ตอนที่ 370 ก่อนพายุกระหน่ำ
ท่ามกลางพายุฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำอย่างเงียบๆ ยุคใหม่กำลังจะมาถึง
หลังการประชุมโลกได้จบลง เทพธิดากงเจิ้งก็เริ่มดำเนินการทันที
ณ เวลาสิบหกนาฬิกา
การสาธิตวิธีการฝึกยุทธก็ได้ถูกถ่ายทอดสดออกไปทั่วทั้งโลกเป็นครั้งแรก
และแน่นอนว่านี่คือการเผยโฉมของกำไลฝึกยุทธต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรกเช่นกัน
เด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าสายตาของคนทั้งโลก และกำลังดำเนินการสาธิตวิธีฝึกยุทธ
เธอถูกรับเลือกให้เป็นผู้ทดสอบรายแรก เนื่องจากเป็นที่รู้จักกันดีเพราะเคยเข้าร่วมงานการกุศลในหลายๆ ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ แถมยังเป็นนักร้องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากทั่วโลกอีกด้วย
ฉะนั้นผู้ที่อยู่ในทีวีตอนนี้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้อีกแล้วนอกเสียจากซุปเป้อร์สตาร์ระดับโลก ซีซวงหยาน!
เมื่ออยู่ต่อหน้าการถ่ายทอดสด ใบหน้าอันบริสุทธิ์งดงามและท่วงท่าในการเคลื่อนไหวของเธอก็ยิ่งดูน่าดึงดูดมากเป็นพิเศษ
“เทพธิดากงเจิ้ง ฉันอยากจะถามว่า ถ้าฉันฉีดน้ำยาเข้าสู่ร่างกายไปแล้ว แต่กลับไม่สามารถผสานเข้ากับนักสู้หวูเต๋า เทียนซวน หรือธาตุทั้งห้าได้เลย ถ้าอย่างงั้นแล้วฉันจะยังคงสามารถฝึกยุทธต่อไปได้ไหม?” เธอเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าทุกคนยังคงสามารถฝึกยุทธต่อไปได้ เพราะนั่นแค่หมายความว่าความสามารถส่วนบุคคลของพวกเขาแค่แตกต่างออกไปเท่านั้น มิได้บ่งบอกว่าจะฝึกยุทธไม่ได้เสียหน่อย” เทพธิดากงเจิ้งแถลงไข
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่มีคำถามอะไรอีกแล้วล่ะ” ซีซวงหยานกล่าว
ว่าจบ เธอก็สวมใส่กำไลเงิน
“มนุษย์คนแรก ซีซวงหยาน กำลังจะเริ่มต้นฝึกยุทธในไม่ช้า ขอเรียนถามว่าคุณยืนยันที่จะใช้งานกำไลฝึกยุทธหรือไม่?” เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังกังวาน
ซีซวงหยานพยักหน้าอย่างมั่นใจและกล่าว “ฉันยืนยัน”
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง”
“เริ่มปฏิบัติการฝึกยุทธได้”
ทันใดนั้น กำไลฝึกยุทธสีเงินพลันส่องสว่างขึ้น
ตามด้วยภาพฉายโฮโลแกรมที่ปรากฏออกมา และห้องทั้งห้องที่เปลี่ยนเป็นภาพของยอดเขาที่ทะลุขึ้นเหนือท่ามกลางทะเลเมฆ
ซีซวงหยานปรากฏกายอีกครั้งในชุดคลุมขนนกหลากสีสัน มันพัดกระพือไปตามสายลมฉากนี้แลดูราวกับนางสวรรค์ที่กำลังจุติลงมาบนโลกมนุษย์
นี่คือชุดคลุมของผู้ฝึกยุทธหญิงจากโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ และมันได้ถูกนำมาใช้ในโลกจริงโดยกู่ฉิงซาน
ซีซวงหยานนับว่าเป็นหญิงงามอันดับต้นๆ ดังนั้น ยามที่เธอสวมใส่ชุดคลุมขนนก ฉากนี้ย่อมนำไปสู่การจดจำและยากจะลืมเลือนของผู้คน
นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น แต่มันก็ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงกันแล้ว!
“สวัสดีซีซวงหยาน ไม่ทราบว่าคุณสนใจที่จะเป็นมืออาชีพประเภทใด?” เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้น
พร้อมกันกับเสียงของเธอ สามสัญลักษณ์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของซีซวงหยาน
ธาตุทั้งห้าเป็นสัญลักษณ์รูปการสวดภาวนา ขณะที่นักสู้หวูเต๋าเป็นสัญลักษณ์รูปกำปั้น
“ฉันต้องการที่จะกลายเป็นผู้ใช้เทคนิคเทียนซวน” ซีซวงหยานกล่าวออกมาจากจิตใต้สำนึก
เทพธิดากงเจิ้ง “มนุษย์แต่ละคนจะมีโอกาสเลือกอาชีพฟรีแค่หนึ่งครั้งเท่านั้นนะ คุณแน่ใจว่าจะเลือกมันเลยหรือไม่?”
“ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่ฉันเลือก มันจะเกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันก็จะใช้เทคโนโลยีจั๊มป์ขนาดเล็กที่ถูกติดตั้งไว้ในตัวกำไล ส่งน้ำยาปลุกเทียนซวนมามอบให้แด่คุณ จากนั้นคุณก็จะต้องใช้มันในจุดที่ส่งมาให้ทันที”
“แล้วถ้าพลังของฉันไม่ตื่นขึ้นมาในครั้งแรก ฉันยังคงสามารถใช้น้ำยาได้อีกรึเปล่า?”
“แน่นอนว่าย่อมใช้ได้ แต่คุณจะต้องมีส่วนร่วมในการสนับสนุนสังคมมนุษย์ให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้รับเป็นแต้มแลกมา และเมื่อมันมากพอ คุณก็จะสามารถนำแต้มไปแลกน้ำยาขวดต่อไปได้”
ดวงตากลมโตราวลูกปัดของซีซวงหยางลุกวาว เธอรีบกล่าว “งั้นก็วางเรื่องนี้เอาไว้ก่อนดีกว่า ฉันค่อยมาเลือกมันอีกทีหลังจากฝึกยุทธและเข้าใจถึงเส้นทางของตัวเองอย่างถ่องแท้เสียก่อน แล้วค่อยมาทำการเลือกอาชีพอีกครั้ง แบบนี้ได้ไหม?”
“แน่นอนว่าได้ ถึงแม้จะเป็นการข้ามทฤษฎีไปบ้าง แต่แบบนั้นก็อาจจะดีกว่าจริงๆ”
“กรุณาช่วยฉันเริ่มต้นดำเนินการสาธิตการฝึกยุทธด้วย”
เทพธิดากงเจิ้งเริ่มอธิบายว่า “รับทราบแล้ว เอาล่ะ เราจะเริ่มกันจากระดับขอบเขตของการฝึกยุทธขั้นแรก ปราณปรับแต่ง”
“นับจากนี้ไปคุณจะต้องรับหน้าที่ฝึกยุทธขั้นพื้นฐานในระดับปราณปรับแต่ง”
“ส่วนฉันจะรับหน้าที่ตรวจสอบความคืบหน้าในการฝึกยุทธของคุณ และวางแผนปรับปรุงมันให้สอดคล้อง เหมาะสมตรงกันกับอาชีพที่คุณได้ทำการเลือกเอาไว้”
“นอกจากนี้ เพื่อที่จะได้รับเทคนิคลับที่ใช้ในการฝึกยุทธขั้นสูง คุณต้องอย่าลืมที่จะให้ความร่วมมือและทำผลงานเพื่อมวลมนุษยชาติด้วยล่ะ เข้าใจไหม?”
“เอาล่ะ ตอนนี้เราจะมาเริ่มต้นด้วยขั้นแรกกัน ปราณปรับแต่งขั้นหนึ่ง”
“กำลังส่งวิชาลับ ปราณปรับแต่งขั้นหนึ่งไปให้คุณ”
“ฉันจะอธิบายใจความสำคัญของวิชาลับให้แก่คุณทีละประโยคนะ”
“โปรดปฏิบัติตามเนื้อหาและพยายามฝึกฝนด้วย”
“เข้าใจแล้ว”
ซีซวงหยานอ่านบรรทัดตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเธอ จากนั้นก็มองไปที่คำอธิบายใต้บรรทัดเหล่านั้น
สิ่งที่แปลกประหลาดเช่นนี้ แม้กระทั่งคนที่ชื่นชอบในเรื่องลี้ลับอย่างเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะสงสัยเล็กน้อย
เธอใช้สมองไตร่ตรองโจทย์ตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งจึงหลับตาลง และเริ่มปฏิบัติตามใจความสำคัญของวิชาลับ
ไม่กี่นาทีต่อมา
ซีซวงหยานก็ลืมตาขึ้น
“นี่มันอะไรกัน?” เธอเอ่ยถาม
ในมือของเธอ ปรากฏจุดแสงสีขาวสาดแสงออกมาจากอากาศที่บางเบา
มันเป็นพลังที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ซีซวงหยานลอบประหลาดใจอย่างลับๆ
เทพธิดากงเจิ้ง “ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้บรรลุปราณปรับแต่งขั้นหนึ่งแล้ว”
“งั้นก็เข้าสู่ขั้นต่อไปกันเลย ด้านล่างนี้ คือคำอธิบายเกี่ยวกับ ปราณปรับแต่งขั้นสอง”
แล้ววิชาลับในการฝึกยุทธขั้นต่อไปก็ปรากฏขึ้น
เนื้อหาของมันยังไม่มีจำนวนมากนัก
ซีซวงหยานหลับตาลง เพื่อที่จะดำเนินการฝึกยุทธต่อตามเนื้อหาของวิชาลับ
และก็โชคดีตรงที่ว่าเธอน่ะเป็นผู้หญิงสวย ดังนั้นผู้คนที่เฝ้าดูผ่านทางการถ่ายทอดสดจึงตั้งใจมองไม่มีเบื่อ
หลังจากนั้นผ่านไปอีกหลายนาที
ซีซวงหยานก็โบกมือออกไปอีกครั้ง
คราวนี้ ตลอดทั้งฝ่ามือของเธอเริ่มเรืองแสงเล็กน้อย
“แล้วนี่ล่ะ?” เธอถาม
เทพธิดากงเจิ้งได้ทำการตรวจสอบและตอบว่า “ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้บรรลุปราณปรับแต่งขั้นสองแล้ว”
“ด้านล่างนี้คือคำอธิบายเกี่ยวกับ ปราณปรับแต่งขั้นสาม”
…
แล้วซีซวงหยานสามารถตัดผ่านปราณปรับแต่งขั้นสามได้อีกครั้ง
เทพธิดากงเจิ้งเงียบไปหลายลมหายใจก่อนจะกล่าวว่า “การตัดผ่านอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อรากฐานวรยุทธและเสถียรภาพของร่างกาย ฉะนั้นคุณควรที่จะพักเสียก่อน และโปรดทำตามคำแนะนำของสามขั้นแรกเพื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งกับพื้นฐานวรยุทธด้วย”
“เข้าใจแล้ว” ซีซวงหยานกล่าวด้วยความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
แต่หากอ้างอิงตามคำอธิบาย ในตอนนี้ เพียงยกมือขึ้น เธอก็มีพลังพอที่จะสามารถควบคุมวัตถุขนาดเล็กให้ลอยไปลอยมาได้แล้ว!
เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน เธอก็โบกมือออกไป
และถ้วยใบหนึ่งที่ตั้งอยู่ในระยะไกลก็ลอยมาตกลงในมือของเธอ
ซีซงหยานยกถ้วยขึ้นและจิบชาที่ถูกเททิ้งไว้อยู่ภายในอย่างช้าๆ
เธอหันไปมองกล้องถ่ายทอดสด และเอ่ยถามว่า “ฉันได้ยินมาว่าถ้าเราฝึกยุทธจนยกระดับไปถึงในขอบเขตที่ลึกล้ำ อายุขัยของพวกเราจะสามารถยืนยาวขึ้น ข้อนี้จริงหรือเปล่า?”
“เป็นเรื่องจริง ต่อจากขอบเขตปราณปรับแต่งคือขอบเขตก่อตั้ง ขอบเขตก่อตั้งจะทำให้ช่วงชีวิตยืนยาวขึ้นได้ถึงร้อยห้าสิบปี!” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว
“แล้วขอบเขตต่อไปล่ะ?”
“เป็นขอบเขตแก่นทองคำ ช่วงชีวิตจะยืนยาวขึ้นไปถึงห้าร้อยปี”
ซีซวงหยานชะงักไป ปากเอ่ยเสียงกระซิบ “นั่นมันเยอะมากๆ เลยนะ หวังว่าหน้าตาผิวพรรณฉันคงไม่แก่ไปตามอายุด้วยหรอกนะ?”
“นอกเหนือไปจากเรื่องอายุขัยแล้ว ความแข็งแกร่งของคุณจะยังเพิ่มพูนขึ้นขึ้นอีกด้วย! พลังโจมตีจะรุนแรงยิ่งกว่าในขอบเขตปราณปรับแต่งเป็นอย่างมาก โดยประมาณแล้วจะเพิ่มสูงขึ้นกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์!”
“จริงๆ เหรอ?” ซีซวงหยานเอ่ยถามด้วยความสนใจ
ต้องบอกว่าคราวนี้ เธอเริ่มที่จะสนใจจริงๆ แล้วนะ ไม่ใช่แค่การแสดงผ่านหน้ากล้องแบบในตอนแรก
เธอหันไปทางกล้องถ่ายทอดสดและพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะทุกคน การสาธิตฝึกยุทธในวันนี้ก็ได้หมดเวลาลงแล้วนะ อันที่จริงมันยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกมาก แต่ทุกคนคงจะต้องไปลองสัมผัสกับมันด้วยตัวเองน้า”
และการถ่ายทอดสดก็สิ้นสุดลง
‘อายุขัยยืนยาว!’
‘ได้ก้าวขึ้นเป็นมืออาชีพที่แข็งแกร่ง!’
ผู้คนแทบจะกลายเป็นบ้า และได้แต่เฝ้ารอกำไลฝึกยุทธที่กำลังจะถูกแจกจ่ายจนนั่งไม่ติดเก้าอี้
ณ เวลาสิบแปดนาฬิกา
แม้นรกยังคงย่างกรายเข้ามาอย่างช้าๆ
แต่รัฐบาลก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะมอบกำไลฝึกยุทธให้แก่ทุกคนเช่นกัน!
ส่วนค่าใช้จ่ายในเรื่องน้ำยา รัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระทั้งหมด!
และวัสดุสำหรับการผลิตกำไลก็ยังถูกออกค่าใช้จ่ายให้โดยรัฐบาลเช่นกัน!
ทว่าไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ ทุกคนจะต้องลงนามในข้อตกลงที่จะรับใช้ประเทศของตน และมีส่วนร่วมในการฝึกยุทธของมนุษยชาติ และต้องเชื่อฟังคำสั่งเพื่อต่อสู้กับวันสิ้นโลก!
ผู้ที่ละเมิดฝ่าฝืน จะถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการใช้กำไลฝึกยุทธตลอดไป
ยุคแห่งผู้ฝึกยุทธได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันนี้ไป…ยุคทองของเหล่ายอดยุทธได้เปิดฉากขึ้นแล้ว!
ณ วิลล่าบนหุบเขา
ผู้คนทั้งหลายกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเพื่อพักผ่อน
กู่ฉิงซานก้มลงมองดูเวลา
กำลังเสริมจากปรภพกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า
“นังลูกเจี๊ยบที่ชื่อซีซวงหยานนั่นดูเหมือนว่าจะมีปัญหาบางอย่างนะ” เหลียวฮังเปิดประเด็นขึ้นในทันใด
“มีปัญหาอย่างไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ก็เธอแค่หลับตาลง แต่สามารถไปถึงปราณปรับแต่งขั้นสามได้เลยน่ะสิ! ทีตอนฉันกลับใช้เวลาและความพยายามไปมากมาย!” เหลียวฮังหงุดหงิด
“ไม่เอาน่า เธอก็แค่มีพรสวรรค์ที่ดีเท่านั้นเอง อันที่จริงแล้ว คุณก็มีพรสวรรค์ไม่เลวเลยนะ อย่าไปเปรียบเทียบกันกับคนอื่นเลย” กู่ฉิงซานหัวเราะ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง สุดท้ายก็กล่าวออกไปว่า “แต่มันก็ยังจำเป็นที่จะต้องอธิบายอยู่ดี เพื่อที่ผู้คนจะได้ไม่เอามาตรฐานของตัวเองไปเปรียบเทียบกันกับมาตรฐานของซีซวงหยาน”
“รับทราบแล้วใต้เท้า” เทพธิดาตอบรับ
“เอ้อจริงสิ เห็นว่าแกได้ฆ่าพระสันตะปาปาไป แถมสมเด็จพระจักรพรรดินียังมอบเหรียญบุบๆ พังๆ ให้อีกด้วยนี่?” เหลียวฮังชี้ไปที่เหรียญในมือของซางหยิงฮ่าวและกล่าวเหยียด
นี่มันไม่ใช่เหรียญพังๆ” ซางหยิงฮ่าวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “มันคือเหรียญพิเศษที่ได้รับพระราชทานมาจากสมเด็จพระจักรพรรดินีโดยตรง! และด้วยเจ้าสิ่งนี้ มันจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราสามารถใช้ทรัพยากรในสาธารณรัฐฟูซีได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียแต้มเครดิตเลยแม้แต่แต้มเดียว! เพราะทางฟูซีจะเป็นคนจ่ายให้เราเอง”
เหลียวฮังพอได้ฟังก็ตกตะลึง เขารีบเอ่ยถาม “งั้นเจ้าสิ่งนี้สามารถให้คนอื่นๆ ยืมใช้ได้ไหม?”
“ขอโทษที แต่มันมีชิปที่ใช้ในการพิสูจน์ตัวตนอยู่ นั่นหมายความว่าคนอื่นๆ คงไม่สามารถใช้ได้”
“จิ๊ส์ น่าเบื่อจริง” เหลียวฮังกล่าวอย่างฉุนเฉียว
จู่ๆ เทพธิดากงเจิ้งก็เอ่ยถามขึ้นทันใด “ใต้เท้า ฉันได้ค้นพบทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับเทคนิคฝึกยุทธระดับสูงแล้ว แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นล้วนเป็นทรัพยากรที่จำต้องมีวิธีการผลิตอันลึกล้ำ ตัวอย่างเช่นเม็ดยาเหล่านี้ที่ถูกเขียนระบุเอาไว้ในหนังสือฝึกยุทธบางเล่ม ฉันไม่สามารถทำการผลิตมันได้เลย ปัญหานี้สมควรจะแก้ไขอย่างไรดี?”
“ปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เอาไว้รอจนกว่าจำนวนคนในโลกจะก้าวขึ้นสู่ขอบเขตก่อตั้งเสียก่อน เดี๋ยวปัญหานี้ก็จะได้รับการแก้ไขเองแหละ”
“รับทราบแล้ว” เทพธิดาตอบ
ในเมื่อเทพธิดากงเจิ้งไม่ถามต่อ เหลียวฮังจึงเป็นฝ่ายอดไม่ได้ที่จะถามออกมาเอง
“นี่มันเป็นปัญหาใหญ่อยู่นา แล้วแกจะแก้ไขมันอย่างไร?” เขาเอ่ยถาม
“ปล่อยไปก่อน” กู่ฉิงซานตอบคำเดิม
“ไอ้เจ้านี่! บอกมาดีๆ จะได้ไหม อย่าให้ฉันมัวแต่ต้องคาดเดา!” เหลียวฮังเริ่มหงุดหงิด
กู่ฉิงซานหัวเราะ “อย่าคาดเดาไปเลย มันก็แค่เรื่องไร้สาระนั่นแหละ ฉันกลัวว่าคุณคงจะคลั่งเสียก่อนถ้าได้ฟังมัน”
“พูดมาเหอะ ฉันไม่เป็นแบบนั้นเหรอก”
“อ่า งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ถ้าสามารถผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ ฉันว่าจะไปหาเวลาว่างๆ ทำการ ‘รวบรวมผสานสองโลก’เข้าด้วยกัน” กู่ฉิงซานกล่าว
“ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกควรจะบอกว่าเป็นการ ‘ผสานสามโลก’ เข้าด้วยกันต่างหาก” เขาเอ่ยเสริม
ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังงึมงำอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็พลันบังเกิดเจตนาฆ่ากระชากออกมาจากร่างกายเขา
“หรือบางที…อาจจะเป็น ‘สี่โลก’ ก็ได้...”
…………………………………………….