webnovel

0720 อัญเชิญ

ตอนที่ 720 อัญเชิญ

ภายในตลาดมืด

บางคนวางพระคัมภีร์ทั้งเจ็ดเล่มลงเบื้องหน้า กวาดสายตาอ่านมัน ขบคิดอย่างหนัก

บางคนก็รวมกลุ่ม แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน

บางคนก็หายเข้าไปในความมืดมิด หลบเร้นออกไปอย่างเงียบๆ

ในตลาดมืด ยิ่งนาน ผู้คนก็ยิ่งบางตา

มืออาชีพคนหนึ่งเหมือนจะตระหนักได้ถึงสถานการณ์ เขาเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยความสงสัย “เอ๋? ฉันรู้สึกไปเองรึเปล่านะ ว่าที่นี่มีคนน้อยลง?”

อีกคนที่กำลังนั่งอ่านเจ็ดพระคัมภีร์อยู่ข้างกายเขา กล่าวเป็นจริงเป็นจัง “คนอื่นอาจจะถอดรหัสกวีพยากรณ์จนสามารถมุ่งหน้าสู่เขาวงกตแล้วก็ได้ ตอนนี้ฉันเกรงว่าคงต้องรีบกันหน่อยแล้ว”

ชายคนแรกสีหน้าซีดเซียวลง “หมายความว่าพวกเราจะไม่มีโอกาสแล้วเหรอ?”

สหายของเขากล่าว “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เขาวงกตน่ะถูกสร้างขึ้นโดยทวยเทพ และการจะหาสิ่งประดิษฐ์เทวะให้เจอมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าได้เสียเวลาพูดแล้ว รีบถอดรหัสพระคัมภีร์ต่อเถอะ”

ประตูเขาวงกตถูกผลักเปิดออก

บนโถงทางเดินยาว รูปปั้นที่ถืออาวุธในมือ ถูกจัดวางเรียงไว้สองฟากฝั่ง

ในช่วงกลางของโถงทางเดินยาว ปรากฏให้เห็นถึงรูปปั้นขนาดใหญ่ถูกตั้งยืนหยัดอย่างมั่นคง

มันคือยักษ์ที่สวมใส่เกราะรบทั่วทั้งตัว

ในมือถือขวานสงครามขนาดใหญ่ ออกท่วงท่าง้างสูงขึ้น คล้ายกับว่ากำลังเตรียมพร้อมที่จะโจมตีออกไป

แม้จะไม่มีใครควบคุมขวานสงคราม ทว่าบนคมขวาน กลับบังเกิดภาพทับซ้อน ผันเปลี่ยนเวียนวน ตัดเฉือนอากาศจนบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเส้นแสงสีดำ

“นั่นเป็นจิตอาร์ติแฟค”

ซีน้อยชี้ไปยังขวานสงคราม ให้กู่ฉิงซานดู

กู่ฉิงซานพยักหน้า

ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ว่าในโลกสมบัติของทริสเต้ ครั้งหนึ่งลอร่าเองก็เคยนำจิตอาร์ติแฟคออกมา และมอบมันให้แก่หลี่อันเพื่อเป็นรางวัลเหมือนกัน

ในช่วงเวลานั้นหลี่อันเกรงว่ากู่ฉิงซานจะไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ จึงได้บอกแก่กู่ฉิงซานว่าจิตอาร์ติแฟคนั้นมีราคาสูงเพียงใด

จิตอาร์ติแฟคครอบครองทุกชนิดของพลังงานอันน่าตื่นตะลึง ผู้ใช้มันแข็งแกร่งเท่าใด จิตอาร์ติแฟคก็จะระเบิดอำนาจได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น

จิตอาร์ติแฟคจึงเปรียบดั่งสรรพนามที่ใช้เรียกสมบัติล้ำค่า

ในดินแดนชิงอำนาจ นอกเหนือไปจากเหรียญทั้งหนึ่งพันหนึ่งเลขแล้ว ก็เป็นจิตอาร์ติแฟคที่แหละที่เป็นของล้ำค่า สามารถหมุนเวียนแลกเปลี่ยนกันในกลุ่มผู้คนได้

ดวงตาของกู่ฉิงซานเลื่อนไปยังรูปปั้นยักษ์

“ส่วนที่นายมองอยู่ นั่นคือผู้พิทักษ์หุบเหวแห่งบาป ฉันเคยเห็นเขามาก่อน และบรรดาคนที่อยู่รอบตัวคือผู้รับใช้ของเขา”

“ดูเหมือนว่าเมื่อจิตวิญญาณถูกคุมขังโดยมอนสเตอร์ ร่างกายก็จะกลายเป็นรูปสลักหินแบบนี้สินะ” กู่ฉิงซานกล่าว

ซีน้อยเตือน “พวกเราเร่งฝีเท้าเถอะ เพราะถ้าหากมอนสเตอร์ดันมาเข้าสิงร่างผู้พิทักษ์ตนนี้ คงเกิดปัญหาไม่ดีตามมาแน่ๆ”

“ใช่แล้วล่ะ ฉันเองก็คิดว่ามันน่าจะกลับมาในเร็วๆ นี้เหมือนกัน” กู่ฉิงซานกล่าว

ด้วยความแข็งแกร่งส่วนตนของผู้พิทักษ์หุบเหวแห่งบาป ประจวบกับจิตอาร์ติแฟคที่เขาถือครองอยู่ แม้จะไม่รู้ว่าแต้มพลังวิญญาณของเขาอยู่ในระดับใด แต่มันคงมิแคล้วยากที่จะต่อกร

กู่ฉิงซานกุมมือซีน้อย บังเกิดแสงกะพริบไหว

สกิลเทวะ ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว!

ทั้งสองปรากฏขึ้นทันทีในอีกสุดปลายด้านหนึ่งของโถงทางเดิน

พวกเขาเร่งออกจากโถงทางเดิน ผลักเปิดประตู และก้าวเข้ามาในสวน

เบื้องบน แสงทั้งเจ็ดยังคงเปล่งรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ตาม มันน่าแปลกใจจริงๆ ที่ในสวนแห่งนี้ กลับปรากฏหิมะร่วงโรยลงมา

หิมะเริ่มตกหนักขึ้น สายลมหนาวพัดหวนไปตลอดทั้งสวน

ถนนหลายสายทอดยาวออกไปทุกทิศทางในสวน นำไปสู่สิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่นับร้อยที่อยู่สูงขึ้นไปบนเขา ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก ในวงกตนี้มีภูเขาอยู่จริงๆ แถมข้างบนภูเขา ก็ยังมีน้ำตกทอดยาวลงมา ลากไกลไปถึงยอดแหลมและบังกะโลอีกจำนวนหนึ่ง

ท่ามกลางสวน ปรากฏถึงผู้พิทักษ์หุบเหวแห่งบาปมากมายที่ถูกแปรสภาพให้กลายเป็นรูปปั้น กระจายตัวอยู่ทั่วทุกหนแห่ง

รูปปั้นยืนนิ่ง คอยเฝ้าอยู่ตามทางเดิน ปกป้องสถานที่ที่ถนนจะนำพาไป

“แบบนี้สิค่อยดูเหมือนวงกตหน่อย ถนนหลายสิบหลายร้อยสายนี้ทอดยาวไปสู่สิ่งปลูกสร้างมากมาย เกรงว่าเวลานี้คงต้องพึ่งสกิลในการค้นหาสิ่งประดิษฐ์เทวะของนายแล้วล่ะ ว่าพวกมันจะไปซ่อนอยู่ที่ไหน”

กู่ฉิงซานหันไปมองรอบๆ

ถนนทุกสายถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ และไม่ปรากฏร่องรอยของรอยเท้าใดๆ เลย

ดูเหมือนว่าผู้พิทักษ์หุบเหวแห่งบาปเหล่านี้จะตกอยู่ในการควบคุมมาเป็นระยะเวลานานแล้ว

สิ่งปลูกสร้างที่มองเห็นล้วนแต่ถูกสร้างขึ้นมาตามลักษณะของวิหาร ตามความทรงจำที่ค้นวิญญาณมาจากนายพลที่ร่วงตกลงมาตายในร้านอาหาร เพียงมองรูปลักษณ์ภายนอกของสิ่งปลูกสร้าง ก็สามารถบ่งบอกการใช้งานของมันได้

กู่ฉิงซานเลือกหนึ่งในสามตำแหน่งที่อยู่ใกล้ที่สุด ที่กำลังแสดงอยู่ใน ‘การค้นหาแห่งปาฏิหาริย์’

มันคือห้องสมุดที่อยู่ใกล้กันกับโบสถ์

ใช่ สิ่งประดิษฐ์เทวะชิ้นแรกถูกซ่อนเอาไว้ภายในห้องสมุด

กู่ฉิงซาน “มันควรจะเป็นทิศทางนั้น”

“งั้นก็ไปกัน” ซีน้อยกล่าว และกำลังจะก้าวไปข้างหน้า

แต่เธอก็ถูกกู่ฉิงซานรั้งตัวไว้

“ยังต้องรออะไรอยู่อีก?” ซีน้อยไม่เข้าใจ

“ถ้าคำนวณตามระยะเวลา มอนสเตอร์ประหลาดนั่นน่าจะกลับมาในเร็วๆ นี้ ถ้าพวกเราอยู่กันสองคนมันจะเดินทางลำบากกว่า ดังนั้นเธอเปลี่ยนเป็นไพ่ซะ คอยซ่อนตัวอยู่กับฉัน ถ้าถึงเวลาจำเป็นฉันจะเรียกเธอเอง” กู่ฉิงซานกล่าว

“เข้าใจแล้ว” ซีน้อยรับคำอย่างว่าง่าย

เธอถอยกลับมาหนึ่งก้าว ทันใดนั้นอักษรรูนโบราณสีมรกตก็พลันห้อมล้อมรอบกายเธอ

ไม่นาน เธอก็กลายเป็นไพ่เขียว และลอยมาตกอยู่ในมือของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานรับไพ่มา ขยับกายวูบไหว ทั้งคนทั้งร่างแปรเปลี่ยนเป็นอินทรีหิมะ

อินทรีหิมะโผบินขึ้นสู่เบื้องบน โฉบขึ้นไปในส่วนลึกของท้องฟ้า

ขณะเดียวกันในสวนเบื้องล่าง ก็ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

ต้องไม่ลืมนะว่ามอนสเตอร์น่ะ มันได้เปลี่ยนผู้พิทักษ์ให้กลายเป็นรูปปั้น

และรูปปั้น ย่อมไม่มีทางลอยบนท้องฟ้าได้

ดังนั้น แม้ว่ารูปปั้นจะสังเกตเห็นถึงอินทรี แต่มันก็ไม่สามารถโจมตีได้ในทันที เพราะอินทรีบินอยู่สูงเกินไป

ในกรณีที่มอนสเตอร์กลับมาอย่างกะทันหัน อย่างน้อยมันก็จะช่วยให้กู่ฉิงซานสามารถซื้อเวลาขบคิดได้

อินทรีหิมะบินมาอยู่เหนือห้องสมุด

มันม้วนตลบในอากาศอย่างรวดเร็ว คราวนี้เปลี่ยนร่างกลายเป็นผึ้ง

ผึ้งน้อยเกาะลงบนเกล็ดหิมะที่กำลังร่วงโรย ลอยตัวลดระดับลงไปตามทิศทางของสายลม กระพือปีกแค่เล็กๆ น้อยๆ ในยามจำเป็น

เกล็ดหิมะร่วงหล่นลงอย่างเงียบๆ บนหลังคาของห้องสมุด

ทว่าผึ้งมิได้จมรวมไปกับชั้นหิมะหนา

แต่มันบินไปยังรูกระเบื้องที่อยู่ใกล้เคียง แปลงกายเป็นมดขนาดเล็ก

พอมดปรากฏกายขึ้น มันก็นิ่งไปชั่วครู่

เพราะจิตสัมผัสเทวะที่มันปล่อยออกมา รับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างภายในสวน

ผู้พิทักษ์หุบเหวแห่งบาปที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายน่าสะพรึง เริ่มขยับเขยื้อน

มอนสเตอร์ได้กลับมาแล้ว

มดนิ่งงัน ไม่ไหวติงไปชั่วขณะหนึ่ง

มันเฝ้ารอคอยอย่างอดทน จนกระทั่งมอนสเตอร์เข้าสู่ตัวตึกไป

เมื่อทางสะดวก มดจึงค่อยเริ่มคืบคลานไปตามช่องว่างเล็กๆ ระหว่างก้อนอิฐและกระเบื้อง ปีนป่ายขึ้นไปคล้ายกับมีทิศทางแน่นอนอยู่ในใจที่

และแล้วมดก็เข้าไปในช่องระบายอากาศ

มันคลานต่อไปตามช่องระบายอากาศที่ทอดยาว สุดท้ายค่อยมาถึงช่องระบายอากาศบนเพดานในห้องสมุด

มดหยุดพักเล็กน้อย โน้มศีรษะก้มลงมองเบื้องล่าง

เห็นแค่เพียงภายในโถงใหญ่ เรียงรายไว้ด้วยชั้นวางที่จัดเรียงหนังสือเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

โดยรูปปั้นเองก็นั่งอยู่ใจกลางห้องสมุด คล้ายกำลังหยิบยืมหนังสือขึ้นมาอ่าน

ไฟจากในเตาผิงส่องกระทบใส่เขา รูปลักษณ์ที่ดูแก่ชราและโศกเศร้าปรากฏออกมา

เขาเป็นมนุษย์ที่สวมชุดคลุมและถือไม้เท้าอยู่ในมือ

การที่สามารถขึ้นเป็นผู้พิทักษ์หุบเหวแห่งบาปทั้งๆ ที่ใช้ร่างกายมนุษย์เช่นนี้ เกรงว่าพลังของคนคนนี้จะต้องแข็งแกร่งไม่น้อยอย่างแน่นอน

มดจ้องมองเขา และถอยกลับไปซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่ยังไงก็สมควรที่จะต้องระมัดระวังเอาไว้ก่อน

แม้รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายจะเหมือนนักเวท แต่หลังจากที่ได้ล่วงรู้ว่าในดินแดนชิงอำนาจมันมีอาชีพพิสดารแปลกใหม่อยู่มากมาย เขาก็ต้องระแวงเอาไว้ก่อน บางทีอีกฝ่ายอาจจะเป็นอาชีพผู้ใช้มนตราที่มีลักษณะการแต่งกายและอาวุธคล้ายคลึงกันก็ได้

หากเป็นนักเวท กู่ฉิงซานสามารถเลือกเข้าต่อสู้ระยะประชิดได้ทันที ฟาดฟันสักสองสามดาบก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้แล้ว

เพราะหากเป็นนักเวท คาถาของอีกฝ่ายมันย่อมต้องตระเตรียมการร่าย ซึ่งการร่ายมันจะไปเร็วกว่าสกิลล่าชีพของกู่ฉิงซานได้อย่างไร?

แต่ถ้าเป็นผู้ใช้มนตรามันจะแตกต่างกันออกไป

ผู้ใช้มนตราไม่เพียงแต่แตกฉานในศาสตร์มนตรา

แต่พวกเขายังมีความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดที่ไม่เลวอีกด้วย

หากกู่ฉิงซานต้องการสังหารผู้ใช้มนตราที่อยู่ในระดับเดียวกันกับราชาแมงป่อง ด้วยความแข็งแกร่งของตน มันคงจะเป็นการยากเกินไป

แถมคราวนี้ หากคิดแปลงกายเป็นราชาแมงป่อง ตนคงจะต้องสูญเสียแต้มพลังวิญญาณเป็นจำนวนมาก

มันจะเป็นการดีที่สุด หากไม่มีการสูญเสียแต้มพลังวิญญาณ

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ต่อให้เขาจะสามารถสังหารชายชราลงได้แล้วก็ตาม แต่ขณะเดียวกันนั่นก็จะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของตนเอง และหลังจากนั้นเจ้าตัวคงถูกมอนสเตอร์ในคราบผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ออกไล่ล่าแบบไม่มีหยุดพัก

ระหว่างขบคิด เสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นในหัวใจของเขา

ซีน้อยเอ่ยปากออกมา “นายรู้ตำแหน่งที่ตั้งของสิ่งประดิษฐ์เทวะแน่ใช่ไหม?”

เธออยากจะรู้จริงๆ ว่ามันซ่อนอยู่ตรงไหน

กู่ฉิงซาน “ฉันเจอมันแล้ว อยู่ถัดไปจากรูปปั้น เบื้องหลังกำแพงตรงเตาผิง”

ซีน้อยประหลาดใจ “ทำไมมันถึงไปซ่อนอยู่ในที่แบบนั้น?”

กู่ฉิงซาน “ในตอนที่เทพวิญญาณมอบเหรียญย้อนเวลาให้ฉัน เขาก็ได้พูดอะไรบางอย่างออกมาอีก”

“พูดอะไร?”

“เขาได้พูดว่า เขาได้สร้างวงกตขึ้นมา และฝังสิ่งประดิษฐ์ทั้งสามเอาไว้ ใช้คำว่า ‘ฝัง’”

ซีน้อย “ดูเหมือนว่าเทพวิญญาณจะหวาดกลัวว่าสิ่งประดิษฐ์เทวะจะไปตกอยู่ในมือของมอนสเตอร์จริงๆ”

กู่ฉิงซาน “เหมือนว่าเทพวิญญาณจะเข้าใจเกี่ยวกับเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้มากทีเดียว พวกเขาคงทราบความคิดของมัน ว่ามันย่อมไม่อาจตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วมีบางสิ่งถูกซ่อนอยู่ในผนัง”

ซีน้อย “งั้นถ้าพวกเราลงไปตอนนี้เลย มอนสเตอร์มันจะสังเกตเห็นไหม?”

“เห็นชัวร์ๆ”

“ทำไมนายถึงได้มั่นใจนักว่ามันจะเห็น?”

“นั่นเพราะมอนสเตอร์จงใจควบคุมรูปปั้นมาหยุดไว้ตรงเบื้องล่าง นั่นหมายความว่า ตราบใดที่รูปปั้นอยู่ที่นี่ มันย่อมมีความสามารถในการตรวจสอบว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นรอบๆ รูปปั้นแน่ๆ และสามารถเข้าสิงรูปปั้นได้ตลอดเวลา” กู่ฉิงซานอธิบาย

“งั้นพวกเราควรทำยังไงดี?” ซีน้อยถาม

กู่ฉิงซาน “ฉันกำลังคิดอยู่”

ซีน้อย “งั้นเอาแบบนี้ดีไหม ฉันจะเป็นคนล่อเขาออกไปเอง”

กู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าว “ด้วยความแข็งแกร่งของเธอในปัจจุบัน เธอจะต้องถูกเขาจับตัวได้อย่างแน่นอน แล้วจากนั้นมอนสเตอร์ก็จะมาฆ่าเธอด้วยผู้พิทักษ์หุบเหวแห่งบาปที่แข็งแกร่งที่สุด”

ซีน้อยยิ้ม “กู่ฉิงซาน พูดแบบนี้แสดงว่านายยังคงไม่เข้าใจวิธีการต่อสู้ของราชทูตตัดสินบาปสินะ”

ปรากฏไพ่ใบหนึ่งขึ้นเบื้องหน้ามดจากในอากาศที่บางเบา

บนไพ่ไม่มีลวดลายใดๆ มีเพียงแค่ตัวอักษรถูกขีดเขียนไว้สามบรรทัดเท่านั้น

“นางฟ้าตัดสินบาปซี ได้ส่งคำขอมา เธอต้องการกลายเป็นหนึ่งในไพ่อัญเชิญของคุณ คุณอนุญาตหรือไม่?”

“เงื่อนไขของสัญญาอัญเชิญ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ”

“ถ้าคุณเห็นด้วย โปรดแตะลงบนไพ่เบาๆ”

มดหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยื่นหนวดของมันค่อยๆ เคาะลงบนไพ่

ทันใดนั้นไพ่ก็กลายเป็นสีเขียวมรกต และตกอยู่เบื้องหน้ามด

ซีน้อยที่อยู่ในไพ่กำลังยกมือขึ้นกุมปาก หัวเราะคิกคักเบาๆ

มดนิ่งอึ้ง มิได้เคลื่อนไหวใดๆ เป็นเวลานาน

“โอเค ต้องขอบอกว่าฉันตกใจจริงๆ นะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“มีอะไรน่าตกใจ? ในเมื่อนายเป็นราชทูตตัดสินบาป ดังนั้นการทำสัญญาอัญเชิญย่อมเป็นเรื่องธรรมดา”

“งั้นฉันจะต้องทำยังไงต่อ?” กู่ฉิงซานถาม

ซีน้อยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “มา! เดี๋ยวพี่สาวจะสอนให้เอง… อันดับแรกเลยนายต้องอัญเชิญฉัน…”

ภายในห้องสมุดที่เงียบงัน จู่ๆ ก็บังเกิดเสียงอึงอลดังกึกก้อง

เพดานถูกระเบิดออก วัยรุ่นสาวในชุดขาวลดระดับลงจากเบื้องบน

ช่วงเวลาเดียวกันกับที่กำลังลดระดับลงมา เธอก็กุมไพ่หลายใบอยู่ในมือแล้ว

“แสงแห่งอัคคีจงปรากฏ!” วัยรุ่นสาวร้องตะโกน

ไพ่ใบหนึ่งถูกขว้างออกไป

ไพ่หายไป บังเกิดเปลวไฟขึ้นมาแทนที่ มันลุกโชติช่วงในอากาศ โอบเข้าล้อมรูปปั้นเอาไว้

พริบตาที่วัยรุ่นสาวปรากฏตัว รูปปั้นก็กลับมามีชีวิตทันที

ชายชราควงไม้เท้ามนตรา กระตุ้นชั้นอากาศให้เกิดไอเย็นเยียบ สร้างชั้นน้ำแข็งห่อหุ้มรอบตัวเขา

วัยรุ่นสาวในชุดขาวเพียงก่อกวน ทำหน้าตาล้อเลียน หันหลัง และวิ่งหนีไป

เธอพังประตูห้องสมุด และวิ่งไปกลางสวน

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ชายชราตะโกนคร่ำครวญ

ชายชราเคาะไม้เท้าตนลงกับพื้นอย่างแรง

ทันใดนั้นงูสีดำก็ผุดออกมา มันเหลียวหลังสบตากับเขา และเลื้อยออกไปล่าเป้าหมายด้วยความว่องไวดั่งสายฟ้าฟาด

หนึ่งไล่ล่า หนึ่งหลบหนี ในไม่ช้าทั้งคู่ก็หายไกลออกไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลานั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเตาผิง

เป็นกู่ฉิงซาน

เขากุมดาบยาวในมือ และยื่นมันเข้าไปในกองไฟ

ปรากฏรังสีดาบกะพริบไหว ผนังถูกเปิดออก

กล่องอันงดงามถูกวางอยู่ภายในกำแพงอย่างเงียบๆ

กู่ฉิงซานจีบมือเข้า เคลื่อนย้ายกล่องใบนั้นเก็บใส่ถุงสัมภาระ

ต่อมา กู่ฉิงซานก็หายวับไปจากสถานที่เดียวกัน

ตลอดทั้งกระบวนการ กินเวลาแค่เพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น

เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในท่อระบายอากาศ และตะโกนทันที “ยกเลิกการอัญเชิญ!”

ณ สวนภายนอกห้องสมุด

ซีน้อยที่กำลังวิ่งเต้นอยู่พลันสลายเป็นควันในทันใด หายไปจากสายตาของชายชรา

ชายชราแข็งค้าง

“บัดซบ!”

เขาร่ำร้องตะโกน และสาดมนตราไปยังสถานที่เดิม ที่ซีน้อยเคยยืนอยู่

ตูม...

ปรากฏแอ่งลึกบนพื้นดิน

อีกด้านหนึ่ง

ไพ่อัญเชิญได้กลับมาปรากฏขึ้นต่อหน้ามดน้อย

ภายในไพ่ เป็นซีน้อยที่กำลังสบสายตา ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเขา

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง

ในที่สุดชายชราก็คล้ายตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เขาเร่งกลับไปยังห้องสมุดเพื่อตรวจสอบสถานการณ์อย่างรวดเร็ว

แล้วก็พบกับช่องว่างใหญ่ตรงผนัง ซึ่งภายในมีเพียงความว่างเปล่า

ขณะเดียวกัน ผีเสื้อตัวหนึ่งก็ได้บินออกจากหลังคาห้องสมุด สยายปีกฝ่าลมหิมะตรงไปยังสิ่งปลูกสร้างหลังต่อไป…

........................................