webnovel

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างของเจ้าชายโรแลนด์พร้อมภารกิจแย่งชิงราชบัลลังก์ในยุคกลาง เจ้าชายต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายเพื่อพาเมืองเล็กๆ แถบชายแดนไปสู่ความเจริญมั่งคั่ง ทว่าในโลกที่ยังต้องการการพัฒนาทั้งทางวัตถุและความคิดของผู้คน เขาจะสร้างความยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้อย่างไร แน่นอนว่าหนึ่งในกำลังสำคัญของเขาก็คือแม่มด ผู้ซึ่งถูกล่าอย่างเอาเป็นเอาตายภายใต้ศาสนจักร พวกเธอเป็นสิ่งชั่วร้ายจริงๆ หรือเป็นเพียงเหยื่อของศาสนา เป็นสิ่งที่ควรล่า หรือควรพิทักษ์ และหากเขาจะเริ่มต้นก้าวแรกนับแต่บัดนี้ เขาจะต้องพบเจออะไรบ้าง

เอ้อร์มู่ · ファンタジー
レビュー数が足りません
1126 Chs

ฤดูหนาว

บทที่ 39 ฤดูหนาว

โรแลนด์ยืนอยู่บนกำแพงเมือง มองไปทางทิศเหนือ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ เขาวนเวียนอยู่ระหว่างปราสาท เหมือง และกำแพงเมืองเพียงสามแห่งเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อตรวจดูรายละเอียดต่างๆ ที่อาจหลงลืมไปได้

ท่าแทงทวนของกองพลเรือนดูคล่องแคล่วขึ้นทุกวัน หลังจากถูกคาร์เตอร์ฝึกซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง พวกเขาก็จับอาวุธได้มั่นคง และพร้อมจะแทงอาวุธออกไปเมื่อได้ยินคำสั่งจากนายพรานผู้สังเกตการณ์

กองที่ยืนถัดจากพวกเขาไปก็คือกองนายพราน นายพรานที่ชำนาญการใช้ธนูและหน้าไม้ในเมืองชายแดนทุกคนล้วนถูกหลอกมาเข้ากองนี้ กลุ่มนักล่ามากประสบการณ์กลุ่มนี้คือกำลังหลักในการสังหารสัตว์อสูร ด้วยระยะยิงสิบสองฟุตจากเหนือกำแพงไปยังพื้นดินนี้ พวกเขาแทบไม่มีโอกาสยิงพลาดเลย

สุดท้ายก็คือกองเสริมซึ่งประกอบไปด้วยขวานเหล็ก คาร์เตอร์ และนายพรานฝีมือดีอีกสองคน พวกเขาได้รับแจกปืนคาบศิลาซึ่งผลิตขึ้นโดยการให้ช่างเหล็กผลิตชิ้นส่วนต่างๆ และอันนาเชื่อมประกอบ มีเพียงสัตว์อสูรพันธุ์ผสมหรือสัตว์ประหลาดตัวฉกาจที่ลูกธนูไม่ระคายผิวเท่านั้นจึงจะให้กองเสริมจัดการ ตำแหน่งของพวกเขาอิสระมาก สามารถเดินไปเดินมาได้ในระยะสองร้อยเมตรนี้ จุดไหนต้องการความช่วยเหลือก็ไปที่จุดนั้น

ส่วนห่อดินระเบิดนั้นถูกเก็บไว้ในโกดังใต้กำแพงเมืองซึ่งมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เมื่อจะใช้จึงค่อยนำออกมาทีละห่อ...เพราะอย่างไรเสียหากของชนิดนี้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา คงสร้างความเสียหายให้ตัวเองได้มากกว่าสัตว์อสูร สัตว์อสูรอาจจะกัดหินและซีเมนต์ไม่เข้า แต่ดินระเบิดสามารถส่งกำแพงเมืองทั้งแถวขึ้นสวรรค์ได้

จนถึงตอนนี้ โรแลนด์ซ้อมรบจริงไปแล้วสองครั้ง รวมทั้งใช้ห่อดินระเบิดขณะซ้อมด้วย การซ้อมรบจะช่วยให้ชาวเมืองไม่ตกใจเสียงดินระเบิดแล้วโยนอาวุธทิ้งขณะรบจริง และข้อดีอีกอย่างก็คือ เมื่อทุกคนรู้ว่าเจ้าชายมีอาวุธร้ายแรงขนาดนี้ ขวัญและกำลังใจของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

“ฝ่าบาท” บารอฟขยับคอเสื้อ “รายได้จากการขายแร่ถูกใช้ไปแล้วกว่าครึ่ง หากเดือนแห่งปีศาจยาวนานอย่างที่โหรทำนายไว้จริง กระหม่อมเกรงว่าพวกเราจะอยู่ได้ไม่พ้นฤดูหนาวพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็เอาเงินในคลังส่วนตัวข้าโปะเข้าไป” โรแลนด์พูดอย่างไม่ลังเล “แล้วก็อย่าเพิ่งหยุดการค้าขายกับเมืองวิลโลว์ ข้าส่งเครื่องจักรไอน้ำตัวแรกไปที่เหมืองแล้ว งานเก็บกวาดเศษหินที่ถล่มส่วนใหญ่ก็เรียบร้อยแล้ว ฤดูหนาวนี้พวกเราน่าจะยังได้ผลผลิตอีกเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลอยดิบ ตอนนี้ยังไม่ต้องเน้นเรื่องราคามาก แค่ขายออกให้ไวที่สุดก็พอ ตุนเสบียงและเนื้อแห้งไว้เยอะๆ ดีกว่า”

บารอฟพยักหน้า “กระหม่อมจะรีบทำตามรับสั่งพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท แต่ว่า...”

เมื่อเห็นผู้ช่วยเจ้ากรมทำท่าจะพูดทว่าก็ยั้งปากไว้ โรแลนด์ย่อมรู้ว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร “วางใจเถอะ ข้าเตรียมเรือไว้แล้ว หากสถานการณ์ย่ำแย่จนเกินเยียวยาจริงๆ ข้าก็จะไปจากที่นี่แน่นอน”

“เช่นนั้นกระหม่อมก็วางใจ” บารอฟถอนใจโล่งอก

โรแลนด์ยิ้มให้เขา “เจ้าไปทำงานตัวเองเถอะ เดี๋ยวข้าจะเดินดูอีกสักหน่อย”

เมื่อบารอฟจากไปแล้ว โรแลนด์จึงเดินขึ้นหอสังเกตการณ์ช้าๆ ที่นี่เป็นจุดสูงสุดของกำแพงเมือง จากที่นี่สามารถมองเห็นผืนป่าอันกว้างไกลและภูเขาน้อยใหญ่ที่เรียงรายกันได้ ลมฤดูหนาวแผดเสียงปะทะใบหน้ามา ทว่าเขาไม่สนใจ เขาจะต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุดอันโล่งกว้างแห่งนี้เท่านั้น อารมณ์ที่ตื่นเต้นจากการเผชิญหน้ากับสงครามใหญ่ของเขาจึงจะสงบลงมาได้

“ฝ่าบาททรงหลอกเขา” ใครบางคนพูดอยู่ข้างๆ “ฝ่าบาทไม่ได้จะเสด็จไปจริงๆ”

“ชีวิตคนก็ลำบากเช่นนี้ล่ะ เรื่องบางเรื่องก็ต้องทนเก็บไว้ในใจ”

“หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าฝ่าบาทตรัสเหลวไหลอะไร หากฐานะของเจ้าชายเรียกว่าลำบาก เช่นนั้นพวกหม่อมฉันไม่ยิ่งแย่กว่าหรือเพคะ” ไนติงเกลปรากฏร่าง “ต่อให้ไม่ได้เป็นพระราชา แต่ถ้าครบกำหนดเวลาชิงตำแหน่งรัชทายาทห้าปีแล้วยังมีชีวิตรอด ฝ่าบาทก็ทรงได้เป็นผู้ปกครองที่ไหนสักแห่งอยู่ดี แทนที่จะมัวกังวลเรื่องนี้ หม่อมฉันว่าฝ่าบาททรงใช้เวลากับอันนาหน่อยดีกว่าเพคะ หม่อมฉันกลัวว่า...นางจะไม่เหลือเวลาแล้ว”

โรแลนด์เงียบไปสักครู่ “ข้าไม่คิดว่านางจะอยู่ไม่พ้นเดือนแห่งปีศาจ”

“เพราะเหตุใดเพคะ”

“เพราะนางบอกว่านางจะไม่พ่ายแพ้ต่อกับปีศาจที่กัดกินร่างนาง” เขาหยุดไปเล็กน้อย “ข้าเชื่อนาง”

“ทรงเชื่อแม่มดด้วยหรือเพคะ” ไนติงเกลส่ายหน้า “พวกหม่อมฉันเป็นผู้ที่ถูกปีศาจสาปแช่งเชียวนะ”

“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็เชื่อเจ้าด้วย”

“...”

********************

ไบรอันสวมชุดลำลอง ยืนอยู่หน้าป้ายสุสานของเกรย์ฮาวด์

เขาลูบป้ายหินใหม่เอี่ยมเบาๆ บนป้ายขาวสะอาดมีตัวอักษรสลักอยู่หนึ่งบรรทัด ‘ไร้นามทว่าสถิตย์อยู่ในใจตราบนิรันดร์ วีรบุรุษผู้สละชีพเพื่อเมืองชายแดน’

“เกรย์ฮาวด์”

“ความฝันข้าเป็นจริงแล้ว พอผ่านเดือนแห่งปีศาจไปแล้ว เจ้าชายจะจัดพิธีแต่งตั้งให้ข้า”

“แต่ข้าไม่อยากนอนรออยู่บนเตียงคนป่วยเช่นนี้เลย”

“แผลของข้าหายดีแล้ว บนกำแพงเมืองต่างหากจึงจะเป็นที่ที่ข้าควรอยู่”

“เดือนแห่งปีศาจใกล้เข้ามาแล้ว สัตว์อสูรอาจจะน่ากลัว แต่พวกมันก็จะวิ่งชนแนวป้องกันที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมา ไม่มีทางรุกล้ำเข้ามาได้มากกว่านี้”

“ข้าจะกวัดแกว่งดาบปกป้องเมืองแห่งนี้ไปพร้อมกับเจ้า”

“แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่จบ”

“คนที่ลอบทำร้ายเจ้ายังมีชีวิตอยู่...แต่เขาจะไม่ได้อยู่ตลอดไป นี่คือคำสัญญาที่ฝ่าบาททรงให้ไว้กับข้า”

“ไว้พวกเราเจอกันคราวหน้า ข้าจะนำข่าวดีมาบอกเจ้า”

ไบรอันโค้งตัวลง วางช่อดอกไม้ไว้หน้าป้ายสุสาน

“แล้วเจอกัน สหายของข้า”

********************

“พี่อันนา ท่านไม่กลัวหรือ” นาน่านอนคว่ำตัวยกขาอยู่บนเตียง

“กลัวอะไร”

“ก็ปีศาจกัดกินร่างกายอย่างไรเล่า ไนติงเกลบอกว่าฤดูหนาวนี้แล้วนี่ ส่วนข้าเพิ่งเป็นแม่มดเมื่อฤดูใบไม้ร่วง ปีนี้จะเป็นครั้งแรก...”

“ครั้งแรกน่ะ” อันนาคิด “ทรมานมากจริงๆ จนบางครั้งเจ้าจะอยากตายๆ ไปเสีย”

“หา!” นาน่าร้องอย่างตกใจ ยกมือปิดปากตัวเองทันที

“แต่เจ้าก็จะรอดมาได้ เหมือนข้านี่อย่างไร”

“ข้าไม่รู้...” นาน่าพูดเสียงเบา “ข้าไม่เข้มแข็งเหมือนท่าน”

“ข้าก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรหรอก” อันนาหลับตา ในสมองผุดภาพตอนที่เจอโรแลนด์ครั้งแรก ในคุกที่มืดมัวและหนาวเหน็บ เขานำเสื้อมาคลุมให้เธอ แล้วพูดเบาๆ ว่าจะจ้างเธอ...เธอยังรู้สึกเหลือเชื่อมาจนถึงตอนนี้ “เจ้าจะได้เจอสิ่งที่ทำให้เจ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แม้ว่าจะต้องดิ้นรนเพื่ออยู่ก็ตาม”

“อย่างเช่น...”

“อย่างเช่นสเต็กเนื้อชุ่มซอส” เธอถอนใจ “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าต้องการอะไร...เอ๋”

อันนาเห็นนาน่ากำลังจ้องเธอตาไม่กระพริบก็ยกมือลูบหน้า “หน้าข้ามีอะไรเปื้อนหรือ”

“เปล่า...” อีกฝ่ายส่ายหน้า “ข้าเพียงแต่แปลกใจเล็กน้อย เมื่อก่อนท่านไม่เคยพูดกับข้ามากมายขนาดนี้...พี่อันนา เมื่อครู่ตอนท่านหลับตาทำท่าครุ่นคิดน่ะ ท่านงามมากจริงๆ”

อันนาค้อนอีกฝ่าย กระโดดลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ริมหน้าต่าง

นาน่าเดินตามไป “ท่านดูอะไรหรือ ดูป่าเร้นลับหรือ”

“ป่าอยู่ทางทิศตะวันตก” อันนาพูดอย่างหน่ายใจ “ที่นี่มองเห็นได้แค่แม่น้ำแดง”

“พี่อันนา ท่านดูนั่นสิ!” เด็กสาวชี้ท้องฟ้า

อันนาตะลึง รีบเปิดหน้าต่างออก ลมหนาวพัดเข้ามาในห้องพร้อมเศษหิมะ

เธอยื่นมือไปคว้าเกล็ดหิมะโปร่งใสแวววาว ความเย็นแผ่ซ่านมาจากนิ้วมือ

“หิมะตกแล้ว”

********************

“...”

หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ ไนติงเกลจึงพูดขึ้น “ฝ่าบาทไม่ทรงโกหกจริงๆ ด้วย”

“แน่นอน” โรแลนด์หัวเราะ “ข้าพูดโกหกน้อยมาก”

ไนติงเกลไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเบือนหน้าไปอีกทาง ในดวงตาผุดแววตาอันไม่อาจบอกความหมาย

ทันใดนั้น เธอรู้สึกเย็นที่หลังคอจึงเผลอหดคออย่างอดไม่ได้ พอเงยหน้าขึ้นไปถึงได้เห็นว่าหิมะกำลังโปรยลงมาจากท้องฟ้าเหนือกำแพงเมืองโดยที่เธอไม่รู้ตัว ท้องฟ้าที่อึมครึมราวกับมีภูติสีขาวปรากฏตัวขึ้นนับไม่ถ้วน พวกมันเต้นระบำอยู่ในสายลมเหนือ โบยบินไปทุกทิศทางท่ามกลางเสียงคำสั่งฝึกทหารของกองพลเรือน

...เดือนแห่งปีศาจมาถึงแล้ว

.......................................