webnovel

0194 ค้นหา

ตอนที่ 194 ค้นหา

กระจกเงาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาในเวลาที่เหมาะสม

มืออาชีพคนนั้นจ้องมองหน้ากากที่สวมทับใบหน้าของตน ความตึงเครียดผ่อนคลายลงอยู่หลายส่วน

“ฉัน…ใช่แล้ว…ฉันคือมืออาชีพ...มืออาชีพที่ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ถึงตัวตน”

เขาค่อยๆ เอ่ยคำแรกออกมาอย่างระมัดระวัง และเมื่อพบว่าเสียงที่เปล่งออกมานั้นมิใช่เสียงของตน จึงตามมาด้วยคำที่สองและคำต่อมาๆ

และมนุษย์ทุกผู้คนก็ได้เห็นถึงฉากนี้

เนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้ที่จะระบุถึงรูปลักษณ์ของใบหน้า แถมน้ำเสียงก็ยังถูกดัดจนเปลี่ยนไป แล้วเพชฌฆาตตัวตลกที่แสนน่าหวาดหวั่นจะสามารถค้นหาเป้าหมายของมันได้อย่างไร?

บางที ผู้ที่ชนะเกมแห่งนิรันดร์คราวนี้อาจจะสามารถหลบเลี่ยงการตามล่าของเพชฌฆาตตัวตลกได้ก็เป็นได้

รางวัลของเกมแห่งชีวิตนิรันดร์คือความเป็นอมตะ

หากมีวิธีที่สามารถปกปิดตนเองได้เช่นนี้ การที่จะต้องลงไปเสี่ยงเพื่อไขว่คว้าชีวิตนิรันดร์ก็ยังพอยอมรับได้

ผู้คนยังคงเฝ้าดูฉากนี้ต่อไป แต่กลับพบว่ายังไม่มีผู้อื่นปรากฏตัวขึ้นบนสังเวียนอีกเลยแม้แต่คนเดียว

มีผู้แข่งขันท้าทายหน้ากากแกะ เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่

มืออาชีพคนนั้นหันไปมองรอบๆ และเอ่ยพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว “แล้วถ้ามีฉันเพียงคนเดียว ผลการแข่งขันท้าทายในครั้งนี้จะตัดสินว่าอย่างไร”

และเสียงชราก็ดันตอบกลับมาโดยที่ไม่มีใครคาดคิด

“นักรบผู้กล้าหาญเอ๊ย หากมีเจ้าเพียงหนึ่งเดียวที่เข้าร่วมในครั้งนี้ สมบัติและชีวิตนิรันดร์ก็จะตกเป็นของเจ้า!”

“จริงๆ หรือ? ฮ่าๆๆ!”

มืออาชีพเพียงหนึ่งเดียวเริ่มที่จะรู้สึกตื่นเต้น ในหัวใจของเขาเริ่มอธิษฐานหวังให้ทุกคนหวาดกลัวเพชฌฆาตตัวตลก

มองไปยังฉากนี้ หลากผู้หลากคนในโลกก็บังเกิดความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมา

ใช่แล้ว เหล่ามืออาชีพจำนวนมากพึ่งตกตายลงในเกมก่อนหน้า และส่วนใหญ่ที่เหลือคงหมดกำลังใจที่จะเล่นเกมนี้ ดังนั้นหากฉันเข้าร่วมการแข่งขันแล้วล่ะก็ ตัวฉันเองก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายได้เหมือนกัน!

คนที่บังเกิดความคิดดังกล่าว เริ่มที่จะไม่สามารถระงับจิตใจตนเองได้

สุดท้ายร่างของมนุษย์คนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนสังเวียน

และพวกเขาทั้งหมดต่างก็สวมหน้ากากหลากหลายรูปแบบเพื่อปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของตน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับครั้งก่อน เกมการแข่งขันในครั้งนี้ก็ยังนับว่ามีคนน้อยกว่าอยู่ดี

สถานการณ์ในตอนนี้ กล่าวได้ว่า มันแทบจะส่งผลให้ผู้คนในโลกเกือบทั้งหมดที่เลิกเหลือบแลตัวเกม หันกลับมาสนใจลงทะเบียนเล่นมันอีกครั้ง

สามารถปกปิดตัวตนและสถานะ ได้รับชีวิตนิรันดร์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ นี่นับว่าเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างหาที่ใดเปรียบ สำหรับผู้คนที่ทรงพลังจำนวนมากจากทั่วทุกสารทิศ

ไม่เพียงแต่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเพชฌฆาตตัวตลกเท่านั้น

แม้กระทั่งในสังคมมนุษย์ การเล่นเกมแห่งชีวิตนิรันดร์โดยสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าที่แท้จริงก็ยังนับว่าเป็นการป้องกันตัวเองที่ดีอีกด้วย มันช่วยให้เขาไม่ต้องตกเป็นเป้าหมายของรัฐและกองกำลังทรงอิทธิพลอื่นๆ ส่งผลให้ตนเองสามารถละความระแวดระวังลง และดำเนินชีวิตต่อไปโดยไม่ต้องแบกรับแรงกดดันใดๆ

ลองนึกภาพดูสิว่า หากไม่มีใครรู้จักคุณ แต่ว่าคุณกลับได้รับชีวิตนิรันดร์มา นั่นหมายความว่าคุณสามารถหลุดพ้นจากความตายในวันสิ้นโลก และเพลิดเพลินสบายกายสบายใจไปกับชีวิตอมตะได้อย่างเต็มที่

นี่มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นจนทำให้ใจสั่น

ในสังเวียน ผู้คนเริ่มทยอยกันปรากฏตัวมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ

“ดี ดีมาก ช้าซึ้งใจจริงๆ ที่ได้รับรู้ว่ายังมีผู้คนที่ต้องการแข่งขันอยู่ไม่น้อย” เสียงชราภาพเอ่ยด้วยความตื่นเต้น

เย่เฟย์หยูมองไปยังกู่ฉิงซานและกล่าว “แล้วตอนนี้ฉันต้องทำอะไรดี?”

“ดูเหมือนว่าทางมันก็ทุ่มหน้าตักทั้งหมดที่มีออกมาแล้ว…” กู่ฉิงซานพึมพำ

เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ต้องการที่ดูดกลืนจิตวิญญาณเพื่อพัฒนาคุณสมบัติใหม่ของมันอย่างต่อเนื่อง

และที่ผ่านมาก็เป็นเพียงแค่การแข่งขันท้าทายระดับเล็ก นั่นหมายความว่ามันยังไม่ได้รับพลังอำนาจมากมายเท่าใดนัก

แต่ตอนนี้มันดันเลือกทำการเปลี่ยนแปลงกฎของเกมโดยใช้อุปกรณ์ปกปิด เพื่อจัดระเบียบความท้าทายเสียใหม่ เรียกผู้เล่นให้เข้ามามากขึ้น เห็นได้ชัดว่าทางมันก็ทุ่มความพยายามอย่างเต็มกำลังแล้วเช่นกัน

เกรงว่ามันอาจถึงขั้นลงทุนใช้พลังส่วนใหญ่ที่พึ่งดูดกลืนมาจากจิตวิญญาณออกมาใช้เลยทีเดียว

ปัง!

ประตูถูกผลักเปิดออก

เหลียวฮังที่สวมชุดนอนสีฉูดฉาด เดินออกมาพลางอ้าปากหาว สบถสาปแช่ง “ไอ้เจ้าเกมสารเลวน่ารังเกียจนี่ เอะอะก็หาวิธีใหม่ๆ มาให้ผู้คนฆ่าแกงกันเองอีกแล้ว นี่มันไม่คิดจะให้ฉันหลับสบายๆ เลยสินะ”

“พูดแบบนี้ แสดงว่าคุณมีความคิดเห็นอะไรดีๆ แล้วใช่ไหม?” เย่เฟย์หยูถาม

“ไม่ ฉันแค่โผล่ออกมาใครครบทีม เดี๋ยวจะไม่มีบทพูด” เหลียวฮังกล่าวพลางอ้าปากหาว

เย่เฟย์หยูเบิกตาโต ก่อนจะละความสนใจจากอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ และหันไปมองกู่ฉิงซานพลางเอ่ยถาม “แล้วคราวนี้พวกเราจะเอาอย่างไรกันดี?”

กู่ฉิงซาน “นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก เพราะในทีมพวกเรา มีอยู่สองคนที่เชี่ยวชาญในการตามหาผู้คนอยู่แล้ว”

“ใครกันล่ะ?”

“ก็เทพธิดากงเจิ้งกับซางหยิงฮ่าวไง”

“ฉันได้ทำการส่งข่าวไปยังเขาแล้ว ว่าให้รีบกลับมาโดยเร็วที่สุด” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว

ไม่นานนัก ซางหยิงฮ่าวก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าทางเข้า

“ให้ตายเถอะ! ทำไมแกต้องตั้งเครื่องจัมป์เอาไว้ในสถานีขยะด้วย หรือเพราะรสนิยมของแกมันเน่าเหม็นเหมือนกันกับขยะ เลยจับไปกองไว้อยู่รวมกัน!?” เขาบ่นใส่เหลียวฮัง

“งั้นจะให้ไปตั้งเครื่องจัมป์ไว้ที่ไหนกันล่ะ? หน้าทางเข้าสถานีตำรวจเลยไหม? ไอ้พวกตำรวจจะได้สงสัยว่าไอ้บ้านี่จู่ๆ ก็มาหยุดยืนอยู่หน้าทางเข้าและหายตัวไปเฉยๆ ได้อย่างไรกัน” เหลียวฮังเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเยาะ

“แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน ถึงได้เรียกให้ฉันรีบกลับมาขนาดนี้?” ซางหยิงฮ่าวถาม

“เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ ได้ทำการปกปิดใบหน้าของผู้เข้าร่วม และฉันต้องการใช้เจ้าแมวดำของนาย เพื่อค้นหาตัวตนของผู้ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากาก”

ซางหยิงฮ่าว “งั้นมาลองดูกัน”

เขาเหยียดมือออกไปแตะลงบนพื้นเบาๆ

หลุมรูปทรงกระบอกค่อยๆ ขยายออกอย่างช้าๆ และแมวน้อยขนสีดำขลับก็กระโดดขึ้นมาจากพื้น

ซางหยิงฮ่าวอุ้มแมวดำไว้ในอ้อมแขน เอ่ยปากกล่าว “ที่รักจ๋า พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากเธอนะ”

แมวดำร้องเหมียวออกมาเบาๆ

ซางหยิงฮ่าว “หลังจากที่เกมแห่งชีวิตนิรันดร์สิ้นสุดลง พวกเราต้องการจะรู้ว่าผู้ท้าทายคนสุดท้ายที่ได้รับชัยชนะคือใครกันแน่?”

แมวดำส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า อ้าปากร้องหง่าวๆ

“มันพูดว่าอะไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“แมวดำบอกว่าคนพวกนั้นอยู่ในโลกอื่น เลยไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนได้” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

“ดูเหมือนว่าเจ้าเกมนี้ มันจะพบวิธีที่สามารถหนีรอดไปจากฉันได้ซะแล้วสิ” เย่เฟย์หยูกล่าว

“ใช่ ถ้าเราหาแชมป์เปี้ยนไม่เจอ มันก็จะเป็นฝ่ายชนะ” เหลียวฮังกล่าว

“แล้วถ้ามันชนะ จะเกิดอะไรขึ้น?” เย่เฟย์หยูถาม

กู่ฉิงซายเอ่ยปาก “ถ้าในครั้งนี้มันชนะ และพวกเราไม่อาจหาตัวแชมป์เปี้ยนเจอ จากนี้ไป มนุษย์ที่เป็นมืออาชีพคนแล้วคนเล่าก็จะถวายตัวไปเข้าร่วมเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ และเข่นฆ่าสังหารกันภายในนั้น”

“เมื่อเหล่ามืออาชีพตกตายกันจนแทบหมดสิ้น เหตุการณ์ต่อมาที่จะเกิดขึ้นก็คือ คนทั่วไปที่ยังหลงเหลืออยู่ริเริ่มคิดที่จะเข้าไปเสี่ยงโชค และหากสถานการณ์นั้นเกิดขึ้น นับตั้งแต่นั้นมา อารยธรรมมนุษย์ก็จะก้าวลงไปสู่ทิศทางแห่งการล่มสลาย”

ทั้งหมดถึงกับสูดหายใจลึก ขนลุกราวสายลมเย็นเยียบโชยผ่านชั้นผิวหนังไป

แต่จู่ๆ กู่ฉิงซานก็เอ่ยปากออกมาทันทีว่า “แมวดำ ถ้าพวกเรารู้รายละเอียดของบุคคลนั้น เธอพอจะมีวิธีการตามหาเขาไหม?”

แมวดำพอได้ฟังมันก็ครุ่นคิดเล็กน้อย สักพักอุ้มเท้าของมันก็ยกสูงขึ้น และกวักๆ ขีดข่วนไปในอากาศ

ซางหยิงฮ่าวกล่าว “แมวดำบอกว่าเมื่อเขากลับมายังโลกจริง ยิ่งข้อมูลที่นายให้มามีมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะหาตัวคนคนนั้นเจอก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะพอทดสอบระบุตำแหน่งอย่างคร่าวๆ ได้”

“ถ้าเป็นเทพธิดากงเจิ้งกับแมวดำจะร่วมมือกันค้นหาแล้วล่ะก็ โอกาสพบตัวแชมป์เปี้ยนจริงๆ ก็คงจะเป็นไปได้แหละนะ” เหลียวฮังกล่าว

ขณะที่คนทั้งหลายกำลังหารือ เสียงชราภาพก็กังวานขึ้นอีกครั้ง

“มีผู้เข้าร่วมแข่งขันท้าทายทั้งสิ้นเก้าร้อยหกสิบเอ็ดคน”

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็มาเริ่มการต่อสู้อันเข้มข้นกันเถอะ!”

เย่เฟย์หยูกล่าว “จำนวนผู้เล่นลดลงเยอะเลยแฮะ ครั้งนี้มีคนเข้าร่วมแค่เก้าร้อยกว่าคนเท่านั้นเอง ดูเหมือนว่าการลงมือเคลื่อนไหวของเพชฌฆาตตัวตลก จะถือว่าประสบความสำเร็จนะ”

“อย่าพึ่งได้ใจไป ทุกอย่างมันจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ในครั้งนี้ต่างหาก ถ้าเราสามารถจับตัวแชมป์เปี้ยนของเกมล่าสุดนี้ได้อีกครั้ง ฉันคิดว่ามันคงจะไม่มีเกมแห่งนิรันดร์ครั้งถัดไปแล้วล่ะ”

“ฉันเห็นด้วยนะ ว่าผลลัพธ์ของเกมนี้นี่แหละที่สำคัญที่สุด” กู่ฉิงซานกล่าว

บนสังเวียน การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แผ่นหินชิ้นใหญ่พลันพลิกคว่ำ ปรากฏอาวุธและชุดเกราะมากมายขึ้นบนพื้นดิน

มืออาชีพกว่าเก้าร้อยคนเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาเร่งพุ่งเข้าค้นหาอาวุธที่เหมาะสมกับตนอย่างบ้าคลั่ง

ในระหว่างกระบวนการดังกล่าวนี้ มีมืออาชีพหลายสิบคนถูกลอบโจมตี จนนำไปสู่การบาดเจ็บถึงแก่ชีวิต

ส่วนผู้สังหาร ก็ได้รับรางวัลเป็นการยกระดับอุปกรณ์ที่ตนครอบครองให้ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยไม่มีข้อยกเว้น

และแล้วการต่อสู้นองเลือดก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง

ไม่มีใครสามารถยืนนิ่งอยู่เฉยๆ ได้ ทุกคนจำต้องร่วมต่อสู้ห้ำหั่นกับคนอื่นอย่างบ้าคลั่ง ทว่าขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่าย และการลอบโจมตีที่คาดไม่ถึง

สังเวียนนี้ ถูกแปรสภาพกลายเป็นโรงฆ่าสัตว์ไปแล้ว

มืออาชีพที่สามารถฆ่าได้มากที่สุด มักจะมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ทรงพลังระดับหนึ่งจนสามารถสังเกตได้ชัดด้วยตาเปล่า เนื่องเพราะหากฆ่าสังหารไปได้ระดับหนึ่ง อาวุธที่ครอบครองจะถูกยกระดับโดยรางวัล และแปรเปลี่ยนรูปร่างไปอย่างชัดเจน

หนึ่งชีวิตตกตาย หนึ่งชีวิตฆ่าฟันอย่างสนุกสนาน ร่างไร้วิญญาณร่างแล้วร่างเล่าค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนสังเวียน เลือดอุ่นๆ เจิ่งนอง ฉาบแผ่นหินจนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน

ส่วนที่เหลือของผู้รอดชีวิต ต่างก็อ้าปากตะโกนก้อง โห่ร้องปลุกขวัญและรีดกำลังทั้งหมดที่ตนมี กระแทกอาวุธเข้าใส่กันและกัน

“เขาสวมใส่เกราะอ่อนสีขาวสไตล์สาธารณรัฐฟูซี สวมกางเกงดำ รองเท้าบู๊ตก็สีดำ” กู่ฉิงซานกล่าว

ทั้งสามหันมามองเขาด้วยความงงงวย

กู่ฉิงซาน “ส่วนสูงก็น่าจะซักราวๆ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเจ็ดเซนติเมตร เป็นคนถนัดซ้าย”

แมวดำพยักหน้าอย่างครุ่นคิด

กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “มีอาวุธมีดสองเล่มเหน็บอยู่ที่ขาซ้าย ส่วนแขนขวามีรอยสักรูปมังกรฟ้า”

“ทำการบันทึกเรียบร้อยแล้ว” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว

“เป็นผู้ปลดผนึกห้าธาตุจำเพาะ พลังวิญญาณธาตุสายฟ้า เป็นมืออาชีพผู้ใช้ธาตุทั้งห้า แต่กลับครอบครองความแข็งแกร่งบางอย่างที่มากกว่านั้น” กู่ฉิงซานเอ่ย

“คุณต้องการที่จะเริ่มการคัดกรองเลยหรือไม่” เทพธิดากงเจิ้งถาม

“ขอฉันดูต่ออีกหน่อยนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“นั่นแกกำลังพูดเรื่องบ้าอะไรตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว?” เหลียวฮังถาม

“ก็วิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพของแชมป์เปี้ยนในเกมนี้น่ะสิ” กู่ฉิงซานตอบ

“เกมมันยังไม่จบเลย ในสังเวียนพึ่งฆ่ากันตายไปราวๆ หนึ่งร้อยคนเท่านั้นเอง แล้วแกจะไปรู้ตัวแชมป์เปี้ยนได้อย่างไร” เหลียวฮังไม่เข้าใจ

ซางหยิงฮ่าวกับเย่เฟย์หยูหลับตาลง ก่อนจะลืมตามามองกู่ฉิงซานและกล่าว

ซางหยิงฮ่าว “บนร่างกายไม่มีบาดแผล”

เย่เฟย์หยู “มีพลังงานเหลือล้น กระทั่งสามารถฆ่าคนถึงสองคนได้ในลมหายใจเดียว แต่หัวใจกลับยังคงเต้นอย่างสงบ”

ซางหยิงฮ่าว “หนึ่งกระบวนท่าหนึ่งสังหาร การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างลื่นไหล”

เย่เฟย์หยู “หลังจากที่ฆ่าสังหารเสร็จ เขาจะถอยฉากออกไปกว่าหลายสิบเมตร และเริ่มผสมโรงเข้าไปปะปนกับคู่ต่อสู้คนอื่นๆ เจ้าหมอนี่ระวังตัวแจเลยทีเดียว”

ซางหยิงฮ่าว “หลังจากที่ทำการตัดลำคอศัตรูไปสองครั้ง อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่สามารถแม้แต่จะต่อต้าน”

เย่เฟย์หยู “โห? นายก็สังเกตเห็นมันแล้วสินะ แต่ตอนนี้เกมได้ให้รางวัลเขาเป็นหอกยาวแล้ว เขาเลยเลือกที่จะใช้อาวุธจู่โจมระยะไกล ฉวยโอกาสจ้วงหอกใส่มืออาชีพคนอื่นที่กำลังต่อสู้ติดพันอยู่ ดูนั่น พอจ้วงเสร็จก็เริ่มถอยฉากเข้าไปปะปนกับฝูงชนอีกแล้ว”

ซางหยิงฮ่าว “คราวนี้เขาเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ชุลมุนระหว่างมืออาชีพห้าคนที่ล้วนแล้วแต่มีระดับต่ำ และทำแค่เพียงหลบเลี่ยงการจู่โจม เพื่อทำการฟื้นฟูพละกำลังของตนอย่างช้าๆ”

เย่เฟย์หยู “ใช่แล้ว ไม่เพียงแต่การโจมตีของเขามันร้ายแรงอย่างกะงูเห่า แต่ในด้านความระมัดระวังตัวนั้นเหนือล้ำยิ่งกว่าพวกบรรดางูพิษทั้งหลายไปไกลแล้ว”

ซางหยิงฮ่าว “เขาน่าจะเป็นคนที่ฆ่าได้มากที่สุดแล้ว แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครสังเกตถึงตัวตนของเขาเลย”

“นายไปสังเกตเห็นตัวเจ้าหมอนี่ได้อย่างไรกัน?” ซางหยิงฮ่าวหันไปถามกู่ฉิงซานด้วยความงุนงง

“นั่นเพราะฉันได้กวาดสายตามองคนนับหลายร้อยในสังเวียน แต่กลับมีเพียงเขาเท่านั้น ที่ไม่มีกลิ่นอายสังหาร และไม่มีใครมุ่งความสนใจไปยังเขาเลย” กู่ฉิงซานตอบ

ซางหยิงฮ่าวมองไปที่คนคนนั้น สักพักจึงเอ่ยพึมพำ “นี่มันเป็นความสามารถอันโดดเด่นของพวกนักฆ่า”

“ไอ้กลิ่นอายสังหารที่ว่านี่มันหมายความว่าอะไรกัน?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถามด้วยความสับสน

“หมายความว่าเขาไม่มีเจตนาฆ่าอย่างไรล่ะ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

เย่เฟย์หยู “แต่เขากำลังฆ่าคนอยู่นะ”

“นั่นแหละมันถึงน่ากลัวล่ะ” ซางหยิงฮ่าวอธิบาย “เพราะนี่หมายความว่าการฆ่าสังหารสำหรับเขา มันไม่แตกต่างไปจากการกินข้าวหรือดื่มน้ำ มันเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง ส่งผลให้ตัวเขาไร้ซึ่งเจตนาฆ่า”

เย่เฟย์หยูแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากและกล่าว “คุณภาพช่างยอดเยี่ยม เหมาะสมที่จะเป็นเหยื่อของฉัน”

กู่ฉิงซานกล่าว “คนคนนั้นอันตรายมากนะ แม้ว่านายจะแข็งแกร่งกว่าเขา แต่อีกฝ่ายกลับครอบครองความรู้เข้าใจในวิธีการฆ่าสังหารผู้คนเป็นอย่างดี”

“และที่สำคัญ เขาจะต้องมีความสามารถอะไรบางอย่างที่ยังไม่เปิดเผยอีกแน่ๆ” เขาเอ่ยเสริม “ถ้าหาสถานะที่แท้จริงของคนคนนี้พบแล้ว ฉันจะไปกับนายด้วย”

“จะต้องสู้กันใหญ่โตขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ หรือว่าถ้าให้ฉันไปคนเดียวแล้วมันอาจจะเสียเวลามากเกินไป?”

เย่เฟย์หยูถาม

“เดี๋ยวค่อยมาว่ากันอีกที” กู่ฉิงซานไตร่ตรองอยู่นาน จึงเอ่ยปาก

ขณะนี้ บนสังเวียนหลงเหลือผู้แข่งขันท้าทายอยู่ไม่มากแล้ว

ชายคนที่ถูกพูดถึงมิคิดปกปิดความแข็งแกร่งของตนอีกต่อไป เขาโยนหอกในมือทิ้ง ก่อนจะชักมีดสั้นทั้งสองขึ้นมาจากต้นขา จากนั้นทั้งคนทั้งร่างของเขาก็วูบไหวราวกับผีสาง โฉบไปเบื้องหน้า ย่ำพื้นดินสะท้อนกลับมาเบื้องหลัง ทำเช่นนี้ไปทั่วทั้งสังเวียน

ไม่มีใครรับรู้ถึงตัวตนของชายคนดังกล่าว ศัตรูคนอื่นๆ กว่าจะตระหนักได้ คอของพวกเขาก็ปรากฏรอยเส้นตัดสีแดงที่ถูกของมีคมวาดผ่านไปเสียแล้ว

ซางหยิงฮ่าว “ความว่องไวของเขามันมากกว่าปกติหรือเปล่า”

“นั่นต้องเป็นความสามารถในการกระตุ้นศักยภาพทางร่างกายอย่างแน่นอน มันอาจจะเป็นหนึ่งในแขนงของพลังศักดิ์สิทธิ์ธาตุสายฟ้า”

ในที่สุด หนึ่งในนักสู้หวูเต๋าที่ทรงพลังก็ได้ค้นพบถึงตัวตนของชายผู้ใช้สายฟ้า เขาทำการควบรวมพลังของหวนคืนไร้ลักษณ์ ปากอ้าคำรามก้องด้วยความโกรธและกระโจนออกไป

ทั้งสองต่อสู้กันไปราวๆ สามถึงห้ากระบวนท่า ก่อนที่ชายผู้ใช้สายฟ้าจะถูกชกจนลอยคว้างไปโดยนักสู้หวูเต๋า

แม้ว่าเขาจะมีพลังสายฟ้าคอยหนุนเสริม แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับครอบครองอุปกรณ์ป้องกันที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะโซ่ตรวนโบราณ หน้ากากเหล็กบนหัว และสองแขนก็สวมใส่ถุงมือกระดูกที่สาดประกายราวน้ำแข็งค้าง นั่นทำให้เกือบทุกๆ การจู่โจม นักสู้หวูเต๋าก็แทบจะมิหวาดเกรงการโจมตีสวนกลับของเขาเลยแม้แต่น้อย

อุปกรณ์เหล่านี้เป็นของรางวัลจากเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ ที่ได้มาหลังจากฆ่าผู้คนไปแล้วจำนวนหนึ่ง

ชายผู้ใช้สายฟ้ามองไปยังนักสู้หวูเต๋า ก่อนจะก้มลงมองบาดแผลบนร่างกายของตนเอง นี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลยนับตั้งแต่ที่เกมเริ่มขึ้น ที่เขาได้รับบาดเจ็บ

ทันใดนั้นเอง ขาก็ยกมือขึ้น มีดสั้นก็ถูกขว้าง และหายไปในอากาศ

มีดสั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งเบื้องหลังนักสู้หวูเต๋า ม้วนคมของมันแทรกเข้าไปในช่องหว่างระหว่างชุดเกราะ

“นั่นมันเทคนิคเทียนซวน!” ซางหยิงฮ่าวและเย่เฟย์หยูกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

นักสู้หวูเต๋าดึงมีดเล่มนั้นออกมา กวาดสายตามอง และขว้างมันลงบนพื้นด้วยความโกรธ

“นี่มันพิษ กล้าใช้วิธีสกปรกงั้นหรือไอ้สารเลว!”

นักสู้หวูเต๋าคำรามออกมา ทั้งคนทั้งร่างทะยานเข้าหาเป้าหมายอีกครั้ง

และชายผู้ใช้สายฟ้าก็ยกอาวุธพุ่งเข้าต้อนรับนักสู้หวูเต๋า สู้กันไปๆ มาๆ สักพัก เขาก็โดนนักสู้จู่โจมเข้าใส่อีกระลอก แต่ก็แลกกับการที่สามารถทำลายหน้ากากเหล็กของอีกฝ่ายลงได้

นักสู้หวูเต๋าถูกพิษแล่นเข้ากระแสเลือด ทำให้ความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีของเขาถดถอยลงเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังแกร่งพอที่จะส่งอีกฝ่ายกระเด็นไปหลายฟุต

ชายผู้ใช้สายฟ้าดึงมืดเล่มที่สองออกมาและเขวี้ยงมันไปยังเบื้องหลังตนที่มีเพียงความว่างเปล่าอย่างแรง

มีดบินหายวับไปอีกครั้ง และในเสี้ยววินาทีเดียว มันก็ม้วนคมกรีดลึกเข้าตรงคอของนักสู้หวูเต๋า

นักสู้หวูเต๋ากุมคอของตน สองเข่าค่อยๆ ทิ้งลงกระแทกกับพื้นอย่างช้าๆ ทว่าผ่านไปชั่วขณะหนึ่งแล้ว เขาก็ยังมิตกตายลง

เขากระชากมีดสั้นออกมาอย่างแรง จนเศษชิ้นเนื้อบนคอถูกกรีดออกตามมาด้วย ทว่าพริบตาเดียวบาดแผลฉกรรจ์ของเขากลับแนบชิดติดกัน

นักสู้หวูเต๋าระดับสูงทุกคน ล้วนมีความสามารถลดทอนอาการบาดเจ็บจากบาดแผลได้ โดยการควบคุมมวลกล้ามเนื้อให้หุบเข้าหากัน ชะลออาการตกเลือด และลดอาการบาดเจ็บ นี่นับว่าเป็นหนึ่งในความสามารถที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในยามต่อสู้

ใบหน้าของนักสู้หวูเต๋าเผยถึงท่าทีพึงพอใจในความสามารถของตนเอง เขากำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่าทันใดนั้นเอง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

“ไม่นะ”

แกร๊ง

มีดสั้นร่วงลงกับพื้น และนักสู้หวูเต๋าก็ล้มตัวลงตาม สองตาเบิกกว้าง แสดงถึงความไม่ยินยอมที่จะตกตาย

บนใบหน้าของเขา ปรากฏร่องรอยสีเขียวของพิษร้ายขึ้นจางๆ…นี่น่าจะเป็นผลพวงมาจากการจู่โจมที่พึ่งทำลายหน้ากากเหล็กลงได้เมื่อครู่

ชายผู้ใช้สายฟ้ากระโจนเข้ามา และหยิบมีดสั้นกลับคืน

ทันใดนั้นเอง กริชสีดำเล่มหนึ่งก็ค่อยๆ ผุดออกมาจากกลางอากาศที่ว่างเปล่าอย่างช้าๆ

ตามด้วยเสียงชราที่ดังสะท้อนออกมาจากในกริช “ทำได้ดีมาก กริชเล่มนี้คือรางวัลตอบแทนของเจ้า สำหรับการฆ่าผู้ท้าทายไปทั้งสิ้นหนึ่งร้อยเก้าสิบสามคน”

ชายผู้ใช้สายฟ้าจ้องมองไปยังกริชตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ามัน น้อมรับด้วยความเต็มใจ

“เป็นผู้มีความสามารถในการขว้างมีดบิน และชำนาญในการใช้มีดสั้น ครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์ธาตุสายฟ้า ที่สามารถใช้กระตุ้นร่างกายได้” กู่ฉิงซานกล่าว

“ทำการบันทึกเรียบร้อยแล้ว ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติต้องการที่จะให้เริ่มต้นทำการคัดกรองเลยหรือไม่” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว

“เริ่มต้นการคัดกรองได้เลย”

“โปรดระบุถึงใจความสำคัญอีกครั้ง” เทพธิดากล่าว

“เป็นมืออาชีพผู้ใช้เทคนิคเทียนซวน เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์และสามารถปลดผนึกห้าธาตุจำเพาะธาตุสายฟ้า”

“จากสามรัฐใหญ่ มีทั้งหมดยี่สิบสามคนที่ครอบครองธาตุสายฟ้า”

“เพศชาย มีความสูงราวๆ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเจ็ดเซนติเมตร”

“หลงเหลือเพียงสิบหกคน ตัดออกสิบสามคน”

“เป็นคนถนัดซ้าย ครอบครองเทคนิคเทียนซวนประเภทมิติ มีรอยสักขนาดใหญ่”

“มีทั้งหมดสามคน ตัดออกสามคน หลงเหลือศูนย์คน”

“ในบรรดามืออาชีพที่ถูกบันทึกข้อมูลเอาไว้ในสามรัฐใหญ่ ไม่มีตัวตนดังที่กล่าวมา” เทพธิดากงเจิ้งเอ่ย

อีกเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น แต่เบาะแสก็กลับขาดหายไป

ซางหยิงฮ่าวไตร่ตรองก่อนเอ่ยปาก “ในกรณีนี้ บางทีเขาอาจจะเป็นคนของโลกใต้ดินก็เป็นได้นะ”

ในโลกใต้ดิน มีอาชญากร ผู้ลี้ภัย ผู้ลักลอบค้าของเถื่อน และแก๊งต่างๆ หลบซ่อนตัวอยู่มากมาย และพวกเขาก็ได้เลิกใช้งานสมองควอนตัมส่วนบุคคลของตนไปตั้งนานแล้ว จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนที่ไม่สามารถระบุถึงสถานะที่แท้จริงได้

นอกจากนี้ยังมีบางคน ที่ทำงานเกี่ยวพันกับการลอบสังหาร ซึ่งก็ได้ปกปิดถึงความสามารถของตนเอาไว้เช่นกัน และเลือกที่จะไม่รายงานข้อมูลสถานะของตนออกไป แต่คนจำพวกนี้ส่วนมากจะไม่ค่อยปรากฏขึ้นในประเทศที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี

หากเป็นตัวตนดังเช่นที่กล่าวมาก เทพธิดากงเจิ้งย่อมไม่สามารถค้นหาได้

กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “แล้วเจ้าแมวดำว่าอย่างไรบ้าง?”

ซางหยิงฮ่าวหัวเราะและกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ถ้าบอกรายละเอียดถึงขนาดนี้ สำหรับเจ้าแมวแล้วฉันว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา”

ผู้คนทั้งหลายหันมามองแมวดำเป็นสายตาเดียว

แมวดำเชิดคางขึ้น ก่อนจะส่ายหัว แล้วกางกรงเล็บตบลงในปาก ก่อนจะทำท่าทีเคี้ยวแจ๊บๆ และนั่งยองๆ ในที่สุดก็พยักหน้า

“ที่รักของฉันบอกว่า ‘หิวจัง ไม่ได้กินพายสตรอว์เบอร์รีมานานเท่าไหร่แล้วนะ’” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

............................................................