webnovel

0328 องค์จักรพรรดิ

ตอนที่ 328 องค์จักรพรรดิ 

ภายในสำนักงานประธานาธิบดีพลันตกอยู่ในความเงียบอย่างน่าแปลกประหลาด กระทั่งชั้นอากาศก็ค่อยๆ เย็นขึ้นราวกับถูกแช่แข็ง 

กู่ฉิงซานกับประธานาธิบดีนั่งมองหน้ากันโดยมีโต๊ะน้ำชาคอยคั่นกลาง 

ท่ามกลางความเงียบ ในระยะไกลออกไปจะได้ยินเสียงที่แม้จะฟังดูคลุมเครือแต่ก็บอกได้ว่าเป็นเสียงปืนของหุ่นรบ และเสียงของพื้นดินที่ค่อยๆ สั่นสะเทือนอย่างเห็นได้ชัด 

การปฏิวัติได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว 

ประธานาธิบดีพอได้ยินสิ่งเหล่านั้น รอยยิ้มน้อยๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา 

ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกสุขหรือพึงพอใจง่ายๆ ทว่าเสียงปืนจากภายนอกนี่มันทำให้เขารู้สึกดีจริงๆ 

กู่ฉิงซานโบกมือ 

และถ้วยน้ำชาบนโต๊ะประธานาธิบดีก็ค่อยๆ ลอยขึ้น บินอยู่ในอากาศอย่างสงบ และตกลงมาตรงด้านหน้าของประธานาธิบดีอย่างช้าๆ 

“เชิญดื่มชาก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว 

ว่าแล้วเขาก็หยิบถ้วยชาตรงหน้าตนขึ้นมา แล้วจิบมันอีกครั้ง 

“อา...ชานี่มันรสชาติไม่เลวเลยจริงๆ” เขากล่าว

 ประธานาธิบดีมองไปยังกู่ฉิงซานด้วยใบหน้าสงบนิ่ง เขาหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาอังจมูก สูดดมเล็กน้อย 

แต่แล้วเขาก็ขมวดคิ้ว และวางถ้วยชาลงอีกครั้ง 

ประธานาธิบดียังคงจับจ้องกู่ฉิงซาน ทว่าเขากลับไม่พบถึงการแสดงออกทางสีหน้าที่ผิดปกติใดๆ ของอีกฝ่ายเลย 

“เจ้าทราบได้อย่างไรกัน” ประธานาธิบดีเอ่ยถามออกมาในที่สุด 

“เพราะเทพนักสู้แห่งรัฐบาลกลางได้ถูกแยกตัวออกจากพระองค์” กู่ฉิงซานเฉลย 

“เพียงเท่านั้นมันมิอาจพิสูจน์อะไรได้เลย” 

“ใช่แล้วล่ะ ศีรษะบนคทาทองหายไป การตายลงขององค์จักรพรรดิตัวปลอมกับถังจุน และนรกเยือกแข็งที่กำลังปรากฏขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าท่านอยู่ในรัฐบาลกลาง” 

กู่ฉิงซานค่อยๆพูดอย่างช้าๆ “แต่เป็นเพราะผมพึ่งได้เริ่มต้นศึกษาเรื่องบางอย่างมาเมื่อไม่นานมานี้” 

ประธานาธิบดีกล่าวอย่างคาดไม่ถึง “ศึกษาพันธุศาสตร์ใช่หรือไม่?” 

“เปล่า ศึกษาเรื่องการแสดง” 

กู่ฉิงซานวางถ้วยชาลงและกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิ จากในมุมมองของท่าน ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้มีเวลาศึกษาบทบาทของประธานาธิบดีอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ดังนั้นท่านเลยไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเล่นเป็นเขาอย่างแนบเนียน อันที่จริงแล้วไม่ต้องพูดถึงเรื่องแสดงบทบาทเป็นประธานาธิบดีหรอก แม้กระทั่งบทบาทตัวประกอบเล็กๆน้อยๆในหนัง ผมก็ขอเดิมพันว่าท่านเล่นไม่เนียนอยู่ดีนั่นก็เพราะ...” 

ประธานาธิบดีจ้องมองเขา เฝ้ารอประโยคถัดไปที่อีกฝ่ายจะพูดต่อ 

กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “เพราะตัวท่านเองนั่นแหละ ถึงแม้ว่าจะได้ทำการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมตนเองให้มีรูปลักษณ์เหมือนกับประธานาธิบดี แต่ทุกๆ การเคลื่อนไหวก็ยังเป็นตัวท่านเองอยู่ดี” 

“แล้วเจ้าค้นพบถึงมันตั้งแต่ช่วงเวลาใด?” 

“ท่านมิได้สนใจที่จะลิ้มรสชาติของชา เพราะชาที่รัฐบาลกลางจัดซื้อมานั้นเกรดมันธรรมดาเกินไป และแย่กว่าชาที่ได้รับบรรณาการจากภายในวังของท่านเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพียงสูดดมกลิ่น ท่านก็มิสนใจที่จะลิ้มลองมันต่อ” 

“ยามเมื่อท่านนั่ง แผ่นหลังท่านยืดตรง ราวกับคนที่มีพละกำลัง แต่ท่านประธานาธิบดีน่ะเป็นแค่คนทั่วไป เขาแก่แล้ว” 

“ท่านประธานาธิบดีชอบที่จะนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับผม เขาชอบที่จะพูดคุยและเล่นมุกตลกๆ กับผม แต่คุณกลับเลือกที่จะทำตัวเย็นชาห่างเหิน ไปนั่งลงหลังโต๊ะทำงาน” 

“ท่านประธานาธิบดีของเรามีพื้นเพมาจากรากหญ้า มาจากมณฑลอันห่างไกลเมืองหลวง ดังนั้นตามวิถีชีวิตบ้านนอก ใบหน้าของเขาจึงดูจริงใจ และแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มแย้มแทบจะตลอดเวลา” 

“แต่ทว่าท่านกลับไม่ค่อยแสดงถึงความรู้สึกใดๆ บนใบหน้าเลย นั่นเพราะมันต้องเป็นทุกคนต่างหากที่ต้องปั้นหน้ายิ้มทำให้ท่านโปรดปรานและพอใจ หากกษัตริย์มอบรอยยิ้มให้ นั่นก็นับว่าเป็นรางวัลอันเลอค่าแล้วสำหรับพวกเขา” 

กู่ฉิงซานยังคงกล่าวต่อไปว่า “สำหรับผม แค่จินตนาการว่าคนตรงหน้าเป็นพระองค์ แล้วเฝ้าสังเกตจากทุกการกระทำและเคลื่อนไหว ก็จะพบว่าท่านเหมือนกับองค์จักรพรรดิอย่างไม่มีผิดเพี้ยน” 

“เพียงเพราะสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อจริงๆ กระนั้นหรือ?” ประธานาธิบดีถาม 

“แน่นอน ว่ามันยังมีเหตุผลอื่นๆ อยู่อีก แต่มันไม่เหมาะที่จะบอกท่าน” 

กู่ฉิงซานกล่าว “สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ท่านประธานาธิบดีตัวจริงนั้นจะไม่มีทางแบ่งแยกประเทศออกเป็นสอง ยามเมื่อเวลาที่สงครามกำลังจะมาถึงแน่ๆ” 

“เพราะเหตุใด” 

“เพราะเขาคือประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้ง และเป็นผู้นำที่ประชาชนรักใคร่และนิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ หากการกระทำของเขาผิดหลักจริยธรรม ผู้คนก็คงจะไม่ไว้ใจเลือกมอบประเทศวางลงบนไหล่ให้เขาแบกรับหรอก” 

“โอ้ ที่เจ้ากล่าวอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ” 

ประธานาธิบดีเงียบไปสักพัก ก่อนจะปรากฏร่องรอยเย้ยหยันขึ้นบนใบหน้าของเขา

“มันก็จริงที่ข้ามิอาจเล่นละครตบตาได้” เขาเอ่ยอย่างช้าๆ แต่ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายและแรงกดดันมหาศาล “แต่ข้าเก่งกาจในด้านการควบคุมชีวิตและความตายของผู้คนนับล้าน ข้าเก่งกาจในด้านการพิชิตโลก!” 

“ทำไมท่านถึงคิดว่าเป็นแบบนั้นล่ะ?” กู่ฉิงซานเอนตัวลงบนโซฟา ปากเอ่ยถาม 

ประธานาธิบดีกล่าวอย่างมั่นใจว่า “เพราะตอนนี้ข้าได้เปิดโปงโฉมหน้าอันแสนโสมมของเก้าตระกูลใหญ่ผ่านทางโทรทัศน์ ออกอากาศไปทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้วน่ะสิ” 

“ประกาศมันออกไปในฐานะโฉมหน้าของประธานาธิบดี และข้อกล่าวหาของข้าก็จะกระตุ้นความโกรธแค้นจากประชาชนที่นิยมชมชอบข้า” 

“ข้าได้ทำการควบคุมกองทัพบางส่วนของรัฐบาลกลางเอาไว้แล้ว และพวกเขาล้วนซื่อสัตย์ภักดีต่อข้า” 

“เมื่อเทพธิดากงเจิ้งหยุดการทำงาน กองทัพก็จะระดมกำลังต่อสู้กับเก้าตระกูลใหญ่” 

“ประชาชนจะประท้วง ก่อกบฏ และปฏิวัติโดยการให้ความร่วมมือกับทางกองทัพ!” 

ประธานาธิบดีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สหพันธรัฐ รัฐบาลกลางจะตกลงสู่สงครามกลางเมือง และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าก็จะกลับไปยังฟูซี เพื่อเสริมกำลังรบจากทางฝั่งนั้นบุกโจมตีเข้ามาอีกระลอก” 

“ท่านคิดว่าจะสามารถทำอะไรกับเก้าตระกูลใหญ่ได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

“พวกมันเป็นเพียงแค่กลุ่มก้อนขยะ! ยามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังที่มิอาจต้านทานได้ แม้กระทั่งมอนสเตอร์เอกภพก็ยังเป็นเพียงขยะหากต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่สมบูรณ์แบบของนรก!” 

ขณะที่ประธานาธิบดีกำลังพูด สมองควอนตัมของเขาก็ส่องสว่างขึ้น 

เขาหยิบมันขึ้นมามองวูบหนึ่ง ก่อนที่คิ้วจะค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน 

“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยถาม 

ในสมองควอนตัมรายงานถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว 

เสียงระเบิดและคำรามของเครื่องจักรดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้คนก็เช่นกัน 

หลังจากที่ประธานาธิบดีได้ฟัง เขาก็ปิดสมองควอนตัมลง 

ขณะนี้ ตลอดทั้งใบหน้าของเขาด้านชาราวกับถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งค้าง 

“สัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์...เจ้าได้ไปทำอะไรกับมันหรือไม่?” เขาเอ่ยเสียงต่ำจนแทบจะคำรามอยู่รอมร่อแล้ว 

“ใช่แล้ว ตั้งแต่ที่ผมเข้ามาและพบว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ผมก็ได้ทำการแจ้งเตือนเทพธิดากงเจิ้ง และขอให้เธอเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่ว่านั่น” 

“และผมเป็นผู้ชมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฟังท่านกล่าวสุนทรพจน์” กู่ฉิงซานยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมา “ทักษะพื้นฐานทางการแสดงของท่านยังจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนอีกมาก มันยังไม่เหมาะที่จะถูกเผยออกไปต่อหน้าประชาชีหรอกนะ เดี๋ยวจะขายหน้าซะเปล่าๆ” 

“หมายความว่าเทพธิดากงเจิ้งยังไม่หยุดทำงานหรือ?” 

“เธอยังคงปกติดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอตกใจอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน” 

“ฉะนั้น สุนทรพจน์ทางโทรทัศน์จึงยังไม่ได้ออกอากาศต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศสินะ?” 

“ขออภัยด้วย แต่คงต้องบอกว่ามันเป็นเช่นนั้น” กู่ฉิงซานกล่าว 

ประธานาธิบดีบิดคอของเขาเสียงดัง’แกร๊ก’ บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังรู้สึกคับข้องใจ 

บางที นี่อาจจะเป็นท่าทีที่แสดงออกมาดูเป็นธรรมชาติที่สุดแล้ว หากนับดูจากการแสดงแข็งๆ ที่ผ่านมา 

“แต่ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามเลยนะ ได้โปรดบอกผมทีเถอะ ว่าท่านประธานาธิบดีตัวจริงยังมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

“ข้าจำเป็นต้องมาคอยสังเกตดูว่าสังหารผู้ใดไปแล้วบ้างกระนั้นหรือ? คงต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้าได้สังหารร่างโคลนของเขาไปหลายตัวอยู่เหมือนกัน บางที หนึ่งในนั้นอาจจะมีเขาตัวจริงปะปนอยู่ก็ได้” ประธานาธิบดีกล่าวด้วยรอยยิ้มฉกาจฉกรรจ์ 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานจมดิ่งลง แต่เดิมแล้วแท้จริงกลับกลายเป็นเช่นนี้ 

เขากล่าวออกมาในทันใด “ผมคงต้องไปแล้ว” 

‘ปัง!’ 

คฤหาสน์ประธานาธิบดีถูกแยกออกเป็นสองซีก และแต่ละซีกก็ค่อยๆ เอนเอียงไปทางฝั่งตน พังทลายลงอย่างรวดเร็ว 

ตามด้วยร่างสองร่างทะยานขึ้นไปในชั้นอากาศเบื้องบน 

กู่ฉิงซานแปรเปลี่ยนตนเป็นกระแสแสง พุ่งออกไปยังสถานที่ห่างไกล 

องค์จักรพรรดิก็ไล่ล่าตามติดเขาอย่างใกล้ชิดอย่างเต็มกำลัง 

พวกเขาบินไม่หยุดอยู่หลายนาที และอยู่ไกลห่างออกมาจากคฤหาสน์ประธานาธิบดีมากพอสมควรแล้ว 

ทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็หยุดลงอย่างกะทันหัน 

เมื่อองค์จักรพรรดิเห็นแบบนั้น เขาก็ชะลอความเร็วลง ยืนหยัดอยู่กลางอากาศอย่างช้าๆ 

“เหตุใดเจ้าจึงไม่วิ่งหนีต่อแล้วซะล่ะ?” รอยยิ้มหยันพร้อมด้วยคำพูดประชดประชันผุดออกมาจากปากของเขา 

“ระยะไกลเท่านี้ก็น่าจะโอเคแล้ว” กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำเบาๆ 

“เจ้ากำลังหมายถึงอะไร?” สีหน้าขององค์จักรพรรดิหม่นทะมึนลง 

“ความลับน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ 

องค์จักรพรรดิจ้องมองอีกฝ่าย และรู้สึกได้ว่าตนไม่เคยโกรธเกรี้ยวขนาดนี้มาก่อนเลยในช่วงชีวิตของเขา 

ทันใดนั้นบรรยากาศรอบตัวเขาก็เกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่อง 

ยามเมื่ออากาศสัมผัสเข้ากับร่างกายของเขา มันก็จะส่งเสียงกระหึ่มออกมาทันที 

นี่คือธาตุดินจากธาตุทั้งห้า ในขั้นที่ห้าสรรพสิ่งล่มสลาย! 

สสารใดๆก็ตามที่กระทบตัวพระองค์ จะต้องพานพบกับแรงบดขยี้อันบริสุทธิ์! 

องค์จักรพรรดิโบกมือออกไปอย่างไม่ใส่ใจ 

และทันใดนั้นแถบชานเมืองที่ทั้งสองอยู่ ก็บังเกิดภูเขาสูงชันเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว 

แผ่นดินสั่นสะเทือน ก่อร่างตนทะยานสูงขึ้นจนกลายเป็นขุนเขา และปลายยอดของมันก็มาหยุดลง ณ ตำแหน่งใต้ฝ่าเท้าขององค์จักรพรรดิพอดิบพอดี 

องค์จักรพรรดิที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขา เหวี่ยงสองมือไพล่หลัง สองตาก้มลงมองดูกู่ฉิงซานจากมุมสูง 

ก่อนที่เขาจะวาดมือข้างหนึ่งออกไป 

ทันใดนั้นดินจำนวนมหาศาลก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉากนี้ดูราวกับกระแสน้ำที่ไหลทวนขึ้นสู่สวรรค์ ก่อนที่ชั้นดินเหล่านั้นจะถูกบีบอัดจนเป็นบอลขนาดเล็กเท่ากำปั้น 

บอลเหล่านั้นร่ายรำเวียนวนไปมาอยู่ในอากาศ 

แม้พวกมันจะดูแสนธรรมดา แต่จริงๆ แล้วมันมีพลานุภาพอันน่าสยองเกล้า! 

เพรียกดารา! 

ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม หากได้สัมผัสกับบอลเหล่านี้แม้เสี้ยวเล็บมือ โชคชะตาของพวกเขาก็จะพานพบกับความตายอันโหดร้าย ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนร่างกายหรือกระทั่งกระดูก จะถูกป่นเป็นผงทันที! 

กู่ฉิงซานจ้องมองไปที่ฉากนี้ ปากเอ่ยกล่าวด้วยอารมณ์ “สามารถใช้ออกด้วยธาตุดินจากธาตุทั้งห้าได้อย่างอิสระแบบนี้ ดูท่าว่าคนตรงหน้า...แน่นอนแล้วว่าคงจะเป็นตัวจริง!”

………………..………………..