webnovel

0385 มารยักษ์

ตอนที่ 385 มารยักษ์

อสุรกายเอนหลังอิงผนังหิน ด้วยร่างกายอันใหญ่โตของมันทำให้เกือบจะปิดกั้นเส้นทางทั้งหมดที่จะนำไปสู่ปรภพ

มันกำลังหลับตา จมอยู่ในห้วงนิทรา

กู่ฉิงซานหุบกรงเล็บมอนสเตอร์ เบียดเสียดเข้าไปในฝูงเผ่ามารที่แออัดโดยรอบ และเคลื่อนกายไปทางอสุรกายอย่างช้าๆ

ข้างกายของอสุรกาย มีเพียงช่องว่างเล็กๆ เอาไว้สำหรับไว้เผ่ามารทั่วๆ ไปใช้ผ่านทางเท่านั้น

กู่ฉิงซานที่แฝงตัวอยู่ในฝูงมาร จ้องมองไปยังอสุรกายอย่างเงียบๆ

ด้วยการจ้องมองของเขา ส่งผลให้หน้าต่างระบบเทพสงครามเด้งแจ้งเตือนขึ้นมา

“นี่เป็นการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตพิเศษ มันคืออสุรกายประเภทอาวุธ หากผู้เล่นต้องการทราบข้อมูลแบบเฉพาะของอสุรกายชนิดนี้ จำเป็นต้องห้าร้อยแต้มพลังวิญญาณ”

“ไม่จำเป็นหรอก เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร” กู่ฉิงซานลอบพูด

เขาพยายามสงบสติอารมณ์ สภาวะจิตใจค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย

อสุรกายที่เรียกกันว่าประเภทอาวุธน่ะ มันไม่ใช่มารที่แท้จริง

เดิมทีแล้ว พวกมันคือตัวตนอันทรงพลังที่ร่วงหล่นลงสู่สายธารแห่งกาลเวลา ส่วนร่วงหล่นลงด้วยเหตุใดนั้นก็มิอาจทราบได้

และพวกมารก็ชอบเก็บรวบรวมชิ้นส่วนร่างกายของตัวตนที่ทรงพลังเหล่านั้นมา คอยเฟ้นหาชิ้นส่วนแปลกๆ มาจากหลากสวรรค์หมื่นโลกา

และเจ้าของชิ้นส่วนเหล่านั้น บ้างก็เป็นสิ่งมีชีวิตแปลกตา ขณะที่บ้างก็เคยเป็นถึงเจ้าผู้ปกครองโลกใบนั้นทั้งใบ

เมื่อโลกเหล่านั้นถูกครอบครองโดยเผ่ามารอย่างสมบูรณ์ ร่างกายของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะถูกนำมาเย็บเป็นส่วนหนึ่งของอสุรกายที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ชิ่นส่วนร่างกายของสิ่งมีชีวิตในโลกที่พ่ายแพ้จะถูกขุดขึ้นมารักษา และทำการเปลี่ยนแปลงเป็นมาร หลังจากหลากหลายปีที่เฝ้าฟูมฟักมานับไม่ถ้วน ในที่สุดพวกมันก็กลายมาเป็นอาวุธที่ทรงอำนาจสูงสุด

และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับยักษ์เบื้องหน้านี้

เกรงว่าครั้งหนึ่งมันอาจจะเคยเป็นเจ้าผู้ปกครองโลกใบใดสักใบหนึ่ง แต่แล้วก็ได้ตกตายลงในสงครามอันโหดร้าย หลงเหลือทิ้งไว้เพียงร่างกายส่วนบนที่ยังคงเดิม

เมื่อเพ่งมองอย่างใกล้ชิด จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบนตัวมัน เดิมทีแล้วมีแขนจริงๆ เพียงสองข้างเท่านั้น

ส่วนแขนอื่นๆ ทั้งหมดถูกเย็บเพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง

และด้วยกระบวนวิธีอันแสนลึกลับ ส่งผลให้สองแขนเดิมที่ติดตัวมัน ยังคงสามารถระเบิดอำนาจดั้งเดิมออกมาได้

เจ้านี่คือสิ่งที่เผ่ามารมักจะใช้ในการโจมตีเมืองหรือหมู่บ้าน

แน่นอน ว่าประเภทของอสุรกายมิได้ถูกจำกัดอยู่แค่นี้

สิ่งที่แกร่งเหนือล้ำยิ่งกว่ามันก็คือ อสุรกายประเภทปฐมบทแห่งความโกลาหล

ซึ่งอสุรกายประเภทดังกล่าว มันเกินกว่าขอบเขตสามัญสำนึกความเข้าใจของมนุษย์ไปโดยสมบูรณ์

คุณไม่มีทางทราบได้หรอกว่าในตอนแรกมันคืออะไร

เพราะมันมีทุกชนิดของพลังอำนาจอันแปลกประหลาดจากประเภทต่างๆ ที่มิอาจคาดเดาได้ มันสามารถลงมือได้โดยที่คุณไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ คุณอาจถูกกินลงไป หรือถูกฆ่าตายไปก่อนจะทันรู้ตัวเลยก็ได้

อย่างไรก็ตาม อสุรกายประเภทปฐมบทแห่งความโกลาหลมิใช่ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด

จริงๆ แล้วชื่อประเภทของอสุรกายที่ทำให้ทุกคนที่ได้พบเจอล้วนสิ้นหวังก็คือ

‘อสุรกายที่สร้างมาจากชิ้นส่วนร่างกายของเทพวิญญาณ’

อย่างเช่นอสุรกายประเภทอาวุธตนนี้ มันครอบครองพลังงานก่อนตายของเทพวิญญาณแถมยังมีทั้งวิธีทำลายของมารที่ทรงอำนาจ และครอบครองอำนาจของโลกอีกด้วย

และจอมมารที่แท้จริง ก็ได้ใช้เจ้าชิ้นส่วนของเทพวิญญาณตนนี้ล่ะ เป็นอาวุธในการยึดครองโลกของกู่ฉิงซาน

มีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันจากหน่วยข่าวกรองของมนุษย์ในช่วงชีวิตก่อนหน้าว่า

กองกำลังมนุษยชาติชั้นสูงที่เก่งกาจที่สุดได้แตกพ่าย และโดนล้างบางทั้งกองทัพ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตายลง พวกเขาก็ได้ส่งรายงานข้อมูลอันยากจะเห็นถึงความจริงกลับมาได้

เนื้อหาของข้อมูล โดยสิ้นเชิงแล้วมีเพียงสองประโยคเท่านั้น

ประโยคแรก ‘การล่มสลายของมนุษยชาติคงไม่อาจหยุดยั้งได้อีกแล้ว’

ส่วนในประโยคที่สอง ใจความว่า ‘อสุรกายที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าจอมมารน่ะ...มีอยู่จริง!’

รายงานที่ได้รับมานี้ เป็นในช่วงระหว่างสงครามครั้งสำคัญที่สุดระหว่างมนุษย์กับมาร ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการบ่อนทำลายขวัญกำลังใจทหาร เหล่าผู้บัญชาการเผ่ามนุษย์หลายคนรวมไปถึงกู่ฉิงซานจึงตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ว่า จะเก็บรายงานนี้ไว้เป็นความลับสุดยอด

ในหัวใจของกู่ฉิงซานกำลังระลึกถึงเหตุการณ์จากอดีตที่ผ่านมา เขายืนอยู่ท่ามกลางดงมารและเงียบงันไปครู่หนึ่ง

แท้จริงแล้วเกิดสิ่งใดขึ้นในปรภพกันแน่? เผ่ามารจึงถึงขั้นส่งอสุรกายดัดแปลงที่ทรงพลังเช่นนี้มาเพียงเพื่อปิดกั้นเส้นทางเอาไว้?

แต่แล้วเขาก็ส่ายหัว ขณะที่ดวงตาของเขาตกลงบนร่างอสุรกายยักษ์

ทั้งหมดไม่มีอะไรที่จะสามารถคาดเดาหรือล่วงรู้ได้

เพราะความจริง ได้อยู่เบื้องหลังของอสุรกายตนนี้แล้ว

เพียงแค่ก้าวเข้าสู่ปรภพเท่านั้น เราก็จะทราบถึงเรื่องราวทั้งหมด!

กู่ฉิงซานเริ่มขยับฝีเท้าของเขาอีกครั้ง

เขาพร้อมที่จะดู พร้อมที่จะเห็นแล้วว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

กรงเล็บแหลมเจาะเข้าไปจนเกิดรอยแยกระหว่างหิน ก้าวต่อไปทีละก้าว ทีละก้าว

กู่ฉิงซานค่อยๆ เคลื่อนกายอย่างเชื่องช้า

ไม่รวดเร็วจนเกินไป ไม่มีเสียงดังใดๆ ไม่โดดเด่นจนสังเกตเห็นได้

เขายับยั้งจิตสัมผัสเทวะ ก้มหน้าลง และรักษาสภาวะการเคลื่อนไหวของตนอย่างระมัดระวัง ไม่ยินยอมเผยถึงอาการผิดปกติใดๆ

ใกล้เข้าไป

ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ

จนในที่สุดเขาก็เดินมาถึงเบื้องหน้าของอสุรกาย

อสุรกายยังคงจมอยู่ในห้วงหลับลึก

ทว่าเพียงเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทำลายล้างจางๆ ที่ออกมาจากอสุรกาย ร่างกายของกู่ฉิงซานก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองมันใหญ่เกินไป เพียงแค่กลิ่นอายเท่านั้น เจ้าอสุรกายก็สามารถปราบกู่ฉิงซานได้โดยสมบูรณ์

กู่ฉิงซานได้แต่กัดฟันกรอดชนิดหัวชนฝา หุบกรงเล็บอันแหลมคม ค่อยๆ คลานไปเบื้องหน้าทีละก้าว

มุ่งหน้าตรงไปทางข้างกายของอสุรกายอย่างช้าๆ

มันจำเป็นที่จะต้องผ่านเส้นทางแคบๆ นั้นไป เพื่อที่จะเข้าไปยังส่วนที่ลึกยิ่งกว่าของถ้ำ

ภายในถ้ำมืดช่างเงียบงัน

เผ่ามารส่วนใหญ่กำลังหลับลึกและพักผ่อน

มีเพียงตัวเขาที่เป็นมารกระดูกเท่านั้นที่กำลังเคลื่อนกายอย่างช้าๆ

เวลาผ่านพ้นไปเล็กน้อย

กู่ฉิงซานก็มาหยุดอยู่ด้านข้างของอสุรกายจนได้

ตราบใดที่เขายังคงรักษาความเร็วระดับนี้เอาไว้ อีกเพียงไม่กี่นาที เขาก็จะสามารถผ่านอสุรกายตนนี้ไปได้ในที่สุด

กู่ฉิงซานอดทนเหยียดกรงเล็บของเขาออกไป ใช้มันเจาะแทรกผ่านผนังหินและก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง 

แต่แล้วโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ จู่ๆ อสุรกายที่หลับลึกก็ยกแขนของมันขึ้น! และกวาดมือเข้าไปทางฝูงมารข้างกายมัน!

และตำแหน่งที่มันคว้าจับ...ก็มีกู่ฉิงซานรวมอยู่ด้วย!

กู่ฉิงซานไม่รู้เลยว่าเรื่องบัดซบนี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

แต่เขาสาบานได้ว่า ตนเองไม่ได้ทำอะไรกระตุ้นให้อสุรกายค้นพบตัวอย่างแน่นอน

บางทีอสุรกายตนนี้อาจจะหลับลึก และเผลอละเมอก็ได้

มือของมันเคลื่อนใกล้เข้ามา ขยับท่วงท่าอย่างเป็นธรรมชาติ

และการเคลื่อนไหวนี้ของอสุรกาย เผ่ามารตนอื่นๆ มิได้ตอบสนองเลย

มารจำนวนมากได้ถูกคว้าจับขึ้น

แน่นอน ว่ากู่ฉิงซานก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

เขาและเผ่ามารเกือบร้อยถูกกุมอยู่ในมือของอสุรกาย บีบจับเอาไว้อย่างแน่นหนา

มารบางตนดูเหมือนจะรับรู้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น พวกมันเริ่มดิ้นรนด้วยความสยองเกล้า กรีดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง

แม้จะได้ยินเสียงโวยวายเหล่านี้ ทว่าอสุรกายก็ยังคงไม่ลืมตา

มันอ้าปากกว้าง และค่อยๆ ขยับมือส่งมารทั้งหลายลงไปในปากของมัน

กู่ฉิงซานทั้งผลัก ทั้งดัน ทั้งเบียดเผ่ามารตนอื่นๆ จนในที่สุดก็มาถึงช่องว่างของมือใหญ่

เบื้องล่างเขา เผ่ามารตนอื่นๆ เริ่มตอบสนองและกำลังทยอยกันวิ่งหนีแล้ว

ทันใดนั้นสายตาของกู่ฉิงซานก็หันไปเห็นมารมังกรตาเดียวตนหนึ่ง

มารมังกรตาเดียวกำลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็วด้วยความว่องไวเป็นอย่างมาก

เวลานี้ กล่าวได้ว่ามันอยู่ในตำแหน่งข้างกายของอสุรกาย และในไม่ช้า มันจะข้ามผ่านร่างอสุรกาย เข้าสู่ส่วนลึกของถ้ำมืด

เอาเป็นแกก็แล้วกัน!

กู่ฉิงซานไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเร่งใช้ออกด้วยร่างเงาแทนที่!

พริบตานั้น มารมังกรตาเดียวก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของอสุรกาย

ขณะที่กู่ฉิงซานสามารถหลบเร้นออกไป และมาโผล่ตรงข้างร่างอสุรกายแทน

ในช่วงเวลานี้ ความรู้สึกวิกฤตอันแสนจะเข้มข้นก็ยังเวียนวนอยู่ในจิตใจของเขา

เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันน่าขนลุกจากปลายเส้นผม

ร่างเงาแทนที่ไม่สมควรที่จะมีปัญหาใดๆ

แต่ในบรรดาหลายสิบหลายร้อยเผ่ามารที่อยู่ในมือของอสุรกาย มอนสเตอร์มารกระดูก ได้ถูกแทนที่ด้วยมังกรตาเดียว

กู่ฉิงซานก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามือของอสุรกายจะตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้หรือไม่

ณ เวลานี้ เขาจะไม่ยอมใช้โชคในการเดิมพัน หรือเฝ้ารอผลลัพธ์ที่เรียกว่าความบังเอิญอีกต่อไป!

จิตสัมผัสเทวะในขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นปลายถูกปลดปล่อยออกมา กวาดเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำมืด

เส้นทางที่มืดมิดทั้งหมดกระจ่างชัดขึ้นในจิตสัมผัสเทวะของกู่ฉิงซาน

เขาจะไม่ยินยอมรับความเสี่ยงอีกต่อไป และหายวับไปจากสถานที่เดิมในฉับพลัน

ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว!

ในชั่วพริบตา เขาก็ข้ามผ่านเส้นทางไปไกลเกินกว่าพันลี้!

แล้วร่างของกู่ฉิงซานก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ตลอดทั้งร่างของมารกระดูก ทั้งหมดล้วนสั่นเทาอย่างมิอาจควบคุมได้

ทว่าบัดนี้ ความรู้สึกของวิกฤตอันเข้มข้นในจิตใจของเขามันยังดันไม่ยอมจางหายไป ตรงกันข้าม มันกลับระเบิดออกมาอย่างรุนแรงราวกับถูกเผาไหม้!

........................................