ตอนที่ 9 ไม่ได้มาออดิชั่นบทนางเอก
เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงเวลาเร่งด่วน บนถนนจึงรถติดมาก กว่าหนิงซีจะมาถึงก็เลยเวลาไปแล้ว
ฉางลี่กับหนิงเสวี่ยลั่วเดินออกมาจากตึกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม รอบข้างยังมีคนกลุ่มหนึ่งร่วมแสดงความยินดี
เมื่อมองเห็นหนิงซีเดินมาจากที่ไกล ด้วยใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ หนิงเสวี่ยลั่วก็มองเธอด้วยสายตาแบบเดียวกับเมื่อห้าปีที่แล้วไม่มีผิด
มองอย่างเหยียดหยันเหมือนเป็นแค่มดตัวหนึ่ง
เห็นหนิงเสวี่ยลั่วนั่งรถส่วนตัวจากไปอย่างเย่อหยิ่ง หนิงซีเห็นดังนั้นก็ไม่ได้คิดหันหลังกลับ หล่อนมุ่งหน้าเข้าไปในตึกอย่างเร่งรีบ
ตอนนี้ก็ยังไม่นับว่าช้าเกินไป
เมื่อวิ่งไปได้ครึ่งทางก็พบคนกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกันอย่างออกรสเดินออกมา พวกเขาคือคณะกรรมการคัดเลือกนักแสดงที่มาแคสติ้งเรื่อง ‘เทียนเซี่ย’ นั่นเอง
“ขอโทษค่ะ ฉันมาสาย!” หนิงซีโค้งคำนับเพื่อขอโทษ
เมื่อเห็นหนิงซีอยู่ๆ ก็มาขวางทางไว้แบบนี้ พวกคณะกรรมการหลายคนมองหน้ากัน บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์
ใครๆ ก็ไม่ชอบคนมาสาย
รองผู้กำกับพูดขึ้น “การออดิชั่นเสร็จสิ้นไปแล้ว เพิ่งมาถึงตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? เด็กสมัยนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ”
“ฉันไม่ได้มาออดิชั่นบทนางเอกค่ะ!” หนิงซีพูด
“อ้อ? ถ้าไม่ใช่มาออดิชั่นบทนางเอก แล้วจะมาออดิชั่นบทอะไรล่ะ?” ผู้เขียนบทถามด้วยความสนใจ
“ฉันมาอออิชั่นบทรองนางเอก เมิ่งฉางเกอ! เท่าที่ทราบการออดิชั่นเมื่อคราวที่แล้ว พวกคุณยังหาคนที่เหมาะสมกับบทนี้ไม่ได้!”
เมื่อหนิงซีเงยหน้าขึ้น เหตุการณ์เหมือนจะชะงักงันไปห้าวินาที รองผู้กำกับซึ่งเมื่อครู่กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์มองหนิงซีตาค้าง
ที่อยู่ตรงหน้าคือหญิงสาวริมฝีปากแดงระเรื่อ ฟันขาวสะอาด ผมดำขลับนั้นยาวจนถึงเอว ในชุดเดรสสีแดงสด แต่สีสันอันงดงามของเสื้อผ้า ยังไม่อาจบดบังความงามของเธอได้ กลับช่วยขับเธอให้โดดเด่นขึ้นไปอีก
เธอได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ทว่ารู้สึกเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางลมพายุในป่าใหญ่ ดุจดั่งเช่นสุนัขจิ้งจอกที่บำเพ็ญเพียรมานับพันปี แม้จะมีตบะแก่กล้าขนาดไหน กลับไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์ ดวงตานั้นก็สุกสกาวสดใส สายตาที่สะกดผู้คนคู่นั้น หากเผลอไผลไปเพียงชั่วขณะก็อาจจะตกอยู่ภายใต้มนต์เสน่ห์...
“คุณชื่ออะไร?” จนกระทั่งผู้กำกับกัวฉี่เซิ่งเอ่ยถาม บรรดาคณะกรรมการทั้งหลายถึงเพิ่งรู้สึกตัว เหมือนกับเพิ่งตื่นจากความฝันอันแสนหวาน
“หนิงซีค่ะ”
“ผู้กำกับกัวหันไปสบตากับรองผู้กำกับ ผู้เขียนบท ผู้ผลิตและคนอื่นๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า พอจำได้ลางๆ แล้ว คุณเป็นนักแสดงในสังกัดซิงฮุยใช่รึเปล่า? กลับไปเตรียมตัวได้เลยนะ บทรองนางเอกเป็นของคุณแล้ว! เริ่มเปิดกล้องเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบ”
“ขอบคุณผู้กำกับ ฉันจะตั้งใจเตรียมพร้อมให้ดีที่สุดเลยค่ะ!” หนิงซีโค้งคำนับขอบคุณ
เป้าหมายแต่แรกของหนิงซีก็คือบทรองนางเอก
เพื่อบทนี้แล้ว หล่อนเพียรฝึกฝนอยู่ถึงสามเดือน พยายามให้เข้าถึงบทบาทอารมณ์และความรู้สึกของเมิ่งฉางเกอ เพื่อให้เหล่าคณะกรรมการประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
แม้จะผ่านความล้มเหลวมาหลายครั้ง แต่ยังดี เธอทำสำเร็จแล้ว...
เมื่อหนิงซีจากไปแล้ว ผู้กำกับกัวยังถอนหายใจไม่หยุด
“ไม่นึกเลยว่าเฟ้นหาตั้งนานก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ แต่สุดท้ายอยู่ๆ ก็โผล่มาเอง! ผู้หญิงคนนี้ถึงจะเซ็นสัญญากับซิงฮุย แต่ประวัติการแสดงไม่ดีเลย คุณสมบัติแบบนี้ถ้ามาขอออดิชั่นบทนางเอก ผมคงไม่สนใจแต่ทีแรก ไม่คาดคิดเลยว่าตัวจริงจะสวยกว่าในรูปมากขนาดนี้”
เย่หลิงหลง ผู้เขียนบทระงับความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
“ที่สำคัญที่สุดคืออารมณ์ของเธอ สายตาเมื่อครู่ของหล่อนดูเข้าถึงบทบาทจริงๆ ก่อนที่เมิ่งฉางเกอจะกลายเป็นนางปีศาจล่มเมือง อดีตเคยเป็นแม่ทัพหญิงผู้องอาจ หล่อนสามารถสวยเย้ายวน แต่ทว่าไม่ดูเป็นหญิงชั้นต่ำ ทั้งยังมีความบริสุทธิ์และหลุดพ้นจากโลกของปุถุชน พวกที่มาออดิชั่นก่อนหน้านี้ต่างก็แสดงออกมาเหมือนกับเป็นผู้หญิงอย่างว่ากันไปหมด ทำเอาผมจะโมโหตายอยู่แล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าโมโห อย่าโมโห สุดท้ายก็หาเมิ่งฉางเกอของคุณเจอจนได้แล้วไม่ใช่เหรอ?
ขณะเดียวกันนี้ ที่เมือง B โรงพยาบาลตี้อี้เหรินหมิน
ซาลาเปาน้อยที่พักอยู่ในห้องคนไข้ VIP กำลังก่อเรื่องวุ่นวายไปทั้งห้อง
เจ้าตัวแสบกำลังใช้เท้าเหยียบนขอบหน้าต่าง อารมณ์ตื่นตระหนก ตะโกนร่ำร้องเสียงโหวกเหวก ไม่ว่าหมอพยาบาลจะพูดยังไงก็ไม่ยอมลงมา
ลู่จิงหลี่คอยปลอบโยนพ่อยอดดวงใจอยู่ด้านล่าง แต่ไม่ว่ายังไงเด็กน้อยก็ไม่ยอมฟังอาของเขาเลย
ไม่มีทางเลือก ลู่จิงหลี่จำต้องโทรเรียกลู่ถิงเซียวที่เพิ่งถูกเรียกตัวไปที่บริษัทให้กลับมา