่ากล่าว
คิ้วที่ขมวดมุ่นของพระสันตะปาปาคลายลง เขายิ้มและกล่าว “เรื่องนี้ง่ายดายยิ่ง แม้ว่าเหรียญจำนวนมากจะมีฟังก์ชันที่ยอดเยี่ยมซ่อนอยู่ แต่สำหรับ เจ็ดร้อยเหรียญแรก ทางเราได้ล่วงรู้เกี่ยวกับมันเกือบทั้งหมดแล้ว”
ลอร่า “เรามิได้อยากรู้เรื่องพวกนั้น”
พระสันตะปาปายังคงยิ้มแย้ม เขาพยักหน้า “ฝ่าบาท กระหม่อมคาดไม่ถึงเลย ว่าความปรารถนาในการล่วงรู้ความจริงของฝ่าบาท จะควรคู่กับสถานะบิชอปกิตติมศักดิ์ของทางวิหารมากถึงเพียงนี้ ”
“เหรียญสุดท้ายทั้งสามร้อยหนึ่งเหรียญ มันถูกสร้างขึ้นโดยสี่เทพผู้ทรงธรรม มีความลับมากมายยังไม่เป็นที่ล่วงรู้มาถึงพวกเรา กระหม่อมไม่คาดคิดเลย ว่าฝ่าบาทจะกระตือรือร้นที่จะไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเหรียญเหล่านั้น”
พระสันตะปาปากล่าวด้วยความยินดี “การตามหาความจริง ก็เปรียบดั่งการหาที่มาของอารยธรรมของตนเอง การล่วงรู้ถึงความจริงของเหรียญที่เทพวิญญาณสร้างขึ้นมาก็ประเสริฐยิ่งเช่นกัน ตราบใดที่ฝ่าบาทยังคงรักษาความสงสัยใคร่รู้นี้เอาไว้ได้ วันหนึ่ง ข้าสามารถให้ชื่อที่มีเกียรติยศยิ่งกว่านี้ให้ท่านได้”
ลอร่าพยายามรักษาความสงบ “ท่านเข้าใจผิดแล้ว อันที่จริง เรามิได้สนใจเหรียญ ‘หลักร้อย’ เหล่านั้นเลย”
พระสันตะปาปาแทบสำลัก
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ เขาก็ค้นพบว่าตนเองมิเข้าใจเด็กสาวตัวน้อยเบื้องหน้าอย่างสมบูรณ์
พระสันตะปาปา “นี่...ท่านกำลังต้องการจะสื่ออะไร...”
ลอร่าลดเสียงของเธอลด จนแทบกระซิบ “ท่านสันตะปาปา เราอยากจะล่วงรู้ความลับของสามเหรียญสุดท้าย”
รอยยิ้มบนใบหน้าของพระสันตะปาปาปิดสนิทลง น้ำเสียงดังดูแหบแห้งไปนิด “สามเหรียญสุดท้ายถูกสร้างขึ้นมาเพียงอย่างละหนึ่งเท่านั้น ฝ่าบาท มันอาจจะเป็นปัญหาหากท่านคิดสืบเสาะร่องรอยของพวกมัน ดังนั้นทางคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ย่อมยินดีที่จะร่วมการค้นหามันไปพร้อมๆ กันท่าน”
ลอร่า “ท่านผิดแล้ว ตอนนี้เราไม่ต้องการความช่วยเหลือในด้านค้นหาจากทางคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ เพราะเราย่อมมีวิธีการที่จะใช้ตามหาทั้งสามเหรียญนั่นด้วยตนเอง”
เธอมองไปยังพระสันตะปาปา และเห็นถึงความหวาดกลัวบางอย่างในสายตาของฝั่งตรงข้าม
“ท่านสันตะปาปา คงจะคาดเดาได้แล้วใช่หรือไม่ ว่าเราเองก็ล่วงรู้ถึงเรื่องนั้น” ลอร่ากล่าว
“เรื่องอะไร?” พระสันตะปาปาสวนกลับ
“ต้นไม้โบราณได้บอกกับเราแล้ว ว่า มันเกี่ยวกับการทำให้คนตายกลับมามีชีวิต และการทำให้ทุกอย่างไหลย้อนกลับ แต่รายละเอียดเบื้องลึกแบบเฉพาะเจาะจงของมันยังไม่อาจรู้ได้”
พระสันตะปาปาผุดลุกขึ้น กล่าวอย่างรวดเร็ว “นี่ก็ดึกมากแล้ว ฝ่าบาท โปรดทรงกลับไปเถอะ”
ลอร่ายังคงนั่งนิ่ง เอ่ยอย่างช้าๆ “ท่านลืมเลือนแล้วหรือไร ว่าเราบริจาคไปมากเท่าใด -คิดจะไล่เราออกไปทั้งๆ แบบนี้เลยหรือ?”
พระสันตะปาปาเอ่ยเสียงเย็นชา “ฝ่าบาท วิหารแห่งความรู้สามารถดำรงอยู่ได้ แม้ไม่ได้รับสินน้ำใจจากท่าน และวิหารแห่งความรู้จะไม่มีทางเผยเรื่องราวต้องห้าเด็ดขาด ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นท่านก็ตาม”
เขาดึงประตูเปิดออก “เชิญท่าน ฝ่าบาท การสนทนาของพวกเราจบลงแล้ว และได้โปรดอย่ากลับมายังวิหารแห่งความรู้อีก!”
อีเลียมองลอร่าด้วยความกังวล และขยับมาใกล้เธอเพื่อปกป้องอย่างเงียบๆ
“ไม่เป็นไรหรอกอีเลีย ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเอง เรายังมีบางอย่างที่จะพูดกับพระสันตะปาปา”
ว่าจบ ลอร่าก็เปิดกระเป๋าใบเล็กๆ ของเธอ และหยิบเอากล่องดำออกมา วางมันลงบนโต๊ะน้ำชาเบาๆ
“โปรดดูสิ่งนี้” ลอร่ากล่าว
เธอเปิดกล่อง และปิดมันทันที
ในช่วงเวลานั้น พระสันตะปาปาได้เห็นถึงกระดูกนิ้วสีดำ กำลังนอนอยู่ภายในกล่องอย่างเงียบๆ
ขณะที่กล่องถูกเปิดออก...
เปลวไฟสีซีดพลันลุกโชนขึ้นจากกระดูกนิ้วสีดำนั่น เล็ดลอดออกมาจากกล่อง ราวกับหมอกในอากาศ มิอาจสลายจากกันได้เป็นเวลานาน
พระสันตะปาปาจ้องมองเปลวเพลิงสีขาวเมื่อครู่ สูญสิ้นความสงบในจิตใจ “นั่นคือเทพวิญญาณแห่งข้า...”
โดยไม่รู้ตัว เขาได้ปิดประตูกลับคืน
“ท่านสันตะปาปา สามารถรู้สึกถึงมันได้ไหม?” ลอร่าถามเสียงกระซิบ
พระสันตะปาปาจ้องมองเปลวไฟ บนหน้าผากของเขา เหงื่อเย็นค่อยๆ รวมตัวกัน คล้ายเม็ดถั่วขนาดใหญ่
“ท่านมันปีศาจ” เขาพึมพำ
“เปล่าซะหน่อย นี่มันเป็นแค่ของแลกเปลี่ยนต่างหาก” ลอร่ากล่าว
“แต่การกระทำเช่นนั้น ถือว่าไม่ให้ความเคารพต่อเทพวิญญาณ” พระสันตะปาปาสวนกลับไป
“ไม่เคารพต่อเทพวิญญาณอย่างไร? กระดูกนิ้วนี่ ไม่ได้เป็นของสี่เทพทรงธรรม หรือมาจากร่างของเจ็ดเทพปีศาจ มันเป็นของเทพวิญญาณตนใดไม่รู้ที่ตกตายลงไปเมื่อนับล้านๆ ปีที่ผ่านมาแล้ว”
ลอร่ายิ้ม “ดังนั้น เรามั่นใจว่านี่จึงมิใช่การล่วงเกินต่อเจ็ดเทพ และจะขอมอบมันให้แก่ท่าน”
กระดูกนิ้วมือของเทพวิญญาณ…
และเป็นของเทพวิญญาณตนใดก็ไม่รู้
ซึ่งนี่มันแตกต่างจากเจ็ดเทพที่รู้จักกันดี ฉะนั้นย่อมต้องมีความลึกลับของทวยเทพที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนอยู่แน่ๆ
ดวงตาของพระสันตะปาปา ติดตรึงอยู่กับกล่อง กลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาว และซับเหงื่อเย็นของเขา
หรือว่าจะสังหารอีกฝ่ายลงแล้วชิงมาตอนนี้เลยดี?
พระสันตะปาปามองไปยังเด็กสาวตัวน้อยฝั่งตรงข้าม
เด็กสาวส่งรอยยิ้มจางๆ กลับมา คล้ายกับรับรู้ถึงความคิดเบื้องลึกในจิตใจของเขา
กิ่งก้านและใบไม้สีเขียวผุดจากเบื้องหลังเธอ และโอบรัดเธอเบาๆ
เป็นรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาม!
บ้าจริง! เจ้าสิ่งนี้ก็เปรียบได้ดั่งการดำรงอยู่ของเทพวิญญาณ
มันกำลังปกป้องเธอ แบบนี้อย่างไรก็ไม่มีทางใช้กำลังชิงกระดูกนิ้วมาได้!
พระสันตะปาปาพยายามควบคุมอารมณ์ เปล่งเสียงกระซิบ “ฝ่าบาทลอร่า ท่านต้องการอะไร?”
“จงบอกความลับแก่เรา และการบริจาคให้กับวิหารแห่งความรู้จะไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนสิ่งที่อยู่ในกล่องใบนี้ เราจะมอบให้แก่ท่านเป็นการส่วนตัว”
“หรือท่านจะปฏิเสธก็ได้ แต่เราเชื่อว่าย่อมต้องมีผู้อื่นล่วงรู้เรื่องนี้อยู่อีกอย่างแน่นอน”
ลอร่าลดเสียงลงและกล่าว “ต่อให้ท่านไม่พูด แต่หากเรามอบกระดูกนิ้วเทพวิญญาณให้แก่ทางวิหารอื่น ท่านคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
พระสันตะปาปาเงียบงันไปครู่หนึ่ง
แล้วจู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมาทันที
พระสันตะปาปาส่ายศีรษะ ที่เต็มไปด้วยห้วงอารมณ์ “ท่านลอร่า ขอแสดงความยินดีกับการได้รับตำแหน่งบิชอปแห่งวิหารแห่งความรู้อย่างเป็นทางการ”
“ยอดเยี่ยม แต่อย่าลืมนะว่ารุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ที่นี่ ฉะนั้นท่านสันตะปาปาได้โปรดบอกความลับมา อย่าได้โกหก จากนั้นท่านสามารถนำกล่องนี้ไปได้”
“…ฝ่าบาท รับฟังให้จงดี ข้าจะเอ่ยมันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
“รบกวนด้วย”
“นั่นเป็นช่วงยุคสมัยที่รุ่งโรจน์ที่สุดของเทพวิญญาณ สามเหรียญสุดท้ายถูกหล่อหลอมขึ้นโดยเทพวิญญาณจากยุคโบราณทั้งสามสิบสามองค์ เหล่าทวยเทพได้ทุ่มความพยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อสรรค์สร้างอำนาจที่เหนือล้ำยิ่งกว่าเทพองค์ใดลงไปในเหรียญทั้งสามนี้”
“แต่ละเหรียญล้วนถือครองอำนาจแต่ละส่วน ท่านจะต้องรวบรวมพวกมันทั้งสาม และกระตุ้นพวกมันด้วยสิ่งมีชีวิตพิเศษทั้งสามที่แสดงอยู่บนเหรียญ เมื่อนั้นท่านจึงจะได้อำนาจที่ว่านั่นมาครอบครอง”
“ที่กล่าวมานั่นเป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่?” ลอร่ากำหมัดแน่น หอบหายใจถี่ระรัว
“ย่อมเป็นเรื่องจริง เพราะนี่คืออำนาจสูงสุดที่จะสามารถเรียกคนตายให้ฟื้นคืนกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง สามารถควบคุมกระแสห้วงกาลเวลาให้ไหลย้อนกลับ และเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของทุกสิ่งมีชีวิต!”
..........................................