webnovel

0325 ก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทม

ตอนที่ 325 ก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทม

ณ วังโอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย 

บริเวณโดยรอบไร้ซึ่งผู้คน หลงเหลือแค่จักรพรรดินีที่กำลังยืนอยู่ข้างบัลลังก์เพียงลำพัง 

เธอลูบไล้มันด้วยความคะนึงหา บนใบหน้าแสดงถึงความโศกเศร้า 

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็หยิบเอาสมองควอนตัมส่วนบุคคลของตนขึ้นมา และเปิดหน้าต่างพร้อมพรมนิ้วพิมพ์รหัสบางอย่างยาวเหยียด 

แล้วหน้าต่างก็เด้งออก ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนไป 

นี่คือพื้นที่ห้องสนทนาแบบพิเศษ 

ไม่มีใครรู้ว่าถึงการดำรงอยู่ของมัน เว้นไว้เพียงแต่องค์จักรพรรดิฟูซีและเธอ 

มันเป็นความลับของเขาและเธอเท่านั้น 

จักรพรรดินีมองไปยังสมองควอนตัม ปากเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ครั้งสุดท้ายที่ท่านกล่าวว่าวังนี้มันเก่าแล้ว คิดใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยในการซ่อมแซม ยามนั้นข้าไม่เห็นด้วยและถึงขั้นโกรธเคืองท่าน” 

“แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ทุกที่ที่ท่านต้องการจะซ่อมแซมมันในอนาคตนับจากนี้ ข้าจะไม่คิดห้ามปรามใดๆ อีก” 

“บางครั้งบางคราว ท่านต้องการจะออกจากสาธารณรัฐไปเที่ยวพักผ่อน ข้าเคยดุด่าท่านว่าอย่าทำอะไรที่มันไม่มีความรับผิดชอบต่อประเทศแบบนั้น” 

“…หากยังมีโอกาสอีกครั้งในอนาคต ไม่ว่าท่านต้องการจะไปที่ใด ข้าก็จะร่วมเตร็ดเตร่ไปด้วยกันกับท่าน ไม่คิดก้าวก่ายหรือขัดขวางอีก”

 “กระทั่งเรื่องผู้หญิงคนอื่นๆ ของท่าน ที่ข้าไม่ยินยอมให้เปิดเผยตัวต่อหน้าสาธารณะ ข้าก็จะยอมเก็บมันมาคิดทบทวนอีกครั้งเพื่อท่าน” 

“วันพรุ่ง ข้าจะเป็นคนพาตัวเธอเข้าวังด้วยตนเอง” 

จักรพรรดินีปราดหางตาของเธอ และกล่าว “ขอเพียงแค่ท่านกลับมา...จะได้ไหม?” 

เธอเฝ้ามองไปยังสมองควอนตัมแบบลืมหายใจ ทุกสิ่งอย่างจมลงสู่ความเงียบ 

ทว่าบนสมองควอนตัมกลับว่างเปล่า 

หลังจากเฝ้ารอกว่าหลายสิบลมหายใจ ทันใดนั้นหนึ่งบรรทัดตัวอักษรก็ปรากฏขึ้นบนสมองควอนตัม 

“โรน่า หากเจ้าตายแล้วปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในนรก ข้าจะทำให้เจ้ากลายมาเป็นจักรพรรดินีแห่งข้าอีกคราเอง” 

อีกด้านหนึ่ง 

ณ รัฐบาลกลาง 

ในพื้นที่เปิดโล่งตรงส่วนหน้าของวิลล่า 

กู่ฉิงซานได้วางอุปกรณ์สื่อสารลง 

‘สงคราม’ 

สงครามระหว่างสองมหาอำนาจกำลังจะปะทุขึ้น 

จะมีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนถูกฆ่าตายในสงครามครั้งนี้ 

และเมื่อจำนวนผู้ตายเพิ่มมากขึ้น นั่นย่อมหมายถึงปราณแห่งความตายที่ทวีความหนาแน่นเป็นเงาตามตัว ช่วยสนับสนุนให้นรกเยือกแข็งแพร่กระจายได้เร็วยิ่งขึ้น 

เมื่อไฟแห่งสงครามลุกโชน โลกใบนี้ก็จะเปรียบดั่งสวรรค์ของเหล่าคนตาย 

แม้กระทั่งเก้าตระกูลใหญ่ก็ไม่มีวิธีที่จะต่อกรกับนรกเยือกแข็งได้ 

การที่องค์จักรพรรดิเลือกที่จะก่อสงครามในเวลานี้ ย่อมสามารถอธิบายได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น 

นั่นคือเขาได้หันหลังให้แก่มนุษยชาติโดยสมบูรณ์ และเลือกที่จะยืนอยู่เคียงข้างบรรพบุรุษของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

องค์จักรพรรดิต้องการที่จะขึ้นปกครองโลกทั้งใบที่เต็มไปด้วยซากศพกระนั้นหรือ? 

กู่ฉิงซานเงียบไปสักพัก ก่อนจะถอนหายใจอย่างเงียบๆ 

เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่สนใจกับปัญหาใดๆ เป็นการชั่วคราว และหันกลับมาซ่อมแซมดาบเช่าหยินก่อนเป็นอันดับแรก 

ท้ายที่สุดแล้ว มันยังคงหลงเหลืออีกเพียงแค่สองขั้นตอน และเช่าหยินก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ในที่สุด 

สถานการณ์ได้กลายเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างไม่น่าเชื่อ และตัวกู่ฉิงซานจะต้องเร่งปลุกขอบเขตนักดาบนิรันดร์ของตนให้ตื่นขึ้นมาให้จงได้ 

เขาเริ่มต้นทำการซ่อมแซมดาบเช่าหยินอีกครั้ง 

สองมือที่จีบออก เริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น 

นี่เป็นสถานการณ์เร่งด่วน เขาจะชักช้าไม่ได้ 

หลังจากนั้นไม่นานนัก 

จู่ๆ ก็บังเกิดหมอกควันสีขาวลอยฟุ้งขึ้นมาจากเตาหลอมสีแดง

 ‘ฟู่ว!’

เมื่อน้ำและไฟปะทะกัน เตาหลอมก็ดับลงทันที 

บังเกิดกระแสไอเย็นวิ่งไหลผ่านออกมาจากเตาหลอม พวยพุ่งขึ้นเบื้องบน 

ในอากาศ หมอกละอองน้ำเริ่มปรากฏมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ 

หลังจากที่หมอกละอองกระจายตัวออกไป หุบเขาทั้งใบก็ถูกปกคลุมไปด้วยไอน้ำ 

พร้อมกับร่างของปลาขนาดเล็กที่เวียนว่ายอยู่ในนั้น ลอยล่องอย่างอิสรเสรี 

เมื่อมันค้นพบกู่ฉิงซาน มันก็แกว่งหางไปมา และว่ายลงไปวนรอบตัวเขา 

ผ่านไปอีกไม่กี่ลมหายใจ กระแสไอน้ำก็บินกลับลงสู่เตาหลอม และแปรสภาพกลายเป็นดาบยาว 

ในเสี้ยววินาที หมอกละอองน้ำทั้งหมดก็พลันหายวับไป 

ปลาเล็กที่ว่ายอยู่รอบตัวกู่ฉิงซานกลับไปตกลงบนดาบยาว พร้อมกับการปรากฏขึ้นของสองตัวอักษรจีนบนด้ามจับของมัน 

ช่วงเวลาต่อมา ใบดาบของเช่าหยินก็เปล่งประกายแสงสดใส 

แสงเหล่านี้ถูกควบรวมกับเป็นสี่ตัวอักษร ฝังลึกลงไปในใบดาบ 

และแสงจากตัวอักษรก็ค่อยๆ จางหายไป 

ดาบยาวกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง 

ทว่านานๆ ที หากเฝ้าสังเกตดู คุณก็จะพบว่าตัวดาบกำลังปลดปล่อยไอหมอกออกมาในชั้นอากาศบ้างเป็นครั้งคราว 

ดาบยาวดีดตัวออก และไปตกลงในมือของกู่ฉิงซาน 

กู่ฉิงซานยกตัวดาบขึ้น และเฝ้ามองดูรูปลักษณ์ของดาบเช่าหยินอย่างใกล้ชิด 

ตัวอักษรทั้งสี่บนใบดาบได้ถูกซ่อนเอาไว้ หายไปจากสายตาแล้ว 

หลงเหลือเพียงสองตัวอักษรที่ยังคงสลักไว้อยู่บนด้ามจับ 

สองตัวอักษรเหล่านี้คือ ‘เช่าหยิน’ เสียงคลื่นกระทบ ตามที่ระบบได้อธิบายไว้ตั้งแต่แรกแล้วนั่นเอง 

ถ้าอย่างนั้น แล้วสี่ตัวอักษรที่ฝังลงไปในใบดาบมันคืออะไรกัน? 

กู่ฉิงซานหันไปมองหน้าต่างระบบเทพสงคราม 

แน่นอนว่ามันมีบรรทัดเส้นแสงหิ่งห้อยปรากฏอยู่ 

“ดาบจากโบราณกาลอันไกลโพ้น ชื่อของมันคือดาบเช่าหยิน” 

“ในสมัยโบราณ โลกเทวะนั่นเปี่ยมไปด้วยมหาสมุทรอันไร้ที่สิ้นสุด และยามเมื่อทวยเทพได้จากไป พวกเขาก็ได้ทิ้งดาบเล่มนี้ลงในสี่ห้วงสมุทร” 

“ผู้ที่ได้ครอบครองดาบเล่มนี้จะถือว่าเป็นราชาแห่งท้องทะเล” 

“ดาบเล่มนี้มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์ ก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทม” 

มหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทม? 

พลังศักดิ์สิทธิ์นี่มันอะไรกัน? 

กู่ฉิงซานเร่งเอ่ยถามระบบ 

‘ติ๊ง!’

“พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับทวยเทพมิอาจบอกบรรยายได้ ขอให้ผู้เล่นโปรดจงเอ่ยถามไถ่กับจิตอาร์ติแฟคด้วยตัวเอง” 

กู่ฉิงซานชะงักงัน 

หากขบคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับมัน ในตอนที่เขาได้รับดาบพิภพ นางเซียนไป่ฮั่วก็ได้อธิบายถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ของดาบพิภพเช่นกัน 

กู่ฉิงซานยกดาบเช่าหยินขึ้นและเอ่ยถาม “ความหมายของก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทมคืออะไรกัน?” 

สี่ตัวอักษรที่ถูกซ่อนไว้ในใบดาบพลันสว่างขึ้น 

กู่ฉิงซาน “ฉันรู้ถึงความหมายของทั้งสี่ตัวอักษรนี้ดี แต่ฉันไม่เข้าใจถึงกระบวนการทำงานของมัน” 

ดาบเช่าหยินเปล่งเสียงฉวัดเฉวียนด้วยความตื่นเต้น 

“ไม่จำเป็นต้องถามหรอก จิตอาร์ติแฟคนี้บางทีอาจจะไม่สามารถสื่อสารเป็นคำพูดได้ตั้งแต่กำเนิด” ดาบพิภพที่ไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เปล่งเสียงออกมา 

“เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม 

“จิตอาร์ติแฟคบางชิ้นจะไม่สามารถพูดได้ นี่นับว่าเป็นเรื่องปกติ เจ้าจะต้องค่อยๆ รับรู้ถึงความหมายที่มันพยายามจะบอก และค่อยๆ สื่อสารกับมันไปอย่างช้าๆ” ดาบพิภพกล่าว 

กู่ฉิงซานจู่ๆ ก็พลันนึกถึงบางสิ่งได้อย่างกะทันหัน 

“จริงสิ” เขาหันไปเอ่ยถามดาบพิภพ “ตอนนั้นเจ้าทราบได้อย่างไรว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นเป็นผู้คุมวิญญาณจากปรภพ” 

“ผู้คุมวิญญาณเป็นตัวตนที่ต่ำต้อยที่สุดในปรภพ” ดาบพิภพส่งเสียงหึ่งๆ “ข้าสามารถสื่อสารกับเทพวิญญาณจากโลกอื่นได้ ดังนั้นข้าจึงย่อมรับรู้ถึงตัวตนของพวกมันได้เป็นธรรมดา” 

กู่ฉิงซานระลึกย้อนไปถึงคำอธิบายของดาบพิภพ 

“ดาบพิภพ น้ำหนักราวแปดสิบล้านจิน มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์: สามารถควบคุมและแบกรับน้ำหนักของตนเองได้” 

“นี่คือดาบจากสมัยโบราณกาลอันไกลโพ้น ที่ยอมเสียสละให้แก่สวรรค์และโลก และมันสามารถสื่อสารกับเหล่าเทพวิญญาณได้” 

ที่แท้นั่นก็เป็นเรื่องจริง 

กู่ฉิงซานพยักหน้าและเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หากเจ้าสามารถสื่อสารกับเทพวิญญาณได้ แล้วเจ้าใช้วิธีใดในการสื่อสารกับเทพวิญญาณ?” 

“ก็สื่อสารเหมือนกับในตอนที่ทำกับผู้คุมวิญญาณไง” ดาบพิภพกล่าว 

กู่ฉิงซานตบลงบนหน้าผากตนเอง พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง 

นี่มันสมกับเป็นวิธีการสื่อสารด้วยดาบจริงๆ 

กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “…แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้าพบเจอกับวิญญาณที่ทรงพลัง?” 

“ก็หนีน่ะสิ” 

“…” 

“ข้าได้หลบซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่าอย่างทุกข์ระทมมาเป็นเวลากว่าหนึ่งหมื่นปี และหากว่าข้ายังเผยตัวมากเกินความจำเป็น มันอาจกระตุ้นความสนใจจากเหล่าเทพวิญญาณได้” ดาบพิภพส่งเสียงหึ่งๆ 

“เข้าใจแล้ว” กู่ฉิงซานถอนหายใจ 

เขามองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม 

เห็นแค่เพียงเส้นแสงตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้น มันคือภารกิจใหม่ 

“ภารกิจแรก: ได้รับสองดาบ เสร็จสมบูรณ์” 

“ตอนนี้คุณจึงก้าวเข้าสู่ภารกิจที่สอง: สองมือชี้นำ” 

“วัตถุประสงค์ภารกิจ: รวบรวมสองดาบให้เข้าสู่ทะเลแห่งห้วงสติโดยสมบูรณ์” 

“เริ่มต้นภารกิจได้” 

กู่ฉิงซานเฝ้ามองมัน และพยักหน้าอย่างเงียบๆ 

การเก็บดาบในทะเลแห่งห้วงสติ คือพื้นฐานของนักดาบนิรันดร์ 

ดังนั้นภารกิจนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องบรรลุ 

ดาบพิภพสามารถเก็บเข้าสู่ทะเลแห่งห้วงสติได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว และดาบเช่าหยินแต่เดิมก็เช่นกัน 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ดาบเช่าหยินถูกหลอมและซ่อมแซมใหม่ ส่งผลให้มันก็ยังอยู่ในขั้นตอนการทำความคุ้นเคยกับตัวเขา 

มันเทียบเท่ากับดาบเล่มใหม่ที่ทรงพลานุภาพ ดังนั้น กู่ฉิงซานจึงไม่สามารถทำให้มันเข้าสู่ทะเลแห่งห้วงสติได้ในทันที 

มันคงจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน จึงจะสามารถทำความคุ้นเคยกับดาบนี้ได้ 

เพียงแค่วันเดียว ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น 

กู่ฉิงซานวางเรื่องภารกิจต่อเนื่องลงชั่วคราว และหันความสนใจกลับเข้าสู่สถานการณ์จริง 

“เทพธิดากงเจิ้ง” เขาเอ่ยเรียก 

“ฉันอยู่นี่” 

“คุณสามารถเจาะเข้าไปในระบบของม่านเหล็กได้ไหม?” 

“ม่านเหล็กและเครือข่ายอื่นๆ ของฟูซีถูกตัดขาดการเชื่อมต่อโดยสมบูรณ์ และไม่เคยรับข้อมูลข่าวสารใดๆ จากภายนอกเลย มีเพียงสมาชิกราชวงศ์ฟูซีเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ระบบได้ ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางทำได้” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว 

กู่ฉิงซานเอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วทิศทางคำสั่งของม่านเหล็กสามารถถ่ายโอนได้ไหม?” 

“ไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าผู้บังคับม่านเหล็กลำดับที่หนึ่งจะถูกสังหารลง” 

“แล้วใครคือผู้มีสิทธิ์บังคับม่านเหล็กลำดับที่สอง” 

“จักรพรรดินีฟูซี” 

“หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มีเพียงองค์จักรพรรดิเท่านั้นที่มีอำนาจการบัญชาม่านเหล็ก และหากมีใครบางคนฆ่าองค์จักรพรรดิ อำนาจสั่งการม่านเหล็กก็จะถูกปลดล็อกและส่งต่อ...ถูกต้องไหม?” 

“ถูกต้อง”

………………..………………..