บทที่ 6 เจ้าชายน้อยผู้มีแสงเรืองรอง
“ประธานลู่ นี่มัน....” เถ้าแก่เจ้าของผับใบหน้าบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ ไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ลู่ถิงเซียวกวาดตามองผู้จัดการสาวที่ทำหน้าละอายใจอยู่ แล้วมองบันไดที่ล้มลงกับพื้น ทั้งยังหน้าต่างบานเล็ก
ขนาดแค่พอดีตัวเด็กด้านบน ก็พอจะเดาเหตุการณ์ทั้งหมดได้
เขายกมือเป็นสัญญาณว่าให้ทุกคนถอยไป แล้วเดินเข้าไป อุ้มผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง
กลิ่นหอมเย็นๆ นั้นยิ่งชัดเจนเมื่อเธออยู่ในอ้อมอกเขา
เมื่อเห็นว่าลู่ถิงเซียวเข้าไปอุ้มแล้ว เสียวเป่าจึงเลิกขวางทาง แต่ใบหน้าน้อยๆ ก็มีความไม่พอใจอยู่นิดๆ แสดงออกว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขาตัวเล็กเกินไปแล้วล่ะก็ จะต้องเข้าไปอุ้มด้วยตัวเองแน่นอน
โรงพยาบาลตี้อีเหรินหมิน เมือง B
หนิงซีฟื้นขึ้นมาในเช้าของวันที่ 2
เมื่อลืมตาขึ้นมอง ก็พบชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่างตรงหน้าเธอ
ขาเรียวยาวนั้นไขว้ซ้อนกันอยู่ เสื้อสูทที่ตัดเย็บพอดีตัวเผยให้เห็นไหล่กว้างและเอวที่ได้รูป เสื้อเชิ้ตสีขาวติดกระดุมอย่างพิถีพิถันไปจนถึงคอ ทั้งที่เป็นแสงอาทิตย์ยามเช้าแท้ๆ แต่บนตัวของเขาเหมือนถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ความเยือกเย็นไม่แยแสของเขา ทำให้ดูราวกับกษัตริย์ในปราสาทยุคกลางไม่มีผิด
ชายหนุ่มเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองอยู่ เขาจึงเหลือบสายตาที่ดูเหมือนทะเลลึกคู่นั้นขึ้นมองหล่อน สายตาที่เย็นชานั้นมองทะลุทะลวงเข้าไปในตัวเธอ
สายตาแบบนั้นดูรุกรานเกินไป เหมือนดั่งมีดผ่าตัดคมกริบ ที่เฉือนตัวเธอออกทีละชิ้น ทีละชิ้น ทำให้คนถูกมองรู้สึกขนลุกขนพอง
หนิงซีรู้สึกเหมือนทำสงครามเย็นกับเขา สายตาของชายที่อยู่ตรงหน้านี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว เธอจึงถามออกไปด้วยความร้อนรน
“คุณผู้ชายคะ ขอถามหน่อย ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วคุณเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งไหม? อายุประมาณ 4-5 ขวบ ไม่ค่อยพูด ผิวขาวๆ หน้าตาน่ารักๆ”
น่ารัก...
ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงเมื่อได้ฟังคำพูดของหนิงซี พร้อมทั้งเบนสายตามองไปยังด้านขวาของเธอ น้ำเสียงเย็นยะเยือกเหมือนคนพูด “เธอหมายถึงเสียวเป่า?”
หนิงซีมองตามสายตาของชายหนุ่มผู้ดูเหมือนน้ำแข็งแกะสลัก ก็พบว่าเป็นซาลาเปาน้อยที่ทั้งขาวทั้งนิ่ม กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงเล็กๆ ข้างตัวเธอ หลังมือถูกเข็มเจาะไว้เพื่อให้ยาโดยเฉพาะ “ใช่ เขานี่แหล่ะ เขาชื่อเสียวเป่าเหรอ?”
หนิงซีรู้สึกสบายใจขึ้น ลุกจากเตียงไปหาเด็กน้อย เอามืออังที่หน้าผาก ไข้ลดแล้ว
ทีแรกตอนที่ช่วยเด็กน้อยให้หนีออกมา เธอรู้สึกเสียใจภายหลัง คิดว่าเด็กอายุยังน้อย ทั้งยังมีไข้ ภายในผับที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายแบบนั้น หากเขาออกไปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะทำยังไง
หนิงซีหันไปถามชายหนุ่มท่าทางน่ากลัวที่เหมือนก้อนน้ำแข็งแกะสลักอีกครั้ง “คุณทั้งสองคนเป็น...?”
เมื่อพูดออกไป หนิงซีก็รู้สึกว่าไม่น่าถามเลย
ผู้ใหญ่กับเด็กสองคนนี้ ดูเหมือนกันราวกับแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันไม่มีผิด ต้องเป็นพ่อลูกกันแน่นอน
ในที่สุด ก้อนน้ำแข็งแกะสลักก็ตอบว่า “พ่อลูก”
“เฮ้....คนสวย ตื่นแล้วเหรอ นี่ฉันเป็นอารองของเสียวเป่าเอง”
ตอนนั้นเองที่มีใบหน้าใหญ่ๆ ของใครคนหนึ่งโผล่เข้ามา ทีแรกหนิงซีตกใจถอยหลังไปหนึ่งก้าว จนเมื่อมองเห็นชัดเจนว่าชายหนุ่มเป็นใคร ก็ถึงกับตะลึง “ลู่... ลู่จิงหลี่?”
คุณชายรองแห่งลู่ซื่อกรุ๊ป เจ้าของ เซิ่งซื่อ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เนื่องจากภาพลักษณ์ภายนอกดูเป็นคุณชายเจ้าสำราญ ทำให้มีข่าวขึ้นในหนังสือพิมพ์บันเทิงบ่อยเสียยิ่งกว่าดารา
หน้าตาแบบนี้เธอไม่มีทางจำผิดแน่ๆ
น้ำแข็งแกะสลักเป็นพ่อของเสียวเป่า ลู่จิงหลี่เป็นอารองของเสียวเป่า...
ถ้าเช่นนั้นน้ำแข็งแกะสลักก็ต้องเป็นพี่ชายของลู่จิงหลี่ ลู่ถิงเซียวงั้นหรือ?
ลู่ถิงเซียว ที่คนในเมืองหลวงต่างขนานนามว่าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ราชาผู้ไร้มงกุฎที่มีชีวิตอยู่จริง
ไม่คาดคิดเลยว่า เด็กที่เธอช่วยเอาไว้จะเป็นลูกนอกสมรสของลู่ถิงเซียวที่เขาร่ำลือกัน
เจ้าชายน้อยผู้มีแสงเรืองรอง...