ตอนที่ 419 เสียงของคนตาย
ภายในโลกทั้งหก
ณ ปรภพ
เหล่าคนตายต่างเงยหน้าขึ้น และเห็นแค่เพียงตัวเลขบนหัวพวกเขากำลังพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก เครื่องหมายลบ ด้านหน้าของตัวเลขเหล่านั้นหายไป
บุญได้กลับมาเป็น ศูนย์
ไม่สิ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นต่อไปและขึ้นมาเป็นบวกแล้ว!
เลขบุญกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
นั่นเพราะพวกเขาได้ช่วยโลกทั้งหกเอาไว้ได้ แถมยังประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จึงได้รับแต้มบุญครั้งใหญ่!
แม้ว่าจำนวนคนตายจะมหาศาลกว่าล้านล้านคน และจำนวนบุญที่ได้ก็จะแบ่งกันไป แต่มันก็ยังมากมายอยู่ดี!
เหนือศีรษะของทุกคนตาย ตัวเลขกำลังเติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเลขบุญของคนตายทุกคนกลายเป็นบวกสิ่งอันน่าอัศจรรย์ใจก็บังเกิดขึ้น!
ทุกประเภทของความเจ็บปวดจากการถูกลงทัณฑ์อันโหดร้ายในตลอดทั้ง สิบแปดขุมนรก ทั้งหมดถูกระงับเอาไว้ชั่วคราว
ภายในนรกทะเลเลือด น้ำเลือดได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มดั่งท้องทะเล ขณะที่เหล่ามอนสเตอร์ที่คอยกัดกินคนตาย บัดนี้ทั้งหมดแปรสภาพเป็นปลาที่กำลังแหวกว่ายอย่างอ่อนโยน
ภายในนรกเยือกแข็ง บ้านเรือนเริ่มผุดขึ้นมาจากพื้นดิน พร้อมด้วยภายในที่มีเตาผิงคอยให้ความอบอุ่น และโต๊ะกินข้าวที่ถูกจัดวางไว้ด้วยอาหารร้อนๆ
ในนรกแต่ละแห่ง เปลวไฟได้มอดดับลง น้ำแข็งเย็นเยียบเกิดการละลาย โซ่ตรวนที่คอยพันธนาการแตกร้าวและสลายไปและคมมีดแหลมคมผลุบลงไปใต้ดิน
ทุกประเภทของสิ่งที่ทำให้คนตายได้รับความทรมาน บัดนี้ทั้งหมดนั้นได้หายไป
ผู้คุมนรกทั้งหลายเงยหน้ามองดูเลขบุญของตนเอง ก่อนจะหันไปมองดูของอีกฝ่าย คนแล้วคนเล่าเริ่มแสดงออกถึงความปีติออกมา
“ฮ่าๆๆ ข้าไม่ต้องคอยทนทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว! ไม่จำเป็นต้องทนอีกแล้ว!” ชายชราโห่ร้องไชโยอย่างบ้าคลั่ง
“บรู๊ว...” ราชันหมาป่าแหงนหน้าขึ้นหอนไปบนท้องฟ้า
ชูร่าชายกระโดดไปมา ปากเอ่ยร้องเพลงเสียงดัง
ขณะที่ยักษ์ใหญ่เริ่มเต้นแร้งเต้นกา
กู่ฉิงซานที่เฝ้ามองดูฉากนี้อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ในบรรดาผู้คุมนรกทั้งเจ็ด มีเพียงชูร่าหญิงคนเดียวที่มิได้อยู่ที่นี่
แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ยังไงเลขบุญของเธอจะต้องเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
คนตายทั้งหมดจะได้ไปเกิดใหม่ในอาณาจักรสวรรค์ อาชูร่า หรือไม่ก็โลกมนุษย์ ตามจำนวนบุญของพวกเขา
“แล้วพวกเขาจะสามารถกลับไปเกิดใหม่ได้เมื่อใดกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลังจากที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากในนรกมาเนิ่นนาน คนตายจะมีเวลาสำหรับการพักผ่อนและสำนึกผิดเป็นระยะเวลาครึ่งวัน แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็จะได้กลับไปเกิดใหม่อย่างเป็นทางการ”
“แต่สำหรับข้าแล้วสถานที่แห่งนี้มันสะดวกสบายมากจริงๆ ข้าไม่ต้องการที่จะไปเกิดใหม่เลยบอกตรงๆ” หนึ่งในผู้คุมนรกกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น
พอได้ฟัง เหล่าคนตายคนอื่นๆ ก็หัวเราะลั่น
แต่เอาจริงๆ ก็มีคนตายหลายคนอยู่เหมือนกันที่กำลังรู้สึกเช่นนั้น
เพราะการไปเกิดใหม่ นั่นหมายความว่าตนจะต้องลืมความทรงจำในชาตินี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และในชีวิตใหม่ มันเป็นเรื่องยากเย็นนัก หากต้องการที่จะระลึกได้ถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตก่อนหน้าอีกครั้ง เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับโอกาสที่ดีบางอย่าง
ในขณะที่คนตายส่วนมาก ไม่ลังเลที่จะทิ้งความทรงจำในชาตินี้ของพวกเขาไป
ยังไงก็เถอะ ตอนนี้การลงทัณฑ์ทรมานภายในนรกก็ได้หายไปแล้วโดยสิ้นเชิง ดังนั้นการเลือกที่จะหย่อนกายพักผ่อนในที่นี้ ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน
แต่แล้วเสียงของเครื่องจักรคำนวณบุญรายบุคคลกังวานขึ้นในทันใด
“ไม่อนุญาต! เมื่อถึงเวลาที่จะต้องกลับไปเกิดใหม่ แต่ยังคิดอาศัยอยู่ในนรก เลขบุญส่วนบุคคลก็จะค่อยๆ ถูกหักลง! และเมื่อมันเป็นลบ พวกเจ้าก็จะกลับลงสู่ขุมนรกและต้องทนทุกข์ทรมานอีกครั้ง!”
น้ำเสียงของมันเย็นชาและมั่นคง
ตะขอเกี่ยววิญญาณยังกล่าวอีกว่า “โลกปรภพน่ะไม่คุ้มค่ากับการอยู่อาศัยหรอก พวกเจ้าควรจะไปเกิดใหม่เพื่อเริ่มต้นการเดินทางใหม่ๆ ในชาติภพหน้าจะดีกว่า”
เมื่อเหล่าคนตายได้ยินสิ่งประดิษฐ์เทวะอธิบาย พวกเขาก็ต้องหยุดความคิดนี้เอาไว้ทันที
กู่ฉิงซานพลันจดจำได้ถึงบางสิ่ง เขาเอ่ยถามออกไป “แล้วเรื่องการผสานรวมระหว่างทั้งสองโลก ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อโลกปรภพหรือไม่?”
“ขอเวลาข้าตรวจสอบสักครู่” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว
มันได้สาดรังสีแสงอันยิ่งใหญ่ออกมา และกวาดไปตลอดทั้งโลกปรภพ
ชั่วขณะหนึ่ง ตะขอก็กล่าวออกมา “แม้ว่าผลประโยชน์ส่วนใหญ่จะเทไปทางโลกของเจ้า แต่ทางปรภพเองก็ถูกเสริมอำนาจโดยพลังของกฎเกณฑ์เช่นกัน กล่าวได้ว่าเมื่อสองโลกบรรจบกัน โลกใบใหม่ก็จะถือกำเนิดขึ้น!
“แล้วผลกระทบแบบเฉพาะเจาะจงล่ะ คืออะไร?”
“ด้วยพลังแห่งกฎเกณฑ์อันทรงประสิทธิภาพที่เกิดจากการผสานรวมตัวกันระหว่างสองโลก มันจะหนุนเสริมให้เครื่องจักรปรภพสามารถฟื้นฟูตนเองได้อย่างรวดเร็ว”
“โอ้? หมายความว่าเครื่องจักรปรภพทั้งแปดสิบแปดจะกลับมาสินะ?” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความสนใจ
“ใช่ โลกปรภพในตอนนี้น่ะไม่มีคนคอยดูแลจัดการ เดชะบุญจริงๆ ที่มีพวกเขา” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวด้วยความยินดี
ฉานนู่ก็เห็นด้วยเช่นกัน “นับว่าโชคดีจริงๆ ที่มีเหล่าเครื่องจักรพวกนั้น หลังจากที่โลกได้ผสานรวมกันแล้ว พื้นที่ของปรภพก็คงจะเป็นระบบระเบียบมากขึ้น”
“เช่นนั้นก็ดี” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาถอนหายใจออกมา “นรกว่างเปล่า ปัญหาของปรภพได้รับการแก้ไขโดยสมบูรณ์ โลกกลับคืนสู่ความสงบสุข นี่นับว่าเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานเสียจริงๆ”
ย้อนระลึกไปถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ กู่ฉิงซานก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกประทับใจอย่างลึกล้ำ
ถ้าหากว่าเขาไม่ได้คารวะนางเซียนไป่ฮั่วเป็นอาจารย์ ก็คงที่จะไม่ได้เรียนรู้ ‘ผนึกร่างสู่หยิน’ และ ‘วิญญาณหวนคืน’ สองเทคนิคลับนี้เป็นแน่
และหากไม่มีสองเทคนิคลับนี้ ตนเองก็จะไม่สามารถเข้ามายังปรภพเพื่อค้นหาต้นตอที่แท้จริงของภัยพิบัติได้
หากเป็นในกรณีนั้น ทุกอย่างก็จะพังพินาศลง
ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นเรื่องโชคดีจริงๆ!
เมื่อนึกถึงท่านอาจารย์ กู่ฉิงซานก็ค่อนข้างรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ขอบเขตของท่านอาจารย์ถูกผูกมัดโดยโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ แต่ตอนนี้ มีโลกเทวะแล้ว ดังนั้นความแข็งแกร่งของเธอแน่นอนว่าจักต้องเพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด
บางทีทางฝั่งท่านอาจารย์ และพวกเขาอาจจะผสานรวมโลกแห่งผู้ฝึกยุทธกับโลกเทวะเข้าด้วยกันแล้วก็เป็นได้
หากเป็นในกรณีนั้น ขีดจำกัดความแข็งแกร่งรายบุคคลของผู้ฝึกยุทธก็จะทะยานสูงขึ้นไปอีกระดับ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ตัวกู่ฉิงซานเองกำลังอยู่ในกระแสมิติอันเชี่ยวกราก และกำลังจะมุ่งหน้าไปยังโลกที่กำลังจะถึงจุดจบในไม่ช้า
ถ้าเช่นนั้นข้าจะได้กลับไปยังโลกแห่งผู้ฝึกยุทธของตนเองได้อย่างไร?
ลืมมันเถอะ อดีตอย่างไรเสียก็คือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว อันดับแรกที่จะต้องพิจารณาก็คือทำอย่างไรตนเองถึงจะสามารถมีชีวิตรอดไปได้ต่างหาก
ขณะที่เขากำลังคิดอย่างเงียบๆ ผู้คุมนรกทั้งหลายก็ก้าวเข้ามา
“มีเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ทุกคนต้องการที่จะได้ยินเจ้าเอ่ยสักสองสามคำ” ชายชราเผ่ามนุษย์กล่าว
“พวกเจ้าน่ะเหรอ?”
“มิใช่แค่พวกเรา แต่เป็น ‘ทุกคน’ ต่างหาก”
กู่ฉิงซานตอบรับอย่างมีความสุข “นั่นสินะ อีกไม่นานเราก็จะต้องแยกจากกันแล้ว ถ้าอย่างงั้นข้าคงต้องเอ่ยคำลากับทุกคนเสียหน่อย”
ขณะกล่าว เขาก็ชูไม้เท้าแห่งการจองจำขึ้น
และคนตายทั้งสิบแปดขุมนรกก็รู้สึกถึงมันได้ในทันที
“ขอแสดงความยินดีด้วยที่ในวันนี้ ทุกคนได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานอันขมขื่นและยาวนาน และกำลังจะได้ไปเกิดใหม่ในไม่ช้า” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เฮ!” เหล่าคนตายส่งเสียงไชโย
“ท่านราชาภูต! ขอบพระคุณมากจริงๆ!” คนตายบางคนร้องตะโกนลั่น
ขณะที่เสียงไชโยและเสียงปรบมือเริ่มดังกระหึ่มขึ้น
“หยุด! หยุดก่อน!” กู่ฉิงซานเอ่ยขัด
แล้วเหล่าคนตายทั้งหมดก็ค่อยๆ สงบลง
“สิ่งสุดท้ายที่ข้าอยากจะกล่าวก็คือ ‘ชาติหน้าก็จงเป็นคนดีเสีย’ อย่าได้กลับมายังนรกนี้อีก เพราะข้าไม่ต้องการที่จะเห็นหน้าพวกเจ้าอีกแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
แล้วเขาก็วางไม้เท้าราชาภูตลง
แต่โดยไม่คาดคิด...
“ท่านราชาภูตช่างยอดเยี่ยม!”
“ผู้น้อยขอคารวะท่านราชาภูต!”
“ขอราชาภูตทรงพระเจริญ!”
ในท้ายที่สุด ดูเหมือนว่าคนตายจะรู้สึกว่าคำสรรเสริญของพวกเขามันแตกต่างกัน ดังนั้นทั้งหมดจึงเปลี่ยนคำสรรเสริญเป็นเสียงเดียวกัน
“ขอราชาภูตทรงพระเจริญ!”
“ขอราชาภูตทรงพระเจริญ!”
“ขอราชาภูตทรงพระเจริญ!”
พวกเขาตะโกนก้องเป็นจังหวะ
เสียงโห่ร้อง ‘ทรงพระเจริญ’ ดั่งคลื่นสึนามิ สั่นสะเทือนไปตลอดทั้งนรกสิบแปดขุม
กู่ฉิงซานยกมือขึ้นปิดหูเขา ขมวดคิ้วกล่าวด้วยความแปลกใจ “น่าประหลาดใจยิ่งนัก ข้าได้ตัดการเชื่อมต่อกับไม้เท้าไปแล้วชัดๆ แล้วเหตุใดจึงได้ยินเสียงของเหล่าคนตายอยู่อีก”
เพียงได้ยิน ฉานนู่ก็หัวเราะก๊ากออกมาจนคอหงายอย่างมิอาจควบคุมได้
เธอมักจะโดดเดี่ยวเย็นชาอยู่เสมอ แต่เวลานี้เธอกลับกำลังยิ้มอย่างมีความสุขอย่างแท้จริง! นี่นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกว่าตนเองกำลังยิ้มโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์และมารยาท หญิงสาวจึงยกมือขึ้นปิดของปากเธอเบาๆ
“เจ้าหัวเราะอะไรกันล่ะนั่น?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“นายน้อย! นรกทั้งสิบแปดขุมกำลังส่งเสียงโห่ร้อง กล่าวได้ว่าตลอดทั้งภูเขาล้อมเหล็กก็ยังได้ยิน ฉะนั้นแล้วต่อให้ท่านตัดการเชื่อมต่อกับไม้เท้า ท่านก็ยังสามารถได้ยินมันด้วยหูของตนเองอยู่ดี”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” กู่ฉิงซานได้คลายมือออกจากหูของเขา
“สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันมานี้มันช่างน่าทึ่งเหลือเกิน ตัวข้าเองไม่เคยคาดคิดเลยว่าเรื่องราวมันจะเป็นเช่นนี้” ฉานนู่กล่าวด้วยอารมณ์
เธอลอบมองไปยังกู่ฉิงซาน แต่กลับเห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่กำลังขบคิดตามเกี่ยวกับเรื่องที่เธอเพิ่งเอ่ยมา
“ที่นี่ก็ปล่อยให้ตะขอเกี่ยววิญญาณกับเหล่าสรรพาวุธเป็นคนจัดการก็แล้วกัน อ้อ! ถ้าหากพวกเจ้ามีปัญหาใดๆ ก็ขอให้ทำการติดต่อข้าได้ตลอดเวลาเลยนะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“เข้าใจแล้ว หลังจากที่โลกผสานรวมกันโดยสมบูรณ์ พวกเราจะมาพบกันอีกครั้ง” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว
กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าวว่า “ข้าขอฝากไม้เท้าแห่งการจองจำไว้ที่นี่ด้วยนะ”
“ทราบแล้ว! ข้าจะช่วยเจ้าดูแลไม้เท้าราชาภูตเอง!” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว
กู่ฉิงซานกระทุ้งปลายไม้เท้าลงบนตำแหน่งเขายืนอยู่ จัดวางมันให้เข้าที่
นรกกำลังจะว่างเปล่า และกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในไม่ช้า ดังนั้นไม้เท้ามนตรานี้คงจะไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ชั่วคราว มันจึงจะเป็นการดีกว่าหากให้มันได้พักผ่อนอยู่ที่นี่
มันมิใช่ดาบ แต่มันคือไม้เท้าควบคุมนรก ฉะนั้นแล้วก็ให้มันคอยเฝ้า สังเกตการณ์ถึงความเป็นไปของนรกเถอะ
ปล่อยให้มันได้อยู่ที่นี่สักพัก
เพราะยังไงก็ตาม ไม้เท้าก็ได้ประทับตราตนเองเอาไว้อยู่แล้ว คนอื่นๆ น่ะไม่สามารถใช้งานมันได้หรอก
บางที เมื่อเวลาผ่านไป ตนเองอาจจะได้กลับมายังนรกอีกครั้ง แล้วได้คว้าจับไม้เท้าเล่มนี้มาใช้งานอีกก็ได้
และนั่นคงจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่
“ไปกันเถอะฉานนู่” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าค่ะ นายน้อย” ฉานนู่ขานรับ
ร่างของพวกเขาวูบไหว ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า มุ่งตรงไปยังทิศทางของถ้ำมืด
มองตามไปยังแผ่นหลังของทั้งสอง วิหคขาวอดไม่ได้ที่จะสะอื้นไห้
“เจ้าเป็นอะไรไปงั้นเหรอ?” ตะขอเกี่ยววิญญาณถามด้วยความสงสัย
“น่าเสียดาย...น่าเสียดายจริงๆ ที่เขามิใช่ผู้ใช้กระบี่” วิหคขาวกล่าว
“วางใจเถอะ หลังจากที่โลกผสานรวมกัน เจ้าก็จะสามารถไปยังโลกมนุษย์เพื่อหาคู่หู และออกเดินทางไปด้วยกันกับเจ้าได้”
ตะขอเกี่ยววิญญาณหันไปมองเหล่าสรรพาวุธมากมายและกล่าวด้วยความเคารพลึก “เผ่ามารได้ถูกกวาดล้างออกไปแล้วก็จริง แต่ด้วยการปรากฏตัวของพวกมัน ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเผ่ามารกำลังจับตาดูโลกทั้งหกของพวกเราอยู่!”
“หลังจากที่โลกผสานรวมกัน พวกเจ้าจะไม่สามารถหลับใหลได้อีกแล้วนะ...แต่จงหาคู่หูใหม่เสีย!”
“แต่ในปรภพไม่มีเทพวิญญาณอยู่อีกต่อไปแล้ว เช่นนั้นพวกเราจะตื่นไปทำไมกัน?” หอกยาวเอ่ยถาม
“ก็จงไปที่โลกมนุษย์สิ ไปตามหาเจ้านายที่พวกเจ้าชมชอบ แล้วช่วยเหลือให้พวกเขาเติบใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งยิ่งขึ้น บางทีในอนาคตอันใกล้ โลกมนุษย์อาจจะได้รับการปกปักโดยพวกเจ้าก็ได้นะ” ตะขอเกี่ยววิญญาณแห่งสายธารแห่งการหลงเลือนกล่าว
“ขอรับ!” เหล่าสรรพาวุธขานรับเป็นเสียงเดียวกัน
........................................