webnovel

[กิลด์ไฮเอนด์]

"ถะ ถล่มกิลด์?" ผมทวนคำอีกครั้งว่าได้ยินถูกต้องแล้วใช่ไหม และทุกคนไม่มีทีท่าปฏิเสธเลยสักนิด แถมเจลค์ยังพยักหน้าตอบรับเล็กน้อยอีกด้วย

"กิลด์นะครับ ไม่ใช่ปราสาททรายริมทะเล ที่นึกอยากถล่มเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วพวกเรามากันแค่สี่คนเนี่ยนะ ไม่ไหวล่ะมั้งครับ กิลด์ใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าสมาชิกข้างในมีเป็นร้อยคนหรอกเหรอครับ"

"278 คน" เจลค์พูดขึ้นมา

"มีไอ้พวกสวะกากเดนสังคมอยู่ทั้งหมด 278 คน" ไนท์ฮอว์กพูดเสริม

"...."

ขณะที่ผมกำลังอึ้งอยู่ วิสเปอร์ใช้นิ้วดึงกระตุกแขนเสื้อผมเบาๆ เป็นการบอกให้ก้มลงมาหน่อย ผมย่อตัวลงไปฟังเสียงเธอกระซิบที่หู

"ใจเย็นก่อน"

ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคำพูดเล็กๆ และแผ่วเบาของเธอมันช่างมีความหมาย ผมใจเย็นขึ้นมาในทันใด

"ยัยนี่คงบอกให้แกใจเย็นสินะ คิ๊ก คิ๊ก" ไนท์ฮอว์กหัวเราะขึ้นมาอย่างรู้ทัน "เออ! ใจเย็นก่อนสิวะ ไอ้ปอดลอยเอ๊ย!"

เจลค์ยกสองมือขึ้นเป็นเชิงห้ามปราม "จะไปว่าเด็กมันก็ไม่ถูกนะ เอ็งไม่อธิบายอะไรให้มันดีเอง จงใจอยากแกล้งไอ้หนูนี่ล่ะสิ ไนท์ฮอว์ก" และเขาพูดต่ออีกว่า "ยังพอมีเวลาอยู่ ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการตามแผน ข้าจะอธิบายให้เอง ฟังนะไอ้หนู' โจรก็ต้องใช้วิธีแบบโจร' ไอ้คำว่าถล่มที่ไนท์ฮอว์กมันพูดน่ะ ไม่ได้หมายความว่าจะทำลายอาคารหรือเข่นฆ่าทุกคนหรอกนะ"

"อ้~อ ยังงี้นี่เอง แล้วจะถล่มยังไงเหรอครับ?"

"ก่อนจะพูดถึงวิธีการ ต้องพูดถึงสาเหตุก่อนว่าทำไมพวกเราถึงตัดสินใจทำแบบนี้ กิลด์ไฮเอนด์น่ะ--"

"เจลค์ จำเป็นด้วยเหรอวะ" ไนท์ฮอว์กถามขัดขึ้นมา

เจลค์ถอนหายใจหนึ่งที "จำเป็นสิ การรู้หรือไม่รู้ความหมาย น้ำหนักในการกระทำมันต่างกัน แถมไอ้หนูนี่ก็ไม่ใช่เบี้ยบ้ายรายทาง แต่อาจกลายเป็นเสือตัวต่อไปของสมาคมอีกต่างหาก"

ไนท์ฮอว์กโบกมือไล่แล้วพูดว่า "งั้นเอาที่สบายใจ"

"ต่อนะไอ้หนู แรกเริ่มเดิมทีกิลด์ไฮเอนด์เป็นกิลด์ของท่านลอร์ด 'ริชท์ริดเดิ้ล' กับเพื่อนสนิทของเขาลอร์ด 'รอธฟิลด์' เป็นผู้ก่อตั้งกิลด์ขึ้นมา จุดประสงค์หลักคือทำทุกอย่างเพื่อผู้คนในย่านชนชั้นสูงโดยเฉพาะ ลูกค้าหลักคือเหล่าขุนนาง นักธุรกิจ และมหาเศรษฐีทั้งหลายภายในเมือง ที่หากใครต้องการนักผจญภัยที่เก่งกาจ ทางกิลด์ก็จะจัดหาให้และจะออกมาในรูปแบบของเควสนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเควสคุ้มครองรถม้าขนส่งสินค้า เควสทัวร์ล่ามอนสเตอร์ เควสคุ้มกันส่วนตัว ฯลฯ กิลด์ไฮเอนด์ถือเป็นกิลด์รองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอาณาจักรคาเอลุมเลยทีเดียวแต่แล้วทุกอย่างได้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า..."

เจลค์เล่าถึงตรงนี้แล้วหยุด เปิดวินโดวส์ของตน แล้วดึงเอาโต๊ะและเก้าอี้ปิกนิกออกมาหนึ่งชุด ทุกคนก็พร้อมใจกันนั่งลง ไนท์ฮอว์กหยิบเบียร์ออกมาหนึ่งขวด เจลค์หยิบขวดไวน์องุ่นออกมา และเริ่มกระดกขวดซดทันทีโดยที่ไม่ได้เทใส่แก้ว ส่วนวิสเปอร์… เธอนั่งกอดอกหลับตาอยู่

ไม่สิ ผมคิดว่าเธอหลับไปแล้วตอนนี้

"ฮ่าห์! ชื่นใจ เอาล่ะ เล่าต่อล่ะนะ เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อราวๆ หนึ่งปีครึ่งก่อนหน้านี้ ริชท์ริดเดิ้ลได้ถูกรอธฟิลด์เพื่อนสนิทลอบสังหารและยึดครองอำนาจในกิลด์ไฮเอนด์มาเป็นของตนเองเพียงผู้เดียว"

"ถูกหักหลังสินะครับ"

เจลค์พยักหน้า "นับจากที่รอธฟิลด์ขึ้นเป็นกิลด์มาสเตอร์แทนเพื่อนที่ตายไป กิลด์ไฮเอนด์ก็กลายเป็นกิลด์ที่มุ่งหวังแต่จะหาประโยชน์จากเหล่าชนชั้นสูงแทน เช่นเควสคุ้มครองขบวนสินค้า รอธฟิลดจะวางแผนดักปล้นขบวนรถขนสินค้าของลูกค้าตนเอง เพื่อนำสินค้าไปปล่อยในอีกทางหนึ่ง หรือวางแผนเล่นละครให้มีโจรดักทำร้ายแล้วเรียกค่าคุ้มครองมากขึ้น บังคับให้เควสระดับ D กลายเป็นระดับ A เพื่อรีดเงินจากลูกค้าให้มากที่สุด รวมทั้งส่งคนไปดักปล้นพ่อค้าแม่ค้าที่อ่อนแอ ตามย่านชั้นกลางกับชั้นล่างอีกด้วย"

"ไอ้อัศวินสวะสามคนที่ข้าจัดการไปวันนี้น่ะ ก็เป็นคนจากกิลด์

ไฮเอนด์เช่นกัน" ไนท์ฮอว์กพูด

"...."

'หรือตาแก่ไนท์ฮอว์กมันจะเป็นคนดีจริงๆ' ผมเผลอคิดในใจ

"พอเข้าใจแล้วครับ ว่าแต่ผมติดใจเรื่องหนึ่ง ทำไมลอร์ดริทช์อะไรนั่น เมื่อฟื้นคืนชีพขึ้นมา ทำไมเขาถึงไม่ไปทวงกิลด์กลับคืนมาล่ะครับ หรือเรื่องมันเป็นยังไง?"

"ไอ้หนูนี่มือใหม่จริงๆ เว้ย ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาสักอย่างเลย" ไนท์ฮอว์กพูดและซดเบียร์ของตนเองจนหมดขวด จากนั้นวางกระแทกโต๊ะดังตึง "ฟังนะไอ้หนู พวกเราคนพื้นโลกน่ะไม่เหมือนคนจากฟ้าอย่างพวกแก ถ้าเกิดเราตายเกมโอเวอร์ (ตายเกิน 15 นาที แล้วไม่ได้รับการชุบชีวิต) โบสถ์จะเป็นผู้ที่เก็บรักษาดวงวิญญานของเราเอาไว้เพื่อให้รอการเกิดใหม่ ไม่ให้สูญสลายไปตลอดกาล แต่ไอ้เรื่องที่จะฟื้นคืนชีพอีกทีเมื่อไหร่นั้นไม่สามารถกำหนดได้ บางคนหนึ่งวัน บางคนหนึ่งสัปดาห์ หรือบางคนสิบปีเลยก็มี"

"ห๊า! สิบปี?! นานขนาดนั้นเชียวเหรอครับ"

"ที่ผ่านมาสิบปีน่ะเคยมีแค่คนเดียวในประวัติศาสตร์ คือหนึ่งในผู้กล้าทั้งเจ็ด ที่เสียชีวิตในการต่อสู้กับจอมมาร" เจลค์กล่าว

"ผู้กล้า? จอมมาร? โลกนี้มีผู้กล้ากับจอมมารด้วยเหรอครับเนี่ย"

"อ้าว ทำไมเอ็งไม่รู้ล่ะไอ้หนู คนจากฟ้าที่ข้ารู้จักบอกว่า ตอนที่ล็อกอินเข้ามา พวกเอ็งจะได้ดูบันทึกวิดีโออิงประวัติศาสตร์ 'ตำนานเจ็ดผู้กล้า' ไม่ใช่รึไง หรือเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ฉายให้ดูแล้ว"

"เคี๊ยก! กะแล้วไม่มีผิด ไอ้ซื่อบื้อนี่ตอนล็อกอินมายังโลกนี้ คงไม่ได้ศึกษาหรือดูคลิปที่เขาฉายให้ดูเลยสินะ อย่างแกคงกระดี๊กระด๊าอยากจะมาผจญภัยจนตัวสั่น เลยใจร้อนบอกข้ามๆๆ ใช่ไหมล่ะ ไอ้กระบือเรียกพี่!"

โดนด่าเข้าอีกหนึ่งดอก แถมเถียงกลับไม่ได้เพราะแทงใจดำอีกต่างหาก 'ตาแก่ไนท์ฮอว์กนี่ไม่มีทางที่จะเป็นคนดีไปได้แน่นอน ผมไม่เชื่อเด็ดขาด' ผมคิดในใจ

เจลค์พูดต่ออีกว่า "ข้าเคยเกมโอเวอร์สองครั้ง ครั้งแรกหายไปสองเดือน ครั้งที่สองหายไปสามวัน เรื่องระยะเวลารอเกิดใหม่นั้นยังไม่มีตัวชี้วัดที่แน่ชัด เคยได้ยินท่านอาร์คบิชอปกล่าวว่า'ขึ้นอยู่กับตัวตนของเราว่าจำเป็นต่อโลกนี้มากแค่ไหน' แต่ดูเหมือนว่าหากยิ่งตำแหน่งสูงมากเท่าไร ยิ่งรอเวลาเกิดใหม่นานเท่านั้น"

"บ๊ะ! ไม่อยากจะโม้ แต่ข้าเนี่ยไม่เคยเกมโอเวอร์สักครั้งเดียว เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก"

"อยากลองไหมล่ะ" ผมพยายามพูดให้เบาที่สุด

"ห๊ะ! ไอ้หนู แกว่าไงนะ"

"เปล๊า! ไม่ได้พูดอะไรนี่ครับ" ผมยิ้มและทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่

ไนท์ฮอว์ก

"โอเค เล่าต่อนะ" เจลค์พูดแทรกขึ้นมา "ทีนี้ปัญหาคือลอร์ดริทช์

ริดเดิ้ลน่ะ ดันเกมโอเวอร์หายไปยาวเลยเนี่ยสิ สอบถามทางโบสถ์แล้ว เห็นบอกว่าระยะรอเกิดใหม่คือสองปี นั่นคืออีกครึ่งปีหลังจากนี้ ตอนแรกพวกเราก็ว่าจะรอให้เขาฟื้นมาจัดการปัญหาของตนเองแล้วค่อยสนับสนุนอีกที แต่ดูเหมือนจะรออีกไม่ไหวแล้ว ไอ้พวกกิลด์ไฮเอนด์นี่นับวันยิ่งเหิมเกริม ทางสำนักฯ ของเมืองก็ไม่ยอมดำเนินการอะไรทั้งสิ้น คาดว่าพวกมันคงมีเส้นสายในเหล่าขุนนางมากมายอยู่อย่างแน่นอน"

"แล้วลอร์ดรอธฟิลด์ฆ่าเพื่อนไปแบบนี้ ไม่ถูกจับหรือครับ หรือเพราะเส้นสายที่ว่า?" ผมถาม

"คือที่ข้าเล่าว่ารอธฟิลด์เป็นคนฆ่าเมื่อสักครู่ เป็นแค่ข้อสันนิษฐาน เพราะเจ้าตัวรวมถึงพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ ให้การว่าริชท์ริดเดิ้ลถูก 'เด็กหนุ่มหายนะ' สังหารในคืนที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้นนั่นแหละ"

"...."

"เอ่อ เด็กหนุ่มหายนะ… หมายถึงที่ชื่อ 'วิน' ใช่ไหมครับ?" ผมถามเพื่อความชัวร์

"อ้าว รู้จักชื่อด้วยงั้นเหรอ อ้อๆ ดูจากใบประกาศใหม่งั้นสินะ ใช่แล้วเจ้าวินนั่นแหละ คืนที่เด็กหนุ่มคนนั้นอาละวาด มีคนเกมโอเวอร์เยอะมาก ถือเป็นหนึ่งในค่ำคืนหายนะของเมืองเลย"

ตึง! ไนทฮอว์กทุบโต๊ะเสียงดัง จนทำให้วิสเปอร์เหมือนจะตื่นแล้วตอนนี้

"ไอ้เวรตะไลรอธฟิลด์! คืนนั้นข้าแอบได้ยินมันคุยเชิงข่มขู่ลับๆ กับใครสักคนในตรอกมืด มันพูดชัดเจนเลยว่าเป็นคนลงมือสังหารริชท์ริดเดิ้ลด้วยตัวเอง เพราะอยากยึดตำแหน่งกิลด์มาสเตอร์ มันใช้ช่วงเวลาที่ทั้งเมืองสับสนวุ่นวายในคืนนั้น ลงมือฆ่าเพื่อนซะเอง จากนั้นก็ใช้เงินจัดการให้พยานทั้งห้าคนพูดใส่ร้ายเด็กหนุ่มคนนั้น โบ้ยความผิดให้คนร้ายซ้ำอีกคดี เสร็จแล้วก็มาบีบน้ำตาออกสื่อ ทำให้ทุกคนไม่สงสัยตนเองเลยสักนิด แม่งเอ๊ย!"

เจลค์เอียงคอมาพูดให้ผมฟังว่า "ลอร์ดริทช์มีบุญคุณกับไนท์ฮอว์กมาก่อนนะ ข้าก็ไม่รู้ละเอียดหรอก แต่เคยได้ยินเจ้าตัวเปรยๆ ว่าอย่างนั้น"

เกือบหนึ่งวันที่ผมใช้ชีวิตในโลกนี้ ผมได้พบเจอผู้คนหลากหลายและได้รับรู้ถึงการกระทำของคนมากมาย ทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป คนที่น่าเอ็นดู คนที่แต่งกายดีแต่นิสัยหยาบคาย คนที่ภายนอกดูน่ากลัว แต่ลึกๆ แล้วเขาเป็นคนดี(มั้ง) ชนชั้นสูงที่จิตใจไม่ได้สูงตาม และชนชั้นล่างที่ยอมทำร้ายคนอื่นได้ เพียงเพื่อแลกกับเศษเงินและความพึงพอใจส่วนตัว เรื่องราวของผู้คนทั้งหมดนี้ทำให้ผมคิดถึงคำพูดของวิน ก่อนที่เราจะแยกกัน

'แล้วนายจะเห็นเอง ว่าที่นี่ไม่ใช่แค่เกม แต่มันคือต่างโลกอย่างแท้จริง'

พวกเขามีความสุข มีความทุกข์ มีความปรารถนา มีความฝัน มีเรื่องราวของตนเองจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ซึ่งหากเราตัดสินใจทำในสิ่งใด มันจะส่งผลกระทบต่อผู้คนที่เกี่ยวข้อง เป็นเสมือนคลื่นเล็กจากน้ำหนึ่งหยดที่ขยายตัวออกไปเป็นวงกว้าง

วินเพื่อนผม กลายเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของอาณาจักรไปแล้ว แต่ผมยังเชื่อมั่นในตัวเขา และมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่าเรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำอะไรสักอย่าง เอาไว้เจอกันครั้งหน้า ต้องถามให้ได้เลยว่า 'วันแรกที่นายล็อกอิน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่'

"เพราะงั้นแหละ คืนนี้พวกเราสมาคมโจรเร้นเงาจะไปถล่มกิลด์ไฮเอนด์กัน ป่ะ ไปกันเถอะ!" เจลค์พูดพร้อมลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินออกไป

"ไปเว้ย คันไม้คันมือเต็มทีแล้ว!" ไนท์ฮอว์กลุกขึ้น กำหมัดหักข้อนิ้วดังกร๊อกแกร๊ก วิสเปอร์ก็ลุกขึ้นด้วยและเดินงัวเงียโงนเงนตามทั้งคู่ไป

ผมก็เดินตามไปด้วย และรู้สึกเหมือนจะลืมอะไรไปสักอย่าง…

...

"อ๋อ! นึกออกแล้วว่าลืมอะไร เฮ้! ทุกคน แล้วสรุปแผนการมันว่าไงบ้างล่ะครับ ยังไม่เห็นรู้เลยว่าต้องทำอะไรบ้าง"

ไนท์ฮอว์กหันมาตะโกนว่า "หมดเวลาว้อย! ตามพวกข้าก็พอแล้ว บอกให้ทำอะไรก็ทำเถอะน่า"

"เออ ไอ้หนู เกือบลืมไป เอานี่" เจลค์ตวัดนิ้วเรียกวินโดวส์ออกมาและกดคำสั่งลงไป ผมเหลือบไปเห็นวิสเปอร์ก็ทำเช่นกัน

ติ๊ง!

คุณได้รับสิทธิ์เรียนรู้สกิล: [หูเกือบเทพ] "ระดับ B"

ผลลัพธ์: หากตั้งสมาธิในสิ่งใด จะได้ยินเสียงในสิ่งนั้นอย่างชัดเจนยิ่งระยะใกล้เท่าไรยิ่งแยกแยะได้เป็นอย่างดี

คำอธิบาย: ประสาทสัมผัสการรับรู้เสียงดีขึ้นถึงขนาดได้ยินเสียงเข็มหมุด หล่นพื้นในระยะ 50 เมตร

Type: ACTIVE per second (เปิดใช้งานต่อวินาที)

MP cost: 30 มานา / 1 วินาที

Cooldown: 10 นาที

หมายเหตุ: หากคุณได้รับสกิลนี้โดยสมบูรณ์ สกิลเกี่ยวกับการรับรู้เสียงทั้งหมดของคุณจะอัพเกรดขึ้นอีกหนึ่งขั้น

ติ๊ง!

คุณได้รับสิทธิ์เรียนรู้สกิล: [ตีนแมว] "ระดับ B"

ผลลัพธ์: ลดเสียงฝีเท้าของคุณในทุกก้าวที่เดิน 100%

ลดเสียงฝีเท้าของคุณในทุกก้าวที่วิ่ง 70%

คำอธิบาย: คุณเคยได้ยินเสียงฝีเท้าแมวรึเปล่า?

Type: PASSIVE (สกิลติดตัว)

MP cost: ไม่ต้องใช้มานา Cooldown: ไม่มีคูลดาวน์

หมายเหตุ: โปรดระวัง! หากองศาของเข่าสูงเกินไป

ทางระบบจะนับเป็นการวิ่งและสกิลจะถูกยกเลิกทันที

"โอ้ ว้าว! สกิลระดับ B ทั้งคู่เลย" ผมร้องออกมาอย่างดีใจ ถึงจะยังงงๆ ว่า สกิลมันจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างก็เถอะ

"สกิลหูเกือบเทพนี่เป็นของคุณรึครับ เจลค์?"

"ใช่แล้วละ อาชีพของข้าคือ [เจ้าแห่งการสะเดาะ] (Unlock Master)

สกิลต้นฉบับของพวกข้าเหล่าเสือน่ะ จะอยู่ที่ระดับ A แต่เมื่อถ่ายทอด

สกิลออกไป มันจะลดระดับไปขั้นหนึ่งเหลือแค่ระดับ B แต่แค่นั้นก็ใช้ได้ดีเกินคาดเลยละ และหากเอ็งถูกใจสกิลไหนเป็นพิเศษ สามารถอัพเลเวลให้มันได้ด้วย แต่เอ็งต้องผ่านพิธีสเปเชี่ยลวันซะก่อน" เจลค์อธิบายเพิ่ม

"เอาให้มันผ่านเงื่อนไข ใช้สกิล [ขู่กรรโชก] ของข้าให้ได้ก่อนเถอะ อ่อนซะไม่เมียะ คิ๊ก! คิ๊ก!"

"...."

"งั้นอีกสกิลหนึ่งก็ของวิสเปอร์สินะ" เมื่อผมพูดจบ วิสเปอร์ที่เดินนำหน้าผมอยู่ หยุดกึกแล้วหันกลับมาหาผม เธอกวักมือเรียกผมเบาๆ ผมจึงเดินเข้าไปใกล้และโน้มตัวลงไปหาเช่นเคย

"ข้าคือ [นักฆ่าเสียงกระซิบ] แง่ง!"

'มีการแง่งปิดท้ายด้วยวุ้ย โอ๊ย! จะโมเอะไปถึงหนา~ย!' ผมตัวสั่นเล็กน้อยด้วยอาการหมั่นเขี้ยวความน่ารักของเธอ และพลันคิดในใจว่า 'อยากรู้จังเลยว่าตอนที่เธอสู้จะเป็นยังไง'

"เอาล่ะ! ตอนนี้เวลา 20.00 น. พอดีเป๊ะ เริ่มปฏิบัติการณ์ได้!" เจลค์ชูมือขวาขึ้นสู่ฟ้า โห่ร้องเบาๆ และวิ่งแยกตัวออกไปอีกทาง วิสเปอร์ก็ตามเขาไปด้วย ทั้งคู่วิ่งหายเข้าไปในความมืดของหมู่ต้นไม้ที่อยู่รอบกิลด์ ส่วนไนท์ฮอว์กก็จับคอเสื้อด้านหลังของผม ฉุดผมวิ่งไปอีกทางหนึ่ง

และตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่ตรงประตูใหญ่ด้านหน้าของกิลด์

ไฮเอนด์ มองเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของพวกเขา ผมเห็นนักผจญภัยท่าทางเก่งกาจหลายต่อหลายคนอยู่ในนั้น เท่าที่ตาเห็นก็… เอ่อ มีไม่ต่ำกว่า 100 คน

"พร้อมนะไอ้หนู หน้าที่ของพวกเราคือ 'ลุยมันให้เละไปเลย' เคี๊ยก! เคี๊ยก! เคี๊ยก!"

"...."

ผมได้แต่คิดในใจอย่างปลงตก

'ถึงจะตอบว่าไม่พร้อม ก็คงไม่ทันแล้วสินะ ไอ้บ้าเอ้~ย!'