ตอนที่ 327 การปฏิวัติชนชั้นสูง
ภายในสำนักงานประธานาธิบดี
กู่ฉิงซานนั่งลงบนโซฟา
ประธานาธิบดีเดินอ้อมโซฟามาจนถึงโต๊ะของเขา สองแขนวางลงบนพนักพิง และค่อยๆ ทิ้งตัวลงอย่างช้าๆ
แผ่นหลังของเขาเหยียดตรง ริมฝีปากเม้มแน่น สายตาจับจ้องไปยังกู่ฉิงซาน
ส่วนกู่ฉิงซาน เขาหันไปมองรอบๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างจงใจว่า “ทำไมผมถึงไม่เห็นนายพลซางเลยล่ะครับ”
“ฉันส่งเขาไปที่แนวหน้าน่ะ เพราะฟูซีกำลังเตรียมที่จะเปิดฉากรุกรานเราแล้ว” ประธานาธิบดีกล่าว
กู่ฉิงซานพยักหน้า
“มีบางอย่างที่ผมต้องการจะบอกคุณล่วงหน้า” กู่ฉิงซานลดเสียงลง
เขาหันไปมองดูรอบตัว
และพบว่ามันเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
แต่คราวนี้ท่านประธานาธิบดีกลับไม่ได้ไล่บุคลากรของเขาออกไป
ประธานาธิบดีสังเกตเห็นถึงสายตาของกู่ฉิงซาน เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องกังวลหรอก พนักงานและผู้ช่วยพวกนี้ล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ของฉันที่ทำงานร่วมกันมาหลายปีแล้ว”
กู่ฉิงซานเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบรับ “ผมเข้าใจแล้ว”
ในเวลานั้นเอง บุคลากรตัวสูงก็ได้ก้าวออกมาข้างหน้า ปากเอ่ยถามอย่างสุภาพว่า “ไม่ทราบว่าท่านต้องการชาหรือกาแฟ?”
กู่ฉิงซาน “อย่าลำบากเลยครับ”
“มันไม่เป็นไรหรอก” บุคลากรร่างสูงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงเวลาที่ชงชาน่ะ มันจะช่วยให้กระผมอารมณ์ดีเสมอเลย”
“ถ้างั้นผมขอเป็นชาก็แล้วกันครับ” กู่ฉิงซานลดสายตาลงและกล่าว
“รับทราบ”
บุคลากรร่างสูงเดินไปเตรียมกาน้ำชาทันที จากนั้นก็ยกมันเข้ามา
เขาโค้งตัวลง และเทชาร้อนๆ ลงในถ้วยเล็กๆ ทั้งสองใบอย่างช้าๆ
ถ้วยหนึ่งถูกนำไปวางบนโต๊ะท่านประธานาธิบดี
อีกถ้วยวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้ากู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานสังเกตลวดลายบนชุดถ้วยน้ำชา แล้วเอ่ยว่า “ลวดลายบนถ้วยน้ำชานี่ ดูมีเอกลักษณ์งดงามมากจริงๆ”
บุคลากรร่างสูงยิ้ม และหันไปกล่าวกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง กึ่งจริงกึ่งล้อเล่นว่า “แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ชุดถ้วยชานี้มีเพียงแค่สองถ้วย และมันสมควรถูกใช้โดยผู้ทรงเกียรติอย่างท่านประธานาธิบดีและคุณกู่ฉิงซานเท่านั้น พวกเราไม่อาจร่วมดื่มด้วยได้ เชื่อกระผมเถอะ”
ว่าจบ เขาก็กลับไปยืนรักษาการร่วมกับกลุ่มบุคลากรคนอื่นๆ
และคนอื่นๆที่ว่าก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย สุดท้ายแล้ว คนหนึ่งเป็นเจ้าของสำนักงาน อีกคนหนึ่งเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ ดังนั้นการดื่มน้ำชาระหว่างทั้งสองจึงเป็นเรื่องปกติ ส่วนพวกเขาจะมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่นั่นไม่สำคัญ
ในทางตรงกันข้าม การที่บุคลากรร่างสูงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง มันยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกดี
พวกเขาหัวเราะกันเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
กู่ฉิงซานหยิบถ้วยชาขึ้น และใช้ริมฝีปากสัมผัสกับมันเล็กน้อย
ท่านประธานาธิบดีเองก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาเช่นกัน เขายกมันขึ้นมาสูดดมกลิ่นใต้จมูก
แต่แล้วเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และวางถ้วยชาลง
กู่ฉิงซานมองดูประธานาธิบดีและเอ่ยอย่างช้าๆ ว่า “ผมมาที่นี่เพื่อแจ้งให้ท่านทราบเกี่ยวกับสถานการณ์”
“ว่ามาสิ” ประธานาธิบดีกล่าว
กู่ฉิงซานวางถ้วยชาของเขาลง ก่อนจะเริ่มกล่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว “ในปีนี้มีมืออาชีพที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนต้องเสียชีวิตลง และพวกเขาจะกลับมาพร้อมกับนรกเยือกแข็ง”
“พวกเขาจะปฏิบัติต่อโลกใบนี้เช่นเดียวกับมาร”
“พวกเขาจะกินเนื้อและดื่มเลือดของมนุษย์ แม้กระทั่งจิตวิญญาณก็จะยินยอมที่จะปล่อยไป”
“ท่านประธานาธิบดี รายละเอียดลงลึกยิ่งกว่านี้ ท่านสามารถ ‘เชื่อมต่อกับเทพธิดากงเจิ้ง’เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ เธอจะบอกท่านคุณสถิติการควบแน่นของพื้นผิวน้ำแข็งให้เอง”
ขณะกล่าว สมองควอนตัมบนอ้อมแขนเขาก็กะพริบขึ้น มันแจ้งเตือนถึงข้อความใหม่ที่ได้รับ
สมองควอนตัมกะพริบอย่างต่อเนื่อง
กู่ฉิงซานเลยต้องจำใจกล่าวว่า “โปรดยกโทษให้ผมด้วย ดูเหมือนว่าจะมีข่าวด่วนส่งมาน่ะครับ”
“เชิญตามสบายเลย”
ประธานาธิบดีขมวดคิ้วราวกับว่าเขากำลังไตร่ตรองคำพูดของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานดึงสมองควอนตัมของเขาออกมา และเปิดดูมัน
ปรากฏบรรทัดตัวอักษรขึ้นบนจอม่านแสงบนสมองควอนตัม
“ซางหยิงฮ่าวขอให้ฉันส่งข้อความนี้ผ่านมายังคุณ เขาได้ใช้อำนาจทางโลกใต้ดินเพื่อทำการตรวจสอบสืบสวนดูแล้ว และจักรพรรดินีก็ได้ใช้กำลังจากภายนอกทั้งหมดที่มีออกค้นหา แต่ตลอดทั้งสาธารณรัฐฟูซีกลับไม่ค้นพบตัวขององค์จักรพรรดิเลย”
มันคือข่าวจากเทพธิดากงเจิ้ง
มองหน้ายังเหล่าตัวอักษรบนจอม่านแสง ที่กู่ฉิงซานทำก็เพียงแค่ยกชาขึ้นมาจิบ
มือของเขาพรมลงบนสมองควอนตัม ส่งคำแนะนำหลายๆ อย่างออกไป
“ผมต้องขออภัยด้วย” กู่ฉิงซานพูดด้วยรอยยิ้ม
ประธานาธิบดีเอ่ยถาม “แล้วสิ่งที่เธอกำลังพูดอยู่ มีหลักฐานอะไรมายืนยันหรือเปล่า?”
กู่ฉิงซาน “แน่นอน ท่านสามารถตรวจสอบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องผ่านทางเทพธิดากงเจิ้งได้เลย”
ประธานาธิบดีพยักหน้า และเอ่ยถามต่อว่า “แล้วนรกเยือกแข็งที่เธอพูด มันจะปรากฏตัวขึ้นทั้งหมดเมื่อไหร่กัน?”
“มันอาจจะปะทุขึ้นทันทีหลังจากที่ฝนได้หยุดตกลง” กู่ฉิงซานกล่าว
ท่านประธานาธิบดีโน้มตัวลงมาข้างหน้า และกล่าวด้วยความจริงจังว่า “งั้นเธอไปรู้ข่าวนี้มาได้อย่างไร?”
“แน่นอน ว่าผมย่อมมีช่องทางของผม”
“ช่องทางของเธอที่ว่านั่นน่ะ...พอจะสามารถบอกฉันได้ไหม?”
“ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ผมสามารถบอกท่านได้เพียงแค่ข่าวสารเหล่านี้เท่านั้น”
ประธานาธิบดีครุ่นคิดก่อนจะกล่าวเบี่ยงประเด็น “ฉันจำได้ว่าตอนเรื่องผีดิบกินคนและผีดิบนักฆ่า เธอก็เป็นคนแรกที่รู้เรื่องนี้เหมือนกันนี่นา”
“ใช่แล้วครับ”
“ในวันนั้นเธอได้ไปที่บ่อนกาสิโนกับซางหยิงฮ่าว และมีส่วนร่วมในการเล่นพนันใต้ดินกัน”
กู่ฉิงซานวางถ้วยชากลับลงบนโต๊ะ ปากเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่ท่านกำลังสอบสวนผมอย่างนั้นหรือ?”
ประธานาธิบดีมองเขาด้วยแววตาที่แฝงความหมายลึกซึ้ง ปากเอ่ยกล่าว “นั่นเพราะเธอมันเหมือนกับศาสดาพยากรณ์อย่างไรอย่างนั้นเลยน่ะสิ แถมยังเป็นนักวิทยาศาสตร์อีกต่างหาก เธอรู้หรือเปล่าว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
“หมายความว่าอย่างไรหรือครับ?”
“พูดตามตรงเลยนะ ยังจะมีใครอีกที่จะสามารถสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาได้อย่างง่ายดายแบบนี้? บอกมาตามตรงเถอะ ไวรัสผีดิบนั่นน่ะ จริงๆ แล้วเป็นผลงานชิ้นเอกของเธอสินะ”
แล้วจู่ๆ ประธานาธิบดีก็ปรบมือขึ้น
“แถมฉันยังได้รู้มาอีกด้วยว่าเธอก็เป็นมืออาชีพนี่นา ความจริงยังมีอีกหลายข้อสงสัยนะ แต่แค่นี้ก็คงพอแล้วล่ะ”
สิ้นเสียง ชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบทหารสองคนก็เดินเข้ามาในห้องรับแขก
หนึ่งคือจ้าวสมุทร หลี่ตงหยวน กับอีกผู้บัญชาการกองยานรบระหว่างดวงดาว ซ่งเทียนหวู่
สองในสามตัวตนสุดแกร่งแห่งรัฐบาลกลาง ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว!
ประธานาธิบดีกล่าว “ทางเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการจับเท็จชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการรวบรวมข้อมูลชั้นหนึ่งอีกด้วย ถ้าเธอบริสุทธิ์จริงๆ ฉันจะปล่อยเธอไป ดังนั้นตอนนี้คงต้องขอโทษด้วย”
กู่ฉิงซาน “แล้วถ้าหากเรื่องที่ท่านว่ามามันจริงล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้น?”
ประธานาธิบดี “มอบความสำเร็จทางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเธอทั้งหมดให้แก่ฉัน แล้วมาทำงานภายใต้การควบคุมของฉัน จากนั้นในฐานะประธานาธิบดีฉันสัญญาว่าจะไม่ฆ่าเธอ”
กู่ฉิงซานถอนหายใจและเอ่ยถาม “ท่านพอจะมีเวลาสักเล็กๆ น้อยๆ ให้ผมได้พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า”
ประธานาธิบดีก้มลงมองดูนาฬิกาของเขา และผุดลุกขึ้น “ฉันจะต้องขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ระดับชาติในเร็วๆ นี้ อาจจะใช้เวลาสักยี่สิบนาที พอฉันพูดจบ หวังว่าเธอจะให้คำตอบแก่ฉันได้นะ”
แล้วเขาก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป พร้อมด้วยเหล่าบุคลากรที่ตามติดไปอย่างใกล้ชิด
หนึ่งในสองนายพลเดินแยกตัวออกมา หยุดยืนอยู่เบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
จ้าวสมุทร หลี่ตงหยวน “ในฐานะที่เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ ถ้ายังอยากรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตัวเองให้ยังคงอยู่ต่อไปล่ะก็ ฉันหวังว่าเธอจะไม่คิดแสดงอาการขัดขืนใดๆ นะ”
กู่ฉิงซานมิได้เคลื่อนไหวใดๆ
ทันใดนั้นสมองควอนตัมของสองนายพลก็ส่องสว่างขึ้น
ตามด้วยเสียงที่ฟังดูขึงขังของเทพธิดากงเจิ้งดังออกมา “ใต้เท้ากู่ฉิงซานคือทูตผู้นำพาส่งเสริมความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ของอารยธรรมมนุษย์ เป็นผู้มีอำนาจพลเมืองอันดับหนึ่ง เป็นผู้นำสูงสุด”
“เทพธิดาได้ทำการตรวจสอบข้อมูลและเอกสารรับรองแล้ว ค้นพบว่าไวรัสผีดิบกินคนและผีดิบนักฆ่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกพัฒนาโดยใต้เท้ากู่ฉิงซาน”
“ดังนั้นใต้เท้าจึงไม่ควรถูกสอบสวน หรือถูกคุมขังหน่วงเหนี่ยวใดๆ”
ประธานาธิบดีที่เดินไปได้เพียงครึ่งทางพลันหยุดกึกในทันใด
เขาเอ่ยถามอย่างเย็นชา “เทพธิดากงเจิ้ง ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่านักวิทยาศาสตร์คนนี้ ถึงขั้นมีอำนาจเท่าเทียมกันกับฉันเลยอย่างนั้นเหรอ?”
คำพูดและน้ำเสียงที่เปล่งออกมาของเขา มันส่งแรงกดดันมหาศาลออกมาพร้อมด้วย...
กลิ่นอายสังหาร
เทพธิดากงเจิ้งตอบสวนกลับไปว่า “ย่อมไม่ได้เป็นเช่นนั้น การตัดสินใจในกิจการต่างๆ ของรัฐบาลกลางล้วนอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของประธานาธิบดีผู้ทรงเกียรติ ส่วนกู่ฉิงซานเป็นเพียงผู้มีตำแหน่งทรงเกียรติเท่าเทียมกันเท่านั้น”
สีหน้าของประธานาธิบดีอ่อนลงอย่างช้าๆ เขาเอ่ยความคิดของตัวเองออกมาดังๆ “ด้วยการมีส่วนร่วมทางวิทยาศาสตร์เพียงหนึ่งเดียว กลับสามารถก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ได้? นี่มันช่างน่าทึ่งจริงๆ”
เขาหันหลังกลับ และจากไปอย่างรวดเร็ว
สองนายพลหันมามองหน้ากันอย่างกะทันหัน ต่างฝ่ายต่างเผยสีหน้าแปลกๆ ออกมา
หลี่ตงหยวนมองดูกู่ฉิงซานและกล่าว “อย่างไรเขาก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นสูง จะมากจะน้อยอย่างไรก็ยังมีประโยชน์อยู่”
ซ่งเทียนหวู่ “แต่ก็ไม่มากนักหรอก”
เมื่อทั้งสองพูดจบ พวกเขาก็ปิดปากเงียบและไม่พูดอีกเลย
หลังจากนั้นไม่นานนัก
กู่ฉิงซานก็เอ่ยถามออกมา “ท่านประธานาธิบดีกำลังกล่าวสุนทรพจน์ทางทีวีอยู่ใช่ไหม?”
“ใช่” ซ่งเทียนหวู่ตอบรับ
กู่ฉิงซานหยิบสมองควอนตัมส่วนตัวออกมาอย่างช้าๆ
ทั้งสองนายพลจับจ้องมายังเขาทันที
“งั้นถ้าผมจะนั่งดูเขาพูด คงจะไม่เป็นไรสินะ?” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สองนายพลหันมามองกันวูบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอนุญาต
กู่ฉิงซานเปิดจอม่านแสง
และพบว่าท่านประธานาธิบดีกำลังเริ่มกล่าวสุนทรพจน์แล้ว
“…ประชาชนทั่วทั้งรัฐบาลกลาง ควรที่จะต้องรู้เรื่องนี้”
“ใช่แล้วล่ะ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชนชั้นสูงจากเก้าตระกูลใหญ่ ได้ทำการลอบสังหารผมทั้งสิ้นสามสิบเอ็ดหน”
“ในฐานะประธานาธิบดี ผมได้มาถึงสถานการณ์ที่ไม่มีทางออกแล้ว”
“นี่นับว่าเป็นการกระทำที่ประชดประชัน แดกดันกฎหมายของรัฐบาลกลางอย่างถึงที่สุด”
“แน่นอน ว่าหลักฐานการลอบสังหารทั้งหมดอยู่ในมือของผม”
“ด้านล่างนี้ จะแสดงให้เห็นถึงอาชญากรรมทั้งหมดของเก้าตระกูลใหญ่”
แล้วภาพหน้าจอก็ถูกสลับสับเปลี่ยนไป
ตามด้วยสาเหตุ ผลลัพธ์ของลอบสังหาร
และบทสนทนาหารือระหว่างชนชั้นสูงแห่งเก้าตระกูลใหญ่
การจัดฉากเตรียมการของนักฆ่า
ความโกรธเกรี้ยวหลังจากที่พวกเขาล้มเหลว
จากนั้นก็เริ่มวางแผน และสนทนาหารือกันอีกที
หลักฐานการลอบสังหารทั้งหมดปรากฏขึ้นบนจอภาพ
และตอนนี้ มันคือการถ่ายทอดสดออกไปในระดับชาติ!
“ท่านผู้นำ นั่นท่านกำลังทำอะไรอยู่น่ะ! บทพูดนั่นมันแตกต่างจากต้นฉบับที่ผมเขียนเอาไว้นะครับ!” ผู้ช่วยคนหนึ่งร้องอุทานเตือน
ขณะที่คนอื่นๆ ต่างกลายเป็นโง่งม
กู่ฉิงซานมองลงไปในจอม่านแสง แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ
ยามเมื่อช่วงเวลาที่กองทัพของสาธารณรัฐฟูซีกำลังคุกคามชายแดน ภายใต้ความกดดันท่านประธานาธิบดีกลับเลือกที่จะพลิกกระดาน เปิดเผยความจริงขึ้น!
อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่เผยมาเป็นกองภูเขานี้ก็ล้วนเป็นเรื่องจริงเช่นกัน
เรื่องราวอันน่าตกใจนี้ ถูกตีแผ่ท่ามกลางกลางวันแสกๆ!
ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และได้รับความรักจากประชาชนสามัญทั่วทั้งประเทศ
เมื่อประชาชนได้ตระหนักถึงความจริง ตลอดทั้งรัฐบาลกลางย่อมตกอยู่ในความตื่นตะลึง ก่อบังเกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่!
ชนชั้นสูงไม่สามารถเบี่ยงเบนความคิดและความเชื่อของผู้คน ว่าการลอบสังหารเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของกองกำลังต่างชาติได้อีกต่อไป
ทั้งหมดนี้ นับว่าเป็นอาชญากรรมอย่างแท้จริง ที่เกิดขึ้นโดยน้ำมือพวกเขา
ต่อจากนี้ไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการร้องเรียนจากทั่วทั้งรัฐบาลกลาง ไปยังเก้าตระกูลใหญ่!
ความขัดแย้งระหว่างคนสามัญแห่งรัฐบาลกลางกับชนชั้นสูง ได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วในประวัติศาสตร์ของรัฐบาลกลางทั้งหมด!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รัฐบาลกลางจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวาย หรือแม้กระทั่งอาจเรียกได้ว่าเป็นสงครามกลางเมือง!
ในหัวใจของกู่ฉิงซานเต้นครึกโครม
หลังจากใช้เวลายาวนานกว่าเจ็ดนาที ในที่สุดหลักฐานทั้งหมดก็ถูกปล่อยออกมา
และภาพของท่านประธานาธิบดีก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“เก้าตระกูลใหญ่ได้เน่าเฟะไปถึงกระดูกของพวกเขาแล้ว”
“ทั้งหมดไม่สามารถคอยชักนำพาประเทศให้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้อีกต่อไป”
“พวกเขาเป็นตัวตนที่คอยฉุดรั้งผู้คน! ฉุดรั้งประเทศให้ตกต่ำลง!”
“ทางเรามีนายพลหลายคนเข้าร่วมการต่อต้านในครั้งนี้”
“กองทัพอยู่กับผม อิสรภาพอยู่กับผม และพวกคุณทุกคนก็อยู่กับผมเช่นกัน!”
“เวลานี้ ผมขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนมาร่วมด้วยกัน หยิบยกอาวุธขึ้นมา และต่อต้านการปกครองที่โหดร้ายของเก้าตระกูลใหญ่!”
ท่านประธานาธิบดีหันมามองกล้อง พร้อมกล่าวตะโกนสุดเสียงว่า “ผมขอประกาศว่า การปฏิวัติชนชั้นสูงแห่งรัฐบาลกลางได้เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้ว!”
และภาพบนจอทีวีก็ดับลง
“การปฏิวัติ...ชนชั้นสูง?”
กู่ฉิงซานนิ่งมองมัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
สาธารณรัฐฟูซีก็กำลังจะบุกมา นรกเยือกแข็งก็กำลังจะเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ท่านประธานาธิบดีกลับดันเลือกที่จะเปิดเผยการกระทำอันชั่วร้ายของเก้าตระกูลใหญ่ออกมาโดยสมบูรณ์กลางวันแสกๆ!
รัฐบาลกลางตั้งแต่ช่วงเวลานี้ไป จะต้องตกอยู่ในความโกลาหลใช่หรือไม่?
“เดิมทีผมคิดว่าการกล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนี้จะเป็นการปลุกระดมขวัญกำลังใจก่อนจะเริ่มสงครามซะอีก แต่ใครจะรู้ว่าความจริงมันกลับเป็นแบบนี้...ดูเหมือนว่ารัฐบาลกลางจะผลักดันตัวเองให้เข้าสู่สงครามกลางเมืองแทนซะแล้ว” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
“เก็บสมองควอนตัมของเธอไปได้แล้ว” ซ่งเทียนหวู่กล่าว
กู่ฉิงซานเก็บสมองควอนตัมของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านประธานาธิบดีก็กลับมา
“คุณเตรียมพร้อมไว้แล้วใช่ไหม?” เขาเอ่ยถาม
“พร้อมอยู่แล้ว” ซ่งเทียนหวู่กล่าว
“งั้นก็ระเบิดมันซะ” ประธานาธิบดีเอ่ยสั่ง
“รับทราบ!”
ท่ามกลางอวกาศนอกโลก
ป้อมปราการดวงดาวเฉินเตี้ยนเฮ่า
ในพื้นที่ที่ถูกแยกตัวออกและเฝ้าจับตามองโดยเทพธิดากงเจิ้งอย่างใกล้ชิด กล่องดำขนาดเล็กพลันปรากฏขึ้น
ตามด้วยการสลายตัวของระเบิดนาโน
ในตอนที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเครื่องกลอวกาศ ได้ขึ้นมาซ่อมบำรุงเฉินเตี้ยนเฮ่า พันเอกได้ลอบติดตั้งระเบิดนาโนเอาไว้
พลังอำนาจของมันสามารถทำลายแหล่งพลังงานในเฉินเตี้ยนเฮ่าได้อย่างรวดเร็ว และส่งผลให้ระบบการจ่ายพลังงานของเทพธิดากงเจิ้งเป็นอัมพาต
ระเบิดนาโนชุดนี้แฝงตัวอยู่อย่างเงียบๆ มาเป็นเวลานาน
ทว่าช่วงเวลานี้มันก็ได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว!
‘ตูม!’
เสียงของระเบิดนาโนสลายตัวดังฟังชัด แพร่กระจายหมอกสีขาวออกไปอย่างรวดเร็ว
หมอกสีขาวเหล่านี้คือหุ่นยนต์สลายตัวขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน
หลังจากเปิดใช้งานแล้ว พวกมันก็จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ทันที และหน้าที่ที่ว่าก็คือการทำลายทุกสิ่งรอบตัวของพวกมัน
แต่ว่าน่าเสียหายที่สถานที่แห่งนี้ถูกตัดขาด และห่อหุ้มด้วยวัสดุพิเศษเพื่อป้องกันระเบิดนาโนอยู่ก่อนแล้ว
ดังนั้นระเบิดนาโนสลายตัวนี่จึงไม่นับว่าส่งผล หรือทำอะไรได้เลย
อย่างไรก็ตาม สัญญาณทั้งหมดจากป้อมปราการดวงดาวกลับถูกตัดออก
เฉินเตี้ยนเฮ่าตกอยู่ในความมืดมิด
ณ พื้นที่ภายนอกโลก ไม่ใกล้ไม่ไกลจากป้อมปราการดวงดาวเฉินเตี้ยนเฮ่า
ชิ้นส่วนอุกกาบาตอันหนึ่งที่ลอยล่อง
มันพลันพลิกตัวกลับอย่างกะทันหัน พร้อมกับการเผยตัวของดาวเทียมสอดแนมขนาดเล็ก
ดาวเทียมสอดแนมได้ทำการทดสอบสัญญาณและถ่ายภาพเฝ้าระวังป้อมปราการเฉินเตี้ยนเฮ่า
และในที่สุดมันก็ได้ข้อสรุป
และข้อสรุปที่ว่าของมัน ก็ถูกส่งผ่านอวกาศอันกว้างใหญ่ มุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก และตกลงบนสมองควอนตัมในเมืองหลวง ตรงทำเนียบประธานาธิบดี
“สำเร็จแล้ว! เทพธิดากงเจิ้งหยุดการทำงานไปแล้ว!”
สองนายพลตะโกนออกมาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
กระทั่งสีหน้าเย็นชาของประธานาธิบดี ก็ยังดูสดใสขึ้นหลายส่วน
ตามแผนที่วางไว้ ทุกสิ่งจนถึงตอนนี้ กล่าวได้ว่าราบรื่นไปเสียทุกอย่าง
หากปราศจากซึ่งการแทรกแซงจากเทพธิดากงเจิ้ง การลงมือต่อต้านเก้าตระกูลใหญ่ก็จะสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น
ในฐานะผู้นำระดับสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แน่นอน พวกเขาย่อมรับรู้ว่าเก้าตระกูลใหญ่สามารถรับมือกับมอนสเตอร์เอกภพได้
แต่ถ้านรกได้มาถึง แล้วโลกทั้งใบจะเต็มไปด้วย ‘คนตาย’ ที่ไม่อาจฆ่าตายได้อีก ใครมันจะไปมัวเสียเวลาหวาดกลัวมอนสเตอร์เอกภพกัน?
ช่วงเวลาแห่งความฝันที่เฝ้ารอคอยมานาน ในที่สุดก็มาถึงสักที!
“ดีมาก ระดมกำลังของคุณทันที เตรียมพร้อมโจมตีเก้าตระกูลใหญ่เต็มกำลัง” ประธานาธิบดีกล่าวสั่ง
“รับทราบ!”
นายพลทั้งสองตะเบ๊ะแบบทหาร ก่อนจะหมุนตัวกลับและเดินออกไปอย่างเร่งร้อน
กู่ฉิงซานยังคงนั่งนิ่ง มิได้เอ่ยอะไรออกมาเลย
ประธานาธิบดีมองเขา ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามอย่างช้าๆ
แม้ว่าจะนั่งลงบนโซฟา ทว่าหลังของเขายังยืดตรง ไหล่ขนานกันอยู่ในระดับแนวนอน ดวงตาของเขาไร้ซึ่งความสับสน ทุกการกระทำและการเคลื่อนไหวตรงหน้ามิอาจพบถึงความผิดปกติได้แม้เพียงเล็กน้อย
ไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆ บนใบหน้าของเขา ทั้งคนทั้งร่างราวกับก้อนภูเขาน้ำแข็งแสนเย็นชา
ประธานาธิบดีเปิดสมองควอนตัมของเขา และเริ่มจัดเตรียมการบางสิ่งอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปสักพัก เขาก็เปิดปากเอ่ยถามออกมา “แล้วเธอตัดสินใจว่าอย่างไร? ถ้าให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อฉัน ฉันจะให้เธอได้รับโอกาสที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเลยในชั่วชีวิตนี้”
“แล้วถ้าผมปฏิเสธที่จะให้คำมั่นล่ะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“นักวิทยาศาสตร์ที่เต็มใจจะเป็นทาสของเก้าตระกูลใหญ่น่ะ รัฐบาลกลางไม่ต้องการหรอก”
สายตาของประธานาธิบดีเลื่อนผ่านกู่ฉิงซาน มุมปากของเขาเม้มเป็นเส้นตรงโดยไม่รู้ตัว
“ผมได้ลองคิดดูเกี่ยวกับมันแล้ว แต่ผมยังมีคำถามที่ต้องการจะถามคุณเสียก่อน” กู่ฉิงซานกล่าว
นี่ยังจะกล้าเจรจาขอเงื่อนไขอีกหรือ?
ดวงตาของประธานาธิบดีเผยประกายเย็นเยียบขึ้นหลายส่วน แม้จะยังไม่โกรธ แต่ทัศนคติขุ่นเคืองก็ปรากฏขึ้นบนสีหน้าเขาอย่างชัดเจน
และทัศนคติเช่นนี้ ย่อมสามารถทำให้คนธรรมดาหวาดกลัวจนขาสั่น มิอาจเอ่ยกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้
แต่กู่ฉิงซานกลับยังคงเฝ้ามองท่านประธานาธิบดีอย่างเงียบๆ...ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากมันเลย
“ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย ถามมาสิ”
ประธานาธิบดีจ้องมองเขาและกล่าวออกมา
กระทั่งเวลานี้ ท่านประธานาธิบดีก็ยังคงนั่งนิ่งหลังเหยียดตรง
ไม่ว่าเขาจะทำอะไรหรือพูดอะไร หัวของเขาจะไม่สั่นไหว โยก หรือคล้อยตามง่ายๆ ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ใน ‘หัว’ ของเขา
กู่ฉิงซานถอนหายใจและเอ่ยถาม “ฝ่าบาท ช่วยบอกผมหน่อยเถอะ ว่าจริงๆ แล้วท่านประธานาธิบดียังมีชีวิตอยู่อีกหรือเปล่า?”
………………..………………..