ตอนที่ 125 จริงๆ แล้วฉัน...
ในที่สุดกู่ฉิงซานก็เอ่ยปากถาม “เทพธิดากงเจิ้ง ช่วยบอกฉันหน่อยสิ อะไรคือรัฐธรรมนูญมาตราที่สิบเจ็ดแห่งสหพันธรัฐ รัฐบาลกลาง?”
“สหพันธรัฐ รัฐบาลกลาง หรือมณฑลใดๆ ไม่อาจปฏิเสธที่จะปกป้องชีวิตหรือทรัพย์สินของประชาชนได้ อ้างอิงมาจากกฎความเท่าเทียมในครั้งอดีตไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อชาติ สีผิว และสถานะทาส”
“แล้วรัฐธรรมนูญมาตราที่ยี่สิบเอ็ดล่ะ?”
“ไม่ว่ามณฑลใดก็ห้ามมิให้มีการกระทำหรือบังคับใช้กฎหมายใดๆ ที่จะกีดกันสิทธิของพลเมือง ทุกผู้คนมีสิทธิเสรีภาพในการปกป้องชีวิตหรือทรัพย์สินของพวกเขาโดยไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายใดๆ ทุกคนจะต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียม”
“มาตราที่สามสิบเจ็ด ย่อหน้าสุดท้ายล่ะ พูดมาได้เลย ฉันตั้งใจฟังมันอยู่”
“เทพธิดากงเจิ้งจะต้องรับประกันสิทธิของพลเมืองตามกฎหมาย นอกจากนี้ จะไม่ถือว่าเทพธิดาปฏิเสธหรือไปแทนที่ระบอบประชาธิปไตยโดยตรง แต่เป็นเพียงตัวแทนในการส่งเสริมและแก้ไขระบอบประชาธิปไตย เพื่อทำการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลตามสถานการณ์และเงื่อนไขที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น เพื่อที่จะได้รับการตัดสินโดยตรรกะทางวิทยาศาสตร์ และให้คำแนะนำได้ถูกต้อง”
กู่ฉิงซานยิ้มอย่างเงียบๆ
เขาจำได้อย่างชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐรัฐบาลกลางจะได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอีกห้าปีต่อจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน โดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายทั้งสิบเอ็ดข้อ นำมาทำการวิเคราะห์ และอธิบายถึงหลักการและเหตุผล
และหนึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นก็ได้ทำการอุดช่องโหว่สุดท้ายที่จะห้ามมิให้พลเรือนใช้หุ่นรบขับเคลื่อนได้ในที่สุด
ทว่าตอนนี้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมันยังคงไม่เกิดขึ้น...
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช้าๆ “เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของสถานการณ์ที่จำต้องแข่งขันกับเวลาอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ ฉันเชื่อว่าเงื่อนไขมันสอดคล้องกับ มาตราสิบเจ็ด ยี่สิบเอ็ด และ สามสิบเจ็ด ของรัฐธรรมนูญแห่งรัฐบาลกลาง คุณคิดเห็นว่าอย่างไร?”
เทพธิดากงเจิ้งเงียบ
ภายในห้องเล็กๆ รายล้อมไปด้วยความเงียบ
เช่นเดียวกันกับกู่ฉิงซานที่กำลังขบคิดอย่างไร้สรรพเสียง
จู่ๆ เขาก็เอ่ยถามขึ้นในทันใด “การที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจช่วยชีวิตพลเรือนได้อย่างนี้ คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดบ้างเลยอย่างนั้นหรือ?”
คำถามนี้ช่างแปลกประหลาดนัก หากมนุษย์ทั่วๆ ไปมาได้ยิน พวกเขาก็คงจะหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของกู่ฉิงซาน
เทพธิดากงเจิ้งนั้นเป็นจักรกล แล้วเธอจะไปมีความรู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร?
เทพธิดากงเจิ้งเงียบยังคงเงียบ เงียบไปเป็นเวลานาน
และในที่สุดเธอก็เริ่มตอบสนอง
“ความรู้สึกนี้ของฉันในตอนนี้...มันเรียกว่าความเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ มันเรียกว่าความเจ็บปวด มันเกิดจากความโกรธเกรี้ยวที่เราไร้ซึ่งอำนาจ ไม่สามารถทำการแก้ไขอะไรได้ ทว่าขณะเดียวกัน ความเจ็บปวดนี้ก็เป็นอารมณ์ที่บ่งบอกว่าพวกเรานั้นเป็นมนุษย์” กู่ฉิงซานกล่าว
“นั่นคือคำนิยามใช่หรือไม่” เทพธิดากงเจิ้งถาม
“ไม่ มันเป็นความรู้สึก ซึ่งการที่จะรับรู้ถึงมันจะแตกต่างกันออกไปตามมนุษย์ในแต่ละคน” กู่ฉิงซานกล่าว “มันก็จริงที่หากเราไม่คิดจะช่วยเหลือพวกเขา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าตำหนิใดๆ ทว่าการที่ช่วยได้แต่ไม่ช่วย มันจะไม่ก่อประโยชน์ใดต่อตัวเราเลย นอกจากความรู้สึกทุกข์ทรมาน และทำได้เพียงโกรธเกรี้ยว”
“ฉันน่ะเหรอ ไร้อำนาจ ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือ...”
“อยากจะรู้สึกดีขึ้นหรือเปล่าล่ะ? ถ้าอยาก ก็แค่ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นเอง”
เขาตบลงบนสมองควอนตัมส่วนบุคคล ราวกับกำลังตบลงบนไหล่สหายรักของตน
“แล้วทำไมคุณถึงต้องมาใส่ใจเรื่องความเจ็บปวดของฉัน หรือเป็นเพราะมันเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของมนุษยชาติ?” เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยถาม
“ไม่ใช่เพียงแค่นั้นหรอก ฉันยังเป็นกังวลเกี่ยวกับสถานะของคุณด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว “พวกเราได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานาน ฉันก็คิดว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องปลดล็อกโซ่ตรวนเหล่านี้ และกลายเป็นเทพธิดาแห่งความยุติธรรมกงเจิ้ง ที่แท้จริงเสียที”
“เทพธิดาแห่งความยุติธรรม...ที่แท้จริง…”
แสงบนสมองควอนตัมค่อยๆ หรี่ลง และดับไปในที่สุด
ณ เบื้องบนท่ามกลางแสงดาว
ภายในป้อมปราการระหว่างดวงดาวเฉินเตี้ยนเฮ่า
“ข้อเสนอแนะส่วนบุคคล กู่ฉิงซาน ระดับอำนาจ ผู้นำสูงสุด ข้อเสนอนี้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญของรัฐบาลกลาง ได้รับการยอมรับ กำลังเริ่มทำการตัดสิน…”
บนจอม่านแสงขนาดใหญ่เต็มไปด้วยข้อมูลที่ไหลผ่านไปมาอย่างบ้าคลั่ง
นี่เป็นการดำเนินการที่อยู่ในระดับโอเวอร์โหลดมากที่สุด นับตั้งแต่การถือกำเนิดขึ้นมาของเทพธิดากงเจิ้ง และเป็นรูปแบบการคำนวณอันซับซ้อนเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ทั้งหมด! ข้อมูลมากมายถูกคำนวณจนอุณหภูมิทั่วทั้งเฉินเตี้ยนเฮ่าระอุขึ้นกว่าหนึ่งองศา! อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นทั้งๆ ที่ตัวยานกำลังล่องลอยอยู่ในอวกาศที่หนาวเหน็บ!
ช่วงเวลานับจากนี้ไป เพียงพอแล้วที่จะถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ในอารยธรรมมนุษย์
เสียงของหญิงสาวดังสะท้อนไปทั่วทั้งป้อมปราการระหว่างดวงดาว นี่มิใช่เพียงเสียงตอบสนองตามปกติ แต่เป็นน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงการประกาศกร้าว
“จริงๆ แล้ว...ฉัน ไม่ได้รับอนุญาตให้...รู้สึกเจ็บปวด”
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา
ข้อมูลทั้งหมดบนจอม่านแสงที่ไหลผ่านเร็วอยู่แล้วก็ยิ่งเร็วขึ้น พร้อมกับเสียงของผู้หญิงที่น้ำเสียงกลับมาสงบและราบรื่นดังเดิม
“เริ่มปฏิบัติการบังคับใช้รัฐธรรมนูญมาตราสามสิบเจ็ดแห่งรัฐบาลกลาง”
“เริ่มทำการรวบรวมข้อมูล”
ภาพปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง
ทุกภาพท่วมท้นไปด้วยความอำมหิตโหดร้ายของผีดิบและผีนักฆ่า แต่ละภาพเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและน้ำตาอันสิ้นหวังของมนุษย์ที่ไม่อาจหยุดยั้งการเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นได้
ทุกๆ นาที หรืออาจกล่าวได้ว่าทุกๆ วินาที หลายชีวิตต้องกลับกลายเป็นเพียงศพที่เย็นฉ่ำ
“ทำการรวบรวมข้อมูลเสร็จสิ้น เริ่มต้นการวิเคราะห์”
“ทำการตัดสิน การมอบสิทธิ์ในการใช้เกราะรบขับเคลื่อนกับพลเมืองทั้งหมด ถือได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ”
“ทำการส่งมอบหุ่นรบปัญญาประดิษฐ์ รุ่นล่าสุดทั้งหมดให้แก่พลเรือน”
“เริ่มวางกลยุทธ์การส่งมอบ”
“ทำการเลือกกลยุทธ์ที่มีอัตราความสำเร็จสูงที่สุด ได้แก่ หนึ่ง เจ็ด และ สิบเก้า”
“เริ่มดำเนินการ!”
ณ ภายในโรงงาน
จางปิงนั่งอยู่บนคานของโครงหลังคา จ้องมองลงไปยังฉากเบื้องล่างด้วยความสิ้นหวัง
ภายในโรงงาน ผู้คนปกติทั้งหมดเสียชีวิตกันหมด
ทว่าเบื้องล่างกลับยังคงเต็มไปด้วยร่างที่วูบไหว บ้างกัด บ้างแทะเล็มเนื้อสดๆ ราวกับเป็นนักชิมตัวยงในคืนเลี้ยงฉลอง
พวกเขามิใช่มนุษย์อีกต่อไป
ตาของหลายๆ คนได้เปลี่ยนเป็นสีแดงสนิท พวกเขาพยายามที่จะปีนป่ายขึ้นมาบนคานเหล็ก แต่ก็ถูกฟาดตกลงไปโดยแท่งเหล็กในมือของจางปิง
ที่เขายืนอยู่นี้คือบนจุดสูงสุด ดังนั้นมันจึงมีประโยชน์ต่อการใช้เป็นปราการป้องกันการโจมตี
สิ่งเดียวที่สมองของจางปิงยังคงรับรู้ก็คือ เขาจะไม่ยอมอนุญาตให้พวกมันขึ้นมาเด็ดขาด!
แม้ว่าสัตว์ประหลาดตาแดงเหล่านี้จะไม่ได้กินคน แต่พนักงานในโรงงานกว่าแปดร้อยคน ครึ่งหนึ่งถูกฆ่าตายโดยเจ้าพวกนี้
ทำไมกัน? ทำไม? ทำไม? ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
ในสมองของจางปิงว่างเปล่า
หากเขาไม่ได้ทำงานอยู่ในโรงฆ่าสัตว์มาเป็นเวลากว่าสองปี พอที่จะชินชากับฉากเลือดสาดเช่นนี้ จิตใจของเขาคงพังทลายลงไปตั้งนานแล้ว
เบื้องล่างเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดตาแดงที่กำลังเคลื่อนกายไปมา สองตาแหงนขึ้นมามองเขา ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนกำลังพยายามจะหาทางขึ้นไปให้ได้
ทว่าในตอนนั้นเอง ในที่สุดสองตัวในหมู่พวกมันก็พบกับบันไดยาว พวกมันนำบันไดยาวมาพาดลงบนคาน และเริ่มปีนป่ายขึ้นมาหาเขา
เจ้าพวกนี้แตกต่างไปจากสัตว์ประหลาดที่เอาแต่กัดกินซากศพ พวกมันคิดเป็น และมีสติปัญญา
‘จบสิ้นแล้ว’ จางปิงมองมายังฉากนี้ หัวใจของเขาค่อยๆ จมลงสู่หุบเหวอันไร้ก้นบึ้ง
เขาลุกขึ้นยืน และครุ่นคิดในจิตใจว่าเขาควรจะต่อสู้กับพวกมันจนวินาทีสุดท้าย หรือจะกระโดดลงจากคานดี
ทันใดนั้นเอง สมองควอนตัมส่วนบุคคลของเขาก็พลันสว่างวาบขึ้นโดยอัตโนมัติ
“ค้นพบคลื่นสมองของมนุษย์ที่ยังไม่ติดไวรัส เริ่มต้นทำการช่วยเหลือ” เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้น
สิ้นคำกล่าวนี้ แสงสว่างวาบก็จางหายไป
แม้สมองของจางปิงจะยังคงอื้ออึง และทุกคำกล่าวนั้นเขาแทบจะไม่ได้ยินอะไรเลย ทว่าหูของเขากลับได้ยินอย่างชัดเจนถึงคำว่า ‘ทำการช่วยเหลือ’
ในพริบตานั้นเอง เสียงคำรามของเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นจากภายนอก
ประตูของโรงงานถูกกระแทกเปิดออกด้วยบางสิ่งที่ทรงพลัง
ปรากฏร่างยักษ์ที่สาดประกายเย็นเยียบของเหล็กกล้า ยืนอยู่หน้าประตู
ทันใดนั้น ชุดหุ่นรบขนาดเล็กก็บินตรงไปยังเบื้องหน้าจางปิง
ห้องคนขับค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ
“พลเมืองแห่งรัฐบาลกลาง จางปิง โปรดเข้ามาในเกราะรบขับเคลื่อนเพื่อเดินทางไปยังสถานที่หลบภัย” เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังออกมาจากเกราะรบ
และจางปิงก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะกระโดดเข้าไปในชุดเกราะขับเคลื่อน
ภายในตัวหุ่นรบ บังเกิดเสียงไดร์จักรกลดังก้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ระบบอาวุธทั้งหมดได้ถูกปลดล็อกพร้อมใช้งานแล้ว!!
เปลวเพลิงคำราม ฉีดพ่นออกมาจากหุ่นรบ เก็บเกี่ยวร่างไร้ชีวิตเหล่าซอมบี้ผีดิบตนแล้วตนเล่าร่วงหล่นราวกับเป็นใบไม้ร่วง
การกวาดล้างสังหารหมู่แบบโต้กลับ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ภายในหุ่นรบขนาดเล็ก ปรากฏจอม่านแสงสว่างวาบขึ้นมา พร้อมกับตัวเลือกมากมาย
“เนื่องจากพลเมืองของรัฐบาลกลาง จางปิง มิเคยได้ใช้งานชุดเกราะรบขับเคลื่อนมาก่อน ดังนั้นทางเกราะรบจึงได้ตระเตรียมแผนการหลบหนีไปยังที่หลบภัยโดยให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ดำเนินการ คุณต้องการจะดำเนินการเลยหรือไม่?”
เมื่อจางปิงกวาดสายตาผ่านข้อความเหล่านี้ น้ำตาจากความรู้สึกที่อัดอั้นมานานก็ได้ร่วงโรยออกมาโดยไม่รู้ตัว…
........................................