webnovel

0624 ผู้หลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง

ตอนที่ 624 ผู้หลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง

เทพธิดากงเจิ้งบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้

แต่เดิม กลับกลายเป็นว่ากลยุทธ์ของกู่ฉิงซานน่ะใช้ได้ผล

เย่เฟย์หยูเข้าใจถึงความหมายที่กู่ฉิงซานสื่อออกไปอย่างชัดเจน

เขาเริ่มทำการข่มขู่ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพและผีร้ายว่าจะทำร้ายล้างโลก บีบบังคับอีกฝ่ายให้เข้าร่วมการประลอง

และเมื่อการประลองเริ่มต้นขึ้น ทางฝั่งจ้าวอสูรและอาชูร่าก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน

ทุกเผ่าพันธุ์ล้วนต้องการโลกใบนี้

อย่างไรก็ตาม เย่เฟย์หยูได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสดังกล่าว ทำตามกลยุทธ์ที่ถูกจัดวางไว้โดยเทพธิดากงเจิ้ง เขาออกไล่ล่าและสังหารศัตรูไปเป็นจำนวนมากเพื่อให้ตนเองวิวัฒนาการขึ้น

และในที่สุด เมื่อมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ความแข็งแกร่งของเย่เฟย์หยูก็เหนือล้ำยิ่งกว่าคู่แข่งของเขาทั้งหมดจนได้

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้สวมบทบาทเพชฌฆาตตัวตลก โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเสียก่อน

มอนสเตอร์เอกภพจู่ๆ ก็เริ่มเบนความสนใจมายังโลกใบนี้

มอนสเตอร์เอกภพเริ่มปรากฏตัวขึ้น และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

พวกมันหมายมั่นที่จะกินทุกสิ่งมีชีวิตบนโลก

มอนสเตอร์บางตัวที่มีขนาดใหญ่และความอยากอาหารมากกว่าปกติ ถึงขั้นอยากจะกลืนกินโลกทั้งใบ

ดังนั้นการประลองจากทั้งหกโลกจึงถูกหยุดลง

ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ ผีร้าย อาชูร่า และจ้าวอสูรได้ตัดสินใจที่จะร่วมมือกันเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์เอกภพ

เนื่องเพราะพวกเขาไม่ยินยอมอนุญาตให้โลกไปตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย

“พอแค่นั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องอธิบายต่อไป ตอนนี้ฉันอยากจะรู้มากกว่าว่าปัญหาที่คุณกังวลมันคือเรื่องอะไร” กู่ฉิงซานถามตรงๆ

เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “ใต้เท้า การที่โลกใบนี้สามารถผ่านพ้นวันเดือนปีมาได้เนิ่นนานโดยที่ไม่ได้ถูกค้นพบโดยมอนสเตอร์เอกภพ จริงๆ แล้วมันมีเหตุผลอยู่”

“เหตุผลที่ว่าคืออะไร?”

“เหตุผลก็เนื่องมาจากอำนาจของเก้าตระกูลใหญ่ พวกเขาครอบครองเทคโนโลยีที่เพียงพอที่จะสามารถปกป้องโลกจากจักรวาลนี้ได้”

“และด้วยวิธีนั้นเอง มอนสเตอร์เอกภพจึงไม่อาจตระหนักถึงโลกใบนี้”

“ก็ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นไปด้วยดี แล้วทำไมจู่ๆ มอนสเตอร์เอกภพถึงได้มาปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้?”

“เพราะคนสำคัญของเก้าตระกูลใหญ่ได้ตายลงกันหมดแล้ว”

บนจอม่านแสง ฉายถึงภาพของซูเซี่ยเอ๋อที่บุกเข้าไปในสถานที่ประชุมของเก้าตระกูลใหญ่

ในช่วงเวลาที่เก้าตระกูลใหญ่กำลังจัดตั้งสหพันธ์พันธมิตรที่จะมีอำนาจเหนือล้ำยิ่งกว่าประเทศขึ้น

และซูเซี่ยเอ๋อก็หยุดมัน

พ่อแม่แท้ๆ ของเธอพยายามที่จะยึดอำนาจของเธอ

ในสถานที่เกิดเหตุ ทุกคนรุมทำร้ายเธอ

และในภาพสุดท้าย ก็เป็นซูเซี่ยเอ๋อที่ล้างบางทุกตระกูลในงานจนหมดสิ้น

“นั่นไพ่ทะเลเลือด…เธอคือลูกศิษย์ของทะเลเลือดใช่ไหม? ช่างน่าสงสารจริงๆ” เสี่ยวเหมียวกล่าว

แบรี่พยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร

“เซี่ยเอ๋อนี่เธอ…เทพธิดากงเจิ้ง แล้วตอนนี้เซี่ยเอ๋อกลับมาแล้วรึยัง?” กู่ฉิงซานถาม

“เธอไม่ได้กลับมา ใต้เท้า ตอนนี้ฉันต้องการที่จะบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แก่คุณ” เทพธิดากล่าว

“ว่ามาสิ”

“ฉันได้ลองพยายามส่งหุ่นยนต์ไปยังขั้วโลกเหนือ และเปิดคลื่นความผันผวนที่ใช้ปกป้องโลกอีกครั้ง แต่ความพยายามทั้งหมดของฉันกลับล้มเหลว”

“เพราะอะไร?”

“โปรดดูสิ่งนี้”

บนจอม่านแสง ปรากฏให้เห็นถึงภาพของขั้วโลกเหนืออีกครั้ง

นี่คือฉากที่ถูกถ่ายมาได้โดยกล้องดาวเทียมสอดแนม

ศัตรูลึกลับปรากฏกายขึ้น

และผู้พิทักษ์ของเก้าตระกูลใหญ่ก็ถูกสังหารลงในจุดนั้น โดยไร้ซึ่งพลังอำนาจที่จะใช้โต้กลับ

เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “ใต้เท้า นี่แหละคือสิ่งที่ฉันบอกว่าคุณไม่ควรจะกลับมา เพราะคนเหล่านี้ทรงพลังมากเกินไป พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเย่เฟย์หยูในตอนนี้เสียอีก”

“พวกเขากำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด และเฝ้ารอโอกาสที่จะเคลื่อนไหว”

“ฉันเองก็ยังไม่กล้าที่จะบอกความจริงนี้แก่เย่เฟย์หยูหรือซางหยิงฮ่าว เพราะหากเกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขึ้น และบังเอิญไปดึงดูดความสนใจของคนลึกลับกลุ่มนี้เข้า สถานการณ์ต่อไปคงมิอาจแก้ไขได้”

กู่ฉิงซานมองไปยังกลุ่มคนที่สังหารผู้พิทักษ์ของเก้าตระกูล และหันไปถามกับแบรี่ “คุณคิดว่าอย่างไร?”

แบรี่เหลือบมองจอม่านและ และกล่าวยกย่อง “อืม...พวกนี้ถูกฝึกมาอย่างดี สามารถฆ่าคนได้อย่างโหดร้าย แต่สำหรับฉัน ขอแค่สองนิ้วก็จัดการพวกมันได้แล้ว”

กู่ฉิงซานพอได้ฟังก็โล่งใจ... ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เขาพูดต่อ “เทพธิดากงเจิ้ง ทำไมถึงไม่มีเสียงในภาพล่ะ เท่าที่ดูฉันเห็นว่าพวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นะ”

“ใต้เท้า ที่นั่นคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเก้าตระกูลใหญ่ ฉันจะขอบอกคุณตรงๆ ว่าเดิมทีฉันก็เป็นเทคโนโลยีของเก้าตระกูลใหญ่เช่นกัน ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถจัดการเก็บเสียงของที่นั่นได้”

กู่ฉิงซานคิดอยู่พักหนึ่งจึงกล่าว  “งั้นคุณช่วยดึงภาพทั้งหมดที่เกิดการสนทนาขึ้นเมื่อกี้ออกมานะ จากนั้นก็จัดการค่อยๆ แยกภาพระหว่างพูดคุยออกมาทีละภาพ”

“ไม่ขัดข้อง ใต้เท้า”

บนจอม่านแสง นำเสนอหลายภาพปรากฏขึ้นทันที

หลายร่างลึกลับทยอยกันปรากฏตัวขึ้น ล้อมรอบตัวของผู้พิทักษ์เก้าตระกูลใหญ่

กู่ฉิงซานกวาดสายตามองรอบๆ และกล่าว “ทำการเรียงลำดับภาพตามที่พวกเขากำลังพูด”

“รับทราบ”

แล้วภาพก็ค่อยๆ เริ่มถูกจัดเรียงทันที

แบรี่กับเสี่ยวเหมียวเหลือบมองกันและกัน พร้อมกับเผยให้เห็นถึงสีหน้าชื่นชม

ทั้งที่รู้ว่าฝ่ายตนสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วแท้ แต่เขาก็ยังคงใส่ใจ ไม่ปลดให้ข้อมูลใดๆ หลุดรอดไป ระแวดระวังอยู่เสมอ

นี่แหละ! คือชายที่จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแท้จริง

กู่ฉิงซานเพ่งมองม่านแสง และเริ่มสื่อสารกับเทพธิดากงเจิ้ง

“ตั้งแต่แรก เหมือนว่าพวกเขาจะพูดคุยกับผู้พิทักษ์เก้าตระกูลใหญ่ด้วยภาษาของมนุษย์ นี่เป็นภาษากลางในโลกของพวกเรา”

“เข้าใจแล้วใต้เท้า”

“แล้วประโยคแรกที่ผู้พิทักษ์เก้าตระกูลพูดมันคืออะไร คุณช่วยลองซูมภาพของเธอ แล้วเริ่มวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของริมฝีปากหน่อยสิ”

“รับทราบ เริ่มการวิเคราะห์ อยู่ในระหว่างกระบวนการ”

หลังจากนั้นไม่นาน

กู่ฉิงซานก็มองไปที่ม่านแสงและเห็นถึงบรรทัดตัวอักษรที่ปรากฏขึ้น

“สถานที่แห่งนี้เป็นโลกกระจัดกระจายชัดๆ มันอยู่ในมุมที่แสนธรรมดา นอกสุดห้วงจักรวาล แล้วทำไมกัน”

นี่คือคำพูดดั้งเดิมของผู้พิทักษ์เก้าตระกูล

กู่ฉิงซานพยักหน้า และกล่าว “ดีมาก จากนั้นลองทำการวิเคราะห์คำพูดของแต่ละคน แล้วจัดเรียงมันตามลำดับ”

เทพธิดากงเจิ้ง “การวิเคราะห์เสร็จสิ้นแล้ว ผลลัพธ์เป็นดังต่อไปนี้”

อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “ก็เพราะว่าที่นี่มันธรรมดาน่ะซี ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่ามันเป็นที่ซ่อนของสุสานแห่งโลก”

“สุสานแห่งโลก…” ผู้พิทักษ์กล่าวด้วยความสับสน

อีกเสียงหนึ่งเอ่ยหยันออกมา “อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าเจอพวกเรา และได้ยินถึงสิ่งนี้แล้ว ดังนั้นก็ควรตายเสีย”

ผู้พิทักษ์แห่งเก้าตระกูลรู้ว่าตนจักต้องตกตายเป็นแน่ เธอจึงเร่งตะโกนออกไปในอากาศที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว “ข้าอนุมัติ! ปลดปล่อยพันธนาการทั้งหมดของเจ้า จงดูแลเธอให้ดี!”

“ประโยคสุดท้ายที่มันพูดออกมา หมายความว่าอย่างไร?”

“ไม่รู้สิ ก็แกรีบฆ่ามันเกินไปนี่”

“เหอะ คงไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นแหละ อย่ากังวลไปเลย”

“ตกลงแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”

“ยังไม่มีวิธีตรวจสอบที่แน่ชัด แต่โลกแห่งนี้เพิ่งเกิดการผสานรวม ดังนั้นเลยอาจจะเกิดความผันผวนขึ้นได้”

“อืม...เราก็มาสำรวจกันอีกครั้งเถอะ ถ้าหากที่นี่เป็นสุสานแห่งโลกจริงๆ แล้วละก็…”

กู่ฉิงซานอ่านบรรทัดสนทนาจนจบ

แบรี่และเสี่ยวเหมียวก็อ่านมันจนจบแล้วเช่นกัน

“เอ๊ะ? สุสานแห่งโลกเช่นนั้นเหรอ?”

เสี่ยวเหมือนอุทาน

“กลับกลายเป็นว่ามันคือสุสานแห่งโลก” แบรี่ก็กล่าวออกมาด้วย

การแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขาดูมีความสุข แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงเงียบ

สองพี่น้องได้ฟันฝ่าลมฝนมาตั้งไม่รู้มากมายเท่าไหร่  พวกเขาได้ประสบพบเจอกับสถานการณ์อันตรายและได้รับสมบัติมามากมาย ดังนั้นแม้จะถูกดึงดูดด้วยเรื่องดังกล่าว แต่ก็ไม่ผลีผลามหรือแสดงท่าทีตกใจมากจนเกินไป

แบรี่มองไปยังกู่ฉิงซานและเอ่ยถาม “นายรู้ไหมว่าสุสานแห่งโลกคืออะไร?”

“ผมรู้” กู่ฉิงซานตอบ

แบรี่ยิ้มอย่างคาดไม่ถึง ปากเอ่ยงึมงำ “ฉันไม่คาดคิดเลยว่าโลกกระจัดกระจายแบบนี้ จะมีสุสานแห่งโลกอยู่จริงๆ”

“แล้วคุณคิดจะทำอย่างไรต่อไป?” กู่ฉิงซานถามกลับ

ทั้งเขาและแบรี่ต่างมองหน้า สบสายตากันและกัน

สุสานแห่งโลกเป็นสถานที่ที่เหล่าทวยเทพซุกซ่อนบางสิ่งเอาไว้

เมื่อต้องเผชิญต่อสิ่งล่อใจเช่นนี้ เวลาแห่งการทดสอบใจของกันและกันก็ได้มาถึง

เห็นแค่เพียงแบรี่ที่ยิ้มหยันออกมาและกล่าว “เหล่าทวยเทพแล้วอย่างไร? มีสมบัติถูกซุกซ่อนเอาไว้แล้วอย่างไร? ในสายตาของท่านลุงคนนี้ สันติภาพของโลกคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แล้วก็นะ นี่น่ะคือโลกของนาย ที่นายต้องทำก็แค่พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา แล้วฉันจะช่วยจัดการที่เหลือให้เอง เพราะไม่ว่าอย่างไรนายก็คือสมาชิกคนหนึ่งของสมาคม!”

เสี่ยวเหมียวยังช่วยพูดอีกว่า “พวกเราได้ทำการสำรวจโลกเก้าร้อยล้านชั้นมามากมายแล้ว แถมยังเคยขุดสุสานแห่งโลกไปตั้งสามครั้ง สองในสามดันซวยไปเจอกับมอนสเตอร์มากมาย พวกเราต้องใช้ความพยายามตั้งนานกว่าจะจัดการพวกมันทั้งหมดลงได้”

“ใช่ บางทีนั่นอาจจะเป็นสายพันธุ์ล้มเหลวที่เหล่าทวยเทพสร้างขึ้นมาก็เป็นได้ พอนึกถึงก็อดกลัวไม่ได้จริงๆ” แบรี่เสริม

“สุสานแห่งโลกไปตั้งสามครั้ง? แล้วอีกหนึ่งล่ะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“อีกหนึ่งคือพิกัดแผนที่ พี่ชายกับฉันไล่ตามแผนที่ไป และก็ค้นพบกับโลกใหม่ในมิติอนันต์ และเมื่อพวกเราแข็งแกร่งมากพอ พวกเราจึงสร้างสมาคมขึ้นบนมัน กลายเป็นสมาคมกำปั้นเหล็กจนถึงทุกวันนี้” เสี่ยวเหมียวกล่าว

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” กู่ฉิงซานพยักหน้าเข้าใจ

ช่วงเวลานั้นเอง เทพธิดากงเจิ้งก็ประกาศเตือนขึ้น “ใต้เท้า หลายตัวตนลึกลับได้ตระหนักถึงพวกคุณแล้ว และพวกเขากำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้”

“ให้มันมาเถอะ มีหลายอย่างเลยที่ฉันอยากจะถามพวกมันอยู่พอดี” แบรี่ยิ้มและกล่าว

ไม่นาน หลายร่างเงาก็ค่อยๆ ตกลงมาจากฟากฟ้า

ตามด้วยเสียงจากร่างเงาที่ดังขึ้น

“ในเขตบ้านนอกแบบนี้ ยังมีคนที่สามารถจัดการฆ่ามอนสเตอร์เอกภพได้อย่างรวดเร็วอยู่อีกรึ ท่านปู่ผู้นี้ชักจะรู้สึกสนใจขึ้นมาเสียแล้ว”

แต่วินาทีต่อมา เสียงของเขาก็ยกระดับขึ้นแปดหลอด กลายเป็นกรีดร้องขึ้นทันที

“ฉิบหาย! นั่นกำปั้นเหล็กแบรี่! มันเป็นคนของสมาคมกำปั้นเหล็ก!”

หลายร่างเงาพลันทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า หลบหนีไปทันที

“จะหนีงั้นเหรอ?”

เสี่ยวเหมียวหัวเราะเบาๆ และดีดนิ้วของเธอ

โดยที่เจ้าตัวแทบจะไม่ได้ขยับส่วนไหนเลย

กู่ฉิงซานเฝ้ามองดูผู้คนที่พยายามหนีอย่างเต็มกำลัง ใช้ออกทุกๆ เทคนิคลับ งัดทุกกลยุทธ์ชนิดเลือดตาแทบกระเด็น เพื่อหมายมั่นจะหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหน ทั้งหมดก็ค่อยๆ ถูกบังคับให้ลดระดับลงมาจากท้องฟ้าอยู่ดี จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ต่อหน้าทั้งสาม

กลุ่มคนลึกลับเริ่มหวาดกลัวมากขึ้น บ้างกระโดด บ้างวิ่ง บ้างทะยานตัวขึ้น แต่ทั้งหมดก็ยังถูกบังคับให้หยุดอยู่ในสถานที่เดิม มิอาจปลีกตัวออกไปได้

“หนีเสียเร็วแบบนี้ ดูเหมือนว่าพวกแกจะมีปัญหาอะไรบางอย่างกับสมาคมของเราเช่นนั้นสินะ?”

เสี่ยวเหมียวยกสองแขนขึ้นกอดอก ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ

........................................