webnovel

ประตูเปลี่ยนโลก The Immemorial Door

作者: PINKAST
ファンタジー
連載中 · 14.1K ビュー
  • 6 章
    コンテンツ
  • レビュー結果
  • NO.200+
    応援
概要

ประตูโบราณลึกลับที่ซ่อนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในใจกลางของมิติทับซ้อน เล่าลือกันว่าถ้าผู้ใดเปิดออก โลกของผู้นั้นจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

Chapter 1หญิงสาวผู้มากับวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ (ตอน 1)

แจ้งเตือน : ตอนนี้โลกเราได้เปลี่ยนไปแล้ว! รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ จะรีบแก้ไขปัญหาและกู้คืนประเทศให้กลับมาเหมือนดั่งเดิมให้ได้มากที่สุด

แจ้งเตือนฉุกเฉินภายในประเทศ ดังขึ้นในโทรศัพท์ของชายคนหนึ่ง ซึ่งกำลังวิ่งหนีกองทัพปีศาจที่ไล่ล่าเข่นฆ่าผู้คนที่อยู่บนท้องถนนด้วยความสนุกสนาน ซึ่งมีเสียงหัวเราะและกรีดร้องปนเปกันจนแยกไม่ออก ได้เพียงแต่หวังว่าจะมีฮีโร่ที่จะเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์เหล่านี้ ...แต่ความเป็นจริงหามีสิ่งนั้นไม่

แต่ทว่ามีกลุ่มคนที่ใส่แจ็คเก็ตสีดำปักลายนกฟินิกซ์เดินฝ่าฟูงชนที่กำลังวิ่งหนีตายกันอลม่าน ด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น แม้สภาพของแต่ละคนจะสะบักสะบอมแล้วก็ตาม

. . .

1 ปีก่อนหน้านี้

ในโลกคู่ขนานที่มีความสมดุลระหว่างวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ ผู้คนสามารถอาศัยอยู่ร่วมกับความทันสมัย สะดวกสบาย และโบราณตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ประเทศจงหมิงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสมดุลมากที่สุดในโลกนี้ เนื่องจากมีประตูเชื่อมต่อระหว่างโลกวิทยาศาสตร์กับโลกลึกลับอยู่ 7 แห่งที่ซ่อนอยู่และน้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้ เช่นเดียวกันกับนักเวทที่มีเพียง 1% ในโลกใบนี้

ประเทศจงหมิง แบ่งภูมิภาคออกเป็น 4 ภูมิภาคใหญ่ ได้แก่ ภูมิภาคเซียนหนี (ภาคเหนือ), ภูมิภาคตงเฉิน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), ภูมิภาคไฉไฉ่ (ภาคใต้) และภูมิภาคป๋อ (ภาคกลาง) แต่ละภูมิภาคมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากมีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ความเป็นอยู่ของผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นจึงมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่มีความเหมือนกัน คือ พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารที่สามารถใช้ติดต่อกับผู้คนที่อยู่ระยะไกลได้

ปัจจุบันมีผู้คนหารายได้จากเทคโนโลยีการสื่อสารนี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงแอพลิเคชัน Yornmuse ซึ่งเป็นแอพลิเคชันที่เผยแพร่วิดิโอที่ถูกอัดคลิปไว้จากทุกมุมทั่วโลก ผู้คนหลากหลายจึงต่างพากันสมัครเป็น Yornmuser เพื่อหารายได้กันถ้วนหน้า

เมื่อกล่าวถึงภูมิภาคป๋อ มี Yornmuser กลุ่มหนึ่ง ใช้ชื่อช่องว่า 'หยางอิง' ทำคลิปช่วยเหลือผู้คนจากความทุกข์ที่โลกวิทยาศาสตร์ไม่สามารถหาทางออกได้ เมื่อก่อนช่อง 'หยางอิง' มียอดผู้ชมถล่มทลายจากการที่ 'เหอซู่ชิง' ซึ่งเป็นนักเวทที่มีความเก่งระดับต้นของประเทศ เป็นจุดขาย แต่เมื่อถึงเวลาที่นักเวทชื่อดังอย่าง 'เหอซู่ชิง' ลาออกกะทันหันเนื่องด้วยปัญหาส่วนตัว จึงทำให้ช่องที่เคยดังอย่าง 'หยางอิง' ค่อยๆดับลงอย่างช้าๆ จนเกือบจะต้องหยุดพักลง

. . .

ฟากหนึ่งของประเทศจงหมิง มีเหล่าคนแต่งชุดผ้าคลุมสีดำ 5,000 คนทำพิธีอะไรบางอย่างในห้องลับที่มืดสนิท มีเพียงแสงเทียนอยู่รำไร บนพื้นเต็มไปด้วยอักษรรูนโบราณขนาดใหญ่บริเวณพิธี

"ในที่สุดก็หาเจอละ…" หัวหน้าชายผ้าคลุมสีดำที่กำลังทำพิธีอยู่ตรงกลางพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดีใจแต่แอบแฝงความร้ายกาจ ก่อนจะพูดต่อว่า "รีบทำพิธีต่อเร็ว ก่อนที่ประตูจะหายไป"

เหล่าคนที่ทำพิธีทั้งหลาย ต่างพากันเร่งมือ ตั้งใจสวดคาถาทำพิธีกันอย่างสุดความสามารถ โดยมีกลุ่มคนที่ถูกบังคับมาทดลอง 10 คน ถูกมัดมือและปิดตาอยู่ท่ามกลางเสียงคาถาที่สวด

สักพักคนทดลองทั้ง 10 คนก็ล้มลงและกลับกลายเป็นร่างที่ไร้แม้แต่วิญญาณ ซึ่งตอนนี้วิญญาณกลุ่มคนทดลอง 10 คนนั้นได้ขึ้นมาอยู่ที่สถานที่กว้างสีขาว ตรงหน้ามีประตูที่ไม่มีอะไรเลย เด็กชายที่ยืนอยู่ใกล้ประตูที่สุดคนหนึ่ง เดินไปเปิดประตู แต่ไม่สามารถเปิดออกได้

"ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ" เด็กชายคนนั้นกล่าว จนทำให้เด็กชายอีก 2 คนที่อยู่ตรงนั้นช่วยกันผลักประตู แต่ก็ไม่มีวี่แววที่ประตูจะขยับเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่หนึ่งคนในนั้นจะพูดขึ้นว่า "ทำไงดีล่ะ"

"แต่ยังไงพวกเราก็ต้องเปิดประตูให้ได้นะ ไม่งั้นคงไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ" อีกหนึ่งเสียงพูดแทรกขึ้นมา

"จริงอย่างที่เจียวจื่อพูดนะ อีกอย่างพวกเขาปิดตาแล้วพูดกรอกหูเราแทบทุก 5 นาทีว่า ให้เปิดประตูให้ได้ ไม่งั้นไม่ให้กลับบ้าน" ด้วยคำพูดของเด็กชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มคนทดลอง 10 คนพูด ทำให้คนอื่นๆเริ่มหลงเชื่อคำพูดที่พูดกรอกหูนั้น

กลุ่มคนทดลอง 10 คน จึงช่วยกันเปิดประตูออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี จนสามารถทำให้ประตูเมืองแง้มออกมานิดหนึ่ง ก่อนที่วิญญาณของพวกเขาจะถูกดูดเข้าประตูแล้วหายไป เหลือเพียงประตูเมืองที่แง้มออกอยู่อย่างนั้นสักพักจึงปิดเองโดยอัตโนมัติ

. . .

'การขาดสมาชิกหลักอย่างซู่ชิงไป ถือว่าเป็นปัญหาหนักของช่องหยางอิงเลย จากความคิดเห็นของผู้ชม ตั้งแต่เริ่มทำช่องมา มีคนเป็นแฟนคลับของซู่ชิงเกิน 80% ได้ ด้วยความเก่งและฉลาดทำให้มีคนชอบซู่ชิงเยอะ ในขณะที่เสี่ยวเป่ามีฐานแฟนคลับอยู่ 60% …อย่างน้อยๆในตอนนี้ด้วยฐานแฟนคลับของเสี่ยวเป่ายังสามารถยื้อช่องได้อยู่ และถ้าเราทำให้เสี่ยวเป่าเด่นมากพอ มีแนวโน้มสูงว่าผู้ชมอาจจะชอบเสี่ยวเป่ามากขึ้น ถึงเสี่ยวเป่าจะไม่เด่นเรื่องการมองเห็น อาดูร แต่เป็นนักเวทสายญาณสัมผัส มองเห็นอดีตได้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์มาก ความเป็นเอกลักษณ์นี้ล่ะ! จะทำให้ช่องหยางอิงอยู่ได้สบายๆเลย' ชายหนุ่มหน้ามน ผิวขาวเหลือง นามว่า 'หยางจิน' กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ในห้องนอนส่วนตัวของเขาเอง

'แต่ถ้ามองการณ์ไกลอีกว่า แล้วถ้าเสี่ยวเป่าลาออกล่ะ เราจะไม่มีนักเวทสำรองเลย ยังไงก็ต้องรับสมัครนักเวทคนใหม่ ซึ่งก็มีความเสี่ยงตรงที่ว่า 1.ไว้ใจได้ไหม? 2.เป็นนักเวทปลอมมาหลอกเรารึเปล่า? และ 3.สำคัญที่สุดคือไม่มีฐานแฟนคลับ ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ในช่องของเรา' หยางจินคิด

'โอเค อย่างความเสี่ยงที่ 1 และ 2 ยังพอหาทางออกได้อยู่ ไม่ถือว่าหนักมาก แต่ความเสี่ยงที่ 3 นี่สิ! จะเป็นปัญหาหนัก …เดิมทีมีผู้ชมที่ติดตาม ช่องหยางอิง จริงๆน้อยมาก เพราะส่วนมากผู้ชมจะติดตามนักเวทมากกว่า' หยางจินคิด

'...ถ้าเป็นอย่างนี้ ทางออกเดียวที่ทำได้คือ เราก็เป็นนักเวทเองซะเลย' หยางจินคิด พร้อมยิ้มมุมปากนิดๆ เพราะเขาอยากเป็นนักเวทมานานแล้ว

'จากที่ซู่ชิงเคยบอกว่า ทุกคนสามารถเป็นนักเวทได้ แต่ต้องมีอาจารย์สอนอย่างใกล้ชิด ไม่งั้นอาจตายได้' เพราะความคิดนี้ ทำให้หยางจินผู้ซึ่งไม่มีอาจารย์หยุดความคิดที่จะเป็นนักเวทอยู่พักหนึ่ง

แต่ด้วยความที่หยางจินเป็นคนที่เรียนรู้เร็ว ปรับตัวเก่ง และแก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้ดีตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำให้มีความทะนงตนอยู่ลึกๆว่า 'ยังไงก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน'

ทันทีที่เขาเชื่อมั่นอย่างนั้น จึงค้นหาวิธีการเป็นนักเวท จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ชื่อว่า Kungle และได้ความว่า เขาต้องทำจิตให้บริสุทธิ์ก่อน

'ทำจิตให้บริสุทธิ์หรอ?' หยางจินสงสัยในใจ จึงค้นหาต่อว่า การทำจิตให้บริสุทธิ์ต้องเริ่มจากอะไร และเขาก็ได้คำตอบว่า การทำจิตให้บริสุทธิ์ คือ การทำ 'สมดุล' 5 ข้อ อย่างเป็นวิสัย กล่าวคือ การทำ สมดุล 5 ข้อ อย่างเคร่งครัด เป็นเวลานานจนติดเป็นนิสัย

ซึ่งเขาอ่าน 'สมดุล' ทั้ง 5 ข้อแล้ว จึงพิจารณาว่า ตัวเขานั้นมีความบริสุทธิ์เพียงพอที่จะเป็นนักเวทได้ จึงค้นหาวิธีการเปิดดวงตานักเวท เพื่อที่จะเป็นนักเวทโดยสมบูรณ์ พบว่า มีหลายศาสตร์และหลายแขนงที่จะทำให้เขาบรรลุเป้าหมาย

และศาสตร์ที่หยางจินสนใจคือ ฮารัมทั้ง 7 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาศึกษาอย่างจริงจัง และลองทำตามด้วยความร้อนวิชา

หยางจินหาที่ว่างบนพื้นนั่งสมาธิ เขาหลับตาและสูดลมหายใจเข้าและออก อย่างช้าๆ จนเริ่มเป็นสมาธิ จากนั้นจึงท่องคาถาฮารัมตามที่เขาได้ศึกษามา ซึ่งเขาทำมันออกมาได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ

จนทุกอย่างรอบตัวหยางจินหยุดนิ่ง กระแสพลังงานสีทองของหยางจินพวยพุ่งรอบทิศ อย่างกว้างขวางอยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วหายไปในพริบตา ก่อนที่จะรู้สึกตัวอีกทีในความมืดมิด หยางจินหลุดไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นสถานที่กว้างสีขาว ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ข้างหน้าพบประตูที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้กระทั่งสิ่งที่อยู่ด้านหลังของประตู เขาค่อยๆเดินเข้าใกล้ประตูพร้อมสังเกตลวดลายบนประตูอย่างช้าๆและเห็นอักษรรูนโบราณ ซึ่งเขาเคยเรียนสมัยยังเด็ก แปลความได้ว่า โลกลึกลับ ด้วยความสงสัย เขาจึงค่อยๆนำมือสัมผัสประตูเมืองอย่างช้าๆ

จากนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ดับลง หยางจินหลุดออกจากสมาธิอย่างไม่รู้ตัว เขาลืมตาขึ้นมาด้วยท่านั่งสมาธิในห้องนอนของเขา ก่อนจะมีเสียงปริศนาที่แฝงด้วยพลังสีขาวอันเอ่อล้นดังขึ้นมาในหัวว่า 'ระบบ ช่วยเหลืออัตโนมัติ ทำการเปิดใช้งาน โปรดเอ่ยชื่อท่านเพื่อทำการยืนยันข้อมูล'

หยางจินชะงักกับพลังอันยิ่งใหญ่ที่เขาสัมผัสได้ของเสียงปริศนา ที่กำลังกดดันอยู่ในหัวของเขา มันทำให้เขารู้ได้ทันทีเลยว่าเสียงปริศนานี้อาจจะเป็นระบบของเทพหรือไม่ก็เป็นระบบของใครที่ยิ่งใหญ่มากๆเป็นแน่ ก่อนจะตอบด้วยความคิดที่สุภาพกลับไปว่า '...ผมชื่อ หยางจิน แล้วระบบช่วยเหลืออัตโนมัติคืออะไรหรอ? แล้วเกิดขึ้นมาได้ยังไง? ช่วยอธิบายรายละเอียดให้ผมฟังหน่อย'

'ระบบช่วยเหลืออัตโนมัติ คือระบบที่จะสามารถช่วยเหลือผู้ใช้งานจากสถานการณ์ต่างๆได้' ระบบตอบ ก่อนจะตอบอีกว่า 'ระบบเกิดขึ้นจากการที่ผู้ที่มีพลังเวทระดับมหาเทพสัมผัสประตู'

'พลังเวทระดับมหาเทพเลยหรอ?' หยางจินพูดด้วยความหลงตัวเองเล็กๆ แต่ดูจากสีหน้าก็รับรู้ได้ว่า มีความหลงตัวเองไม่น้อยเป็นแน่

'ระบบไม่สามารถโกหกได้ ท่านมีระดับพลังเวทที่สูงมาก' ระบบตอบ

'ระบบมีชื่อรึเปล่า?' หยางจินถามด้วยความตื่นเต้น

'ระบบไม่มีชื่อ เพียงแต่ท่านจะเรียกว่าอะไร' ระบบตอบ

'ผมขอเรียกว่า อาจารย์ ได้หรือเปล่า?' หยางจินพูด

'แล้วแต่ท่านเลย' อาจารย์ตอบ ก่อนเสียงในหัวนั้นจะหายไป

ก๊อก… ก๊อก… เสียงเคาะประตูห้องของหยางจิน

"พี่จิน ตื่นรึยัง? เช้าแล้วนะ วันนี้ต้องรีบขึ้นเครื่องไปภูมิภาคเซียนหนีนะพี่จิน!" เสียงชายหนุ่มหน้าหวานตะโกนถาม ทำให้หยางจินสะดุ้งนิดนึง ก่อนที่จะตะโกนตอบพรางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ซึ่งเป็นเวลา 6.30 นาฬิกาว่า "ตื่นแล้วๆ เดี๋ยวพี่รีบไป"

ทันทีที่ดูนาฬิกาหยางจินรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วมาทานอาหารเช้าพร้อมหน้ากันสามคน หยางซีซวน หยางจิน และหยางอัน

"เจ้าอัน (ชื่อเล่นที่หยางจินชอบเรียก หยางอัน) วันนี้ไปทำงานกับพี่รึเปล่า" หยางจินถาม ขณะที่กำลังทานขนมปังปิ้ง

"ไปครับ ผมเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เตรียมเสร็จก่อนพี่จินอีก" หยางอันพูดอวด ขณะทานไข่ดาว

"ไม่ต้องมาอวดเลยเรา ตื่นเต้นล่ะสิ" หยางจินพูด ขณะที่กำลังทานเบค่อนต่อ

"ก็นิดหน่อย" หยางอันพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

"จินดูแลน้องด้วยนะ ส่วนเจ้าอันก็อย่าซนกับพี่เค้ามากล่ะ" หยางซีซวนพูดขณะที่ดื่มกาแฟ

"ครับม้า" หยางจินและหยางอันพูดพร้อมกัน

"ลูกจิน เห็นข่าวนี้รึเปล่า" หยางซีซวนพูดเกริ่น ก่อนจะพูดต่อว่า "เด็กนักเรียนโรงเรียนฉางเทียนหายตัวไป ตอนนี้ยังหาไม่เจอเลย"

'แจ้งเตือน : มีการใช้พลังเวทอยู่บริเวณนี้ ต้องการป้องกันหรือไม่?' อาจารย์ทักขึ้นมาในหัวของหยางจิน

'มีคนใช้พลังเวทหรอครับ …แสดงว่าแถวนี้ต้องมีใครใช้พลังเวทปราบอาดูรแน่ๆ อาดูรเยอะจริงๆเลยแถวนี้ น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเรานะ เพราะยังไงพลังเวทก็ไม่สามารถนำมาใช้ในโลกจริงได้อยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ไม่ป้องกันก็ได้ครับ' หยางจินคิด ก่อนที่จะถูกหันเหความสนใจไปเรื่องอื่น จึงคิดต่อว่า 'โรงเรียนฉางเทียน โรงเรียนสมัยมัธยมของเราหนิ'

"โรงเรียนพวกผมหนิ" หยางอันอุทานเบาๆ

"ใช่ลูก เห็นในข่าวบอกว่า หายตัวไปเมื่อ 3 วันก่อน …หลังจากที่น้องเจียวจื่อ ที่อยู่ ม.5/4 เรียนพิเศษเสร็จหลังเลิกเรียน ก็ไม่ได้กลับบ้านเลย ตอนนี้ผ่านมา 3 วันละ ครอบครัวก็ยังไม่ล้มเลิกที่จะตามหา สงสารครอบครัวเขาเนอะ" หยางซีซวนพูด

"หืม เรียนห้องเดียวกันกับน้องสาวแฝดซ่งเลย" หยางอันพูด

"น้องแฝดซ่ง ชื่ออะไรนะ" หยางจินถาม

"น่าจะชื่อ ซ่งเฉออี่ มั้งนะ ถ้าจำไม่ผิด เคยเห็นพวกนั้นพูดถึงอยู่บ่อยๆ แต่ยังไม่เคยเจอตัวจริงสักที" หยางอันพูดพร้อมนึกไปด้วย

"พี่ว่างานนี้คงต้องลองสืบสักหน่อยละ เผื่อจะได้ช่วยตามหาอีกแรง" หยางจินพูด

"เดี๋ยวผมลองถามแฝดซ่งให้" หยางอันพูด ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์แชทถาม ก่อนที่จะพูดต่อว่า "ถามละๆ"

"ป่ะ เรารีบกินเถอะ เดี๋ยวสาย" หยางจินพูดพร้อมรีบรับประทานอาหารเช้าจนหมด ก่อนที่จะนำภาชนะไปล้าง

"สวัสดีครับม้า ผมไปก่อนนะครับ" หยางจินพูดพร้อมพนมมือไหว้หยางซีซวน หลังจากล้างภาชนะเสร็จสิ้น "เร็ว! เจ้าอัน!"

"ครับ ครับ!" หยางอันขานรับขณะที่กำลังรีบล้างภาชนะ จากนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดและหอมแก้มหยางซีซวนพร้อมพูดว่า "ไปก่อนนะครับ รักนะครับ"

"เดินทางให้ปลอดภัยนะลูก" หยางซีซวนพูดทิ้งท้าย ก่อนที่ 2 หนุ่มรีบเดินทางไปสำนักงาน

ณ สำนักงานช่องหยางอิง

ชายหนุ่ม 2 คน ผู้มาถึงสำนักงานก่อนเวลา กำลังนั่งคุยกันอยู่เพื่อคร่าเวลา

"เสี่ยวเป่า เวลานายปราบอาดูร นายปราบยังไงอ่ะ เราสงสัยมานานแล้ว" ชายหนุ่มหน้าหวาน ร่างบาง ใส่แว่นถาม

"จริงๆ ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องปราบอาดูรเลย ผมน่ะ มองเห็นอาดูรได้ไม่ชัดเท่าซู่ชิงด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่เวลาปราบ ผมจะช่วยบอกเบาะแสของเจ้าของเคสแต่ละเคสที่เราทำภารกิจ โดยการตรวจดูว่า อดีต เขาทำอะไรมาบ้าง เพื่อที่จะได้รู้ต้นตอสาเหตุที่แท้จริง จึงจะถึงในส่วนต่อสู้" ชายหนุ่มหน้ามน ผิวขาวผ่องใส ผมสั้นอธิบาย

"ยังไงต่อๆ" ชายหนุ่มหน้าหวาน ร่างบาง ใส่แว่นถามด้วยความสนใจ

"ในส่วนต่อสู้ คนภายนอกจะมองไม่เห็นและไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไรนะ ส่วนมากจะสู้ภายในจิต พลังเวทของเราไม่สามารถนำมาใช้ในโลกจริงได้นะ เราจะถอดจิตออกมาให้อยู่ในโลกอาดูรแล้วจึงจะสู้ได้ เพราะว่าโลกจริงของเรากับโลกอาดูรอยู่คนละโลกกันอ่ะ แต่แค่ซ้อนทับกันเฉยๆ แบบเป็นโลกคู่ขนานกัน พวกคนที่มีพลังเวทหรือเป็นนักเวทจะสามารถมองเห็นได้ แต่คนธรรมดาจะมองไม่เห็น แล้วอีกอย่าง อาดูรอ่ะ จะทำร้ายอะไรคนธรรมดาอย่างพวกเราได้ไม่มากหรอก ทำได้มากสุดก็แค่หลอกให้กลัวเท่านั้นเอง…" ชายหนุ่มหน้ามน ผิวขาวผ่องใสพูด ก่อนที่จะมีอีกเสียงแทรกขึ้นมาจากหน้าประตูว่า "สวัสดีพวก!"

ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ร่างกำยำ ผิวสีออกเข้มใช้กระเป๋าสะพายข้าง ส่วนมืออีกข้างถือแก้วกาแฟ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันคือโกโก้ เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าและแววตาที่ยิ้มแย้ม ขณะที่ชายหนุ่มหน้าหวาน ร่างบาง ใส่แว่นรู้สึกเซ็งเล็กน้อยจากการถูกขัดจังหวะความอยากรู้ในสิ่งที่เขาสนใจเอามากๆ

"มาเช้าเหมือนเดิมเลยนะ พวกนายเนี่ย!" ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มพูด ก่อนที่จะเดินเข้ามานั่งโต๊ะของตนเอง

หยางจินเปิดประตูเข้ามาพร้อมพูดว่า "อ้าว! มากันหมดแล้วหรอ?"

หยางจินเดินเข้าสำนักงานมา ตามหลังด้วยหยางอัน ผู้ซึ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก

ชายหนุ่มทั้ง 3 คน ทำหน้าตกใจ ทันทีที่เห็นหยางอัน หนุ่มน้อย หน้าใส ออร่านักแสดงจับจ้อง ก่อนที่จะแย่งกันถามว่า "เด็กใหม่หรอประธาน?" "น้องใหม่หรอจิน" "ไหนว่าจะประหยัดงบ"

"หยุดก่อน! ทั้ง 3 คนเลย" หยางจินพาหยางอันเดินมาตรงกลางข้างหน้าชายหนุ่มทั้ง 3 ก่อนจะแนะนำตัวหยางอันว่า "นี่! น้องชายเราเอง หยางอัน เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ช่วงนี้ยังไม่เปิดเทอม เลยพามาเที่ยวเล่นที่สำนักงาน" ก่อนจะพูดต่ออีกว่า "ส่วนเจ้าพวกนี้! เพื่อนพี่สมัยมัธยมและมหาวิทยาลัยเอง"

"คนแรกชื่อ กู่เฉาเฉา รู้จักกันตั้งแต่สมัยมัธยม น่าจะ ม.1 ได้นะ เป็นคนที่เก่งทุกอย่างตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ทำตำแหน่ง เกือบทุกอย่างในบริษัทอ่ะ ตั้งแต่ บัญชี, ภาษี, HR, ตัดต่อฯ และตอนนี้กำลังศึกษาต่อปริญญาโทอยู่" หยางจินแนะนำชายหนุ่มหน้าหวาน ร่างบาง ใส่แว่นที่กำลังเขินนิดๆ จากคำชม

"โห! พี่เก่งอ่ะ" หยางอันพูด ก่อนจะพูดต่อพร้อมยกมือไหว้ "สวัสดีครับ พี่เฉาเฉา"

"น้องอันมารยาทดีมากเลย สมกับที่เป็นน้องชายจิน" ชายหนุ่มหน้ามน ผิวขาวผ่องใส ผมสั้นพูดชม

"นี่ๆ น้องอันดูนี่" ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ร่างกำยำ ผิวสีออกเข้มเดินไปที่โต๊ะของกู่เฉาเฉา ก่อนที่จะถอดแว่นของกู่เฉาเฉาออกมา พร้อมพูดว่า "เป็นไง หล่อป่ะ"

ทันทีที่กู่เฉาเฉาถูกถอดแว่นออก ภาพเบลอๆที่เขาเห็น ทำให้เขากวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนที่จะจับจ้องไปที่หยางอันซึ่งอยู่ตรงหน้าเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้หยางอันอุทานขึ้นมาว่า "ฮอตเนิร์ดสุดๆ"

"ใช่ป่ะๆ ข้าบอกแล้ว ว่าเอ็งหล่อ เอ็งก็ไม่เชื่อข้า" สิ้นคำพูดของชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ก็ได้ใส่แว่นคืนให้กู่เฉาเฉา

ทันทีที่กู่เฉาเฉาได้ใส่แว่นเรียบร้อยแล้ว ก็ได้สบตากับชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มสักพัก ชายหนุ่มก็ได้พยักหน้าเบาๆใส่กู่เฉาเฉา ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตนเอง

"คนที่ 2 ชื่อ หวังเสี่ยวเป่า คนนี้เป็นเพื่อนมหาวิทยาลัย ทำตำแหน่ง นักเวท จุดแข็ง คือ สามารถมองเห็นอดีตได้" หยางจินแนะนำชายหนุ่มหน้ามน ผิวขาวผ่องใส ผมสั้นที่ทำหน้ายิ้มอย่างเป็นมิตร

"พี่เป็นนักเวทจริงๆหรอครับ" หยางอันพูดด้วยความสนใจ ก่อนหวังเสี่ยวเป่าจะตอบกลับว่า "ใช่ครับ!"

"พี่โคตรเท่เลย" หยางอันพูดชมด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม

"ส่วนคนที่ 3 ชื่อ กุ้ยฟง เพื่อนมหาวิทยาลัย ทำตำแหน่ง ช่างกล้อง ไม่ว่าจะเป็นกล้องประเภทไหนเค้าถ่ายได้หมด" หยางจินแนะนำชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ร่างกำยำ ผิวสีออกเข้ม

"ทำไมของผมแนะนำตัวน้อยจังเลยอ่ะ ประธาน" กุ้ยฟงแย้งขึ้นมา

"อ่ะ กุ้ยฟงเป็นคนที่เก่งกีฬามาก เล่นได้ทุกประเภท โดยเฉพาะกีฬาที่ใช้กำลังกาย แต่จะไม่ถนัดกีฬาประเภทวางแผน" หยางจินพูดเสริม

"พี่เล่นกีฬาได้ทุกประเภทจริงๆหรอ" หยางอันพูดด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง

"จริงสิ ไอ้หนู" กุ้ยฟงพูดพร้อมยิ้มนิดๆ

"เอาล่ะๆ วันนี้เรามีภารกิจใหม่ ที่ยังไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เดี๋ยวเราจะเล่ารายละเอียดให้ฟังที่ห้องประชุม ทุกคนเตรียมตัวนะ" หยางจินพูดพร้อมเดินมานั่งที่โต๊ะของตนเอง ก่อนจะให้หยางอันนั่งโต๊ะข้างๆ

จากนั้นทุกคนก็เตรียมตัว ย้ายจากโต๊ะของตนเองเดินไปพื้นที่ข้างๆ ซึ่งอยู่ในห้องเดียวกัน โดยมีโต๊ะยาวอยู่ตรงกลาง มีเก้าอี้หลายตัวรายล้อม และเมื่อทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว จึงเกริ่นต่อว่า

"ภารกิจนี้ เกี่ยวข้องกับข่าวที่เพิ่งนำเสนอไปเมื่อเช้า" หยางจินเปิดคลิปข่าวลงจอนำเสนอให้ทุกคนดูจนจบ

"จากที่ได้ดูกันไปนะ สรุปได้ว่า เรื่องเกิดจาก เด็กผู้หญิงชื่อ เจียวจื่อ ม.5/4 โรงเรียนฉางเทียน หายตัวไปหลังจากเรียนพิเศษภาคค่ำ ถ้านับรวมวันนี้ด้วยก็ 3 วันเข้าละ" หยางจินพูด ก่อนจะหันมาพูดกับหยางอันว่า "แฝดซ่งว่ายังไงบ้าง"

"แฝดซ่งยังไม่อ่านข้อความเลย" หยางอันพูด

"...ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราสืบกันเองก่อน แต่ถ้าแฝดซ่งตอบมา บอกพี่ด้วยนะ" หยางจินพูด ก่อนจะพูดต่ออีกว่า "ภารกิจที่เราจะทำในวันนี้ เราจะต้องขออนุญาตจากครอบครัวน้องเจียวจื่อก่อน เพราะว่าการที่เราจะถ่ายคลิปและนำลงเผยแพร่ อย่างน้อยก็ต้องได้รับอนุญาตจากครอบครัวผู้เสียหายก่อน จากนั้นจึงขออนุญาตถ่ายคลิปและเข้าโรงเรียนฉางเทียน"

"เฉาเฉา วานติดต่อครอบครัวน้องเจียวจื่อหน่อยนะ" หยางจินพูดพร้อมหันหน้ามองกู่เฉาเฉาที่กำลังเป็นเลขาทำหน้าที่บันทึกการประชุมอยู่

"ได้ๆ" กู่เฉาเฉาพูดพร้อมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะทำการติดต่อกับครอบครัวน้องเจียวจื่อและโรงเรียนฉางเทียนทันทีที่พูดจบ ด้วยความรู้ใจหยางจิน

หลังจากที่กู่เฉาเฉาติดต่อกับครอบครัวน้องเจียวจื่อเสร็จ จึงเดินมานั่งที่ก่อนจะพูดในที่ประชุมว่า "ครอบครัวน้องเจียวจื่ออนุญาตแล้ว สามารถเริ่มภารกิจได้เลย"

"โอเค! งั้นเรามาวางแผนกัน…" หยางจินเริ่มวางแผนกับทีมในที่ประชุม

วันต่อมา ณ โรงเรียนฉางเทียน

ช่วงพักเที่ยงหลังจากชายหนุ่มช่องหยางอิงทั้ง 5 คน ทำเรื่องเข้าโรงเรียนและพบปะกับผอ.โรงเรียนเสร็จสิ้น ก็ได้สอบถามครูประจำชั้นถึงห้องประจำของนักเรียนชั้น ม.5/4 พวกเขาเดินมาถึงหน้าห้อง ก่อนจะเดินเข้าห้องมาพร้อมพูดว่า "พวกพี่เป็น Yornmuser จากช่องหยางอิงนะ ต้องการทำคลิปเกี่ยวกับน้องเจียวจื่อ อนุญาตให้พวกพี่ถ่ายคลิปสัมภาษณ์น้องๆได้รึเปล่า"

"ได้ค่ะ/ได้ครับ" นักเรียนบางกลุ่มที่อยู่ในห้องช่วงพักเที่ยงตอบพร้อมๆกัน ก่อนที่บางส่วนจะหันหน้าไปทางนักเรียนหญิงหน้าตาน่ารัก ผมยาวคนหนึ่งที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่

"ในที่นี้ มีใครเป็นสนิทกับน้องเจียวจื่อบ้าง?" หยางจินพูดถามกลุ่มนักเรียนบางส่วนที่อยู่ในห้อง ขณะที่กุ้ยฟงทำการอัดวิดิโออยู่

นักเรียนหญิงหน้าตาน่ารัก ผมยาวหันหน้ามาทางหยางจินที่อยู่หน้าห้อง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า "มาหาหนูหรอคะ?"

ชายหนุ่มทั้ง 5 จากช่องหยางอิง หันมองนักเรียนหญิงคนนั้นด้วยความตกใจ ขณะที่กุ้ยฟงกำลังถ่ายคลิปไปเรื่อยๆ จู่ๆนักเรียนหญิงคนนั้นลุกขึ้นเดินมาถึงตรงหน้าหยางจิน แล้วกระซิบกับหยางจินว่า "พวกพี่ๆ ติดกับพลังเวทหนูแล้วล่ะค่ะ"

あなたも好きかも

ราชันเร้นลับ

‘โจวหมิงรุ่ย’ ทำพิธีกรรมเปลี่ยนดวงชะตาจนได้เดินทางข้ามโลกมาอยู่ในร่างของ ‘ไคลน์ โมเร็ตติ’ ใครจะคิดว่าศีรษะของร่างใหม่นี้ กลับปรากฏรอยกระสุนตรงขมับ เป็นแผลเหวอะหวะน่ากลัว ปืนลูกโม่วางแน่นิ่งอยู่ภายในห้อง ทั้งยังพบข้อความทิ้งไว้บนโต๊ะ ทุกคนต้องตาย รวมถึงเรา เขาฆ่าตัวตายไม่ผิดแน่ แต่ด้วยสาเหตุใดไม่มีใครทราบ บนโลกที่คล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู โลกที่มีพระจันทร์สีเลือดลอยเด่นเหนือท้องฟ้า โจวหมิงรุ่ยกลับพบว่า เขาอาจไม่ใช่ผู้เดียวที่เดินทางข้ามทางโลกมายังที่แห่งนี้ เมื่ออดีตมหาจักรพรรดิของโลกนี้เมื่อร้อยปีก่อนทิ้งไดอารีล้ำค่าที่เขียนเป็นภาษาจีนเอาไว้ ไดอารี่ที่่ไม่มีผู้ใดอ่านออก นอกจากโจวหมิงรุ่ยคนเดียว ชายหนุ่มจึงตัดสินใจใช้ร่างใหม่กับ ‘ข้อมูลอันล้ำค่า’ นี้สืบหาสาเหตุการฆ่าตัวตาย ไปพร้อมๆ กับพยายามหาหนทางกลับสู่โลกเดิมที่จากมา...

อ้ายเฉียนสุ่ยเตออูเจ๋ย · ファンタジー
レビュー数が足りません
1164 Chs

บาเบลูน สงครามแห่งทวยเทพ

ในอดีตยุคที่มนุษย์ได้รุ่งเรืองอย่างขีดสุด เหล่ามนุษย์เกิดความสามัคคีปรองดองกันปราศจากสงคราม ทำให้เหล่ามนุษย์เกิดความคิดที่อุกอาจขึ้นมา โดยมีประเทศที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด โซอูล่า เป็นแกนกลาง คิดสร้างหอคอยที่เชื่อมต่อจากไปยังสรวงสวรรค์เพื่อทำให้มนุษย์ทุกคนกลายเป็นเทพเจ้า แต่แล้วความคิดที่เหิมเกิมนั้นทำให้เหล่าเทพเจ้าเกิดความพิโรธ จึงได้สาปหอคอยแห่งนั้นให้กลายเป็นสถานที่ให้กำเนิดเหล่าอสูรกายและปลดปล่อยเหล่าสัตว์ร้ายนั้นออกมาลงทัณฑ์เหล่ามนุษย์ มนุษย์ที่ต้องพบกับภัยพิบัติอย่างกระทันหันทำให้สูญเสียดินแดนไปส่วนนึง จึงสามารถยับยั้งการบุกรุกของเหล่าอสูรได้ และตั้งแต่นั้นมาสงครามระหว่างมนุษย์กับอสูรจึงอุบัติขึ้น เทพแห่งมนุษย์ผู้ช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดกล่าวเอาไว้ว่า มีเพียงทางเดียวที่หยุดการรุกรานของเหล่าอสูรได้ คือต้องมีมนุษย์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอคอยต้องสาปนั้น แต่ทว่าจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทำได้สำเร็จแม้จะพัฒนาทั้งทักษะและเทคโนโลยีมามากมาย ความหวังล่าสุดที่มนุษย์สร้างขึ้นคือ ทีมโรซิมาน หัวหน้าทีมคือชายที่ได้สมญานามว่าแข็งแกร่งที่สุดในรอบ500ปี และเหล่าลูกทีมที่พร้อมไปด้วยพรสวรรค์และเทคโนโลยี แต่สุดท้ายภารกิจก็ล้มเหลวและมีเพียงซัพพอตเตอร์เพียงคนเดียวที่รอดกลับมาได้จากการบุกหอคอยแห่งนั้น ทว่าในประวัติศาสตร์ ทุกเรื่องราวย่อมมีอีกมุมนึงที่ไม่ได้ถูกเล่าขาน และเรื่องราวทีท่านอ่านไปข้างต้นก็เช่นเดียวกัน ถ้าอยากรู้ความลับของเรื่องราวนี้นั้นก็เชิญท่านติดตามอ่าน บาเบลูน สงครามแห่งทวยเทพได้เลย

DaoistgYhiXD · ファンタジー
レビュー数が足りません
3 Chs