ตอนที่ 1 ท้องเจ็ดเดือน
อุณหภูมิในร่างกายที่ร้อนรุ่มประดุจลาวาภูเขาไฟเหมือนจะแผดเผาตัวเธอให้มอดไหม้ มีเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยเธอได้ นั่นคือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้...
เธอโอบกอดผิวหนังที่เย็นเหมือนหินอ่อนนั้นอย่างแนบแน่น สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เธอไม่คิดจะต้านทานอีกต่อไป...
ความเจ็บปวดระคนกับความสุขสมพรั่งพรูออกมา เหมือนมีดอกไม้ไฟที่เจิดจ้าสว่างไสวอยู่ในหัวตลอดเวลา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่บนเรือที่ลอยโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง...
ไม่สามารถพาตัวเองให้หลุดพ้นออกมาได้…
“คุณคะ ตื่นเถอะค่ะ ที่นี่อากาศเย็น มานอนหลับที่นี่เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ”
แรงบีบที่หัวไหล่ทำให้หนิงซีตกใจตื่นขึ้นมา สายตางุนงงของเธอสบเข้ากับดวงตาที่แฝงไปด้วยความกังวลของนางพยาบาลที่อยู่เบื้องหน้า ทันใดก็เกิดความรู้สึกอับอายจนต้องหลบสายตา
บ้าจริง นี่ก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว เรื่องราววุ่นวายของเธอกับซูเหยี่ยนที่เกิดขึ้นจากความเมาในคืนนั้นยังคอยมาหลอกหลอนในความฝันอยู่เรื่อย โชคดีที่เธอเมาไม่รู้เรื่องจนจำอะไรในคืนนั้นไม่ได้เลย ไม่งั้นไม่รู้จะสู้หน้าพี่เหยี่ยนได้ยังไง
เมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว พยาบาลจึงยื่นกระดาษในมือให้ “คุณลืมหยิบผลการตรวจครรภ์มา คุณหมอจางนัดให้มาใหม่อีกทีอาทิตย์หน้านะคะ” หนิงซีรับเอาผลตรวจมาถือไว้ ยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนนำใบเสร็จใส่ลงกระเป๋าด้วยอย่างระมัดระวัง
ซูเหยี่ยนไปดูงานที่ต่างประเทศจะกลับมาวันนี้ เมื่อคิดว่าเย็นนี้จะได้เจอหน้าเขาแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เนื่องจากสถานที่ที่ซูเหยี่ยนไปอยู่นั้นติดต่อได้ยากมาก ดังนั้นกว่าจะติดต่อเขาได้เด็กในท้องก็ปาเข้าไปเจ็ดเดือนแล้ว
เมื่อนึกถึงตอนซูเหยี่ยนแสดงความตกอกตกใจเมื่อรู้ว่าเธอท้อง หนิงซีก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
หรือจะเป็นเพราะอารมณ์อ่อนไหวคิดมากตามประสาคนท้อง? หนิงซีรู้สึกว่าซูเหยี่ยนไม่ได้รู้สึกมีความสุขเหมือนกับเธอเลยสักนิด คุณหมอปลอบใจเธอ บอกว่าพวกผู้ชายเวลามีลูกคนแรก ยังตั้งตัวไม่ทัน ก็เป็นแบบนี้ทุกคน
แต่ว่า... แม้แต่เรื่องแต่งงานก็คงไม่น่าจะให้เธอเป็นคนออกปากพูดเองหรอกนะ?
ตอนที่เธอออกมาจากโรงพยาบาลก็สายจนแดดเปรี้ยงแล้ว หนิงซีออกแรงประคองเอว ขณะกำลังจะโบกมือเรียกแท็กซี่อยู่นั่นเอง จู่ๆ ก็มีรถสปอร์ตสีแดงแสบตาพุ่งเข้ามาที่เธอ หนิงซีตกใจ ถอยหลังไปหลายก้าว ได้ยินเพียงเสียงเหยียบคันเร่งโหยหวน แล้วรถสปอร์ตสีแดงก็เฉี่ยวชายเสื้อเธอไปนิดเดียว ก่อนจะเบรกเสียงดังเอี๊ยด
หนิงซีตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อตั้งสติยืนอย่างมั่นคงได้ ก็มองเห็นหนิงเสวี่ยลั่วสะบัดผมหยิกเป็นลอนเหมือนคลื่น สวมชุดสีแดงรัดรูปจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน ก้าวเท้าลงมาจากรถ
“หนิงเสวี่ยลั่ว นี่เธอบ้าไปแล้วหรอ?”
หนิงเสวี่ยลั่วจ้องมาที่เธอ ยิ้มอย่างมีเลศนัย เอามือกอดอก โพสท่านางแบบก่อนจะเดินนวยนาดมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหนิงซี ยืนจิกอยู่บนรองเท้าส้นสูง มองต่ำลงมาที่พุงอุ้ยอ้ายของหนิงซีอย่างพอใจแล้วพูดว่า
“ทำไม? กลัวว่าฉันจะชนมารหัวขนในท้องเธอตายงั้นเหรอ?”
หนิงซีรีบเอามือปิดท้องตัวเองด้วยสัญชาตญาณ ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองหล่อนด้วยสายตาเอาเรื่อง
“หนิงเสวี่ยลั่ว เธอจะมากเกินไปแล้วนะ!”
แม้จะรู้ดีว่าหนิงเสวี่ยลั่วนั้นไม่ชอบเธอมาแต่ไหนแต่ไร แต่หนิงซีก็ไม่คาดคิดว่าหล่อนจะปล่อยวาจาอำมหิตแบบนี้ออกมาจากปากได้
“ฉันน่ะเหรอทำเกินไป! ฉันว่าเธอต่างหากที่ทำเกินไป! เมาเหล้าแล้วไปมั่วกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้จนตั้งท้อง แล้วยังจะมีหน้ามายัดเยียดให้พี่ซูเหยี่ยนรับเป็นพ่ออีก คนที่หน้าไม่อายก็คือเธอนั่นแหล่ะ... หนิงซี!”
หนิงซีตกใจขวัญเสีย “พูดเพ้อเจ้ออะไรของเธอ?”
“อุ๊ยตาย นี่เธอคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่าผู้ชายที่นอนกับเธอคืนนั้นจะเป็นซูเหยี่ยน?” หนิงเสวี่ยลั่วหัวเราะจนตัวงอ
“ปากก็บอกว่าโตมาด้วยกันกับซูเหยี่ยน เป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เล็กแต่น้อย แต่รูปร่างของเขาเป็นยังไงเธอกลับไม่รู้เลยหรอ?” หนิงซียิ่งได้ฟังหน้าก็ยิ่งซีด ทั้งที่ยืนอยู่กลางแดดร้อนแท้ๆ แต่กลับรู้สึกเย็นเยือกไปหมดทั้งร่าง
ไม่ผิด ผู้ชายในคืนนั้น...
เธอคิดเอาเองว่า... หลังจากซูเหยี่ยนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาออกจะรูปร่างกำยำกว่าที่เธอคิดเล็กน้อย
แต่เมื่อวันนี้ได้ฟังคำพูดอันโหดร้ายของหนิงเสวี่ยลั่วมาเตือนสติ จึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า นอกร่างรูปร่างแล้ว ผู้ชายในคืนนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่เหมือนกับซูเหยี่ยน