ตอนที่ 358 ปรากฏกาย (สาม)
เมื่อได้รับอนุญาตจากอีกฝ่าย ยี่ชาก็บังเกิดความสุขยิ่ง
มีเฉพาะเพียงการดำรงอยู่ของ ‘สิ่งนี้’ เท่านั้น ที่จะสามารถเพิกเฉยต่อจำนวนศัตรู และยุติการทำลายล้างทั้งหมดลงได้
แม้ว่าในความเป็นจริง สิ่งที่ต้องจ่ายออกไปในภายหลังจากเหตุการณ์นี้มันอาจจะนับว่าไม่คุ้มค่า แต่เวลานี้ยี่ชาไม่มีทางเลือกอื่น เธอจำเป็นต้องคำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองก่อนเท่านั้น
ในความว่างเปล่า ไพ่ใบหนึ่งปรากฏขึ้น
ภายในไพ่ เป็นรูปของมารที่ทั้งร่างถูกแผดเผาไปด้วยเปลวเพลิงขณะที่ในมือข้างหนึ่งของมันถือธงแกะ ส่วนอีกมือหนึ่งถือธงแตรยาว
“บัญชาอสุรกาย”
“คำอธิบาย ไพ่ใบนี้เป็นสัญลักษณ์ของเจตจำนงแห่งอสุรกาย มันจะให้ความสนใจไปกับโลกที่คุณอาศัยอยู่ และจะอนุญาตให้คุณใช้งานภายใต้สมญาของมัน”
ยี่ชาคว้าไพ่มาไว้ในมือ แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
บัดนี้มนุษย์ปีศาจได้ปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการโจมตีของมนุษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่งผลให้พวกมันเชี่ยวชาญในการฆ่ามากขึ้น แลดูราวกับเป็นเพชฌฆาตก็ไม่ปาน
มีผู้คนมากมายถูกสังหารตกตายลงในสนามรบ และบางตำแหน่งก็ย่อยยับชนิดเฉียดอยู่บนปากเหวแห่งการล่มสลายแล้ว
สถานการณ์ของสงคราม โอนเอนไปทางอีกฝั่งหนึ่งอย่างชัดเจน
หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความพยายามกันอีกสักพักหนึ่ง มนุษย์ทั่วทุกพื้นที่ก็มิอาจรับมือได้ไหวอีกต่อไป ทยอยกันถูกสังหารลงโดยเพชฌฆาตมนุษย์ปีศาจอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงเวลานั้นเอง พลันบังเกิดรัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งขึ้น ดึงดูดความสนใจของทั้งสองฝ่าย
กองกำลังแห่งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงเหลือรอด ต่างหันหน้ามองมันเป็นสายตาเดียว
เห็นแค่เพียงสองปีกศักดิ์สิทธิ์ของพระสันตะปาปาที่กางออก สองเท้ายืนหยัดอย่างสง่าผ่าเผยอยู่เหนือซากปรักหักพังของโบสถ์ใหญ่
“นั่นสมเด็จพระสันตะปาปา!”
“ท่านมาโปรดพวกเราแล้ว!”
ผู้คนต่างร้องตะโกนออกมา ร่ำไห้ด้วยน้ำตา
หัวหน้าสาวกศักดิ์สิทธิ์ฮัทท์พยายามกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างเต็มที่ ทว่าเขากลับไม่พบถึงร่องรอยของน้องชายตนเองเลย
“อีวาน…” แข้งขาของเขาอ่อนแรง สองเข่าทรุดกระแทกลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง
รัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่โอบอุ้มรอบกายพระสันตะปาปา ก่อนที่พวกมันจะทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า เจิดจรัสเฉกเช่นเดียวกันกับแสงแห่งรุ่งอรุณ
ไพ่นับสิบใบถูกกุมอยู่ในมือของเธอ
“จงหยุดซะ” เธอร้องตะโกน
กองกำลังติดอาวุธของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์หยุดต่อต้านการโจมตีอย่างสิ้นเชิง
เหล่ามนุษย์ปีศาจตระหนักได้ทันทีว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง พวกมันต่างหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ และเฝ้ามองเธออย่างระแวดระวัง
“ด้วยนามของจ้าวแห่งวิญญาณร้าย ข้าจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่พวกเจ้า จงยุติสงครามครั้งนี้เสีย และอย่าได้ย่างกรายเข้ามาอีกต่อไป!” พระสันตะปาปากล่าว
ทันทีที่เสียงของเธอตกลง ‘บัญชาอสุรกาย’ ก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที
ไพ่ใบหนึ่งถูกป่นเป็นผง เศษของมันกระจัดกระจายดั่งดาราที่ร่วงโรย
ไพ่สัญญาได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว!
ในมือของเธอ ไพ่ทั้งเก้าใบที่เหลืออยู่พลันทะยานขึ้นไปกลางอากาศ เปล่งกระแสเสียงออกมาโดยพร้อมเพรียง
“จงเฝ้ามองธงแห่งข้า จงเชื่อฟังบัญชาแห่งข้า จงทำตามเป้าประสงค์แห่งข้า!”
ไพ่ที่มีขนาดเพียงแค่ฝ่ามือทั้งเก้าใบกำลังเปล่งวาจาที่ฟังดูน่าเกรงขาม นี่มันช่างแลดูราวกับเป็นเรื่องตลกร้าย ไร้สาระโดยแท้
มนุษย์ปีศาจหันมามองหน้ากันและกัน ก่อนจะแสดงท่าทีขบขันออกมา
หนึ่งในนั้นโบกมือของมันออกไป ปลดปล่อยกระแสคลื่นสีทองอันแหลมคม ตัดสะบั้นศีรษะของกองกำลังติดอาวุธแห่งคริสตจักรไปหลายสิบ บังเกิดหมอกโลหิตจางๆโปรยไปทั่ว
จากการแสดงออกของมนุษย์ปีศาจตนนั้น บ่งบอกว่ามันกำลังยั่วยุพระสันตะปาปาอย่างชัดเจน
พระสันตะปาปาหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ
เธอเอ่ยกับไพ่เบื้องหน้าทั้งเก้าว่า “พวกมันไม่เชื่อฟังคำสั่งเจ้า ข้าร้องขอให้เจ้าปรากฏกายด้วย”
“เข้าใจแล้ว” ไพ่ทั้งเก้าตอบรับพร้อมกัน
สองมือของพระสันตะปาปาขยับไหวอย่างรวดเร็ว จัดเรียงไพ่ทั้งเก้าเรียงต่อกันเป็นสามแนวทั้งตั้งและนอน
ต่อมา ภายในไพ่แต่ละใบก็เริ่มปรากฏร่างเงาของอวัยวะต่างๆ งอกออกมา
หลังจากที่ถูกเย็บรวมเข้าด้วยกันแล้ว ไพ่ทั้งหมดก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และแปรสภาพกลายเป็นไพ่ขนาดยักษ์
อันที่จริงแล้วตอนนี้มันมิได้ดูเหมือนไพ่นะ แต่เวลานี้มันดูราวกับเป็นภาพจิตรกรรมบนฝาผนังขนาดเล็กต่างหาก
ภายในจิตรกรรมฝาผนัง ชายหนุ่มรูปงามกำลังยืนอยู่บนหลังของแกะ ในมือข้างหนึ่งถือกุหลาบขาว ขณะที่ในมืออีกข้างถือหอกแหลม เบื้องหลังเขาถูกคลุมไว้ด้วยขนสีเลือด และมีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์สีดำลอยอยู่เหนือหัวของเขา
รอบๆตัวชายหนุ่มรูปงามสิบแปดวิญญาณร้ายสีเทากำลังรายล้อมเขา สภาพของทุกตนกำลังก้มศีรษะลง แสดงท่าทีคำนับอย่างเชื่อฟัง
พระสันตะปาปาประกบสองมือทำท่าทีสวดอธิษฐานอ้อนวอนต่อจิตรกรรมเบื้องหน้า
ปากเอ่ยกระซิบว่า “เทวดาตกสวรรค์ที่ถูกสาปแช่งเอ๋ย นายเหนือแห่งวิญญาณชั่วร้าย ราชาแห่งคุกทั้งเก้า แอสเมิร์ดผู้คงกระพันอย่างหาที่ใดเปรียบ ข้าร้องขอให้เจ้าจงก้าวออกมาช่วยเหลือ โดยมีส่วนแบ่งเป็นจิตวิญญาณอันหาได้ยากยิ่ง…”
ไพ่จิตรกรรมได้แปรสภาพเป็นควันสีขาว
เสียงของทั้งเก้าเปล่งออกมาในเวลาเดียวกัน “แม้ว่าจะมีสัญญา แต่เจ้าก็ได้รบกวนการหลับลึกของข้า เพื่อเป็นการไถ่โทษ เจ้าจะต้องมาใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับข้าตลอดทั้งค่ำคืนอันแสนยาวนาน”
ยี่ชาพยายามเลี่ยงคำกล่าวของอีกฝ่าย แต่ละถ้อยคำที่เอ่ยออกไปถูกขบคิดมาอย่างระมัดระวัง “ตามสัญญา ข้าจะแบ่งปันวิญญาณอันหาได้ยากยิ่งในยุคอดีตเหล่านี้ให้แด่เจ้า”
ควันสีขาวแยกย้ายกันออกไป
พร้อมด้วยร่างๆหนึ่งที่ปรากฏออกมา
มันคือหนุ่มรูปงามจากจิตรกรรมในไพ่ใบนั้น
ราวกับถูกจำกัดการปรากฏกาย รูปร่างของเขาจึงมองเห็นเป็นเหมือนกับภาพลวงตา มันโปร่งใสดั่งภาพมายา
เขาไม่ได้มีอาวุธใดๆ ในมือ ไร้ซึ่งม้าไว้ควบขี่หรือผู้ติดตามคอยรับใช้
หนุ่มรูปงามหันไปมองรอบๆ
และก็เป็นฝ่ายมนุษย์ปีศาจอีกคราที่เริ่มเปิดฉากลงมือก่อนอย่างโหดเหี้ยม มันซัดโจมตีด้วยด้ายสีทองออกไปยังหนุ่มรูปงาม
ด้ายสีทองตัดหั่นชั้นอากาศ เปล่งประกายวิบวับ พริบตาเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าของหนุ่มรูปงาม
“ช่างโง่เขลา”
หนุ่มรูปงามปากอ้าขยับ เปล่งเสียงคำหนึ่ง
และด้ายสีทองก็หายวับไปต่อหน้าเขา และปรากฏขึ้นอีกครั้งจากทางเบื้องหลังมนุษย์ปีศาจตนนั้นแทน
ฉัวะ! มนุษย์ปีศาจถูกหั่นแยกเป็นสองด้วยการโจมตีของตัวมันเอง
ฉากนี้ทำให้มนุษย์ปีศาจทั้งหมดรู้สึกโกรธแค้นยิ่ง!
พวกมันเปล่งเสียงคำรณ และเริ่มพุ่งเข้าหาหนุ่มรูปงาม
หนุ่มรูปงามถอนหายใจและกล่าวว่า “ฝูงแกะที่โง่เขลาเอ๋ย แม้กระทั่ง ‘กฎแห่งการกระทำ’ พวกเจ้าก็ยังไม่สามารถมองเห็นถึงมันได้”
“ยี่ชา กระทั่ง ‘สิ่งของ’ พวกนี้ เจ้าก็ยังถึงขั้นต้องเรียกหาข้าเลยหรือ ข้าชักจะสงสัยเกี่ยวกับสัญญาของเจ้าซะแล้วสิ”
“มันมิใช่เช่นนั้น แอสเมิร์ด เหล่าตัวตนที่เจ้าเรียกขานมันอย่างไร้ค่าว่าสิ่งของเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนคืบคลานออกมาจากนรก” ยี่ชารีบอธิบา
“นรก?” แอสเมิร์ด กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในนรกไม่มีเจ้าตัวไร้ค่าพวกนี้”
แต่แล้วเขาก็หยุดไปอย่างกะทันหัน สายตาจับจ้องไปยังมนุษย์ปีศาจในทันใด
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ากำลังหมายถึงว่าพวกมันมาจาก ‘นรกที่เชื่อมต่ออยู่กับโลกใบนี้’ ต่างหาก”
ขณะที่เขากล่าว เหล่ามวลมหามนุษย์ปีศาจต่างพากันเปล่งเสียงร้องตะโกน และเริ่มลงมือโจมตีออกไป
แอสเมิร์ด อ้าปากหาวยาวๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ความผิดทั้งมวลที่ทำให้ข้าผู้นี่ขุ่นเคือง โทษทัณฑ์คือพวกเจ้าทั้งหมดจักต้องรับการชำระล้างบาป”
ทันทีที่เสียงนี้ตกลง มนุษย์ปีศาจทั้งหมดในอากาศพลันหยุดนิ่ง
ใช่ จู่ๆ พวกมันก็ไม่ไหวติง มิใช่เพียงแค่เพียงรูปลักษณ์การแสดงออก แต่รวมไปถึงการเคลื่อนไหวทั้งหมด การกระทำทั้งหมดต่างก็หยุดนิ่งลงอย่างฉับพลัน ราวกับแผ่นภาพยนตร์ที่ถูกกดหยุดลงอย่างกะทันหัน
แอสเมิร์ดบินไปข้างหน้าพวกมัน และค่อยๆ ฉีกหัวของมนุษย์ปีศาจตนหนึ่งออกอย่างแผ่วเบา
เขาเอานิ้วแหย่ลงไปในคอของอีกฝ่าย จุ่มลงไปในเลือดเนื้อของมัน คนๆ วนๆ และยกขึ้นมาแลบลิ้นเลีย
แอสเมิร์ดกล่าวอย่างมึนเมา “จิตวิญญาณคนตายช่างยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ทำเอาข้ารู้สึกได้ถึงพลังของกฎแห่งปรภพเลยทีเดียว”
“แต่นี่มันแปลกจริงๆ ที่จิตวิญญาณของคนตายดันมาปรากฏตัวขึ้นในโลกมนุษย์”
“…น่าสนใจไม่เลวนี่ เช่นนี้แล้วมันจะต้องเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นแน่นอน”
“เกิดอะไรขึ้นกับอสุรกายผู้คุมนรกหรือเปล่านะ?”
เขากล่าว “ยี่ชา จงเตรียม ‘คนเป็น’ หนึ่งพันชีวิต เพื่อทำการเสียสละบูชายัญ ข้าต้องการที่จะแบ่งร่างแยกของตัวเองมายังโลกใบนี้เพื่อช่วยเจ้า”
“ข้าน้อมรับความช่วยเหลือนี้และยินดีปฏิบัติตามเป้าประสงค์ของเจ้า…ท่านผู้ทรงเกียรติ” ยี่ชากล่าว
“เจ้าทำได้ดีมากในครั้งนี้ ข้าจะใช้พลังของนรกเก้าชั้นชำระล้างเพื่อขยายขีดจำกัดไพ่เทียนซวนของเจ้าให้เพิ่มขึ้นเป็นรางวัล”
“ขอบพระคุณท่านผู้ทรงเกียรติ” ยี่ชาขานรับด้วยความสุขใจยิ่ง
“เอาล่ะ เจ้าไปทำตามที่ได้รับมอบหมายเถอะ” แอสเมิร์ด กล่าว
“แต่…แล้วพวกมันเล่าจะทำอย่างไร?” ยี่ชาเอ่ยอย่างลังเล
เธอกำลังชี้ไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยมนุษย์ปีศาจนับหลายร้อยหลายพันตัว
“กฎของปรภพในโลกของเจ้ามันหลุดจากการควบคุมแล้ว จิตวิญญาณของพวกมันได้ตกอยู่ในกำมือของข้าเป็นที่เรียบร้อย”
แอสเมิร์ด ยื่นมือข้างหนึ่งของเขาออกไปและแบออก
จุดแสงสว่างหนาแน่นปรากฏขึ้นในมือของเขา
“นี่ใช่สิ่งที่เรียกว่าเก็บเกี่ยวได้โดยบังเอิญอย่างไม่คาดคิด ใช่หรือไม่?” เขายิ้ม
“เจ้านี่ช่างร้ายกาจจริงๆ” ยี่ชาเอ่ยชมออกมาอย่างจริงใจ
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว จงไปเตรียมเครื่องบูชายัญให้พร้อมเสีย จงจดจำเอาได้ด้วยว่าต้องเร็วที่สุด ข้าต้องการจะมาสำรวจด้วยตาตนเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“น้อมรับบัญชา ท่านแอสเมิร์ด”
กล่าวจบ ยี่ชาก็เร่งลงมือ และจัดการเรื่องที่เกี่ยวข้องทันที
ส่วนแอสเมิร์ด เขาเพียงหยุดยืนอยู่กลางอากาศ สายตาจ้องมองไปยังแผ่นหลังของยี่ชาโดยไม่คิดติดตามไป
‘จิตวิญญาณอันล้ำค่าจากเกาะหมอก’…นี่คือสิ่งที่เขาต้องการเสมอมา
สำหรับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้น่ะ เขาขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจมัน
เกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับอสุรกายผู้ควบคุมนรก แน่นอนว่านี่ย่อมต้องเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งแน่ๆ
แม้ว่าตนจะเป็นนายเหนือผู้ครอบครองสถานชำระล้างบาปทั้งเก้าชั้น แต่ตนก็รู้ดีว่าไม่สมควรที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์สยองเกล้าที่ไม่รู้ที่จักเช่นนี้
เมื่อได้ก้าวเข้ามาสู่โลกใบนี้ด้วยการเสียสละของเครื่องบูชายัน
เขาก็จะรับเอาตัวยี่ชา หนึ่งเดียวในโลกนี้ที่มี ‘จิตวิญญาณอันล้ำค่าจากเกาะหมอก’ มา แล้วก็จะจากไปทันที
นี่คือเรื่องที่แอสเมิร์ดกำลังคิดจะทำ
…………………………………………….