webnovel

0047 ตราสัญลักษณ์แห่งความตาย

ตอนที่ 47 ตราสัญลักษณ์แห่งความตาย

“ไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้ฉันต้องรีบออกไปจากที่นี่ทันที แต่ฉันไม่สามารถให้ใครรู้หรือตามตัวได้” กู่ฉิงซานพูดออกมาตรงๆ

แอนนากอดอก ก่อนที่จะสังเกตอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

ดูเหมือนจะไม่ได้โกหก

“มันเป็นเรื่องเร่งด่วนมากหรือเปล่า?” แอนนาค่อยๆ หยุดล้อเล่นอย่างช้าๆ และถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ไฟลนก้นเลยล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“เช่นนั้นตามฉันมา” แอนนาคิดเพียงเสี้ยววินาทีและตัดสินใจจากไปทันที

ชายหนุ่มคนนี้ให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมบางอย่างแก่เธอ และมันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้

ครั้งแรกที่พบเจอกัน เขาได้ผสมค็อกเทลที่น่าพึงใจเป็นพิเศษให้เธอดื่ม

และในการต่อสู้ที่ตามมา เขาสามารถแสดงให้เห็นถึงศักยภาพระดับเอส

นอกจากนี้เขายังเกี่ยวข้องกับความลับของรัฐบาลกลางและความจริงที่อยู่เบื้องหลังการซ้อมระดมพลทางทหารของรัฐบาลกลางอีกด้วย

สำหรับในเรื่องของธุรกิจและเรื่องส่วนตัว แอนนายินดีอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลืออีกฝ่าย

ทั้งสองกระซิบกระซาบบางอย่างกัน แต่ไม่รู้เลยว่าฉากนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของบอดี้การ์ด ที่กำลังมองทั้งสองด้วยความตกตะลึง

เมื่อวานนี้องค์หญิงแอนนาถึงกับเทไวน์ทั้งแก้วใส่ใบหน้าของลูกชายวุฒิสมาชิกเพียงเพราะเขาต้องการจะจุมพิตลงบนมือของเธอ

ทว่าวันนี้ องค์กลับอนุญาตให้ชายหนุ่มผู้นี้ถึงเนื้อถึงตัว ไม่เพียงจับมือเขาโดยตรงแต่ยังกระซิบกระซาบกันอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

องค์หญิงมิได้แสดงสีหน้าไม่พอใจใดๆ แต่กลับเผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นแทน

ผู้คนต่างพากันคาดเดาไปต่างๆ นานา ขณะที่องค์หญิงเดินไปยังกระจกหน้าต่างบานใหญ่และก้มลงมองสมองควอนตัมส่วนบุคคลของเธอ

ไม่นานนัก ก็พลันเกิดเสียงคำรามของเครื่องจักรจากจุดที่ไกลออกไป

ในช่วงเวลาสั้นๆ เสียงคำรามดังกล่าวก็ค่อยๆ กังวานขึ้นอย่างรวดเร็ว

ไม่กี่วินาทีต่อมา รถเหินเวหาที่เต็มไปด้วยลวดลายเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ก็หยุดอยู่กลางอากาศเบื้องหน้า พร้อมกับส่งเสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังกึกก้อง

รถเหินเวหาปรับองศาเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูให้องค์หญิง

“พร้อมที่จะซิ่งหรือยัง” องค์หญิงแอนนาเหลียวหลังกลับ

กู่ฉิงซานมองดูรถเหินเวหาและพยักหน้าเล็กน้อย

นี่คือรถเหินเวหาความเร็วสูง ‘สะเก็ดเพลิง’ เป็นรถเหินเวหาที่เร็วที่สุดในโลก ผลิตมาเพียงห้าคันเท่านั้น

ในฐานะที่มันเป็นถึงรถประจำตัวขององค์หญิงแห่งจักรวรรดิโอลันก้า เธอจึงต้องนำมันไปทุกที่ที่เธอไป

แอนนาทาบมือลงบนกระจกหน้าต่างขนาดใหญ่

กระจกหน้าต่างละลายลงอย่างรวดเร็ว มันไหลย้อยราวกับหยดน้ำ

“ไปกันเถอะ” แอนนาหมุนตัวกลับ

“ตกลง” กู่ฉิงซานก้มลงมองดูเวลา

ยังเหลือเวลาอีกสองนาที

เขากระโดดขึ้นไปบนรถเหินเวหาด้วยกันพร้อมกับแอนนา

“องค์หญิง! องค์หญิง! นั่นท่านกำลังจะไปไหน” ชายชราตื่นตระหนกและเอ่ยถามอย่างร้อนรน

กลุ่มบอดี้การ์ดต่างก็หันมาสบตากันด้วยสีหน้างงงวยเช่นกัน

พวกเขาไม่เคยพบเจอกับตัวตนสำคัญที่จำเป็นจะต้องป้องกันที่เอาแต่ใจเช่นนี้มาก่อนเลย ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจเกี่ยวกับมารยาททางการทูตแม้แต่น้อย

“ฉันกำลังจะไปไหน? โอ้ใช่ๆ ฉันกำลังจะไปฝึกยิงธนูกับโค้ชส่วนตัวของฉันไง ไว้จะกลับมาก่อนช่วงเวลาอาหารค่ำนะ”

“อ้อจริงสิ โปรดบอกท่านพ่อของฉันให้จ่ายค่ากระจกบานนี้ด้วยนะ ขอบคุณ”

กล่าวจบแอนนาก็ปิดประตู

ทันใดนั้นสะเก็ดเพลิงก็สตาร์ทเครื่อง ตามมาด้วยเสียงคำรามกึกก้องของเครื่องยนต์ พริบตาเดียวมันก็พุ่งไปยังอากาศที่ไกลออกไปกลายเป็นเพียงจุดสีดำเล็กๆ บนท้องฟ้า

ชายชราหันหลังกลับและตะโกนใส่ฝูงชน “พวกคุณมัวมองอะไรกันอยู่! รีบสะกดรอยตำแหน่งขององค์หญิงเร็วเข้า ในกรณีที่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ นั่นหมายถึงจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างสองประเทศนะ!”

บอดี้การ์ดทั้งหลายพลันได้สติราวกับตื่นจากห้วงฝัน และบริเวณโดยรอบก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย

บนรถเหินเวหา

กู่ฉิงซานก้มลงมองดูเวลาที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

ยังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งนาทีสามสิบวินาที

เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังแอนนาและเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับการขับเคลื่อนรถเหินเวหาเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรบนเมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวาย

บริเวณที่นั่งคนขับมีขวดไวน์เรียงรายอยู่หนึ่งแถว

ใต้ชั้นวางไวน์มีกล่องยาวที่บรรจุอาวุธเย็นเอาไว้เป็นจำนวนมากอยู่ภายใน

เคียว มีดปลายแหลม ค้อนดาวตก มีดสั้น ทวน ขวาน แส้ หอกสามง่าม ทุกอย่างดูดีมากไม่เหมือนกับมีไว้เพียงแค่เป็นของประดับเลย

มือของกู่ฉิงซานขยุกขยิกออกไปโดยไม่รู้ตัว

“คุณสะสมอาวุธเย็นพวกนี้เอาไว้อย่างนั้นเหรอ”

“ใช่ ก็แค่งานอดิเรกเล็กน้อย”

“แล้วทำไมถึงไม่มีดาบ”

“ดาบ? อาก็มันดูไม่ละเอียดอ่อนแถมยังเจ้าเล่ห์”

กู่ฉิงซานถึงกับพูดไม่ออก

ทำไมพวกผู้หญิงถึงได้อคติกับดาบจัง?

กู่ฉิงซานแอบเศร้าเล็กน้อย

เขาไม่เคยได้สัมผัสมันอีกเลยนับตั้งแต่ดาบสุดท้ายที่แทงเข้าไปในขั้วหัวใจของจอมมาร

แน่นอน ว่าในตลาดบางแห่งก็ยังพอมีอาวุธเย็นขายอยู่ แต่เกรดของมันมีไว้ตั้งโชว์เท่านั้น ใช้กวัดแกว่งแบบจริงจังได้เพียงสองครั้งคงพัง หากคุณต้องการใช้มันเฉือนศัตรู เกรงว่าจะเป็นศัตรูที่เฉือนมันเสียมากกว่า

เวลานี้กู่ฉิงซานใฝ่ฝันเหลือเกินว่าเขาต้องการดาบจริง...ดาบที่แท้จริง

หลังจากผ่านไปสี่สิบวินาที

สะเก็ดเพลิงก็หยุดลงบนหน้าผาในเขตชานเมืองของเมืองหลวง

กู่ฉิงซานกล่าวเสียงอ่อน “ครั้งนี้ต้องขอบคุณ คุณมากนะ”

“ขอบคุณมากอะไรนั่นฉันไม่อยากฟัง ฉันต้องการจะดื่มวังเทียนจูอีกครั้ง” ขณะกล่าว แอนนาอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากของเธอ

เธอไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าการกระทำเมื่อครู่ มีแรงดึงดูดต่อมวลสิ่งมีชีวิตมากมายขนาดไหน

กู่ฉิงซานยิ้มและส่ายหัว “ไม่มีปัญหา ถ้าฉันกลับมาคราวหน้า ไม่ต้องรอให้คุณเอ่ยถาม แต่ฉันจะเป็นคนขอให้คุณดื่มมันเอง”

“เอ๋? ที่พูดนี่หมายความว่าอย่างไร”

แอนนารู้สึกถึงลางร้ายบางอย่างในคำพูดของอีกฝ่าย สายตาของเธอย้ายจากหน้าจอไปตกลงบนร่างของกู่ฉิงซาน

“ถ้าหากฉันสามารถรอดกลับมาได้ ฉันจะบอกความลับนั้นแก่คุณ และจะชวนคุณไปดื่มด้วยกัน” กู่ฉิงซานกล่าว

อีกยี่สิบวินาที

กู่ฉิงซานเตรียมพร้อมแล้ว

เขาไม่รังเกียจที่จะให้แอนนาได้เห็นความลับของเขา

ตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรก กู่ฉิงซานก็ตัดสินใจแล้วว่าชะตากรรมอันน่าสังเวชของแอนนาในชีวิตก่อนหน้าของเขาจะต้องหายไป

นับถอยหลังอีกสิบวินาที

“ฉันไปก่อนนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

แอนนาตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จู่ๆ เธอก็เอื้อมสองมือพาดผ่านผมสีแดงเพลิงไปยังหลังศีรษะ ก่อนที่จะดึงสายสีดำเส้นบางๆ ออกมา

สายเส้นบางๆ ร้อยเรียงต่อกันเชื่อมต่อกับเครื่องประดับที่ดูเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครออกมาจากคอระหงของเธอ

เธอสวมจี้ลงบนคอของกู่ฉิงซานและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ห้ามตายเด็ดขาด”

กู่ฉิงซานเผยให้เห็นถึงความไม่คาดคิดในแววตาของเขา

เขาต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่แสงสว่างวาบดันปรากฏขึ้นมาเสียก่อน

กู่ฉิงซานหายวับไปต่อหน้าแอนนา

หลังจากนั้นไม่นาน

เงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากระยะไกล ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ตรงรถเหินเวหา

เงานั้นลุกขึ้นยืนและกลายเป็นผู้ชายผมยาวสวมแว่นสีดำ

“ฝ่าบาท นี่เป็นการมาเยี่ยมเยียนอย่างเป็นทางการ หากท่านจากไปอย่างกะทันหัน มันจะก่อให้เกิดความวุ่นวายตามมามากมาย”

วอนฟอร์ดแบมือออกและกล่าวอย่างช่วยไม่ได้

แอนนายังคงนั่งนิ่งอยู่ในที่นั่งคนขับ และไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

วอนฟอร์ดมองไปยังองค์หญิงในเวลานี้ด้วยสีหน้าแปลกๆ

เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามจะโน้มน้าวหรือแนะนำองค์หญิง ทั้งสองจะต้องมีปากเสียงกันตลอด

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ในวันนี้?

เมื่อมองดูองค์หญิงเผยแววตาอ้างว้าง เขาก็รู้สึกราวกับสมองของตัวเองถูกทุบตี

วอนฟอร์ดครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงช้าๆ “ฝ่าบาท เรื่องหลบหนีออกมาน่ะมันเป็นเพียงเล็กๆน้อยๆ ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจหรอก...ท่านเป็นอะไรไหม?”

แอนนาก้มหัวลงและไม่เอ่ยอะไรออกมาเลย

จนกระทั่งวอนฟอร์ดทนต่อไปไม่ไหว เตรียมที่จะเรียกทีมแพทย์เข้ามา องค์หญิงก็เอ่ยปากของเธอ

“ฟอร์ด”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“คุณเคยสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไปหรือเปล่า?”

“เคยพ่ะย่ะค่ะ แต่นั่นมันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว”

“วันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ฉันรู้สึกกลัวจริงๆ ว่าฉันจะไม่ได้เจอใครบางคนอีกแล้ว”

เกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิง? เหตุใดจึงเอ่ยคำพูดแปลกๆ เช่นนี้ออกมา?

วอนฟอร์ดเริ่มจะเกิดความกังวลขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะสังเกตองค์หญิงอย่างรอบคอบเพื่อต้องการหาเบาะแสบางอย่าง

ทันใดนั้นเอง

“ฝ่าบาท สัญญาชีวิต...ตัวตายตัวแทนของท่านล่ะ!” วอนฟอร์ดร้องเสียงหลง

แอนนากลับไม่เอ่ยตอบ

วอนฟอร์ดรู้สึกเพียงเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นมาตามกระดูกสันหลังของเขา

เข้าล้มลงกับพื้นและกล่าวด้วยความเจ็บปวด “มันจบแล้ว”

องค์หญิงแอนนามองไปยังจุดที่ห่างไกลออกไปและกล่าวราวเสียงกระซิบ “ไม่หรอก มันต้องไม่เป็นอะไร”

ประโยคเมื่อครู่ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอ่ยให้ตัวเธอเองหรือว่ากู่ฉิงซานกันแน่

ประกายแสงห่อหุ้มอยู่รอบกายของกู่ฉิงซาน นำพาเขามุ่งผ่านกระแสความว่างเปล่าอันเชี่ยวกรากอย่างต่อเนื่อง

กู่ฉิงซานลูบจี้ที่ห้อยคอของเขา รสอารมณ์อันหลากหลายหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจ

บนจี้มีรูปแกะสลักที่มีชายชราคนหนึ่งกำลังถือเคียวด้ามยาววางพาดลงบนคอของเขา ขณะที่กำลังนั่งอยู่บนหิน

นี่คือสัญญาแห่งชีวิตเป็นตราสัญลักษณ์ของยมทูต

บุคคลที่สวมใส่เจ้าสิ่งนี้ ยามเมื่อความตายได้มาถึง เขาจะสามารถยืดอายุขัยของเขาที่กำลังจะตายออกไปได้

มันเป็นพลังปริศนาที่ฝืนลิขิตสวรรค์ แต่แน่นอนว่าพลังนี้ย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทน

ยมทูตจะรับเอาอายุขัยครึ่งหนึ่งของผู้ที่ครอบครองมันเป็นสิ่งตอบแทน นั่นก็คือแอนนา

ยมทูตไม่เคยทำธุรกิจใดที่จะทำให้ตนเองขาดทุน

กู่ฉิงซานกำจี้ในมือแน่น

วัตถุอันแปลกประหลาดนี้อยู่มาตั้งแต่เมื่อหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมา กล่าวได้ว่าเป็นวัตถุในตำนาน

ไม่น่าเชื่อว่ามันจะตกอยู่ในมือของแอนนา

และไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าที่แอนนาเลือกที่จะถอดมันออกและสวมลงบนคอของเขาด้วยตัวเอง

ผู้หญิงคนนี้ จงใจสร้างปัญหาให้เขาจริงๆ แบบนี้มันก็เหมือนกับบังคับว่าไม่ให้เขาตายน่ะสิ

หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเธอก็จะตาย

กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่สายตาของเขาจะกลับมามั่นคง

ในชีวิตก่อนหน้านี้เขาเป็นหนี้ชีวิตแอนนา ถึงแม้ว่าในที่สุดจะตัวเขาจะก้าวขึ้นสู่นักดาบนิรันดร์แล้วก็ตาม แต่ทว่าอีก กลิ่นหอมได้จางหาย แผ่นหยกได้แตกสลายลง อีกฝ่ายได้ชิงตายไปเสียก่อน ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ตอบแทนเธอ

และในโลกใบนี้มันจะไม่เป็นเช่นนั้น!

เบื้องหน้าของกู่ฉิงซานปรากฏปลายอุโมงค์ที่เปล่งประกายแสงเจิดจ้าขึ้นอย่างช้าๆ

และเขาก็ถูกส่งหายเข้าไป

………………..………………..