webnovel

0181 เพชฌฆาตตัวตลก

ตอนที่ 181 เพชฌฆาตตัวตลก

แม้กระทั่งเหลียวฮัง ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถคาดการณ์ถึงคำตอบที่ใกล้เคียงได้

“ในทางเทคนิคแล้ว…อธิบายไปก็คงจะไม่เข้าใจหรอก แต่ถึงคุณจะสามารถเข้าใจมันได้ คุณก็ไม่สมควรจะรู้อยู่ดี ดังนั้นผมเลยจะไม่อธิบายมัน” กู่ฉิงซานกล่าว

เขามองดูทั้งสามและเอ่ยเสริม “ม่านการแสดงระหว่างพวกเรากับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว”

“และนาย เย่เฟย์หยู นายจะเป็นคนขึ้นไปแสดงบนเวทีในครั้งนี้”

“ฉันรู้สึกอย่างกะตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่เลยแฮะ” เย่เฟย์หยูก้มลงมองร่างกายตนที่ถูกปกคลุมด้วยเกราะเหล็กกล้า ปากเอ่ยติดตลก ซึ่งหาได้ยากยิ่งสำหรับคนแบบเขา

ซางหยิงฮ่าวยิ้มและกล่าว “นี่นับว่าเป็นช่วงเวลาของนายที่จะได้ก้าวเข้าสู่การท้าทายใหม่ๆ เลยนะ”

เย่เฟย์หยูกล่าวอย่างจริงจัง “ในส่วนของรูปลักษณ์เกราะรบ ฉันสามารถทำการร้องขอให้ออกแบบมันตามใจตัวเองจะได้ไหม?”

“นายลองว่ามาได้เลย” กู่ฉิงซานกล่าว

“ในส่วนหมวกน่ะ ฉันรู้สึกว่ามันธรรมดาเกินไป”

เย่เฟย์หยูยกแขนข้างหนึ่งขึ้น ใช้นิ้วชี้เคาะๆ ลงบนหมวกเหล็กของตน

ทั้งสามหันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองหมวกเหล็กเกราะรบ และเห็นว่ามันเป็นเพียงแค่สไตล์ปกติของหุ่นรบทั่วๆ ไป

“ขอโทษที เวลามันกระชั้นชิดเกินไปน่ะ ฉันเลยไปมุ่งเน้นอยู่แต่กับพวกฟังก์ชันการทำงาน ไม่ได้ให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ของเกราะรบสักเท่าไหร่ แล้วความคิดเห็นของนายคืออะไร ให้แต่งเสริมมันออกมาในรูปแบบไหนกันล่ะ”

“นายต้องการทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัว ถูกไหม?” เย่เฟย์หยูถาม

“ถูกต้อง”

เย่เฟย์หยู “งั้นก็ต้องเป็นรูปลักษณ์ในส่วนของหมวกเหล็กและหน้ากากนี่แหละ เพราะมันจะเป็นส่วนหลักที่ช่วยให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวและดูลึกลับเวลาจ้องมอง”

“แล้วแกต้องการรูปทรงอะไร? โครงกระดูก? ยมทูต? อสูรร้าย? หรือมาร?” เหลียวฮังขัดจังหวะ

“ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ขอแค่รูปทรงตัวตลกธรรมดาๆ ทั่วไปก็พอแล้ว เพราะเมื่อเร็วๆ นี้พวกตัวตลกที่มีใบหน้ายิ้มแย้มน่ะกำลังได้รับความนิยม ดังนั้นฉันเลยอยากจะแต่งเติมใบหน้าของตัวตลกลงในส่วนหัว” เย่เฟย์หยูกล่าว

เหลียวฮังเริ่มสับสน “ก็แล้วมันน่ากลัวอย่างไร? ตัวตลกมันก็ต้องตลกไม่ใช่เหรอ?”

“น่ากลัวสิ น่ากลัวยิ่งกว่ารูปทรงพวกลายโครงกระดูกซะอีก”

เย่เฟย์หยูยังคงเอ่ยต่อ “เมื่อใครก็ตามที่ได้เห็นภาพอะไรบางอย่าง ที่ดูเหมือนจะเป็นมนุษย์แต่ก็มิใช่มนุษย์ มันจะก่อให้เกิดความหวาดกลัวอย่างแท้จริงจากส่วนลึกในหัวใจของพวกเขา”

“สมกับเป็นผีดิบนักฆ่า นายมันผู้ช่ำชองตัวจริงเลยนี่นา” ซางหยิงฮ่าวยกนิ้วโป้งให้แก่เขา

“แต่ฉันไม่เห็นจะรู้สึกแบบนั้นเลย” เหลียวฮังเอ่ยด้วยความสับสน

เย่เฟย์หยูกล่าวอย่างแผ่วเบา “ยกตัวอย่างง่ายๆ หากคุณกำลังตื่นอยู่ในช่วงสักตีสอง เวลากลางคืน และมีเพียงแสงเทียนที่คอยส่องสว่าง กับหุ่นที่สวมใส่ใบหน้าของตัวตลกสักตัวหนึ่ง ที่ปกติแล้วสมควรจะพบเห็นได้ในเพียงแค่สวนสนุกเท่านั้น คุณจะรู้สึกอย่างไร?”

ซางหยิงฮ่าวกล่าว “ก็ถูกนะ หากอยู่คนเดียวกับเจ้าสิ่งนั้น สายตาของฉันวิสัยทัศน์ของฉันคงแคบลง จับจ้องไปแต่กับเจ้าหุ่นตัวตลก และก็คงจะรู้สึกหวาดระแวงอยู่เสมอถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ”

เย่เฟย์หยู “นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนมักจะสวมใส่หน้ากากตัวตลกในสถานที่ที่ มีชีวิตชีวา และไม่มีใครคิดจะใส่มันในสถานที่เปลี่ยว”

เหลียวฮังพยายามที่จะขบคิด โดยการจำลองสถานการณ์ดังกล่าว

ในซอยเปลี่ยวที่เงียบงัน มิมีผู้ใดอยู่รอบตัว ทว่าทันใดนั้นเอง เขาก็ต้องพบกับหุ่นรบตัวตลกที่ใบหน้าแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

มันเพียงแค่กำลังจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ โดยที่มิได้เอ่ยแม้เพียงครึ่งคำ

พอจินตนาการถึงจุดนี้ ขนตามร่างกายของเหลียวฮังก็ลุกชันขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“งั้นเรามาเปลี่ยนรูปลักษณ์มันกัน” กู่ฉิงซานกล่าวและวางมือลงบนม่านแสง

ไม่นานนัก

หมวกเหล็กรูปทรงใหม่ก็ถูกสร้างขึ้น

หมวกเหล็กนี้มีดวงตาที่ว่างเปล่า ลักษณะท่าทีดูเฉื่อยชา จมูกยาวราวกับนกหัวขวานที่มักจะใช้จะงอยของมันเจาะลงบนลำต้นไม้ ขณะที่ปากของมันแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มแข็งค้าง

แม้รอยยิ้มดังกล่าวนี้ จะดูเหมือนว่าถูกสรรค์สร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิง ทว่าด้วยความที่มันแฝงไว้ซึ่งความเย็นชา กลับส่งผลให้ผู้ที่เฝ้ามองมันมิได้เกินความบันเทิงใจใดๆ ขึ้นมาเลย

เหลียวฮังลองจ้องมองดูมันสักพัก แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งใด ทว่าพอมองไปนานๆ ตนกลับสัมผัสได้ถึงห้วงอารมณ์แง่ลบบางอย่างค่อยๆ แพร่กระจายเข้าไปในหัวใจของตนเองอย่างช้าๆ

“ระยำเถอะ ฉันไม่เคยสังเกตถึงเรื่องอะไรพวกนี้มาก่อนเลย” เขาเอ่ยงึมงำ

“ยอดเยี่ยม ฉันชอบมันนะ ถ้าอย่างงั้นฉันขอตั้งชื่อมันว่า ‘เพชฌฆาตตัวตลก’ ก็แล้วกัน” เย่เฟย์หยูจ้องมองไปที่หัวของหุ่นรบ และเลียริมฝีปากของเขา

“ตกลงตามนั้น” กู่ฉิงซานปิดจอม่านแสงและมองไปยังเย่เฟย์หยู

“ทีนี้ก็เหลือแค่การไปฆ่าเขาใช่ไหม?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถามยืนยันเป็นครั้งสุดท้าย

“อื้อ บุกไปฆ่าตรงๆ เลยสิวะ! ไปกระชากห้วงอารมณ์ของมนุษยชาติ ข่มขู่พวกเขาให้รับรู้ได้ถึงภัยคุกคามที่จะฝังรากลึกอยู่ในความทรงจำของพวกเขากัน” กู่ฉิงซานพยักหน้า

เวลาไม่ได้ผ่านพ้นไปนานเท่าไหร่นัก

จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์

สาธารณรัฐฟูซี

สหพันธรัฐ รัฐบาลกลาง

และแกนนำสำคัญๆ ของแต่ละประเทศ กำลังหารือพูดคุยกันถึงเหตุการณ์อันโหดร้ายที่พึ่งเกิดขึ้นในคืนนี้

ผู้คนต่างโต้เถียงกันอย่าดุเดือด ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะต้องการปกปิดความหวาดกลัวที่อยู่ภายในจิตใจพวกเขา

การปรากฏตัวขึ้นของอสูรแห่งท้องทะเล การที่มันย่างกรายขึ้นมาบนพื้นดิน ยังพอที่จะกล่าวได้ว่านั่นคือการกลายพันธุ์ของยีน

ส่วนผีดิบกินคนและผีดิบนักฆ่า นั้นใกล้เคียงกับการกลายพันธุ์ของไวรัส

แต่สิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา มันห่างไกลกว่าความรู้ความเข้าใจของมนุษย์โดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าพวกผู้คนทั่วไปจะยอมรับมันได้ ทว่ากับเหล่ามันสมองอัจฉริยะ กลับไม่สามารถใช้หลักการใดๆ มารองรับ หรืออธิบายถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นได้เลย

ความเชื่อของหลายคนได้พังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืน ผู้คนมากมายได้แต่เอ่ยถามตัวเองว่า ว่าพวกเขาจะอยู่รอดได้อย่างไรในวันสิ้นโลก

ชีวิตนิรันดร์…ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ อา ถ้ามันมีจริงๆ ครั้งต่อไปฉันควรจะเข้าร่วมด้วยดีไหมนะ?

ผู้คนจำนวนมากบังเกิดคำถามขึ้นในจิตใจอย่างเงียบๆ

ทว่าคำตอบมันค่อนข้างจะชัดเจนอยู่แล้ว

แต่ในตอนนั้นเอง

ทั่วทั้งโลก ทุกๆ ประเทศ และทุกๆ อุปกรณ์ที่สามารถรับสัญญาณดาวเทียมได้ก็พลันสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ

จอม่านแสงถูกฉายขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับปรากฏร่างที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบเคยเห็นมาก่อน สู่สายตาของทุกผู้คน

เป็นร่างของคนคนหนึ่งที่สวมชุดเกราะรบสีดำหมึก ขณะที่เบื้องหลังเขาปรากฏรังสีแสงสีดำถูกติดตั้งเอาไว้

แต่สิ่งที่เป็นเป้าสายตามากที่สุดมิใช่ปีกทว่ากลับเป็นจมูกยาวเรียวแหลมและบนใบหน้าแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มแข็งค้างของเขา

สมองควอนตัมส่วนบุคคลจู่ๆ ก็ถูกเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แถมยังฉายฉากเช่นนี้ออกมา นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกประหลาดอย่างมากในยุคปัจจุบัน

นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงคนแปลกๆ ที่อยู่ภายในจอม่านแสงอีกนะ

หากมิใช่เพราะปีกสีดำเบื้องหลังเขา ลักษณะของคนตรงหน้า คงจะแลดูราวกับทวยเทพในตำนานโบราณ

แต่ด้วยรอยยิ้มที่แข็งค้างบนใบหน้าที่ดูราวกับเป็นเพียงหุ่นเชิด และมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกจับกุมไว้ในมือของเขา ทำให้ฉากนี้ช่างมีหลายสิ่งอย่างที่ขัดแย้งกันเอง และยากที่จะเอ่ยพรรณนาออกมา

ชายที่ถูกคว้าจับเอาไว้ กำลังพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างต่อเนื่อง

และคนคนนั้น ก็คือผู้ที่พึ่งถูกส่งตัวกลับมาจากเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ได้ไม่นาน เป็นผู้ที่ได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์มา โอวหยางเฟยหยู

รัฐน้อยใหญ่และเหล่าผู้ที่มีอิทธิพลต่างๆ ยังไม่มีเวลามากพอที่จะหาตัวเขาพบได้

ทว่าตอนนี้ พอได้เจอ กลับพบว่าเขากำลังตกอยู่ในมือของสัตว์ประหลาดตนหนึ่ง

ในขณะนี้ แม้ว่าผู้คนจะตกใจ แต่เนื่องจากการได้รับชมเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ก่อนหน้านี้ ทำให้จิตใจของพวกเขาพอที่จะยอมรับภาพอันโหดร้ายรุนแรงได้ดีขึ้น

โลกทั้งใบพลันตกอยู่ในความเงียบงัน เฝ้ารอเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปภายใต้ฉากนี้

ในตอนนั้นเอง ก็บังเกิดเสียงหม่นทะมึนดังลอดออกมาจากหน้ากากตัวตลก

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับทุกๆ ท่าน กระผมคือข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพวกท่านนั่นแหละ วันนี้กระผมจะมารับหน้าที่ในการเก็บเกี่ยวชีวิตของผู้ที่ทำให้ทุกท่านเกิดความหวาดกลัวกันขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้”

“ทุกท่านสามารถเรียกกระผมว่า ‘เพชฌฆาตตัวตลก’ ก็ได้”

“เอาล่ะ งั้นเรามาเริ่มการพิพากษากันเลยจะดีกว่า”

“โอวหยางเฟยหยู…เจ้าฆาตกรหลบหนี ตัวตนที่สังหารผู้คนบริสุทธิ์นับหลายร้อย หลายพันคนในเกมแห่งชีวิตนิรันดร์เอ๊ย ความผิดบาปของแกช่างร้ายแรงนัก มันมิอาจลบล้างได้ นอกเสียจากถูกพิพากษาตัดสินประหารชีวิต…เริ่มดำเนินการทันที”

สิ้นเสียงเพชฌฆาตตัวตลก รังสีแสงสีแดงเลือดก็เข้าห่อหุ้มรอบกายของโอวหยางเฟย์หยูอย่างฉับพลัน

แม้โอวหยางเฟยหยูจะต่อสู้ดิ้นรนขัดขืนอย่างบ้าคลั่ง ทว่ามันกลับไร้ประโยชน์

รังสีเลือดราวกับเป็นสารกัดกร่อนอันทรงพลัง มันค่อยๆ กัดกินเขาให้ตกอยู่ในความเจ็บปวดรวดร้าว ละลายเนื้อหนังที่พึ่งกลับคืนสู่ความวัยเยาว์ เผยให้เห็นถึงกระดูกสีขาวที่อยู่ภายในอย่างช้าๆ

จนกระทั่งตอนนี้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเสียชีวิตลงแล้ว ทว่าปากของโครงกระดูกยังคงอ้าค้าง ราวกับมันยังคงส่งเสียงร่ำไห้ออกมาอย่างไม่รู้จบ

ทว่าหุ่นรบในชุดเกราะรบสีดำ ยังคงปรากฏซึ่งรอยยิ้มเย็นชาแข็งค้างอยู่บนใบหน้า

ภาพนี้เต็มไปด้วยความสยองขวัญอันยากที่จะพรรณนา

ทุกผู้คนที่เฝ้ามอง ได้จดจำติดตรึงถึงฉากนี้ ฝังลึกลงไปในหัวใจ

เพชฌฆาตตัวตลก ยกกระดูกสีขาวขึ้นด้วยมือข้างหนึ่ง แกว่งไกวมันไปมา ให้ทุกผู้คนได้เห็นและกล่าวออกมาอีกครั้ง

“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี โปรดจดจำไว้ให้มั่น ว่าหากพวกท่านเข้าไปมีส่วนร่วมกับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์แล้วละก็…ต่อให้ท่านชนะ โชคชะตาที่พวกท่านจะได้รับนั่นก็คือ…!”

น้ำเสียงของตัวตลกยกสูงขึ้น ทว่ากลับแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและปีติยินดี เอ่ยปากกล่าวขึ้นอีกสองคำ

“ความตาย!”

ขณะกล่าว เพชฌฆาตตัวตลกก็คว้าร่างโครงกระดูกและเหินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า หายลับเข้าไปในชั้นเมฆ

จนกระทั่งร่างของเขาหายไป สมองควอนตัมของผู้คนทั่วทั้งโลกจึงดับลง

เวลานี้ทั่วทั้งดวงดาวกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

........................................