' อัล ' ชายหนุ่มผู้มีดวงจิตเก่าเป็นเทพเมื่อครั้นหนึ่งเคยเป็นถึงหนึ่งในเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองชั้นบนเหล่าชาวสรรค์ บัดนี้ตัวเขามาเกิดใหม่ในร่างมนุษย์แต่ยังคงความทรงจำเก่าที่บางส่วนได้สูญหายไป(?) แต่นั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเขาในฐานะมนุษย์ออกจะใช้ชีวิตสุขสบายด้วยซ้ำไป แต่แล้วจนรอดก็มีเรื่องให้เขาต้องกลับไปพัวพันกับเหล่าบุคคลในอดีตที่ไม่ใช่มนุษย์อีกครั้ง ก่อให้เกิดเรื่องราววุ่นวายมากมาย รวมถึงราชาแห่งเหล่าภูต ว่ากันว่าแสนจะอำมหิต และน่ากลัวเป็นที่สุด แต่ดันมารู้ความจริงเข้าว่า ' อัล ' ไม่ใช่มนุษย์ที่ไร้พลังธรรมดาทั่วไป
สายตาจับจ้องเอกสารในมืออย่างครุ่นคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า หากลงไปคัดเลือกพนักงานหน้าใหม่ด้วยตนเองนั้นอาจจะเร็วกว่ามานั่งอ่านบทความบรรยายในเอกสารว่าควรรับใครบ้างเข้ามาทำงานประจำหน้าร้าน เพราะเอาเข้าจริงประสบการณ์นั้นสำคัญกว่าน้ำหมึกในกระดาษมาก พอคิดได้ดังนั้นเขาเลยหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วกดโทรออก ไม่นานปลายสายก็ดังขึ้น
" ฮัลโหล สวัสดีครับอัล "
" วันนี้พี่ว่าจะเข้าร้านไปดูเด็กใหม่ด้วยนะ "
" ได้เลยครับพี่ พี่จะเข้ามากี่โมงครับพี่ ผมนัดเด็กใหม่ทั้งสามคน ตอนสี่โมงเย็นครับ "
" สักสามโมงละกัน พี่ไม่ได้เข้าร้านมาหลายเดือนละ แวะไปกินกาแฟที่ร้านสักหน่อยก็ดี เวลาไปกินกาแฟร้านคนอื่นทำแล้วไม่ชินแฮะ ไม่ถูกปาก ฮ่าๆ " อัลพูดเป็นกันเองกับพนักงาน 'ไนท์ ' เป็นหัวหน้าบาริสต้าประจำร้านกาแฟของเขาและทำงานเป็นพนักงานดีเด่นในการชงกาแฟดีเยี่ยมมาหลายปีจนตอนนี้บัลแทบจะไม่ต้องเข้าไปดูแลจัดการร้านอะไรมากเลย ขอแค่มีไนท์คนเดียวเท่ากับเหมือนมีผู้จัดการร้านที่ทำทุกอย่างสุดจะอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเปิดร้าน ปิดร้าน ทำความสะอาดร้าน ของอะไรขาดหรือหมดไนท์จะเป็นคนวิ่งไปซื้อของมาเติมให้ตลอด
" ได้ครับพี่ รอบนี้รับพนักงานกี่คนครับ"
" คิดว่าคงคนเดียว เอามาช่วยไนท์ไง "
" โอเคครับพี่บัล เอาจริงผมคนเดียวก็ไหวอยู่นะ"
" ตั้งแต่ทำงานมาพี่เห็นไนท์ลางานไม่กี่ครั้งเอง เผื่อวันไหนเกิดแอคซิเดนท์ป่วยขึ้นมา จะได้หาคนมาแทนได้ไง"
" งั้นโอเคครับพี่ เจอกันครับ "
อัลวางสายเสร็จก็เก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันไปหยิบเสื้อคลุมก่อนจะเดินออกจากบ้านของตนแล้วรีบเดินทางไปที่ร้านกาแฟ คอฟฟี่ดรีม
กริ๊ง กริ๊ง ~ เสียงกระดิ่งที่คล้องอยู่ประตูทางเข้าร้านดังขึ้น ไนท์ชะโงกหน้าออกมาหลังเคาน์เตอร์กาแฟ ปรากฏเป็นเจ้านายตัวเองจริงๆเดินมา พร้อมกับหิ้วถุงขนมมาฝากเขาด้วย
" เป็นไงบ้างไนท์ พี่ซื้อขนมไข่มาฝาก กินกับกาแฟอร่อยนะ " ไนท์ผงกหัวก่อนจะรับขนมมา
" ขอบคุณครับพี่ พี่อัลอยากดื่มอะไรไหม" ไนท์ทำท่าจะจะชงอะไรให้เขากิน แต่อัลโบกมือปฏิเสธ
" เดี๋ยววันนี้พี่ทำเอง เราไปเตรียมของสำหรับเด็กใหม่ที่จะมาสมัครดีกว่า วันนี้คนไม่ค่อยเยอะ เดี๋ยวพี่ช่วยหน้าร้าน " อัลเดินไปหลังเคาน์เตอร์กาแฟ พลางก้มหาผ้ากันเปื้อนในตู้หลังเคาเตอร์ร้านมาสวมใส่ ก่อนจะเริ่มบริการลูกค้าที่ทยอยเข้าร้านมาอย่างกระชับกระเฉง
ไม่นานนัก เด็กใหม่สามคนที่นัดเข้ามาสมัครงานก็มาถึง ทั้งสามคนล้วนแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย อัลพยักหน้า ก่อนจะหันไปเรียกไนท์ให้รับหน้าที่สัมภาษณ์ ส่วนตัวเขาจะบทเป็นคนทดสอบในส่วนภาคปฏิบัติ
ไนท์เรียกคนแรกมาสัมภาษณ์ในห้องพนักงานด้านหลังร้าน อัลเลยเดินตามเข้าไปดู ปรากฎเป็นชายหนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งเหมือนจะเป็นลูกครึ่ง สูงผอม ดูเป็นคนเงียบๆ เดินเข้ามาอย่างเรียบร้อย
" ก่อนอื่นขออนุญาตเชิญแนะนำตัวครับ " ไนท์พูด พลางขยับแว่นบนใบหน้า
" ผมชื่อ มาส ครับ อายุยี่สิบสามปี เพิ่งจะเรียนจบมา ประสบการณ์ของผมอาจจะมีไม่มาก แต่ก็เคยทำงานร้านกาแฟเป็นบาริสต้ามาสองสามแห่ง แต่ผมมั่นใจว่าผมเรียนรู้งานได้เร็วครับ และก็ขยัน ตรงต่อเวลา "
อัลพยักหน้า ใช่ได้ๆ ถึงจะประสบการณ์น้อย แต่ถ้าไฟแรงขนาดนี้น่าจะทำงานได้ยาวๆ ไม่น่าห่วง รอทดสอบฝีมือตอนชงกาแฟละกัน
ผู้สมัครคนที่สอง คนต่อมาเป็นผู้ชายวัยกลางคนรูปสูงร่างอ้วนท้วม ดูท่าทางมีความมั่นใจในตัวเองสูง
" สวัสดีครับ ผมชื่อ เต๋ากอง อายุสามสิบสองครับ ก่อนอื่น ผมไม่ได้อยากจะพูดว่ายกยอตัวเองนะครับ แต่ผมเคยทำงานร้านกาแฟชื่อดังมามากมาย ประสบการณ์โชกโชน แต่ที่ออกมาจากที่เก่าเพราะผมมองว่าผมยังไปไกลได้มากกว่านี้ และคิดว่าร้านนี้ผมมั่นใจเลยว่า ผมเหมาะสำหรับที่นี่ครับ ฮ่าๆๆ "
อัลกระพริบตาปริบๆ แล้วก็มองหน้าไนท์ ไนท์ก็มองหน้าอัล ทั้งสองสบตากันสักครู่ ก่อนที่ไนท์จะกระแอ่มทีหนึ่ง แล้วเชิญคนถัดไป
คนที่สาม เป็นหญิงสาวหน้าตาดี บุคลิกดูร่าเริง น่านะสูงสักร้อยหกสิบต้น ตัวเล็กๆหน่อย
" สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ ละอองมิ้นท์ เรียกมิ้นท์เฉยๆก็ได้ค่ะ อายุยี่สิบห้าปี ที่ดิฉันมาสมัครงานก็เพราะต้องการหาประสบการณ์เพิ่มในส่วนของอาชีพบาริสต้าค่ะ ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบดื่มกาแฟอยู่แล้ว ดังนั้นดิฉันสามารถแยกรสชาติของกาแฟได้เลยค่ะ ว่าเป็นเมนูไหน อัตราส่วนผสมกาแฟเท่าไหร่ เป็นต้นค่ะ "
ไม่เลวๆ คนนี้ดูเป็นคนละเอียดแม่นยำ อัลพยักหน้าอีกรอบ จากที่ยืนฟังอยู่เงียบๆก็หมุนตัวแล้วเดินออกไป เพื่อเตรียมเครื่องชงกาแฟ
ไนท์พาผู้สมัครทั้งสามคนมาตรงเคาท์เตอร์ด้านหน้าร้าน อัลที่ยืนอยู่ก่อนหน้านั้นก็หันมาแล้วอธิบาย
" สุดท้ายผมจะรับหน้าที่ในการทดสอบทักษะฝีมือและความแม่นยำของพวกคุณทั้งสามคน กติกาของผมนั้นง่ายมาก ผมจะให้คุณทำกาแฟมา 2 เมนู ได้แก่ ลาเต้อาร์ท และ กาแฟดริป ทั้งสองเมนูนี้ต้องทำตามสูตรของทางร้าน" พูดเสร็จ อัลก็ยื่นกระดาษให้กับทั้งสามคน " ในนั้นมีขั้นตอนการทำทั้งหมดรวมถึงอัตราส่วนของกาแฟ ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์มากหรือน้อย ที่ร้านนี้ผมจะใช้มาตรฐานรสชาติของทางร้านเป็นตัวตัดสิน อุปกรณ์ผมเตรียมไว้ให้พวกคุณเรียบร้อย ผมมีเวลาให้พวกคุณทั้งหมด 45 นาที ถ้าใครทำเสร็จเอามาให้ผมประเมิน แล้วพวกคุณสามารถกลับได้เลย อีกสองสามวันผมจะติดต่อกลับไปได้ว่าพวกคุณได้งานหรือไม่ "
พูดเสร็จ มาส เต๋ากอง และ ละอองมินท์ ก็หมุนตัวต่างคนต่างรีบไปชงกาแฟทันที ในตอนนี้ไนท์หันไปรับออเดอร์ลูกค้าหน้าร้านแทนอัล ทำให้เขานั่งรอผู้สมัครทั้งสามคนแลสังเกตุไปพลางๆ
ในชั่วครู่หนึ่งอัลพักสายตาหลับตาลงเบาๆ
' ท่านไม่กลัวข้ารึ ขะ ข้า... '
' ใยข้าต้องกลัวเจ้า ข้าแค่อยากเห็นว่าเป็นผู้ใดบรรเลงเพลงได้ไพเราะขนาดนี้ '
เสียงเด็กชายกับเสียงชายหนุ่มดังขึ้นในหัวเป็นบทสนาที่ไม่มีอะไร ทุกครั้งที่ได้ยินอัลมักจะรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ถึงจะไม่สามารถจดจำใบหน้าตาของเด็กชายคนนั้นได้.. ใช่แล้วล่ะ เป็นตัวเขาเองที่กำลังสนทนากับเด็กชายคนนี้
' นี่ๆ ข้าอยากฟังเจ้าเล่นอีก ขออีกสักบทเพลงได้หรือไม่ '
' ถ้า.. ท่านอยากฟัง.. ข้าจะเล่นให้ท่าน'
เสียงพิณเริ่มบรรเลง..
" เชิญครับ"
อัลลืมตาขึ้นแล้วพบว่า เต๋ากองเสริฟ์กาแฟสองแก้วมาวางตรงหน้าเขา พร้อมวางท่าอย่างมั่นใจสุดๆ
" ไหนๆ ลองมาชิม" อัลเลือกหยิบกาแฟดริปขึ้นมาดื่ม ทันใดนั้นหน้าเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเขียวสลับกับสีม่วงสลับกันไปอยู่ห้าถึงหกรอบ ทำเอาเขาเปลี่ยนกลับมาเป็นสีหน้าปกติแทบไม่ทัน
" เป็นไงบ้างครับ รสชาติกล่อมกล่อมดีใช่ไหมครับ ผมตั้งใจทำทุกส่วนตั้งแต่ ตวงเมล็ดที่เมล็ดด้วยการใช้ทัพพีตวงหลังจากนั้นก็บดมันด้วยครก สุดจะ ออแกนิค"
"..." จะเป็นลม.. บดกาแฟด้วยครก! แล้วเขาจะเตรียมเครื่องบดกาแฟให้ทำไมกัน เดี๋ยวนะเขาไม่ได้เตรียมครกให้สักหน่อย
" เอ่อ คุณเต๋ากองครับ เอาครกมาจากไหนครับ ผมว่าผมไม่ได้เตรียมครกให้นะครับ "
" ฮ่าๆๆ ผมรู้อยู่แล้วว่าร้านคุณไม่มีหรอก ผมเลยเตรียมมาเอง จะได้รับรู้รสชาติที่แท้จริงของกาแฟไงครับ สูตรนี้ผมได้เคล็ดลับวิชามาจากร้านกาแฟชื่อดังแถวมาลักเปาครับ"
"..." ที่ไหนฟะนั้น... เขากุมขมับ ก่อนจะชิมแก้วต่อไปในส่วนของเมนูลาเต้อาร์ท แต่ก่อนชิมต้องดูทักษะฝีมือ สรรค์สร้างลวดลายไว้บนโฟมนมก่อน
... ตัวอะไรอะ บนโฟมนมปรากฏภาพก้อมกลมๆดูโย้เย้ เฉไปเฉมา เหมือนมันมีชีวิต.. อัลพยายามเพ่งมองแล้วคิดไปในทางบวกว่าน่าจะเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง ใช่.. ดอกไม้ละ.. อืมๆ ดอกไม้แหละ
" อันนั้นเป็นหมาผมเองครับ "
" ... ฮ่า น่ารักดีเน๊อะ" พอเต๋ากองเฉลยทำเอาอัลถึงกับพูดไม่ออก หัวเราะแห้ง.. แล้วชิม
พรูด---- กะ กลืนลงคอแทบไม่ทัน นี่มันรสชาติของความหายนะชัดๆ! อัลตอนแรกหน้าเขียวสลับม่วง ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นซีดที่เรียบร้อย เตาก๋องเห็นดังนั้นก็ตาลุกวาวทันที
" อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย! "
.. อร่อยกับผีนะสิ!! ทำไมชงได้ขมปี๋ขนาดนี้!!
เตาก๋องกลับบ้านไปก่อนเพราะเสร็จคนแรก หลังจากนั้นไม่นาน ละอองมินท์ กับ มาส ก็มาเสริฟ์พร้อมกัน จากการประเมิณโดยรวมผ่านสายตาของอัล เขามองว่าทั้งคู่มีฝีมือค่อนข้างสูสีเลยทีเดียว จนกระทั่งได้พินิจและชิมดู ก็บอกให้ทั้งคู่กลับไปก่อน
เมื่อทั้งสามคนกลับไป ไนท์เดินไปพลิกป้ายหน้าร้านเป็น 'close' ตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้วเป็นเวลาที่ร้านปิดพอดี
" เป็นไงบ้างครับพี่" ไนท์ถามแล้วเดินมานั่งเก้าอี้ฝั้งตรงกันข้าม
" ถ้าจะให้เริ่มตั้งแต่ต้นแล้ว ปกติเมล็ดกาแฟมีเยอะมากๆ แต่ที่รู้จักกันโดยทั่วไปจะมีอยู่ 4 พันธ์ุคือ.."
อัลพูดแล้วโยนส่งให้ไนท์พูดต่อ
" อราบิก้า โรบัสต้า เอ็กซ์เซลล่า ลิเบอริก้า"
" นายไม่ได้ท่องคถาอะไรบางอย่างหรอกใช่ไหม"
" ... " มุมปากไนท์กระตุก
" อะแฮ่มๆ เก่งมากเจ้าไนท์ แน่นอนว่าปัจจุบันโดยทั่วไปบ้านเรามักจะใช้กาแฟพันธุ์อราบิก้าแบะโรบัสต้ามากกว่า เพราะความนิยมล้วนๆ โดยอราบิก้ากลมกล่อม มีกลิ่นหอม และมีรสชาติที่ละมุน ส่วนโรบัสต้า เข้มข้นแบบลูกผู้ชาย เพราะมีปริมาณคาเฟอีนที่มากกว่า แค่การเลือกเมล็ดกาแฟก็มีผลต่อรสชาติที่ออกมาค่อนข้างพอสมควร ดูเหมือนเตาก๋องจะทำคะแนนในช่องนี้ได้น้อย.. " อัลหยิบแก้วกาแฟหนึ่งที่ยังเหลืออยู่ส่งให้ไนท์ เขามองแก้วทำตาปริบๆแล้วลองยกขึ้นมาดื่ม ทันใดนั้นไนท์ก็ตาโต หน้าเขียวปั๊ดทันที
พรูด----- ไนท์แทบจะสำลักออกมา
" พี่เอาอะไรให้ผมดื่ม.. ยาพิษ? "
" แก้วนั้นเป็นกาแฟดริปของเต๋ากอง "
" ... ถ้าผมเป็นพี่ผมจะตัดรายชื่อนี้ออกคนแรก "
" ฮ่าๆๆ และต่อมา ในส่วนของการคั่วแฟสามารถแบ่งระดับการคั่วได้ถึง 3 ระดับ คั่วเข้ม คั่วกลาง คั่วอ่อน โดย 'คั่วเข้ม' ให้รสชาติกาแฟออกไปในทางขมปนหวานนิดๆ แต่จะไม่มีรสเปรี้ยวเลย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดื่มด่ำกาแฟรสเข้ม 'คั่วกลาง' ให้รสชาตินำเปรี้ยว แต่แฝงไปด้วยความหวานติดปลายลิ้น เป็นระดับคั่วที่มีมิติรสชาติที่หลากหลายชวนหลงใหล 'คั่วอ่อน' เป็นระดับการคั่วที่ถ่ายทอดรสดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟออกมาได้ชัดเจนที่สุด เหมาะกับการทำเมนูร้อนสำหรับผู้ที่ชอบเสพความดิบ แบบไม่ปรุงแต่ง โดยแก้วที่ไนท์ชิมไปนั้น คิดว่าทำไมเต๋ากองถึงได้คะแนนน้อย? "
" ระดับคั่วครับ เพราะ กาแฟดริป ชื่อของมันมาจากการชงผ่านตัวกรองที่แต่ละขั้นตอนต้องใช้ความพิถีพิถัน ในการแสดงรสชาติแบบไม่ปรุงแต่งออกมาหรือใกล้เคียงรสชาติดั้งเดิมเป็นสำคัญ "
"ถั่วต้ม! (ถูกต้อง) เตาก๋องกลับเลือกใช้ระดับคั่วเข้ม ยังไงก็ต้องอิงกับสูตรทางร้านเราด้วย ในตอนต้นกติกาก็บอกชัดเจนอยู่ แต่เขากลับเลือกทำตามอำเภอใจไปหน่อย ในสูตรก็มีเขียนว่าใช้การคั่วกาแฟระดับคั่วกลางไม่ก็คั่วอ่อนแท้ๆ ดังนั้นหักคะแนนครับผม แน่นอนการทำกาแฟดริปนั้นในส่วนของขั้นตอนนั้นก็สำคัญมากๆเช่นกันอย่างอัตราส่วนปริมาณน้ำ และ อุณหภูมิ พี่ว่าไนท์น่าจะรู้อยู่แล้ว "
" ครับ แล้วละอองมินท์กับมาสล่ะครับ "
" อ้อ สองคนนั้นทำได้ไม่เลวเลยล่ะ สูสีกันน่าดู "
อัลหมุนตัวอีกรอบแล้วไปหยิบกาแฟดริปของทั้งสองมาให้ไนท์ดื่ม พอได้ดื่มไนท์ก็จะพยักหน้า
" รสชาติมีความใกล้เคียงกับทางร้านเรามาก "
" ใช่ม๊า พี่คิดว่าสองคนนี้โอเคเลยน้า "
" ต่อมาในส่วนของ ลาเต้อาร์ท แท้จริง คือ ศิลปะบนถ้วยกาแฟที่บาริสต้าอย่างเราสร้างสรรค์ลวดลายออกมาให้สวยงามไว้บนฟองนม โดยเสน่ห์ของมันคือการ สร้างความพลิ้วไหวของลายเส้นให้ดูอ่อนช้อย แสดงความพิถีพิถัน ความตั้งใจ และความทุ่มเท แต่ไม่แค่นั้นรสชาติก็สำคัญอย่างมาก กล่าวโดยสรุปคือ หากเปรียยเอสเพรสโซ่ กาแฟดำรสเข้มที่เต็มไปด้วยความสุขุมนุ่มลึก คือหนุ่มหล่อมาดเข้มของเมนูกาแฟ ลาเต้ก็เปรียบเหมือนสาวหวานที่ถ่ายทอดความอ่อนโยนละมุนละไมออกมาได้อย่างน่าประทับใจและยิ่งมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ดื่มด่ำความสวยงามของลาเต้อาร์ท ลวดลายศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดื่มเมนูลาเต้ให้ชวนหลงใหลมากยิ่งขึ้น ดังนั้น.. "
อัลนำเมนู ลาเต้อาร์ท ทั้งสามแก้ววางเรียงให้ไนท์ดู
" แก้วแรกของเต๋ากอง แก้วที่สองของมาส และแก้วสุดท้ายของ ละอองมินท์ ไหนๆไนท์ลองดู แล้วมีความคิดเห็นอย่างไร จะชิมด้วยก็ได้นะ "
ไนท์มองดูทีละแก้วก่อนจะชะงักหยุดตรงแก้วหนึ่งที่บนฟองนมมีรูปร่างประหลาด โยเย้ ดูพิลึกๆ
" อ่า.. พี่.. นี่รูปอะไร.. ดอกไม้เหรอพี่ "
" หมาน่ะ ของเต๋ากองอีกนั้นแหละ "
" ถามจริง? อันนี้รูปหมาเหรอพี่.. ผมยังต้องชิมอยู่ไหม " พอคิดว่าแก้วแรกที่ชิมไปก็เกินคำบรรยายทำให้ไนท์อดที่จะเลิ่กลั่กไม่ได้ว่าควรชิมแก้วนี้ของเต๋ากองอีกหรือไม่
" แล้วแต่นะ แต่พี่ชิมทุกแก้วแล้วล่ะ "
" พี่คือเทพเจ้าแน่ๆ "
" บ้าบอ ฮ่าๆ .. แต่ก็เกือบไปกอดคอชักโครกแล้วเหมือนกัน "
" ... " ไนท์เลื่อนสายตาไปที่แก้วของมาสก็พบว่าลวดลายที่มาสทำนั้นสวยงามไม่น้อยเป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่อยู่บนฟองนม ส่วนของละอองมินท์เป็นรูปดอกไม้ห้าแฉกสวยงาม ไนท์ลองทดลองดื่มทั้งสองแก้วก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย
" ดูเหมือนรสชาติตะแตกต่างกันเล็กน้อยนะครับ ถ้าไม่ชิมดูไม่ออกเลยจริ---"
" ชิมของเต๋ากองด้วยสิ "
" ไม่ชิมครับ!! อะแฮ่ม ฝีมือสร้างสรรค์งานศิลปะของมาสและละอองมินท์ค่อนข้างที่จะดีเลยทีเดียว พวกเขาทั้งสองคนมีความประณีต ความตั้งใจ ความใจเย็น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องความแม่นยำในการผสมอัตราส่วนระหว่างกาแฟกับส่วนผสมอื่นๆต้องใช้ความแม่นยำและประสบการณ์พอสมควร เท่าที่ผมได้ชิม ของมาสรสชาติจะเบาบางกว่า เป็นไปได้ว่าอัตราส่วนของกาแฟจะน้อยไปหน่อยเมื่อผสมเข้ากับนม ในขณะที่ของละอองมินท์จะดึงรสชาติความเข้มของกาแฟออกมาได้เข้มกว่าทำให้นมที่เข้ามาผสมสามารถเข้ากันได้อย่างลงตัว รสชาติไม่โดดออกมา ทำให้รสออกมากลมกล่อมมากกว่าของมาสครับ "
" สมกับเป็นเจ้าของร้าน ฮ่าๆๆ โอเคถ้าพี่ตายไปรับช่วงธุรกิจต่อจากพี่นะ "
" เดี๋ยวก่อน ไม่ได้สิ.. " ไนท์จ้องมองเจ้าของร้านตัวจริงที่มีสีหน้าอย่างพึงพอใจสุด แล้วเดินเข้ามาตบไหล่เขา
" ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าใครจะมาช่วยนายทำงาน "
" ละอองมินท์เหรอครับ "
" เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้น้องละอองมินท์มาเริ่มงานเลยก็ได้ ที่เหลือพี่ฝากติดต่อกลับไปแจ้งผลการสมัครงานด้วยนะ" อัลพูดเสร็จก็หมุนตัวกลับไปเก็บข้าวของแบกกระเป๋าหิ้ว
" เดี๋ยวพี่อัล ก่อนไป พี่บอกก่อนพี่จะหายไปอีกกี่เดือน.. "
" รอบนี้ก็คงเหมือนเดิมแหละมั้ง.. ฮ่าๆๆ เอาน่าเจ้าไนท์ ยังไงพี่โทรหาเราเป็นระยะๆอยู่แล้ว รอบนี้ไม่เหงาละ มีเพื่อนมามาอยู่เฝ้าร้านด้วย "
" คราวที่แล้วหายไปสองเดือน คราวนี้คงไม่ใช่ปาไปสามเดือนหรอกใช่ไหม " ไนท์จ้องเขม็ง
" สู้ๆนะ " พูดเสร็จอัลวิ่งออกจากร้านทันทีโดยมีเสียงตะโกนไล่มากจากด้านหลัง
" พี่อัลลลลลลล!!! "
ผมเดินเลียบถนนมาเรื่อยๆ พลางจิ้มมือถือที่ดูตารางงานไปพลางๆ ทุกคนอาจจะสงสัยตกลงผมทำอาชีพอะไรกันแน่ ฮ่าๆ ผมมีอีกอาชีพหนึ่งแต่ใช้กิจการร้านกาแฟบังหน้าไว้เฉยๆ นั้นก็คือ หมอดู! ยังไงล่ะ ทุกคนฟังไม่ผิดหรอก หมอดูนั่นแหละ แต่ไม่ใช่หมอดูกิ๊กก๊อกธรรมดาทั่วไปหรอกนะ แต่เป็นหมอดูระดับเอกซ์คลูซีฟเลยต่างหาก ระดับ 'ท่านเจ้าสำนัก' มาเอง บอกไว้ก่อนว่าถ้าไม่ใช่ลูกค้ากระเป๋าหนักจริงๆท่านเจ้าสำนักจะไม่มาทำนายดวงด้วยตนเองเด็ดขาด จะใช้บริวารทำนายดวงให้แทน
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์สั่นมีข้อความแจ้งเตือนเข้ามา
' ท่านเจ้าสำนักคะ มีลูกค้าวอคอินเข้ามาอยากดูดวงกับท่านค่ะ บอกจะจ่ายไม่อั้น '
โอ๊ะโอ๋ว ดูเหมือนวันนี้ผมจะโชคดีแฮะ อัลยิ้มตาหยีจนเป็นรูปสระอิ แล้วพิมพ์ตกลงก่อนจะกดส่งกลับไปทันที
' ได้ อีกครึ่งชั่วโมงถึง ต้อนรับลูกค้าให้เรียบร้อยนะ '
ไม่นานอัลก็ขับรถมาถึงสถานที่โดยจอดให้ห่างสักห้าร้อยเมตร ก่อนลงจากรถก็เปลี่ยนชุดเป็นสวมผ้าโปร่งสีดำทึบทั้งตัวปิดตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะตัวตนของท่านเจ้าสำนักเป็นความลับห้ามแพร่งพราย เดี๋ยวจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เอา โอ๊ะๆลืมๆ เขาเอื้อมมือไปหยิบหน้ากากหลังรถออกมาสวมใส่ บนหน้ากากฝังเพชรอย่างประณีตสวยงายเม็ดเล็กเม็ดใหญ่วางเรียงกันเป็นเส้นโค้งตามกรอบหน้ากาก แต่ทว่ากลับมีรอยยิ้มฉีกกว้างคลับคล้ายคลับคลาเหมือนรอยยิ้มของตัวตลก ที่ใครก็ตามหากได้โดนหน้ากากใบนี้จ้องคงจะรู้สึกขนลุกไม่น้อยเหมือนกับได้เยาะเย้ยโชคชะตาของคนตรงหน้าอย่างมีความสุข
ตอนนี้เขามายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านตรงหน้า เขาเดินเข้าไปข้างในพลันปรากฎบริวารมากมายนับสิบกำลังโค้งคำนับการมาของเขา ภายในคฤหาสน์ตกแต่งคุมโทนด้วยสีทองสลับสีขาว อัลเข้ามาก็โบกมือหนึ่งครั้งเป็นการบอกให้แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของใครของมัน บริเวณห้องโถงค่อนข้างคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เข้ามาใช้บริการทำให้ดูครื้นเครงไม่น้อย ดูจากการแต่งตัวลูกค้าส่วนใหญ่มีฐานะไม่มากก็น้อยส่วนใหญ่น่าจะเป็นนักธุรกิจร้อยละแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าให้อัลเดาคงไม่พ้นมาดูโชคขะตาเกี่ยวกับการเงินการทองไม่ก็ศัตรูคู่อริแน่นอน
สาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งเธอเดินเข้ามาอย่างเรียบร้อย ' แคทลีน ' มือขวาของเขา เธอเป็นคนช่วยเขาจัดการระบบที่นี่ทั้งหมดให้อยู่ในกฎระเบียบของที่นี่ไม่ให้วุ่นวายนั่นเอง
" ท่านเจ้าสำนัก แขกวีไอพีอยู่ด้านบนค่ะ"
อัลเพียงพยักหน้า ตั้งแต่เข้ามาเขาไม่เปล่งเสียงเลยเพียงใช้มือทำท่าเป็นสัญญลักษณ์เท่านั้นอย่างได้กับไม่ได้อะไรทำนองนี้ เหตุผลเพราะเขาต้องการปกปิดตัวตนให้ถึงที่สุดแม้กระทั่งเสียงของเขา แต่อาจจะยกเว้นกรณีพูดคุยกับลูกค้าวีไอพีนะ
เอาล่ะ.. อัลเดินวางท่าอย่างสง่างามค่อยๆเดินขึ้นบันไดมาอย่างช้าๆ เมื่อถึงชั้นสองของคฤหาสน์ก็ผลักประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วปิดลง พลันหมุนตัวมาปรากฎชายคนหนึ่งสวมสูทสีดำนั่งรอเงียบๆอยู่ในห้อง พอเสียงปิดประตูดังขึ้นเขาเลยเลยหันมา อัลเดินเข้าไปเพียงผงกหัวเป็นการทักทายแล้วเดินไปนั่งตรงข้ามเขา หลังจากนั้นตนจึงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
" ในห้องแห่งนี้ท่านสามารถล่วงรู้ความจริงได้บางเรื่อง และบางเรื่องถึงข้ารู้ก็มิอาจตอบได้ แต่อาจจะช่วยท่านได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ได้เพียงแค่สามข้อเท่านั้น" อัลค่อยๆกล่าวอย่างไหลรื่น ถึงกับทำให้คนตรงหน้านั้นทำหน้าเคลิ้มก่อนจะสะดุ้งเมื่อรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามพูดจบลง
"เอ่อ ผมชื่อพลัมครับ.. ขออนุญาตถามท่านเจ้าสำนักถามได้แค่สามข้อเหรอครับ "
"มากกว่าสามข้อ จ่ายเพิ่ม "
"... " ชายตรงหน้าที่ชื่อพลัมหน้ากระตุกเล็กน้อย เหมือนจะได้ยินเสียงลอยมาจากเขาว่าหน้าเลือดยังไงก็ไม่รู้แฮะ
" เอ่อ ถึงคำถามจะผิดเพี้ยนหลุดโลกก็ถามได้ใช่ไหมครับ "
" ได้สิ.. เจ้าจะถามว่าปิกาจูแล้วปกติกินถั่วลั่นเตารึเปล่า ก็ย่อมได้.. "
"..."
ว่าไปเคยมีคนยอมจ่ายหนักมาถามคำถามเพี้ยนๆก็มีถมเถไปนะ ฮ่าๆๆๆ มีครั้งหนึ่ง เขาเคยเจอลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาทำให้เขาทำนายให้ว่าระหว่างไก่ที่บ้านออกไข่กับหน้าที่การงานของเขาอะไรจะเร็วกว่ากัน แน่นอนว่า ไก่ออกไข่..
พลัมกระแอ่มทีหนึ่ง แล้วทำหน้าจริงจัง ก่อนจะพูดออกมา
" ช่วงนี้ผู้คนหายไปจำนวนมากไม่ทราบว่าเกี่ยวกับภูตผีหรือไม่"
หื้อ?
อัลชะงัก ทำไมฝ่ายที่ตกใจกลับเป็นเขาแทนไปซะได้ เขากระแอ่มทีหนึ่งก่อนจะแบบมือยื่นออกไป
" ส่งมือเจ้ามา ข้าจะเริ่มทำนาย"
" คะ ครับ "
พลัมยื่นมือออกมาแล้ววางบนมือเขา อัลหลับตาลงตั้งจิตให้สงบ เสี้ยววินาทีนั้นภายใต้หน้ากาก ดวงตาสีดำขลับลืมขึ้นพร้อมกับดวงตาที่พลันประกายแสงสีทอง ' เนตรอรุณ ' เมื่อเนตรนี้ถูกปลุก จะไม่มีอะไรสามารถปกปิดเขาได้แม้แต่ความคิดรวมถึงบางอย่างด้วยเช่นกัน
ออร่าบางอย่างแลดูคล้ายกลุ่มหมอกควันสีเทาแผ่ออกมาจากตัวของชายคนนี้อย่างเบาบาง ดูไปดูมาก็เหมือนว่าชายคนนี้อาจจะแวะไปเกี่ยวข้องกับโลกด้านล่างมาไม่ผิดแน่ ตอนนี้เหมือนจะได้ยินเสียงในใจของชายตรงหน้าดังออกมาถึงปากเขาจะไม่ได้ขยับก็ตาม
' ให้ตายเถอะ เพราะไอ้เวรนั่นแท้ๆ ทำให้เรื่องบานปลายจนได้ '
เหมือนจะมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องสินะ ดูท่าทางจะทำให้พลัมดูโมโหสุดๆ ถึงหน้าเขาจะไม่แสดงอะไรออกมาก็เถอะ
" คำตอบที่เจ้าถามข้อแรก คือ มีความเป็นไปได้"
พอได้ยินคำตอบนั้นพลัมก็ดูไม่ตกใจเหมือนพอจะเดาๆได้อยู่แล้ว หากเพียงอยากได้ยินคำยืนยันจากปากของเขาก็เท่านั้น แต่อัลกลับแปลกใจอยู่หนึ่งอย่างคือปฏิกิริยาแบบนี้นั้นโดยทั่วไปถ้ารับรู้ว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่มองไม่เห็น คงตกใจรีบวิ่งแจ้นไปหาหมอผีแล้ว
" คำถามข้อสอง "
พลัมขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามอีกรอบ ด้วยใบหน้าตึงเครียด
" หลังจากนี้ผมจะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นเองได้ทั้งหมดหรือไม่"
อัลย่นคิ้ว.. เนตรอรุณมันทำนายอนาคตได้ที่ไหนล่ะ... ปกติที่ผ่านมามันเกิดจากเขาใช้พลังอ่านความคิดในใจฝ่ายตรงข้ามแล้วเดาว่ามันควรจะแก้ไขไปในทิศทางไหนมากกว่า มาถามเรื่องที่เกินมือเขา อย่างเรื่องภูติผี โลกข้างล่างซะงั้น ส่วนตัวไม่อยากยุ่งเท่าไหร่ เพราะตัวเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปเกี่ยวข้องอีกถึงจะถูก
" แน่นอน"
พอได้ยินอย่างงั้นตอนแรกที่มีสีหน้าที่ตรึงเครียดก็ผ่อนคลายลงเยอะพอสมควร เห็นอย่างนั้นทำให้อัลรู้สึก.. อยากรู้เป็นอย่างมากว่าคนตรงหน้าไปทำอะไรมา สีหน้ามู่ตู้ของอัลปรากฎอยู่ภายใต้หน้ากาก ก่อนจะสงบสติแล้วถามคำถามถัดไป
" คำถามข้อสุดท้าย"
" อืม.. ผมคงถามแค่สองข้อแหละครับ ผมอยากรู้เท่านี้ ไม่ต้องกังวลนะครับท่านเจ้าสำนักผมจ่ายเต็มจำนวนให้แน่นอน"
" ...." อืม กำไรแท้ อัลพยักหน้า
ชายตรงหน้าที่ชื่อพลัมก็ลุกขึ้นทำความเคารพเขาแล้วเดินออกไป
ปล่อยให้ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบงัน เขาหรี่ตาลง พอได้ยินว่าเป็นโลกข้างล่าง หัวใจกลับกระตุกวูบ นัยน์ตาสีทองพลันปรากฎความเศร้าหมองอยู่ภายใต้หน้ากากที่ฉีกยิ้มอย่างกับว่ามันกำลังหัวเราะให้กับตัวเขาไม่ใช่ใครคนอื่น