webnovel

ดวงจิตนิตนิรันทร์

作者: DaoistcVOlxi
ファンタジー
連載中 · 2.2K ビュー
  • 1 章
    コンテンツ
  • レビュー結果
  • NO.200+
    応援
概要

' อัล ' ชายหนุ่มผู้มีดวงจิตเก่าเป็นเทพเมื่อครั้นหนึ่งเคยเป็นถึงหนึ่งในเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองชั้นบนเหล่าชาวสรรค์ บัดนี้ตัวเขามาเกิดใหม่ในร่างมนุษย์แต่ยังคงความทรงจำเก่าที่บางส่วนได้สูญหายไป(?) แต่นั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเขาในฐานะมนุษย์ออกจะใช้ชีวิตสุขสบายด้วยซ้ำไป แต่แล้วจนรอดก็มีเรื่องให้เขาต้องกลับไปพัวพันกับเหล่าบุคคลในอดีตที่ไม่ใช่มนุษย์อีกครั้ง ก่อให้เกิดเรื่องราววุ่นวายมากมาย รวมถึงราชาแห่งเหล่าภูต ว่ากันว่าแสนจะอำมหิต และน่ากลัวเป็นที่สุด แต่ดันมารู้ความจริงเข้าว่า ' อัล ' ไม่ใช่มนุษย์ที่ไร้พลังธรรมดาทั่วไป

Chapter 1ตอนที่ 1 เจ้าของร้านกาแฟและหมอดู

สายตาจับจ้องเอกสารในมืออย่างครุ่นคิด​ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า​ หากลงไปคัดเลือกพนักงานหน้าใหม่ด้วยตนเองนั้นอาจจะเร็วกว่ามานั่งอ่านบทความบรรยายในเอกสารว่าควรรับใครบ้างเข้ามาทำงานประจำหน้าร้าน​ เพราะเอาเข้าจริงประสบการณ์นั้น​สำคัญ​กว่าน้ำหมึกในกระดาษ​มาก พอคิดได้ดังนั้นเขาเลย​หยิบโทรศัพท์​ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วกดโทรออก​ ไม่นานปลายสายก็ดังขึ้น

" ฮัลโหล​ สวัสดี​ครับอัล "

" วันนี้พี่ว่าจะเข้าร้านไปดูเด็กใหม่ด้วยนะ​ "

" ได้เลยครับพี่ พี่จะเข้ามากี่โมงครับพี่​ ผมนัดเด็กใหม่ทั้งสามคน​ ตอนสี่โมงเย็นครับ ​"

" สักสามโมงละกัน​ พี่ไม่ได้เข้าร้านมาหลายเดือนละ​ แวะไปกินกาแฟที่ร้านสักหน่อยก็ดี​ เวลาไปกินกาแฟร้านคนอื่นทำแล้วไม่ชินแฮะ​ ไม่ถูกปาก​ ฮ่าๆ " อัลพูดเป็นกันเองกับพนักงาน​ 'ไนท์​ ' เป็นหัวหน้าบาริสต้าประจำร้านกาแฟของเขาและทำงานเป็นพนักงานดีเด่นในการชงกาแฟดีเยี่ยมมาหลายปีจนตอนนี้บัลแทบจะไม่ต้องเข้าไปดูแลจัดการร้านอะไรมากเลย​ ขอแค่มีไนท์คนเดียวเท่ากับเหมือนมีผู้จัดการร้านที่ทำทุกอย่างสุดจะอเนกประสงค์​ ไม่ว่าจะเปิดร้าน​ ปิดร้าน​ ทำความสะอาดร้าน​ ของอะไรขาดหรือหมด​ไนท์จะเป็นคนวิ่งไปซื้อของมาเติมให้ตลอด​

" ได้ครับพี่​ รอบนี้รับพนักงานกี่คนครับ​"

" คิดว่าคงคนเดียว​ เอามาช่วยไนท์ไง​ "

" โอเคครับพี่บัล​ เอาจริงผมคนเดียวก็ไหวอยู่นะ​"

" ตั้งแต่ทำงานมาพี่เห็นไนท์ลางานไม่กี่ครั้งเอง​ เผื่อวันไหนเกิดแอคซิเดนท์ป่วยขึ้นมา​ จะได้หาคนมาแทนได้ไง​"

" งั้นโอเคครับพี่​ เจอกันครับ​ "

อัลวางสายเสร็จก็เก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันไปหยิบเสื้อคลุมก่อนจะเดินออกจากบ้านของตนแล้วรีบเดินทางไปที่ร้านกาแฟ​ คอฟฟี่ดรีม

กริ๊ง​ กริ๊ง​ ~ เสียงกระดิ่งที่คล้องอยู่ประตูทางเข้าร้านดังขึ้น​ ไนท์ชะโงกหน้าออกมาหลัง​เคาน์เตอร์กาแฟ ปรากฏเป็นเจ้านายตัวเองจริงๆเดินมา​ พร้อมกับหิ้วถุงขนมมาฝากเขาด้วย​

" เป็นไงบ้างไนท์​ พี่ซื้อขนมไข่มาฝาก​ กินกับกาแฟอร่อยนะ ​" ไนท์ผงกหัว​ก่อนจะรับขนมมา

" ขอบคุณ​ครับพี่​ พี่อัลอยากดื่มอะไร​ไหม​" ไนท์ทำท่าจะจะชงอะไรให้เขากิน​ แต่อัลโบกมือปฏิเสธ

" เดี๋ยววันนี้พี่ทำเอง​ เราไปเตรียมของสำหรับเด็กใหม่ที่จะมาสมัครดีกว่า​ วันนี้คนไม่ค่อยเยอะ เดี๋ยวพี่ช่วยหน้าร้าน​ " อัลเดินไปหลังเคาน์เตอร์กาแฟ​ พลางก้มหาผ้ากันเปื้อนในตู้หลังเคาเตอร์ร้านมาสวมใส่​ ก่อนจะเริ่มบริการลูกค้าที่ทยอยเข้าร้านมาอย่างกระชับ​กระเฉง

ไม่นานนัก​ เด็กใหม่สามคนที่นัดเข้ามาสมัครงาน​ก็มาถึง​ ทั้งสามคน​ล้วนแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย​ อัลพยักหน้า​ ก่อนจะหันไปเรียกไนท์ให้รับหน้าที่สัมภาษณ์​ ส่วนตัวเขาจะบทเป็นคนทดสอบในส่วนภาคปฏิบัติ​

ไนท์เรียกคนแรกมาสัมภาษณ์​ในห้องพนักงานด้านหลังร้าน​ อัลเลยเดินตามเข้าไปดู​ ปรากฎเป็นชายหนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งเหมือนจะเป็นลูกครึ่ง​ สูงผอม​ ดูเป็นคนเงียบๆ เดินเข้ามาอย่างเรียบร้อย

" ก่อนอื่นขออนุญาตเชิญ​แนะนำตัวครับ​ " ไนท์พูด​ พลางขยับแว่นบนใบหน้า​

" ผมชื่อ​ มาส​ ครับ​ อายุ​ยี่สิบสามปี​ เพิ่งจะเรียนจบมา​ ประสบการณ์​ของผมอาจจะมีไม่มาก​ แต่ก็เคยทำงานร้านกาแฟเป็นบาริสต้ามาสองสามแห่ง​ แต่ผมมั่นใจว่าผมเรียนรู้งานได้เร็วครับ​ และก็ขยัน​ ตรงต่อเวลา​ "

อัลพยักหน้า​ ใช่ได้ๆ​ ถึงจะประสบการณ์​น้อย​ แต่ถ้าไฟแรงขนาดนี้น่าจะทำงานได้ยาวๆ​ ไม่น่าห่วง​ รอทดสอบฝีมือตอนชงกาแฟละกัน

ผู้สมัครคนที่สอง​ คนต่อมา​เป็นผู้ชาย​วัยกลางคน​รูปสูงร่างอ้วนท้วม​ ดูท่าทางมีความมั่นใจในตัวเองสูง​

" สวัสดี​ครับ​ ผมชื่อ​ เต๋ากอง​ อายุ​สามสิบสองครับ​ ก่อนอื่น​ ผมไม่ได้อยากจะพูดว่ายกยอตัวเองนะครับ​ แต่ผมเคยทำงานร้านกาแฟชื่อดังมามากมาย​ ประสบการณ์​โชกโชน​ แต่ที่ออกมาจากที่เก่าเพราะผมมองว่าผมยังไปไกลได้มากกว่านี้​ และคิดว่าร้านนี้ผมมั่นใจเลยว่า​ ผมเหมาะสำหรับที่นี่ครับ​ ฮ่าๆๆ "

อัลกระพริบตาปริบๆ​ แล้วก็มองหน้าไนท์​ ไนท์ก็มองหน้าอัล ทั้งสองสบตากันสักครู่​ ก่อนที่ไนท์จะกระแอ่มทีหนึ่ง​ แล้วเชิญ​คนถัดไป​

คนที่สาม​ เป็นหญิง​สาวหน้าตาดี บุคลิกดูร่าเริง​ น่านะสูงสัก​ร้อยหกสิบต้น ตัวเล็กๆหน่อย

" สวัสดี​ค่ะ​ ดิฉันชื่อ​ ละอองมิ้นท์​ เรียกมิ้นท์เฉยๆก็ได้ค่ะ​ อายุ​ยี่สิบห้าปี ที่ดิฉันมาสมัครงานก็เพราะต้องการหาประสบการณ์​เพิ่มในส่วนของอาชีพบาริสต้าค่ะ​ ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบดื่มกาแฟอยู่แล้ว​ ดังนั้นดิฉันสามารถแยกรสชาติของกาแฟได้เลยค่ะ​ ว่าเป็นเมนูไหน​ อัตราส่วนผสมกาแฟเท่าไหร่​ เป็นต้นค่ะ​ "

ไม่เลวๆ​ คนนี้ดูเป็นคนละเอียด​แม่นยำ​ อัลพยักหน้าอีกรอบ​ จากที่ยืนฟังอยู่เงียบๆก็หมุนตัวแล้วเดินออกไป​ เพื่อเตรียมเครื่องชงกาแฟ​

ไนท์พาผู้สมัครทั้งสามคนมาตรงเคาท์เตอร์ด้านหน้าร้าน​ อัลที่ยืนอยู่ก่อนหน้านั้นก็หันมาแล้วอธิบาย​

" สุดท้ายผมจะรับหน้าที่ในการทดสอบทักษะ​ฝีมือและความแม่นยำของพวกคุณทั้งสามคน​ กติกาของผมนั้นง่ายมาก​ ผมจะให้คุณทำกาแฟ​มา​ 2​ เมนู​ ได้แก่​ ลาเต้อาร์ท​ และ​ กาแฟดริป ทั้งสองเมนูนี้​ต้องทำตามสูตรของทางร้าน​" พูดเสร็จ​ อัลก็ยื่นกระดาษ​ให้กับทั้งสามคน​ " ในนั้นมีขั้นตอน​การทำ​ทั้งหมดรวมถึงอัตราส่วนของกาแฟ​ ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์​มากหรือน้อย​ ที่ร้านนี้ผมจะใช้มาตรฐาน​รสชาติของทางร้านเป็นตัวตัดสิน​ อุปกรณ์​ผมเตรียมไว้ให้พวกคุณเรียบร้อย​ ผมมีเวลาให้พวกคุณ​ทั้งหมด​ 45​ นาที​ ถ้าใครทำเสร็จเอามาให้ผมประเมิน​ แล้วพวกคุณสามารถกลับได้เลย​ อีกสองสามวันผมจะติดต่อกลับไปได้ว่าพวกคุณได้งานหรือไม่​ "

พูดเสร็จ​ มาส​ เต๋ากอง​ และ​ ละอองมินท์​ ก็หมุนตัวต่างคนต่างรีบไปชงกาแฟทันที​ ในตอนนี้ไนท์หันไปรับออเดอร์ลูกค้าหน้าร้าน​แทนอัล​ ทำให้เขานั่งรอผู้สมัครทั้งสามคน​แลสังเกตุไปพลางๆ​

ในชั่วครู่หนึ่งอัลพักสายตาหลับตาลงเบาๆ​

' ท่านไม่กลัวข้ารึ​ ขะ​ ข้า... '

' ใยข้าต้องกลัวเจ้า​ ข้าแค่อยากเห็นว่าเป็นผู้ใดบรรเลง​เพลงได้ไพเราะขนาดนี้​ '

เสียงเด็กชายกับเสียงชายหนุ่มดังขึ้นในหัวเป็นบทสนาที่ไม่มีอะไร​ ทุกครั้งที่ได้ยิน​อัลมักจะรู้สึกสงบและผ่อนคลาย​ ถึงจะไม่สามารถจดจำใบหน้าตาของเด็กชายคนนั้นได้​.. ใช่แล้วล่ะ​ เป็นตัวเขาเองที่กำลังสนทนากับเด็กชายคนนี้

'​ นี่ๆ​ ข้าอยากฟังเจ้าเล่นอีก​ ขออีกสักบทเพลงได้หรือไม่​ ​'​

' ถ้า​.. ท่านอยากฟัง.. ข้าจะเล่นให้ท่าน​'​

เสียงพิณเริ่มบรรเลง..

" เชิญครับ​"

อัลลืมตาขึ้นแล้วพบว่า​ เต๋ากองเสริฟ์กาแฟสองแก้วมาวางตรงหน้าเขา​ พร้อมวางท่าอย่างมั่นใจสุดๆ​

" ไหนๆ​ ลองมาชิม​" อัลเลือกหยิบกาแฟดริปขึ้นมาดื่ม​ ทันใดนั้นหน้าเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเขียว​สลับกับสีม่วงสลับกันไปอยู่ห้าถึงหกรอบ ทำเอาเขาเปลี่ยนกลับมาเป็นสีหน้าปกติแทบไม่ทัน​

" เป็นไงบ้างครับ​ รสชาติกล่อมกล่อมดีใช่ไหมครับ​ ผมตั้งใจทำทุกส่วนตั้งแต่​ ตวงเมล็ดที่เมล็ดด้วยการใช้ทัพพี​ตวงหลังจากนั้นก็บดมันด้วยครก​ สุดจะ​ ออแกนิค​"

"..." จะเป็นลม.. บดกาแฟด้วยครก! แล้วเขาจะเตรียมเครื่องบดกาแฟให้ทำไม​กัน​ เดี๋ยวนะเขาไม่ได้เตรียมครกให้สักหน่อย

" เอ่อ​ คุณเต๋ากองครับ​ เอาครกมาจากไหนครับ​ ผมว่าผมไม่ได้เตรียม​ครกให้นะครับ​ "

" ฮ่าๆๆ​ ผมรู้อยู่แล้วว่าร้านคุณไม่มีหรอก​ ผมเลยเตรียมมาเอง​ จะได้รับรู้รสชาติที่แท้จริงของกาแฟไงครับ​ สูตรนี้ผมได้เคล็ดลับวิชามาจากร้านกาแฟชื่อดังแถวมาลักเปาครับ​"

"..." ที่ไหนฟะนั้น... เขากุมขมับ​ ก่อนจะชิมแก้วต่อไปในส่วนของเมนูลาเต้อาร์ท​ แต่ก่อนชิมต้องดูทักษะฝีมือ​ สรรค์​สร้างลวดลายไว้บนโฟมนมก่อน

... ตัวอะไรอะ​ บนโฟมนมปรากฏ​ภาพก้อมกลมๆดูโย้เย้​ เฉไปเฉมา​ เหมือนมันมีชีวิต.. อัลพยายาม​เพ่งมองแล้วคิดไปในทางบวกว่าน่าจะเป็นดอกไม้​ชนิดหนึ่ง​ ใช่.. ดอกไม้ละ.. อืมๆ​ ดอกไม้แหละ

" อันนั้นเป็นหมาผมเองครับ​ "

" ... ฮ่า น่ารักดีเน๊อะ​" พอเต๋ากองเฉลยทำเอาอัลถึงกับพูดไม่ออก​ หัวเราะแห้ง.. แล้วชิม​

พรูด---- กะ​ กลืนลงคอแทบไม่ทัน​ นี่มันรสชาติของความหายนะชัดๆ! อัลตอนแรกหน้าเขียวสลับม่วง​ ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นซีดที่เรียบร้อย​ เตาก๋องเห็นดังนั้นก็ตาลุกวาวทันที

" อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย! "

.. อร่อยกับผีนะสิ!! ทำไมชงได้ขมปี๋ขนาดนี้!!

เตาก๋องกลับบ้านไปก่อนเพราะเสร็จคนแรก​ หลังจากนั้นไม่นาน​ ละอองมินท์​ กับ​ มาส​ ก็มาเสริฟ์พร้อมกัน​ จากการประเมิณโดยรวมผ่านสายตาของอัล​ เขามองว่าทั้งคู่มีฝีมือค่อนข้างสูสีเลยทีเดียว​ จนกระทั่งได้พินิจและชิมดู​ ก็บอกให้ทั้งคู่กลับไปก่อน​

เมื่อทั้งสามคนกลับไป​ ไนท์เดินไปพลิกป้ายหน้าร้าน​เป็น​ 'close'​ ตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้วเป็นเวลาที่ร้านปิดพอดี​

" เป็นไงบ้างครับพี่​" ไนท์ถามแล้วเดินมานั่งเก้าอี้ฝั้งตรงกันข้าม​

" ถ้าจะให้เริ่มตั้งแต่ต้นแล้ว​ ปกติเมล็ดกาแฟ​มีเยอะมากๆ​ แต่ที่รู้จักกันโดยทั่วไปจะมีอยู่​ 4​ พันธ์ุ​คือ.."

อัลพูดแล้วโยนส่งให้ไนท์พูดต่อ

" อราบิก้า​ โรบัสต้า​ เอ็กซ์เซลล่า ลิเบอริก้า​"

" นายไม่ได้ท่องคถาอะไรบางอย่างหรอกใช่ไหม"

" ... " มุมปากไนท์กระตุก

" อะแฮ่มๆ​ เก่งมากเจ้าไนท์​ แน่นอนว่าปัจจุบันโดยทั่วไปบ้านเรา​มักจะใช้กาแฟพันธุ์อราบิก้าแบะโรบัสต้ามากกว่า​ เพราะความนิยมล้วนๆ​ โดยอราบิก้ากลมกล่อม​ มีกลิ่นหอม​ และมีรสชาติที่ละมุน ส่วนโรบัสต้า​ เข้มข้นแบบลูกผู้ชาย​ เพราะมีปริมาณคาเฟอีนที่มากกว่า​ แค่การเลือกเมล็ดกาแฟก็มีผลต่อรสชาติที่ออกมาค่อนข้างพอสมควร​ ดูเหมือนเตาก๋องจะทำคะแนนในช่องนี้ได้น้อย.. " อัลหยิบแก้วกาแฟหนึ่งที่ยังเหลืออยู่ส่งให้ไนท์​ เขามองแก้วทำตาปริบๆแล้วลองยกขึ้นมาดื่ม​ ทันใดนั้นไนท์ก็ตาโต​ หน้าเขียวปั๊ดทันที

พรูด----- ไนท์แทบจะสำลักออกมา

" พี่เอาอะไรให้ผมดื่ม.. ยาพิษ? "

" แก้วนั้นเป็นกาแฟดริปของเต๋ากอง​ "

" ... ถ้าผมเป็นพี่ผมจะตัดรายชื่อนี้ออกคนแรก​ "

" ฮ่าๆๆ​ และต่อมา​ ในส่วนของการคั่วแฟสามารถแบ่งระดับการคั่วได้ถึง​ 3​ ระดับ​ คั่วเข้ม​ คั่วกลาง​ คั่วอ่อน​ โดย​ 'คั่วเข้ม'​ ให้รสชาติกาแฟออกไปในทางขมปนหวานนิดๆ​ แต่จะไม่มีรสเปรี้ยวเลย​ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดื่มด่ำกาแฟรสเข้ม​ 'คั่วกลาง'​ ให้รสชาตินำเปรี้ยว​ แต่แฝงไปด้วยความหวานติดปลายลิ้น​ เป็นระดับคั่วที่มีมิติรสชาติที่หลากหลายชวนหลงใหล​ 'คั่วอ่อน'​ เป็นระดับการคั่วที่ถ่ายทอดรสดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟออกมาได้ชัดเจนที่สุด​ เหมาะกับการทำเมนูร้อนสำหรับผู้ที่ชอบเสพความดิบ​ แบบไม่ปรุงแต่ง​ โดยแก้วที่ไนท์ชิมไปนั้น​ คิดว่าทำไมเต๋ากองถึงได้คะแนนน้อย? "

" ระดับคั่วครับ​ เพราะ​ กาแฟดริป ชื่อของมันมาจากการชงผ่านตัวกรองที่แต่ละขั้นตอนต้องใช้ความพิถีพิถัน​ ในการแสดงรสชาติแบบไม่ปรุงแต่งออกมาหรือใกล้เคียงรสชาติดั้งเดิมเป็นสำคัญ​ "

"ถั่วต้ม! (ถูกต้อง) เตาก๋องกลับเลือกใช้ระดับคั่วเข้ม​ ยังไงก็ต้องอิงกับสูตรทางร้านเราด้วย​ ในตอนต้นกติกาก็บอกชัดเจนอยู่ แต่เขากลับเลือกทำตามอำเภอใจไปหน่อย​ ในสูตรก็มีเขียนว่าใช้การคั่วกาแฟระดับคั่วกลางไม่ก็คั่วอ่อนแท้ๆ ดังนั้นหักคะแนนครับผม​ แน่นอนการทำกาแฟดริปนั้นในส่วนของขั้นตอนนั้นก็สำคัญมากๆเช่นกันอย่างอัตราส่วนปริมาณ​น้ำ และ​ อุณหภูมิ​ ​พี่ว่าไนท์น่าจะรู้อยู่แล้ว​ "

" ครับ​ แล้วละอองมินท์กับมาสล่ะครับ​ "

" อ้อ​ สองคนนั้นทำได้ไม่เลวเลยล่ะ สูสีกันน่าดู​ "

อัลหมุนตัวอีกรอบแล้วไปหยิบกาแฟดริปของทั้งสองมาให้ไนท์ดื่ม​ พอได้ดื่มไนท์ก็จะพยักหน้า

" รสชาติมีความใกล้เคียงกับทางร้านเรามาก​ "

" ใช่ม๊า​ พี่คิดว่าสองคนนี้โอเคเลยน้า​​ "

" ต่อมาในส่วนของ​ ลาเต้อาร์ท​ แท้จริง​ คือ​ ศิลปะบนถ้วยกาแฟที่บาริสต้าอย่างเราสร้างสรร​ค์ลวดลายออกมาให้สวยงาม​ไว้บนฟองนม​ โดยเสน่ห์​ของมันคือการ สร้างความพลิ้วไหวของลายเส้นให้ดูอ่อนช้อย​ แสดงความพิถีพิถัน​ ความตั้งใจ​ และความทุ่มเท​ แต่ไม่แค่นั้นรสชาติก็สำคัญ​อย่างมาก​ กล่าวโดยสรุปคือ​ หากเปรียยเอสเพรสโซ่​ กาแฟดำรสเข้มที่เต็มไปด้วยความสุขุมนุ่มลึก​ คือหนุ่มหล่อมาดเข้มของเมนูกาแฟ​ ลาเต้ก็เปรียบเหมือนสาวหวานที่ถ่ายทอดความอ่อนโยนละมุนละไมออกมาได้อย่างน่าประทับใจ​และยิ่งมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ดื่มด่ำความสวยงามของลาเต้อาร์ท​ ลวดลายศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟ​ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดื่มเมนูลาเต้ให้ชวนหลงใหลมากยิ่งขึ้น​ ดังนั้น​.. "

อัลนำ​เมนู​ ลาเต้อาร์ท​ ทั้งสามแก้ววางเรียงให้ไนท์ดู​

" แก้วแรก​ของเต๋ากอง​ แก้วที่สองของมาส​ และแก้วสุดท้ายของ​ ละอองมินท์​ ไหนๆไนท์ลองดู​ แล้วมีความคิดเห็นอย่างไร​ จะชิมด้วยก็ได้นะ​ "

ไนท์มองดูทีละแก้วก่อนจะชะงักหยุด​ตรงแก้วหนึ่งที่บนฟองนมมีรูปร่างประหลาด​ โยเย้​ ดูพิลึกๆ​

" อ่า.. พี่.. นี่รูปอะไร.. ดอกไม้เหรอพี่​ "

" หมาน่ะ ของเต๋ากองอีกนั้นแหละ​ "

" ถามจริง?​ อันนี้รูปหมาเหรอพี่.. ผมยังต้องชิมอยู่ไหม​ " พอคิดว่าแก้วแรกที่ชิมไปก็เกินคำบรรยาย​ทำให้ไนท์อดที่จะเลิ่กลั่กไม่ได้ว่าควรชิมแก้วนี้ของเต๋ากองอีกหรือไม่​

" แล้วแต่นะ​ แต่พี่ชิมทุกแก้วแล้วล่ะ​ "

" พี่คือเทพเจ้าแน่ๆ​ "

" บ้าบอ​ ฮ่าๆ .. แต่ก็เกือบไปกอดคอชักโครกแล้วเหมือนกัน​ "

" ... " ไนท์เลื่อนสายตาไปที่แก้วของมาสก็พบว่าลวดลายที่มาสทำนั้นสวยงามไม่น้อยเป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่​อยู่บนฟองนม​ ส่วนของละอองมินท์เป็นรูปดอกไม้​ห้าแฉก​สวยงาม​ ไนท์ลองทดลองดื่มทั้งสองแก้วก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย​

" ดูเหมือนรสชาติตะแตกต่างกันเล็กน้อยนะครับ​ ถ้าไม่ชิมดูไม่ออกเลยจริ---"

" ชิมของเต๋ากองด้วยสิ "

" ไม่ชิมครับ!! อะแฮ่ม​ ฝีมือสร้างสรรค์​งานศิลปะของมาสและละอองมินท์ค่อนข้างที่จะดีเลยทีเดียว​ พวกเขาทั้งสองคนมีความประณีต​ ความตั้งใจ​ ความใจเย็น​ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องความแม่นยำในการผสมอัตราส่วนระหว่างกาแฟกับส่วนผสมอื่นๆต้องใช้ความแม่นยำ​และประสบการณ์​พอสมควร​ เท่าที่ผมได้ชิม​ ของมาสรสชาติจะเบาบางกว่า​ เป็นไปได้ว่าอัตราส่วนของกาแฟจะน้อยไปหน่อยเมื่อผสมเข้ากับนม​ ในขณะที่ของละอองมินท์จะดึงรสชาติความเข้มของกาแฟออกมาได้เข้มกว่าทำให้นมที่เข้ามาผสมสามารถเข้ากันได้อย่างลงตัว​ รสชาติไม่โดดออกมา​ ทำให้รสออกมากลมกล่อมมากกว่าของมาส​ครับ​ "

" สมกับเป็นเจ้าของร้าน​ ฮ่าๆๆ​ โอเคถ้าพี่ตายไปรับช่วงธุรกิจต่อจากพี่นะ​ "

" เดี๋ยวก่อน​ ไม่ได้สิ.. " ไนท์จ้องมองเจ้าของร้านตัวจริงที่มีสีหน้าอย่างพึงพอใจสุด​ แล้วเดินเข้ามาตบไหล่เขา

" ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าใครจะมาช่วยนายทำงาน​ "

" ละอองมินท์​เหรอครับ​ "

" เดี๋ยว​พรุ่งนี้​ให้น้องละอองมินท์มาเริ่มงานเลยก็ได้​ ที่เหลือพี่ฝากติดต่อกลับไปแจ้งผลการสมัครงานด้วยนะ​" อัลพูดเสร็จก็หมุนตัวกลับไปเก็บข้าวของแบกกระเป๋าหิ้ว

" เดี๋ยวพี่อัล​ ก่อนไป พี่บอกก่อนพี่จะหายไปอีกกี่เดือน.. "

" รอบนี้ก็คงเหมือนเดิมแหละมั้ง.. ฮ่าๆๆ​ เอาน่าเจ้าไนท์​ ยังไงพี่โทรหาเราเป็นระยะๆอยู่แล้ว​ รอบนี้ไม่เหงาละ​ มีเพื่อนมามาอยู่เฝ้าร้านด้วย​ "

" คราวที่แล้วหายไปสองเดือน​ คราวนี้คงไม่​ใช่ปาไปสามเดือนหรอกใช่ไหม​ " ไนท์จ้องเขม็ง​

" สู้ๆนะ​ " พูดเสร็จ​อัลวิ่งออกจากร้านทันทีโดยมีเสียงตะโกนไล่มากจากด้านหลัง

" พี่อัลลลลลลล!!! "

ผมเดินเลียบถนนมาเรื่อยๆ​ พลางจิ้มมือถือที่ดูตารางงานไปพลางๆ​ ทุกคนอาจจะสงสัยตกลงผมทำอาชีพอะไรกันแน่​ ฮ่าๆ ผมมีอีกอาชีพหนึ่งแต่ใช้กิจการร้านกาแฟบังหน้าไว้เฉยๆ​ นั้นก็คือ​ หมอดู! ยังไงล่ะ​ ทุกคนฟังไม่ผิดหรอก​ หมอดูนั่นแหละ​ แต่ไม่ใช่หมอดูกิ๊กก๊อกธรรมดาทั่วไปหรอกนะ​ แต่เป็นหมอดูระดับเอกซ์คลูซีฟเลยต่างหาก​ ระดับ​ 'ท่านเจ้าสำนัก'​ มาเอง​ บอกไว้ก่อนว่าถ้าไม่ใช่ลูกค้ากระเป๋าหนักจริงๆ​ท่านเจ้าสำนักจะไม่มาทำนายดวงด้วยตนเองเด็ดขาด​ จะใช้บริวารทำนายดวงให้แทน​

ครืด~ ครืด~

โทรศัพท์​สั่นมีข้อความแจ้งเตือนเข้ามา

' ท่านเจ้าสำนักคะ​ มีลูกค้าวอคอินเข้ามาอยากดูดวงกับท่านค่ะ​ บอกจะจ่ายไม่อั้น​ '

โอ๊ะโอ๋ว​ ดูเหมือนวันนี้ผมจะโชคดี​แฮะ​ อัลยิ้มตาหยีจนเป็นรูปสระอิ​ แล้วพิมพ์ตกลงก่อนจะกดส่งกลับไปทันที​

' ได้​ อีกครึ่งชั่วโมง​ถึง​ ต้อนรับลูกค้าให้เรียบร้อยนะ ​'

ไม่นานอัลก็ขับรถมาถึงสถานที่​โดยจอดให้ห่างสักห้าร้อยเมตร​ ก่อนลงจากรถก็เปลี่ยนชุดเป็นสวมผ้าโปร่งสีดำทึบทั้งตัวปิดตั้งแต่หัวจรดเท้า​ เพราะตัวตนของท่านเจ้าสำนักเป็นความลับห้ามแพร่งพราย​ เดี๋ยวจะไม่ศักดิ์สิทธิ์​เอา​ โอ๊ะๆลืมๆ​ เขาเอื้อมมือไปหยิบหน้ากากหลังรถออกมาสวมใส่​ บนหน้ากากฝังเพชรอย่างประณีตสวยงายเม็ดเล็กเม็ดใหญ่วางเรียงกันเป็นเส้นโค้งตามกรอบหน้ากาก​ แต่ทว่ากลับมีรอยยิ้มฉีกกว้างคลับคล้ายคลับคลา​เหมือนรอยยิ้มของตัวตลก​ ที่ใครก็ตามหากได้โดนหน้ากากใบนี้จ้องคงจะรู้สึกขนลุกไม่น้อยเหมือนกับได้เยาะเย้ย​โชคชะตาของคนตรงหน้าอย่างมีความสุข​

ตอนนี้เขามายืนอยู่​หน้าคฤหาสน์​ที่ตั้งตระหง่าน​ตรงหน้า​ เขาเดินเข้าไปข้างในพลันปรากฎบริวารมากมายนับสิบ​กำลังโค้งคำนับการมาของเขา​ ภายในคฤหาสน์​ตกแต่งคุมโทนด้วยสีทองสลับสีขาว​ ​ อัลเข้ามาก็โบกมือหนึ่งครั้งเป็นการบอกให้แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของใครของมัน​ บริเวณ​ห้องโถงค่อนข้างคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เข้ามาใช้บริการทำให้ดูครื้นเครงไม่น้อย​ ดูจากการแต่งตัวลูกค้าส่วนใหญ่​มีฐานะไม่มากก็น้อยส่วนใหญ่น่าจะเป็นนักธุรกิจ​ร้อยละ​แปดสิบเปอร์​เซ็นต์​ ถ้าให้อัลเดาคงไม่พ้นมาดูโชคขะตาเกี่ยวกับการเงินการทองไม่ก็ศัตรูคู่อริแน่นอน

สาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งเธอเดินเข้ามาอย่างเรียบร้อย​ ' แคทลีน​ '​ มือขวาของเขา เธอเป็นคนช่วยเขาจัดการระบบที่นี่ทั้งหมดให้อยู่ในกฎระเบียบ​ของที่นี่ไม่ให้วุ่นวายนั่นเอง

" ท่านเจ้าสำนัก​ แขกวีไอพีอยู่ด้านบนค่ะ​"

อัลเพียงพยักหน้า​ ตั้งแต่เข้ามาเขาไม่เปล่งเสียงเลยเพียงใช้มือทำท่าเป็นสัญญลักษณ์​เท่านั้นอย่างได้กับไม่ได้อะไรทำนองนี้​ เหตุผลเพราะเขาต้องการปกปิดตัวตนให้ถึงที่สุด​แม้กระทั่งเสียงของเขา​ แต่อาจจะยกเว้นกรณีพูดคุยกับลูกค้าวีไอพีนะ​

เอาล่ะ​.. อัลเดินวางท่าอย่างสง่างามค่อยๆเดินขึ้นบันได​มาอย่างช้าๆ​ เมื่อถึงชั้นสองของคฤหาสน์​ก็ผลักประตูบานใหญ่​ที่อยู่ตรงหน้าแล้วปิดลง​ พลันหมุนตัวมาปรากฎชายคนหนึ่งสวมสูทสีดำนั่งรอเงียบๆอยู่ในห้อง​ พอเสียงปิดประตูดังขึ้นเขาเลยเลยหันมา​ อัลเดินเข้าไปเพียงผงกหัวเป็นการทักทายแล้วเดินไปนั่งตรงข้ามเขา หลังจากนั้นตนจึงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา

" ในห้องแห่งนี้​ท่านสามารถ​ล่วงรู้ความจริงได้บางเรื่อง​ และบางเรื่องถึงข้ารู้ก็มิอาจตอบได้​ แต่อาจจะช่วยท่านได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง​ ได้เพียงแค่สามข้อเท่านั้น​" อัลค่อยๆกล่าวอย่างไหลรื่น​ ถึงกับทำให้คนตรงหน้านั้นทำหน้าเคลิ้มก่อนจะสะดุ้งเมื่อรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามพูดจบลง

"เอ่อ​ ผมชื่อพลัมครับ​.. ขออนุญาต​ถามท่านเจ้าสำนักถามได้แค่สามข้อเหรอครับ​ "

"มากกว่าสามข้อ​ จ่ายเพิ่​ม​ "

"... " ชายตรงหน้าที่ชื่อพลัมหน้ากระตุกเล็กน้อย​ เหมือนจะได้ยินเสียงลอยมาจากเขาว่าหน้าเลือดยังไงก็ไม่รู้แฮะ​

" เอ่อ​ ถึงคำถามจะผิดเพี้ยนหลุดโลกก็ถามได้​ใช่ไหมครับ​ "

" ได้สิ​.. เจ้าจะถามว่าปิกาจูแล้วปกติกินถั่วลั่นเตารึเปล่า​ ก็ย่อมได้​.. "

"..."

ว่าไปเคยมีคนยอมจ่ายหนักมาถามคำถามเพี้ยนๆก็มีถมเถไปนะ​ ฮ่าๆๆๆ​ มีครั้งหนึ่ง​ เขาเคยเจอลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาทำให้เขาทำนายให้ว่า​ระหว่างไก่ที่บ้านออกไข่กับหน้าที่การงานของเขาอะไรจะเร็วกว่ากัน แน่นอนว่า​ ไก่ออกไข่..

พลัมกระแอ่มทีหนึ่ง​ แล้วทำหน้าจริงจัง​ ก่อนจะพูดออกมา​

" ช่วงนี้ผู้คนหายไปจำนวนมากไม่ทราบว่าเกี่ยวกับภูตผีหรือไม่​"

หื้อ?

อัลชะงัก​ ทำไมฝ่ายที่ตกใจกลับเป็นเขาแทนไปซะได้​ เขากระแอ่มทีหนึ่งก่อนจะแบบมือยื่นออกไป

" ส่งมือเจ้ามา​ ข้าจะเริ่มทำนาย​"

" คะ​ ครับ​ "

พลัมยื่นมือออกมาแล้ววางบนมือเขา​ อัลหลับตาลงตั้งจิตให้สงบ​ เสี้ยววินาที​นั้นภายใต้หน้ากาก​ ดวงตาสีดำขลับลืมขึ้นพร้อมกับดวงตาที่พลันประกายแสงสีทอง​ ' เนตรอรุณ​ '​ เมื่อเนตรนี้ถูกปลุก​ จะไม่มีอะไรสามารถปกปิดเขาได้แม้แต่ความคิด​รวมถึงบางอย่างด้วยเช่นกัน​

ออร่าบางอย่างแลดูคล้ายกลุ่มหมอกควันสีเทาแผ่ออกมาจากตัวของชายคนนี้อย่างเบาบาง​ ดูไปดูมาก็เหมือนว่าชายคนนี้อาจจะแวะไปเกี่ยวข้องกับโลกด้านล่างมาไม่ผิดแน่ ตอนนี้เหมือนจะได้ยินเสียงในใจของชายตรงหน้าดังออกมาถึงปากเขาจะไม่ได้ขยับก็ตาม

' ให้ตายเถอะ เพราะไอ้เวรนั่นแท้ๆ ทำให้เรื่องบานปลายจนได้ '

เหมือนจะมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องสินะ ดูท่าทางจะทำให้พลัมดูโมโหสุดๆ ถึงหน้าเขาจะไม่แสดงอะไรออกมาก็เถอะ

" คำตอบที่เจ้าถามข้อแรก​ คือ​ มีความเป็นไปได้​"

พอได้ยินคำตอบนั้นพลัมก็ดูไม่ตกใจเหมือนพอจะเดาๆได้อยู่แล้ว​ หากเพียงอยากได้ยินคำยืนยันจากปากของเขาก็เท่านั้น​ แต่อัลกลับแปลกใจอยู่หนึ่งอย่างคือปฏิกิริยาแบบนี้นั้น​โดยทั่วไปถ้ารับรู้ว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่มองไม่เห็น คงตกใจรีบวิ่งแจ้นไปหาหมอผีแล้ว

" คำถามข้อสอง​ "

พลัมขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามอีกรอบ​ ด้วยใบหน้าตึงเครียด

" หลังจากนี้ผมจะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น​เองได้ทั้งหมดหรือไม่​"

อัลย่นคิ้ว.. เนตรอรุณมันทำนายอนาคตได้ที่ไหนล่ะ... ปกติที่ผ่านมามันเกิดจากเขาใช้พลังอ่านความคิดในใจฝ่ายตรงข้ามแล้วเดาว่ามันควรจะแก้ไขไปในทิศทางไหนมากกว่า​ มาถามเรื่องที่เกินมือเขา​ อย่างเรื่องภูติผี​ โลกข้างล่างซะงั้น​ ส่วนตัวไม่อยากยุ่งเท่าไหร่​ เพราะตัวเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปเกี่ยวข้องอีกถึงจะถูก

" แน่นอน​"

พอได้ยินอย่างงั้นตอนแรกที่มีสีหน้าที่ตรึงเครียดก็ผ่อนคลาย​ลงเยอะพอสมควร​ เห็นอย่างนั้นทำให้อัลรู้สึก.. อยากรู้เป็นอย่างมากว่าคนตรงหน้าไปทำอะไรมา​ สีหน้ามู่ตู้ของอัลปรากฎอยู่ภายใต้หน้ากาก​ ก่อนจะสงบสติแล้วถามคำถามถัดไป

" คำถามข้อสุดท้าย​"

" อืม.. ผมคงถามแค่สองข้อแหละ​ครับ​ ผมอยากรู้เท่านี้​ ไม่ต้องกังวลนะครับท่านเจ้าสำนักผมจ่ายเต็มจำนวนให้แน่นอน​"

" ...." อืม​ กำไรแท้​ อัลพยักหน้า​

ชายตรงหน้าที่ชื่อพลัมก็ลุกขึ้นทำความเคารพเขาแล้วเดินออกไป

ปล่อยให้ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบงัน​ เขาหรี่ตาลง​ พอได้ยินว่าเป็นโลกข้างล่าง​ หัวใจกลับกระตุกวูบ นัยน์ตา​สีทองพลันปรากฎความเศร้าหมอง​อยู่ภายใต้หน้ากากที่ฉีกยิ้มอย่างกับว่ามันกำลังหัวเราะให้กับตัวเขาไม่ใช่ใครคนอื่น​

あなたも好きかも

ครุฑาจอมราชันย์

ครุฑาจอมราชันย์เป็นนวนิยายแนวกำลังภายในแฟนตาซีอิงประวัติศาสตร์ไทยในช่วง พ.ศ.2470 คาบเกี่ยวไปถึงห้วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึงตัวเอกที่มีชื่อว่าธีรพล ชายชาวไทยเชื้อสายจีนผู้ได้รับอัตลักษณ์พลังสถิตรูปพญาครุฑนามว่าสุบรรณมาตั้งแต่กำเนิด ในวัยเด็กนั้นเขาได้ถูกไล่ล่าโดยกลุ่มองค์กรลึกลับซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็คือ พรรคภูติราชันย์ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นพรรคผู้ร่วมก่อตั้งของภาคีซันเหอหรือที่ชาวไทยรู้จักกันในนามว่าอั้งยี่ที่ดำรงอยู่คู่กับสังคมไทยมากว่าหนึ่งร้อยสิบแปดปี แต่ด้วยความคิดจะตั้งตนเป็นเจ้าในแผ่นดินสยามจึงได้ถูกพรรคบัวมารมรกต หรืออีกหนึ่งพรรคก่อตั้งตลบหลังให้ความร่วมมืออย่างลับๆกับทางการ จนเป็นผลให้พรรคภูติราชันย์ถูกกวาดล้างไปจากแผ่นดินสยามในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ในเวลาต่อมา แม้ทางภาคีซันเหอจะคาดคิดว่าพรรคภูติราชันย์ได้หายสาบสูญไปสิ้นแล้วก็ตาม แต่เมฆผู้เป็นบิดาของธีรพลก็ได้ไปค้นพบหลักฐานของการดำรงอยู่ของพรรคภูติราชันย์เข้า จนส่งผลให้ทั้งตัวเขารวมไปถึงลี่ผู้เป็นภรรยาและธีรพลในวัยสี่ขวบถูกติดตามฆ่า จนในที่สุดเมฆและลี่ก็ถูกหนึ่งในขุนพลของอีกฝ่ายสังหารลง แต่สำหรับธีรพลที่ได้รับความช่วยเหลือจากทองใบเกลอคนสนิทของเมฆไว้นั้นก็สามารถหลบหนีมาใช้ชีวิตอย่างสงบได้ที่เวียงพิงค์ อีกกว่าสิบห้าปีถัดมา ธีรพลในวัยฉกรรจ์ที่ได้รับการฝึกฝนมวยไทยอย่างหนักจากทองใบก็ต้องพบกับเรื่องราวที่ทำให้เขาได้รู้จักกับพลังงานชีวิต พลังงานธาตุ และอัตลักษณ์พลัง จนนำไปสู่การค้นพบสุบรรณในที่สุดซึ่งก็ทำให้เขาได้พัฒนาฝีมือขึ้นตามลำดับขั้น ด้วยโชคชะตาที่ทำให้ชีวิตเขาต้องเข้าไปผัวพันกับภาคีซันเหอ องค์กรใต้ดินที่มีอิทธิพลสูงสุดในสยามประเทศ ธีรพลก็จึงได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางการแข่งขันทางการค้าที่ผิดกฎหมาย และต้องต่อสู้กรุยทางเพื่อสร้างพรรคของตนให้มีอิทธิพลอำนาจสูงขึ้นในภาคีและตามล่าหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การสังหารครอบครัวของเขา ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับชะตากรรมของชีวิตผู้คนในพิภพสหัสดาราที่ซึ่งเป็นโลกคู่ขนานต่างมิติกับโลกมนุษย์ ที่ความโกลาหลได้บังเกิดขึ้นทั่วทุกแห่งหนอันสืบเนื่องมาจากพระราชาองค์ปัจจุบันได้สิ้นพระชนม์ลง จึงทำให้บรรดาเผ่ามนุษย์ที่เคยสมัครสมานสามัคคีกันได้แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นแสวงหาอำนาจต้องการตั้งตนเป็นใหญ่ และที่สำคัญที่สุดเผ่าพันธุ์อสูรที่เคยถูกสยบอยู่กว่าสองพันปีก็ได้โอกาสอันดีเริ่มเคลื่อนไหวรุกรานอาณาจักรต่างๆอีกครึ่ง แต่ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ที่ยังจงรักภักดีต่อราชวงศ์ทิตยะ ก็ทำให้ธีรพลได้พบกับแม่ทัพใหญ่อัศวเมธ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้อ้อนวอนขอให้เขาช่วยเหลือตามหาองค์ชายราวินทร์ที่หายสาบสูญไปจากพิภพสหัสดารา ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วหลังจากธีรพลออกค้นหาอยู่ภายในโลกมนุษย์ได้สักระยะหนึ่งก็ได้พบกับองค์ชายราวินทร์และช่วยกันกำจัดพรรคภูติล้างวิญญาณซึ่งมีตัวการใหญ่ก็คือจอมเวทย์บุศัยยะ ผู้ที่แฝงตัวเข้ามายังโลกมนุษย์เพื่อเก็บเกี่ยวพลังงานธาตุจากอัตลักษณ์พลัง และที่สำคัญก็คือจอมเวทย์ผู้นี้เองเป็นผู้ที่สั่งการฆ่าครอบครัวของเขา เมื่อไม่มีจอมเวทย์บุศัยยะคอยบงการ พรรคภูติราชันย์จากที่จะสามารถล้มล้างภาคีซันเหอซึ่งเป็นศัตรูสำคัญลงได้และกำลังจะดำเนินแผนการยึดครองสยามประเทศ ก็ได้ถูกธีรพลซึ่งในขณะนั้นได้ขึ้นเป็นผู้นำภาคีพลิกสถานการณ์เข้าจัดการจนสามารถล้มจอมราชันย์ของพรรคลงได้ และทำลายแผนการอันชั่วร้ายของพรรคภูติราชันย์ทั้งหมด จากนั้นธีรพลก็ได้กลับไปยังพิภพสหัสดาราเพื่อช่วยเหลือองค์ชายราวินทร์ รวบรวมคนจากเผ่ามนุษย์ เผ่าปักษา เผ่านาคาและเผ่าสัตว์เทพเข้าต่อกรกับเผ่าอสูรที่จอมเวทย์บุศัยยะบงการอยู่ เพื่อขัดขวางการปลุกชีพจอมมารรามสูรที่เคยอาละวาดเมื่อราวสองพันปีก่อนลง ซึ่งด้วยพันธมิตรที่แข็งแกร่งและความเก่งกาจของธีรพลที่มีอัตลักษณ์พลังสถิตอยู่ด้วยกันถึงห้าตน ก็ทำให้เขาสามารถสังหารจอมเวทย์บุศัยยะผู้เป็นตัวการพรากชีวิตของบิดามารดาเขาลงได้และสามารถช่วยเหลือพิภพสหัสดาราไว้ได้ในที่สุด

Thanakorn_Pinchai · ファンタジー
レビュー数が足りません
23 Chs