ตอนที่ 183 ผู้เข้าแข่งขันท้าทายชั้นยอด
เสียงชราภาพยังคงเอ่ยอย่างต่อเนื่อง
“เหล่ามวลมนุษย์แห่งโลกใบนี้เอ๊ย”
“วันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว พร้อมทั้งภัยพิบัติที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่รู้จบ โชคชะตาของพวกเจ้าเปรียบดั่งมดตัวน้อยๆ ที่กำลังจะถูกน้ำท่วม และไม่อาจได้รับซึ่งอิสรภาพ”
“แล้วเจ้าต้องการจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนหรือไม่เล่า?”
“ดิ้นรนต่อสู้กับโชคชะตา เปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นเพชฌฆาต ก้าวเดินไปยังเบื้องหน้า มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้”
“หากเจ้าต้องการที่จะครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์ จงเข้าร่วมการแข่งขันท้าทาย และเมื่อสามารถพิชิตชัยได้ เจ้าก็จะได้มีชีวิตนิรันดร์!”
“การแข่งขันท้าทายรอบที่สอง ได้ทำการเปิดลงทะเบียนแล้ว ณ บัดนี้!”
สิ้นประโยคดังกล่าว เบื้องหน้าทุกคนในโลกก็ปรากฏเส้นแสงตัวอักษรขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศที่ว่างเปล่า
“คุณต้องการที่จะลงทะเบียนเล่นเกมเพื่อครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์หรือไม่ [ยอมรับ] / [ปฏิเสธ]”
กู่ฉิงซานมองไปยังเส้นแสงตัวอักษรขนาดใหญ่เบื้องหน้าและทำการเลือก [ปฏิเสธ]
“เทพธิดากงเจิ้ง”
“ฉันอยู่นี่ ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติมีอะไรให้ฉันรับใช้”
“ช่วยส่งคำพูดสุดท้ายที่ เพชฌฆาตตัวตลกได้เอ่ยออกไปหน่อยสิ ส่งมันไปยังทั่วทุกมุมโลกอีกครั้ง”
“รับทราบแล้ว”
หลังจากนั้นสองวินาที
สมองควอนตัมส่วนบุคคลจากทั่วทั้งโลกก็เรืองแสงขึ้นอีกครั้งโดยอัตโนมัติ พร้อมกับฉายจอม่านแสงออกมา
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี โปรดจดจำไว้ให้มั่น ว่าหากพวกท่านเข้าไปมีส่วนร่วมกับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์แล้วละก็…ต่อให้ท่านชนะโชคชะตาที่พวกท่านจะได้รับนั่นก็คือ…ความตาย!”
แม้วิดีโอคำกล่าวของตัวตลกจะจบลงแล้ว ทว่าสมองควอนตัมยังคงไม่วูบดับลงภาพใบหน้าและรอยยิ้มอันแสนเย็นชาของตัวตลกยังคงปรากฏขึ้นเด่นชัดในสายตาของทุกผู้คนคอยกระตุ้นความหวาดกลัวในส่วนลึกของจิตใจให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน เบื้องหน้าของผู้คนก็ยังคงมีเส้นแสงคำอธิบายของเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ลอยล่องอยู่ควบคู่กันไป
เวลานี้ มนุษยชาติบังเกิดความลังเลขึ้น
หากพวกเขาเลือกเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ และสามารถคว้าชัยชนะ พวกเขาก็จะได้รับรางวัลเป็นชีวิตอมตะ
ทว่าหลังจากที่ออกมาจากเกม พวกเขาก็จะถูกเพชฌฆาตตัวตลกฆ่าตายอยู่ดี
เพชฌฆาตตัวตลก ที่มีความสามารถถึงขั้นควบคุมสมองควอนตัมในโลกทั้งใบ!
ในแง่ของความน่าเหลือเชื่อ หากเทียบเปรียบกันระหว่างทั้งสอง ตัวตลกมิได้ด้อยไปกว่าเกมแห่งชีวิตนิรันดร์เลย
สองการดำรงอยู่อันแปลกประหลาดนี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ผู้คนเริ่มไม่มั่นใจในตนเอง ว่าสมควรจะเลือกเช่นไรดี
เมื่อต้องเผชิญกับสองทางเลือกที่ไม่ว่าจะทางไหน ก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทุกคนจึงเลือกที่จะขบคิดอย่างลึกซึ้ง ว่าเส้นทางใดกันหนอ มันถึงจะดีที่สุดต่อตนเอง
ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ก็เริ่มชิงลงมือเคลื่อนไหวโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าใดๆ
น้ำเสียงชราภาพเอ่ยกล่าวด้วยโทนเสียงดุดัน
“เจ้าแมลงที่น่ารังเกียจ! คิดหมายจะขัดขวางความปรารถนาในชีวิตอันเป็นนิรันดร์ของมนุษย์อย่างงั้นหรือ”
“ไม่มีทาง ข้าไม่อนุญาตให้เจ้ากระทำเช่นนั้น ไม่มีทางยอมให้สถานการณ์แบบนี้ต้องเกิดขึ้น”
“ถ้าเช่นนั้นในตอนนี้ ข้าขอเปลี่ยนแปลงกฎเสียใหม่ เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ในครั้งนี้ จะทำการเลือกเฉพาะผู้เล่นชั้นยอด ที่จะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันท้าทายได้เท่านั้น”
“พวกเจ้ามีจิตใจของนักสู้ใช่หรือไม่? พวกเจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนอื่นๆ ใช่หรือเปล่า? พวกเจ้านั่นคือมืออาชีพมิใช่หรือ?”
“พวกเจ้าที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก คอยเฝ้ามองผู้คนอันต่ำต้อยในพลังอำนาจจากมุมสูง หากเข้าร่วมเล่นเกมแล้วคว้าชัยชนะได้ ย่อมต้องได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะสามารถมีชัยเหนือเจ้าตัวตลกได้อย่างแน่นอน”
“หากพวกเจ้าเป็นการดำรงอยู่ของตัวตนเช่นนั้นแล้วละก็ ข้าขอเชิญเข้าร่วมการแข่งขันท้าทายของผู้เล่นชั้นยอดในวันนี้”
“เราจะช่วยให้พวกเจ้าได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์ และของรางวัลที่ได้รับก็จะมั่งคั่งยิ่งกว่าเดิม”
“เจ้าตัวตลก อย่างไรเสียก็เป็นเพียงแค่ตัวตลก เมื่อมันต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่ได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์ มันก็คงทำได้เพียงสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเท่านั้น”
“ขออย่าได้ลังเล จงเข้ามามีส่วนร่วมในการแข่งขันท้าทายในครั้งนี้กันเถอะ!”
“ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ย่อมไม่ไกลเกินเอื้อม!”
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมเงื่อนไขการเข้าร่วมถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเช่นนี้?
เหล่ามืออาชีพจำนวนมากกำลังพิจารณาไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว
มีหลายคนเลือกที่จะเฝ้าดูต่อไป ขณะที่บางคนเลือก [ยอมรับ] โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
บนป้อมปราการดวงดาวเฉินเตี้ยนเฮ่า กู่ฉิงซานที่พึ่งได้รับฟังเสียงกังวาน พลันชะงักงัน
“นี่มันน่าแปลก สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
เขาใช้สมองอย่างเงียบๆ
การที่เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ทำการเปลี่ยนกฎเกณฑ์การเข้าร่วมอย่างกะทันหัน นับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
บางทีในช่วงชีวิตก่อนหน้า ตัวเกมชีวิตนิรันดร์อาจจะสามารถเติบโตและดำเนินงานของมันไปได้อย่างราบรื่น ผู้คนนับไม่ถ้วนเข้าร่วมอย่างบ้าคลั่ง และไม่มีเหตุการณ์ใดเปลี่ยนแปลง มันจึงนิ่งเงียบ มิคิดแทรกแซงใดๆ
แต่ในช่วงชีวิตนี้ มนุษยชาติเพียงได้สัมผัสกับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และในวันเดียวกัน พวกเขากลับถูกยับยั้งความปรารถนาลงโดยคำขู่ของเพชฌฆาตตัวตลก
เกมแห่งชีวิตนิรันดร์จึงหวาดเกรงว่าตนจะไม่ได้ดูดกลืนจิตวิญญาณ ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การแข่งขัน ทำการคัดครองระดับของผู้เล่นเสียใหม่
“การคัดกรองเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นการคัดเลือกเหล่าผู้แข็งแกร่งให้ต่อสู้ห้ำหั่นกับผู้แข็งแกร่งด้วยกันเอง” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“ดูเหมือนว่าในตอนนี้ มันกำลังพยายามที่จะชำระความแค้นกับเรา” เหลียวฮังกล่าว
หลังจากนั้นไม่นาน
เสียงชราภาพก็ดังขึ้นอีกครั้ง “นักรบผู้กล้าหาญได้ถูกทำการคัดเลือกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“จากการสุ่มผู้คนจากทั่วทั้งโลก มีผู้เล่นเข้าร่วมในครั้งนี้ทั้งหมดเจ็ดพันหกร้อยสามสิบสี่คน”
“ดูเหมือนว่าเหล่ามืออาชีพที่แข็งแกร่ง จะสนใจเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ของเราไม่น้อยเลยนะ”
เสียงชราภาพแม้จะฟังดูเศร้าๆ ทว่าในน้ำเสียงก็ยังแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น
ในส่วนของเสียงที่ฟังดูเศร้าๆ นั้น ก็เนื่องเพราะมันต้องการที่จะจัดการกับการกระทำของตัวตลก มันจึงต้องงัดเงื่อนไขในการเข้าร่วมการแข่งขันที่สูงลิ่ว ทำให้จำนวนผู้เล่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทว่าน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างหลัง นั่นเพราะเหล่าผู้ที่เข้าร่วมเกมทั้งหลาย ล้วนเป็นมืออาชีพที่แข็งแกร่ง และนั่นหมายถึงคุณภาพวิญญาณที่ดียิ่งกว่าหากเปรียบเทียบกับครั้งก่อน
ภายใต้การคุกคามของเพชฌฆาตตัวตลก ก็ยังคงมีผู้เข้าร่วมในการแข่งขันท้าทายเป็นจำนวนมากที่หมายมั่นจะครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์อย่างชัดเจน
มืออาชีพที่ทรงพลานุภาพตัดสินใจเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจชีวิตของคนอื่นๆ จะอย่างไรก็ได้ขอเพียงแค่ตนได้ครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์ก็พอแล้ว
เสียงชราภาพกังวานขึ้นอีกครั้ง
“หลังจากการต่อสู้อันเข้มข้นได้จบลง พวกเราก็จะได้ทำการเลือกผู้ชนะคนสุดท้าย”
“และผู้ชนะจะได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์ พร้อมทั้งรางวัลจากพวกเราที่แสนจะใจกว้าง”
“เหล่าผู้สังเกตการณ์เอ๊ย จงปิดตาทั้งสองข้างลง เพื่อเฝ้าดูการแข่งขันท้าทายของเหล่ามนุษย์ชั้นยอดซะ”
“การแข่งขันท้าทายรอบที่สอง…เริ่มต้น ณ บัดนี้!”
บนสังเวียน ปรากฏร่างของผู้ท้าชิงทั้งหมดเจ็ดพันหกร้อยสามสิบสี่คน และทุกคนมิได้อ่อนแอเลย บางคนอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าโอวหยางเฟยหยูเสียด้วยซ้ำ
และที่สำคัญก็คือ พวกเขาเหล่านี้ได้เห็นการต่อสู้ของเพชฌฆาตตัวตลกมาแล้ว และพอที่จะมั่นใจว่า หากตนสามารถรอดชีวิตออกไปได้ ก็น่าจะสามารถหลบเร้นจากการถูกไล่ล่าสังหารของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก
มีแม้กระทั่งบางคนที่คิดว่า หากเขาได้ไอเท็มดีๆ มาครอบครอง เขาก็คงจะมีพลังมากกว่าเพชฌฆาตตัวตลก และฆ่าสังหารมันลงได้
ในฐานะที่เป็นการดำรงอยู่ของตัวตนที่แข็งแกร่ง ในชีวิตพวกเขาจึงเคยได้รับสิ่งต่างๆ มามากมายอย่างง่ายดาย ง่ายดายเกินไปเสียจนสูญสิ้นซึ่งความสนใจในหลายๆ สิ่ง
มีเพียงแค่ชีวิตนิรันดร์เท่านั้นที่สามารถล่อลวงพวกเขาได้ กระตุ้นให้หัวใจที่ด้านชากลับมาเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง
ทว่าการแข่งขันท้าทายของผู้เล่นชั้นยอดเหล่านี้ ก็ยังมิอาจเทียบเคียงได้กับมืออาชีพขั้นสูงสุดอย่างพวกเทพนักสู้ได้อยู่ดี
ในโลกใบนี้ ตัวตนระดับเทพนักสู้นับว่ามีน้อยนิดยิ่ง แม้กระทั่งมืออาชีพระดับต้นๆ ในประเภทอื่นที่มิใช่หวูเต๋า แต่ละคนก็ล้วนเป็นที่คุ้นเคยของมนุษย์คนอื่นๆ
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นชายชาตรีที่แท้จริง และยังคงมีความสงสัยอยู่ในหัวใจเกี่ยวกับเกมนี้ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน นอกจากนี้ยังมีการก่อกวนของเพชฌฆาตตัวตลกอีก ดังนั้นในระหว่างนี้พวกเขาจึงยังคงเลือกที่จะเฝ้าดู ไม่ได้ลงมือออกหน้าเป็นการส่วนตัว
บนสังเวียน
บริเวณพื้นหินที่ไร้ผู้คนค่อยๆ พลิกคว่ำลงอย่างช้าๆ พร้อมกับอาวุธเย็นและชุดเกราะรบได้ปรากฏขึ้น
เหล่ามืออาชีพลงมือทันที พวกเขาพุ่งทะยานไปปล้นชิงอาวุธกันอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากนั้นไม่นาน การต่อสู้ฆ่าฟันกันก็เริ่มต้นขึ้น
บนเฉินเตี้ยนเฮ่า หลายคนหลับตาลง เฝ้าสังเกตการณ์ต่อสู้ในครั้งนี้ร่วมกัน
“ดูเหมือนว่าผู้เล่นเกือบทั้งหมดในครั้งนี้ จะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าปกติจริงๆ ซะด้วย” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“อืม โดยเฉพาะฝาแฝดบรรพชนนักสู้ขั้นสูงสุดสองคนนั้น พวกเขาเกือบจะไปถึงขอบเขตเทพนักสู้อยู่รอมร่อแล้ว” คิ้วของเย่เฟย์หยูขมวดเข้าหากัน ปากเอ่ยกล่าว
อีกสามคนกวาดสายตามอง และก็สามารถค้นพบถึงตัวตนของทั้งสองได้ในทันที
ชายฝาแฝดทั้งสองคนนี้ ประสานงานร่วมมือกันฆ่าสังหารโดยไร้ซึ่งช่องโหว่ใดๆ พวกเขาทำการสังหารผู้คนโดยวิธีการอันโหดร้าย ทว่ากลับทรงประสิทธิภาพยิ่ง
ซากศพนับไม่ถ้วนล้มตัวลงแน่นิ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา
ปัจจุบันนี้ เย่เฟย์หยูวิวัฒนาการตนเอง จนมีระดับเทียบเท่ากับเทพนักสู้แล้ว ทว่าผีดิบนักฆ่านั้นอ่อนแอกว่าเหล่ามืออาชีพอยู่หนึ่งขั้น ดังนั้นด้วยความแข็งแกร่งของเขาในยามนี้ จึงนับว่าสูสีกับบรรพชนนักสู้ขั้นสูงสุดทั้งสองที่พึ่งกล่าวมา
อีกความหมายหนึ่งก็คือ หากทั้งสอง คนใดคนหนึ่งสามารถคว้าชัยชนะและสามารถครอบครองไอเท็มดีๆ ที่จะช่วยหนุนเสริมพลังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้แล้วละก็ ด้วยความแข็งแกร่งของเย่เฟย์หยู เขาก็จะไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายลงได้
“หากมีใครคนใดคนหนึ่ง คว้าชัยชนะได้ในเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน” กู่ฉิงซานกล่าว
“เรื่องที่พึ่งว่ามานั่นคงไม่ผิดพลาดแน่แล้วใช่ไหม? เพราะแบบนี้เองสินะ ตัวเกมถึงได้เลือกที่จะทำการเปลี่ยนแปลงกฎ?” เหลียวฮังกล่าวด้วยความสงสัย
อีกสามคนเงียบ
ในที่แห่งนี้ ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เป็นคนโง่ ทุกคนรู้ดีว่า เมื่อหนึ่งในมืออาชีพที่ทรงพลังเหล่านี้ หากสามารถคว้าชัยชนะได้ พวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น และเมื่อออกไปนอกเกม เย่เฟย์หยูก็คงจะพ่ายแพ้ให้แก่อีกฝ่าย
ระยะเวลาของเย่เฟย์หยูที่พึ่งเติบโตขึ้นนั้นสั้นเกินไป
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกำลังรบในระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ปัจจุบันนี้เย่เฟย์หยูยังมิได้มีอำนาจวิเศษใดๆ ที่จะสามารถล้มล้างศัตรูลงได้
เมื่อผู้ชนะได้กลับคืนสู่โลกจริง ทว่าเพชฌฆาตตัวตลกมิอาจเป็นภัยคุกคามต่อเขาได้ นั่นจะหมายความว่า เกมแห่งชีวิตนิรันดร์จะกลายมาเป็นผู้พิชิตชัยที่แท้จริง
เหล่ามืออาชีพนับไม่ถ้วนหมายจะก้าวเหยียบย่ำตัวตลก และเข้าร่วมเกมแห่งชีวิตนิรันดร์
กู่ฉิงซานคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปทางเย่เฟย์หยู “อีกนานแค่ไหน นายถึงจะสามารถวิวัฒนาการไปยังขั้นถัดไปได้?”
เย่เฟย์หยูคิดและกล่าว “หลังจากที่ได้สังหารผีดิบนักฆ่าตัวที่ปล่อยโรคระบาดลงได้ ตามมาด้วยโอวหยางเฟยหยู ฉันคิดว่าน่าจะยังต้องการฆ่าสิ่งมีชีวิตอย่างผีดิบนักฆ่าในระดับเดียวกันอีกซักหนึ่งตัว ก็น่าจะสามารถวิวัฒนาการไปยังขั้นต่อไปได้แล้ว”
“งั้นเราจะเริ่มกันตอนนี้เลย ไปไล่สังหารเหล่าผีดิบนักฆ่าที่ทรงพลังทั้งหลายกัน ถ้าทำแบบนั้นนายก็น่าจะสามารถวิวัฒนาการได้อย่างทันท่วงที” กู่ฉิงซานตัดสินใจอย่างกะทันหัน
“เทพธิดากงเจิ้ง เริ่มทำการกำหนดสถานที่ปัจจุบันของพวกผีดิบนักฆ่าที่ทรงพลังทั้งหลายให้ฉันหน่อย”
“กำลังเริ่มกำหนดสถานที่” เทพธิดากล่าวตอบรับ
บนจอม่านแสง ปรากฏภาพและข้อมูลของสองผีดิบนักฆ่าขึ้น
“ดีมาก เอาล่ะ อันดับแรก พวกเราจะไปล่าเจ้าตัวนี้กัน”
กู่ฉิงซานชี้ไปยังตัวที่นั่งอยู่บนภูเขาก้อนเนื้อ ปากเอ่ยกล่าว
บนเนินภูเขาซากศพ ปรากฏผีดิบกินคนผิวดำจำนวนมาก ตนแล้วตนเล่ากำลังแหงนหน้าขึ้นไปบนยอดภูเขา จ้องมองไปยังผีดิบนักฆ่าอุดมไขมันที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดที่สายตาของมันกำลังเฝ้ามองออกไปยังสถานที่ห่างไกล ปากเอ่ยคำรามด้วยความตื่นเต้น
เบื้องหน้าของกองภูเขาซากศพ เค้าโครงของเมืองเมืองหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นสู่สายตาของมัน
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” เย่เฟย์หยูกล่าว
“ฉันจะไปกับนายด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว
“นายจะไปด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
“อ่า หากไปด้วยกันสองคน พวกเราจะสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้มากกว่า ตอนนี้คงต้องแข่งกับเวลาแล้วว่าเกมของอีกฝ่ายจะจบลงเมื่อไหร่”
“แข่งกับเวลา?”
“ใช่แล้ว ต้องมาแข่งกันว่าพวกผู้เล่นมืออาชีพที่เข้าร่วมเล่นเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ในครั้งนี้จะใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะคว้าตำแหน่งราชามาครอบครอง กับพวกเราที่ไปไล่ฆ่าผีดิบนักฆ่าเพื่อช่วยเร่งวิวัฒนาการของนายไปขึ้นไปอีกขั้น…ใครมันจะรวดเร็วกว่ากัน”
เรือรบประจัญบานขนาดเล็ก แล่นตัดผ่านเมฆหมอก บินตรงมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เมืองตั้งอยู่
“ร้องขอใต้เท้าผู้ทรงเกียรติและมิสเตอร์เย่เฟย์หยู เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการดำเนินการ จุดหมายปลายทางของพวกคุณกำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้”
เย่เฟย์หยูยืนขึ้น ปากเอ่ยถาม “แล้วพวกเราจะจัดการมันอย่างไร?”
“นายไปรับมือกับผีดิบนักฆ่าก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนฉันจะทำการเก็บกวาดพวกผีดิบกินคนผิวดำเอง หลังจากนั้นก็จะไปร่วมประสานงานต่อสู้กับนาย” กู่ฉิงซานกล่าว
“แบบนี้ มันก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการรวมทีมเล่นเกมกันเลยแฮะ” เย่เฟย์หยูกล่าว
“มันก็คือเกมนั่นแหละ เกมที่จะตัดสินความเป็นตายของดาวโลกดวงนี้อย่างไรล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“แต่พวกผีดิบกินคนผิวดำมันคงมีจำนวนค่อนข้างมาก แถมนายก็ต้องพยายามไม่ให้โดนพวกมันกัดอีก รู้ใช่ไหมว่าถ้านายโดน ฉันคงต้องสังหารนาย” เย่เฟย์หยูเอ่ยหยอก
“นายเป็นผีดิบนักฆ่า นายก็ยังไม่เห็นจะกลัวตัวเองโดนกัดเลยนี่” กู่ฉิงซานถาม
“สำหรับฉัน แค่การถูกกัดหนึ่งหรือสองครั้งมันไม่สำคัญหรอก แต่ว่า”
ในตอนนั้นเอง เย่เฟย์หยูก็ได้ส่งสัญญาณมือ
หุ่นรบขับเคลื่อนของเขาค่อยๆ ไต่ขึ้นมาจากฝ่าเท้า ประกอบตัวชั้นแล้วชั้นเล่า ครอบคลุมทั้งร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
เพชฌฆาตตัวตลก ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
เสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากหน้ากากตัวตลก “ทีนี้ ต่อให้พวกมันต้องการจะกัดฉัน มันก็ไม่สามารถกัดได้แล้ว แต่ทางด้านนายต่างหากล่ะ ที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะโดนกัดไม่ได้เด็ดขาด”
ณ ขณะนั้นเอง ประตูห้องโดยสารก็ถูกเปิดออก พร้อมกับความเร็วในของเรือรบค่อยๆ ชะลอตัวลงอย่างช้าๆ
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีบางคนเป็นห่วงว่า หากฉันถูกกัดจนตายไป สภาพศพของฉันจะกลายเป็นผีดิบแบบนี้” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาเอ่ยปากโดยมิได้หันหลังกลับมา สองเท้าค่อยๆ ย่ำตรงไปยังประตูห้องโดยสาร ทีละก้าว ทีละก้าว
และทันใดนั้นเอง ชุดเกราะรบโบราณสีทองอร่ามก็ปรากฏขึ้นจากอากาศที่ว่างเปล่าจากเบื้องหลังเขา!
........................................