ตอนที่ 46 พบเจอกันอีกครั้ง
นี่เป็นถึงลูกคนรองของตระกูลหวง หนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลหยั่งรากลึกอยู่ในเมืองหลวง ไม่ว่าใครก็ตามหากคิดจะกระทำการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหวง พวกเขาจะต้องเผื่อความเกรงใจเอาไว้สามส่วน
วัยรุ่นในกลุ่มเริ่มที่จะคลั่ง บางคนหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาและเริ่มโทรตามสมาชิกตระกูล ขณะที่บางคนชี้หน้ากู่ฉิงซานแล้วก่นด่า “เจ้าคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แกกล้าตบฮุ่ยเฉา แกน่ะจบสิ้นแล้วไม่มีใครช่วยแกได้แน่นอน!”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช้าๆ สบายๆ “นายน้อยรองของตระกูลหวงบังเอิญเกิดความขัดแย้งกับคนในหอธนู ทั้งสองฝ่ายก็แค่เกิดการปะทะกันเล็กๆ น้อยๆ นี่นับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่”
ประโยคนี้แม้จะไม่เหมือนเป๊ะๆ แต่มันก็เป็นคำที่ฮุ่ยเฉากล่าวเมื่อไม่ถึงสิบนาทีก่อน และเวลานี้กู่ฉิงซานก็เอ่ยคืนมันกลับไป
ตำรวจหลายคนมองไปยังธนูในมือของกู่ฉิงซาน ก่อนจะสลับหันไปมองเฉาฝ่านหลายคนที่ถูกแขวนอยู่บนผนัง มองดูก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่ควรหุนหันพลันแล่น ตำรวจจึงค่อยๆ ล่าถอยออกไปและหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาติดต่อขอกำลังเสริมอย่างเงียบๆ
“ไป! ไปตามใครมาก็ได้เร็วเข้า! จะใช้เงินมากแค่ไหนก็ได้ แต่ฉันต้องการให้มันตาย!” ฮุ่ยเฉาที่นอนกองอยู่บนพื้นตะโกน
“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องรออีกหน่อย” กู่ฉิงซานดูจะไม่แยแสสถานการณ์โดยรอบเลยแม้แต่น้อย เขาเดินกลับไปยังช่องยิงธนูและเริ่มทำการฝึกฝนต่อไป
เจ้าพวกนี้ ถ้าไม่ถูกทุบตีจนกลัวหัวหดพวกมันคงไม่คิดจะยอมแพ้ ถ้ากู่ฉิงซานไม่ทำให้ทุกอย่างจบลงในวันนี้ หากสบโอกาสพวกมันย่อมลอบกัดเป็นครั้งที่สองแน่
สำหรับเรื่องนี้ ทั้งวันพวกมันคงไม่หยุดหากยังไม่รู้ซึ้งถึงความหวาดกลัว
ในตอนนั้นเอง ประตูหน้าทางเข้าหอธนูก็เปิดออก
พร้อมกับเสียงของหญิงสาวดังลอยตามมา
“เอ๋? หอธนูทำไมถึงมีคนมากมายยืนบื้อใบ้อยู่กันล่ะเนี่ย ไม่คิดจะไปฝึกยิงธนูกันหรือ?”
เจ้าของคำกล่าวเป็นหญิงสาวหน้าตางดงาม ผู้ครอบครองผมสีแดงเพลิงเดินเข้ามาในหอธนู
เบื้องหลังหญิงสาว ถูกตามประกบด้วยบอดี้การ์ดสองคนในชุดสูท พร้อมกับป้ายบนหน้าอกที่มีตราสัญลักษณ์ของรัฐบาลกลางติดอยู่
ชายชราที่ยืนอยู่เคียงข้างกับหญิงสาวเอ่ยอย่างอ่อนโยน “พวกเขาคงไม่คิดว่าท่านจะปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันน่ะสิ เมื่อพบเจอกับรูปโฉมอันงดงามทั้งหมดก็เลยตะลึงนิ่งค้างไป”
ชายชรายิ้มและมองไปยังฝูงชน แต่เมื่อเขาเห็นนายน้อยรองของตระกูลหวงที่นอนกองอยู่บนพื้น ใบหน้าอาบไปด้วยเลือด และพยายามที่จะลุกขึ้นอยู่นาน ชายชราก็เผยอปากด้วยความตกตะลึง ขนหลังลุกชี้ชัน
บอดี้การ์ดหลายคนรีบวิ่งตรงไปช่วยพยุงฮุ่ยเฉา
หนึ่งในนั้นยื่นมือของไปวางลงบนใบหน้าของฮุ่ยเฉา
และเลือดก็พลันหยุดไหลในทันที ใบหน้าปูดบวมของเขายุบลง และกลับมาเป็นดังเดิมเหมือนเช่นในยามปกติ
หลังจากฮุ่ยเฉาฟื้นตัว สายตาของเขาก็จับจ้องไปยังหญิงงามเบื้องหน้า ทันใดนั้นความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดก็ถูกโยนทิ้งไว้เบื้องหลัง
เขากล่าวเสียงแผ่ว “ตาแก่คัง ผู้หญิงคนนี้คือ...?”
ชายชรายิ้มให้เขา ก่อนจะเหลือบมองไปยังฝูงชนโดยรอบ แล้วมาหยุดสายตาลงตรงสาวผมแดง “องค์หญิงแห่งข้า ขออนุญาตแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่ ตระกูลหว...”
“ว้าว! ลูกศรพวกนั้นเป็นฝีมือใครกันน่ะ!!”
แอนนาละเลยอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ เธออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและมองไปยังผนังตรงสุดมุมห้องด้วยความกระตือรือร้น
มีคนห้าคนถูกแขวนอยู่บนผนัง ขณะที่บางคนก็ร้องครวญครางออกมาเป็นครั้งคราว
ตอนแรกชายชรามัวแต่สนใจฮุ่ยเฉา เมื่อเขาหันไปเห็นคนหลายคนถูกลูกศรแขวนอยู่บนผนัง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นที่นี่? ท่านทูตจากต่างประเทศอุตส่าห์ให้ความสำคัญกับเมืองหลวงจนถ่อมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง แต่กลับต้องพบกับฉากต่อสู้กันในที่สาธารณะ
แถมยังมีตำรวจอยู่ข้างในอีก?
เป็นถึงตำรวจประจำเมืองหลวงแต่กลับไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้!
นี่มันข้อผิดพลาด! เป็นข้อผิดพลาดทางการทูตครั้งใหญ่!
ความโกรธในจิตใจของชายชรากำลังจะปะทุ เขาอ้าปากเตรียมที่จะเอ่ยออกไป ทว่าในตอนนั้นเอง
“เป็นเทคนิคที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันอยากจะทำได้แบบนี้บ้างจัง ใครเป็นคนยิงอย่างนั้นเหรอ?” แอนนาหันกลับมาและเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น
คำกล่าวของชายชราพลันจุกแน่นอยู่ในลำคอ มิกล้าเปล่งออกมา
ผู้คนโดยรอบที่อยู่ในฉากนี้ เมื่อเจอตรรกะดังกล่าว พลันรู้สึกราวกับตนกำลังพิการทางสมอง
เพียงแค่มองด้วยตาตัวเองก็พอจะบอกได้ ว่าการต่อสู้ ณ จุดนี้เกือบจะถึงระดับความเป็นความตาย
ทว่าองค์หญิงกลับเอ่ยออกมาว่ามันน่าสนใจ และอยากลองยิงธนูแขวนคนบนผนังบ้าง?
เคยมีข่าวลือในพระราชวัง ใจความว่า องค์หญิงมักจะมีความชอบความส่วนตัวแปลกๆ และทำอะไรตามใจตนเอง จนคนมากมายไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับเรื่องดังกล่าว และเวลานี้ทุกคนในห้องก็ได้พบเจอกับมันด้วยตาตัวเองแล้ว
เจ้าเด็กนักธนูนั่น บอกตรงๆ ว่าไม่รู้เจ้าตัวกำลังโชคดีหรือโชคร้ายอยู่กันแน่
ตบฮุ่ยเฉาอย่างน้อยในเวลานี้เขาก็ยังปลอดภัยดี แต่ถ้าหากเจ้าเด็กนั่นเผลอไปล่วงเกินองค์หญิงแห่งจักรวรรดิโอลันก้า แอนนา เมดิซี แล้วละก็...
สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองไปกู่ฉิงซาน
เมื่อเห็นการเล่นละครเสแสร้งของแอนนา มุมปากของกู่ฉิงซานก็กระตุกเล็กน้อย
แน่นอน เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่
จริงอยู่ที่เขาไม่กลัวเธอ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจเธอเช่นกัน
แอนนาก้าวฉับๆ ตรงไปยังช่องยิงธนู ก่อนจะหยุดอยู่เบื้องหน้ากู่ฉิงซานและเอ่ยปากชื่นชม
“คุณใช่คนที่ยิงคนไปแขวนบนผนังหรือเปล่า?”
พอคำกล่าวนี้หลุดออกไป ผู้คนที่มุงดูต่างพากันยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
“เป็นฉันเอง”
กู่ฉิงซานกัดฟันและเอ่ยตอบ
ท่าทีของแอนนาดูจะเปลี่ยนไป เธอโค้งคำนับลงน้อยๆ และกล่าวอย่างจริงจัง “ฉันห่างหายจากกีฬาของชนชั้นสูงมานาน และดูเหมือนว่าคุณจะมีฝีมือในการยิงธนูอันยอดเยี่ยม กรุณาช่วยสอนยิงธนูให้ฉันได้หรือไม่ ถือซะว่าเป็นการทำเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ”
นี่เป็นวิธีการพูดของพวกชนชั้นสูง หรือจะเรียกว่าเป็นการบังคับทางอ้อมก็ได้
กู่ฉิงซานหันหลังกลับและต้องการจะหนีไป ทว่าเขาก็ถูกหยุดเอาไว้เสียก่อน
เป็นแอนนา ที่ยื่นมือมาจับมือของเขาอย่างไม่ทันระวังตัว
กู่ฉิงซานไม่ต้องการให้เรื่องราวมันเลยเถิดมากเกินไป เขาเพียงแค่ต้องการที่จะใช้ชีวิตมหาลัยอย่างเงียบๆ จนกว่าจะถึงวันสิ้นโลกเท่านั้น
ทว่าอัญมณีแห่งจักรวรรดิกลับมายืนอยู่เบื้องหน้าเขา ยืนอยู่ต่อหน้าผู้ชมในหอธนูที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียง แถมยังมีบอดี้การ์ดของรัฐบาลกลางและเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่ถึงแม้จะมองไม่เห็นว่าอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาต้องกำลังเฝ้ามองเหตุการณ์นี้อยู่อย่างแน่นอนอีก
หากต้องเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับแอนนาหรือท่านประธานาธิบดี กู่ฉิงซานจะรู้สึกเฉยเมยมากๆ แต่หากต้องเผชิญหน้ากับสองคนที่กล่าวมาเมื่อครู่ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน มันก็จะต่างออกไป
อย่าลืมนะว่า แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครกล้าเรียก แอนนา ด้วยชื่อห้วนๆ เลยสักครั้ง
กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปทางช่องยิงธนู “คำร้องขอของท่าน นับว่าเป็นเกียรติยิ่งสำหรับกระหม่อม”
“ยอดเยี่ยม!” แอนนาขยิบตาอย่างซุกซน และโบกมือเล็กของเธอขึ้นไปในอากาศ “เคลียร์พื้นที่!”
บอดดี้การ์ดของรัฐบาลกลางที่ยืนนิ่งมาโดยตลอดพลันกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว และเชิญฝูงชนออกไปจากหอธนูอย่างสุภาพ
หากคุณสังเกตอย่างใกล้ชิด คุณจะพบว่าบอดี้การ์ดเหล่านี้ดูเหมือนจะเตรียมการในเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี นี่มันทำให้กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวัง
ไม่ว่าจะไปที่ใด องค์หญิงแห่งจักรวรรดิต้องเคลียร์ทุกพื้นที่ทุกครั้ง แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำ ทุกคนก็ต้องออกมาให้หมด และห้ามทักท้วงใดๆ
แต่แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าบ่นอยู่แล้ว
เนื่องเพราะตัวตนที่อยู่เบื้องหลังเธอ ราชาแห่งจักรวรรดิโอลันก้า เป็นตัวตนที่ไม่อาจล่วงเกินไป
นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออีกด้วยว่า องค์หญิงเป็นหนึ่งในเฉาฟ่านที่น่าหวาดกลัวที่สุด
นั่นก็เพราะธาตุไฟจากธาตุทั้งห้าของเธอ ได้ทะลวงสู่ขั้นที่สี่ ‘แยกหยาง’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ธาตุไฟจะเริ่มจากขอบเขตแรก “ผลาญ” หลังจากฝึกฝนมันจนถึงขั้นสูงก็จะได้รับการเลื่อนระดับเป็น ‘เพลิงคำรณ’
และ ‘ลาวา’ ในขอบเขตที่สาม ทุกๆ การพัฒนาในแต่ละขอบเขตจะสร้างเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
หากก้าวขึ้นมาถึงขอบเขตที่สี่ ‘แยกหยาง’ ก็นับได้ว่าเหนือล้ำไปกว่ายอดฝีมือเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ทั่วโลกไปแล้ว
จึงกล่าวได้ว่าต่อให้เธอไม่ได้มีสถานะเป็นองค์หญิง แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของแอนนาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะเพลิดเพลินไปกับเกียรติยศและชื่อเสียงระดับสูงสุด
ผู้หญิงที่มีสถานะโดดเด่นทางโลก แถมยังมีความแข็งแกร่งที่แสนจะทรงพลัง หากใครก็ตามได้รับการยอมรับจากเธอ ผลประโยชน์ที่จะตามมาก็คงมหาศาลอย่างแท้จริง
ฮุ่ยเฉาไม่ยอมเสียเวลาใดๆ เขาเดินไปยังทั้งสองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากได้รับใช้องค์หญิง กระหม่อมจะรู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง”
แอนนาชี้ไปที่ผนัง ในจุดที่บอดี้การ์ดหลายคนกำลังช่วยกันดึงเหล่าผู้เคราะห์ร้ายลงมา
เธอเอ่ย “คุณสามารถทำแบบนั้นได้ไหม?”
“ไม่ แต่กระหม่อมเป็นนายน้อยรองแห่งตระกูลหวง กระหม่อมรู้จักพื้นที่ในเมืองหลวงเป็นอย่างดีรับประกันว่า...”
ดวงตาอันงดงามของแอนนาเหลือบมองอีกฝ่ายและกล่าวขัดอย่างไร้เดียงสา “ทำไม่ได้หรอกหรือ แล้วคุณมายืนบื้ออะไรอยู่ตรงนี้”
ฮุ่ยเฉาชะงัก
“ฉันไม่อยากมามัวเสียเวลากับหุ่นไล่กา” แอนนากล่าว “ใครก็ได้ มาจัดการที!”
คำกล่าวนี้เป็นเหมือนกับค้อนหนัก ที่ทุบทำลายศักดิ์ศรีของฮุ่ยเฉา
ฮุ่ยเฉาถูกควงแขนซ้ายขวา ก่อนจะยกเขาขึ้นทั้งๆ อย่างนั้นและโดนอุ้มออกไป
ทว่าก่อนจะจากไป สายตาของฮุ่ยเฉาจ้องมองกู่ฉิงซานด้วยความอาฆาต
แต่กู่ฉิงซานก็ทำเป็นไม่สนใจ
ความเกลียดชังของชายผู้นี้ ไว้เดี๋ยวเขาค่อยไปจัดการทีหลังด้วยมือตัวเองก็ได้
กู่ฉิงซานเดินไปหาแอนนาและลดเสียงของเขาลง “คุณกำลังจะทำอะไร? อย่าบอกฉันนะว่านี่ไม่มีอะไรแอบแฝง”
แอนนารับรู้ได้ถึงความหดหู่ใจของอีกฝ่ายจึงกล่าวด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “ฉันก็แค่อยากจะดื่มวังเทียนจูอีก”
เพียงไม่กี่คำ มันก็ทำไมอารมณ์ไม่ดีทั้งหมดของกู่ฉิงซานกระจายหายไป
“คุณ...อ่า เอาเถอะอย่างน้อยก็ครั้งต่อไปก็ช่วยบอกฉันก่อนนะ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้แบบในตอนนี้เลย” กู่ฉิงซานส่ายหัว
เมื่อสิ่งต่างๆ ถูกเปิดเผยแล้ว ความคับข้องใจบนใบหน้าของแอนนาก็หายไป และถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มแย้มสดใสราวดอกไม้ที่เบ่งบาน ก่อนที่เธอจะเอื้อมไปหยิบธนูโค้งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา
เธอเอ่ย “สอนฉันยิงธนูก่อนเป็นอย่างแรก ส่วนเรื่องอื่นไว้คุยกันในภายหลัง”
กู่ฉิงซานกำลังจะเอ่ยตอบ แต่ทันใดนั้นเอง เส้นแสงสว่างวาบก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า พร้อมกับตัวอักษรสีปรากฏตามออกมา
“การไหลของห้วงเวลายังคงปั่นป่วน และนั่นหมายถึงช่วงเวลาที่กำหนดได้มาถึงแล้ว”
“ผู้เล่นจะต้องเข้าสู่ต่างโลกภายในห้านาที มิฉะนั้น มิติและห้วงเวลาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร”
“คำเตือน : หากผู้เล่นไม่ยอมเข้าสู่ระบบ เขาจะสูญเสียความสามารถในการเข้าสู่ต่างโลกไปโดยสิ้นเชิง”
กู่ฉิงซานตกตะลึงราวกับถูกสายฟ้าฟาด ทั้งร่างของเขานิ่งค้างราวกับกลายเป็นตัวโง่งม
สิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
นี่มิใช่ครั้งแรกที่เขาได้เข้าไปในมิติและห้วงเวลาอันเชี่ยวกราก แต่หากสถานการณ์แบบนี้ในโลกจริงกลับเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
หรือว่ามันจะเป็นเพราะฉันได้เข้าไปในมิติแปลกๆอย่างนั้นหรือ
ท่ามกลางมิติและห้วงเวลาอันเชี่ยวกรากมีฉากแปลกๆ มากมาย บางสิ่งในนั้นอาจจะส่งผลต่อผู้เล่นในเกมได้ แต่การที่สามารถรบกวนกระแสห้วงเวลาในโลกจริงได้อย่างสมบูรณ์ กู่ฉิงซานไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
เป็นไปได้ไหมว่าพื้นที่แปลกๆ นั่นก็เป็นหนึ่งในฉากพิเศษที่ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์?
หรือจะเป็นร่างหนึ่งถูกตอกยึดไว้กับเสายักษ์สีบรอนซ์ที่ฉันละเลยไปในตอนนั้น!
ทว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะเก็บมาคิดอีกครั้ง กู่ฉิงซานดึงแอนนาไปที่มุมหนึ่งก่อนจะกระซิบกล่าวว่า “ฉันต้องการให้คุณช่วย”
แอนนามองดูเขาด้วยความสงสัย “พูดมาฉันฟังอยู่”
“คือ...ฉัน...”
กู่ฉิงซานไม่รู้จะอธิบายออกไปอย่างไรดี
นี่นับว่าเป็นสถานการณ์เร่งด่วน เหลือเวลาอีกเพียงแค่ห้านาทีแต่เขาจะต้องออกจากสายตาของทุกผู้คนโดยเร็วที่สุด ทว่าภายในคลับกลับถูกล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดเพื่อปกป้องความปลอดภัยขององค์หญิงแอนนา
เขาต้องการที่จะออกไปจากที่นี่เพียงลำพัง และหากไม่ได้รับอนุญาตจากแอนนา แน่นอนว่าบอดี้การ์ดจะต้องหยุดเขา
แต่แน่นอนว่าเมื่อเวลาหมดลง กู่ฉิงซานจะเลือกข้ามไปยังต่างโลกอย่างไม่ลังเล
แม้ว่าบอดี้การ์ดและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่คอยเฝ้าดูจะเห็นเขาและอาจเกิดความวุ่นวายตามมาในภายหลังก็ตาม
จริงอยู่ที่กู่ฉิงซานไม่ได้หวาดกลัวเรื่องพวกนี้ แต่มันจะลำบากมากหลังจากนั้น แผนที่วางไว้ทั้งหมดของเขาก็จะได้รับผลกระทบ
แอนนาเห็นว่าเขายังไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาก็ลอบมองอีกฝ่าย
ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งประกายสีอำพัน ขนตายาวเรียว และทุกครั้งที่ชายหนุ่มยิงธนู มันก็จะกระพือเบาๆ อย่างอ่อนโยน ขณะที่อำพันคู่นั้นจะหรี่ลงเล็กน้อยดูแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น
ในเวลาที่เขาผสมค็อกเทลก็เหมือนกัน ดวงตาของเขามันราวกับเต็มไปด้วยม่านหมอก ราวกับกำลังจ้องมองไปยังโลกอื่น
ทั้งๆ ที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงลำลองสีดำ และรองเท้าผ้าใบแท้ๆ
ทว่าในชุดที่แสนจะธรรมดาชุดนั้น กลับเดินออกไปจากบาร์ด้วยความกล้าหาญ และเพียงลมหายใจเดียวกลับสามารถเข่นฆ่านักสู้ไปได้ถึงหลายคน นี่ยังไม่รวมเกราะรบขับเคลื่อนอีก
บางคนยังต้องพึ่งพาเสื้อผ้าเพื่อยกระดับตนให้เสมอเหมือนมังกร ทว่าชายคนนี้กลับไม่จำเป็นเลย
เขาราวกับสามารถขึ้นเป็นกษัตริย์ได้ด้วยตนเอง
ไร้ซึ่งความเมตตาในยามล่าสังหาร แต่เมื่อยามที่ออกอากาศในทีวีกลับยืนตรงดูว่าง่าย แถมตอนนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
วอนฟอร์ดกล่าวว่าชายคนนี้ค่อนข้างจะคาดเดาได้ยาก แต่ฉันรู้หรอกน่า อันที่จริงเขาเพียงแค่อาย และรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเวลาออกหน้ากล้องต่างหาก
และในช่วงเวลานี้ ที่เขายืนอยู่เบื้องหน้าเธอแถมยังเหมือนมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ยากจะเอ่ย มันทำให้เธอต้องจ้องมองอย่างสนใจ
แอนนาดูจะอารมณ์ดีมาก มุมปากของเธอยกสูงขึ้นเล็กน้อย
เธอไขว้สองมือไว้เบื้องหลัง โน้มตัวลงไปใกล้เขาแล้วเอ่ยเสียงกระซิบ “มีเรื่องอะไรหรือ ถึงพูดออกมาได้ยากลำบากขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าคุณกำลังจะสารภาพรักฉัน...ใช่ไหม?”
………………..………………..