webnovel

เสน่ห์รักเกมแค้น ตอนที่ 8

แสงแดดยามเช้าสาดส่องพาดผ่านท้องทะเลเข้าสู่ประตูห้องของชายหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงภายในห้องพักติดริมทะเล เขาเปิดเปลือกตาขึ้นมองแสงที่ส่องเข้ามายังสายตา เขาพลิกตัวนอนหงาย ยกแขนแกร่งทั้งสองข้างขึ้นปิดขี้เกียจ พร้อมนึกถึงสิ่งที่เขาต้องทำในเช้าวันนี้

เขายิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงสิ่งที่ดำเนินไปตามแผนที่วางไว้ทั้งหมดเมื่อคืนที่ผ่านมา หลายชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่วันนี้ตามสิ่งที่เขาวาดหวังไว้ และหญิงสาวที่แสนรักจะหลุดพ้นจากตัวมารที่เข้ามาข้องเกี่ยวในชีวิตตลอดกาล

เขาหันมองนาฬิกาติดผนัง ใกล้เวลาที่เขาเห็นควรว่าถึงเวลาจะจัดการกับคนที่เข้ามาขัดขวางเส้นทางรักระหว่างเขากับมินตราแล้ว คิดได้เพียงเท่านี้วรวุธขยับตัวลุกจาเตียงเดินเข้าห้องน้ำ จัดการชำระล้างร่างกายจนเรียบร้อยแล้วเดินออกมายืนหน้ากระจก เอื้อมมือหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโปรดพลางคิดคำนึงถึงผู้ซื้อเสื้อตัวนี้ให้ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

'เสื้อตัวนี้มิ้นต์เห็นมันดูเข้ากับพี่วุธมากก็เลยเลือกมาให้พี่วุธเป็นของขวัญวันเกิดค่ะ รับรองว่าพี่วุธใส่แล้วต้องออกมาดูดีมากแน่ๆ'

วรวุธเผยรอยยิ้มกว้างขึ้น เพียงแค่คิดถึงผู้ซื้อให้เขาก็มีความสุขเหลือเกิน มินตราเปรียบเสมือนสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา เฝ้ามองเธอนับตั้งแต่เป็นเด็กหญิงตัวเล็กที่เขาหยอกล้อเล่นด้วยมาตั้งแต่เด็กจนกระทั้งเติบโตเป็นหญิงสาวแสนสวยผู้เป็นที่สุดของหัวใจเขาตอนนี้

ช่วงเวลาที่ผ่านมาคงมีบางคนที่มองไม่เห็นคุณค่าของหญิงสาวแต่เขากลับมองเห็นมันเสมอมอ เฝ้าทะนุถนอมจนกระทั่งความงามหญิงสาวผลิบานสะกดใจใครหลายคนแม้กระทั่งคนที่เคยมองข้ามเธอไป มีหรือที่คนผู้แอบรักเธออย่างมั่นคงจะปล่อยให้ใครอื่นมาพรากหญิงผู้เป็นที่รักไปเสียจากเขา

วรวุธไม่เคยคิดทำร้ายใครหากเขาผู้นั้นไม่ใช่คนที่ต้องการยื้อแย่งมินตราไป ต่อให้เขาและเธอจะเหมาะสมกันมากเพียงใดแต่เขาก็เห็นว่าไม่ควรที่ใครจะมาฉกชิงเธอไปจากเขา ช่วยไม่ได้ที่เหล็กเพชรจะตกเป็นเหยื่อในแผนการครั้งนี้ เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่เขาจะทำให้มินตราได้ประจักษ์ชัดว่าผู้ชายแบบเขาแสนโลเล แม้ปากจะบอกว่าต้องการขอโอกาสแต่เขาไม่เคยพร้อมซื่อสัตย์ต่อหญิงคนเดียวเป็นแน่แท้ สิ่งนี้วรวุธคิดว่าเขาคิดไม่ผิด

ผู้ชายแบบเหล็กเพชรที่ตัดสินผู้หญิงเพียงจากรูปกายก่อนไม่มีวันที่จะกลับมาหามินตราโดยพร้อมจะหยุดที่เธอเพียงคนเดียว จะเป็นอะไรไปถ้าเขาจะใช้หญิงสาวรูปงามและยากระตุ้นสันดานดิบเพื่อให้ทุกอย่างกระจ่างชัดเร็วขึ้น เมื่อทุกสิ่งเป็นอย่างที่คาดคิด เหล็กเพชรจะไม่มีวันกลับเข้ามาในชีวิตมินตราได้อีก เพราะเธอไม่มีวันยอมให้โอกาสผู้ชายที่ผิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง

วรวุธสวมเสื้อ ติดกระดุมจนเสร็จ เขาเดินไปยืนที่หน้าต่าง ทอดสายตาออกไปยังชายหาดเพื่อรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมยิ่งกว่านี้ จนกระทั่งเขามองเห็นบางสิ่งอยู่ตรงกับเป้าสายตา รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ขยับตัวหันกลับไปที่ประตูพลางพูดกับตัวเอง

"คงถึงเวลาแล้วสินะ"

---------------------------------------------------

สองหญิงหนึ่งชายเดินขึ้นมาเคาะประตูห้องพัก ไม่นานนนักบานประตูเปิดออกพร้อมเจ้าของห้องแทรกตัวออกมายังช่องประตู

"คุณธี คุณรตี คุณลี มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ"

ชายหนุ่มผู้ยืนอยู่ตรงกลางหญิงสาวทั้งสองเอ่ยขึ้น

"ขอโทษนะครับที่ต้องมารบกวนคุณวุธ คือว่าคุณวุธพอจะเห็นเจ้าเพชรไหมครับ ผมตื่นมาก็ไม่เห็นมัน เมื่อคืนผมเองก็เมามาก กลับมาที่ห้องก็นอนโดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามันไม่ได้อยู่ที่ห้อง"

ผู้ถูกถามทำสีหน้าครุ่นคิดแล้วเอ่ยตอบ

"ไม่เห็นเลยนะครับ หรือคุณเพชรไปเดินเล่นแถวนี้ คุณธีลองโทรศัพท์เขาเครื่องของคุณเพชรดูหรือยังครับ"

"ผมโทรไปหลายรอบแล้วครับ แต่ไม่มีใครรับเลย"

วรวุธสีหน้ากลัดกลุ้ม จนกระทั่งวราลีเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น

"หรือเราจะลองไปถามมิ้นต์ดูคะ ตอนนี้มิ้นต์คงตื่นแล้ว"

รตีแตะไหล่เพื่อนสาว เห็นขัดแย้งเล็กน้อย

"ไม่น่านะลี มิ้นต์อาจจะยังไม่ตื่นก็ได้ เมื่อวานก็ดื่มไปใช่น้อยเสียเมื่อไร่ เราเองก็รู้กันว่ามิ้นต์ดื่มหนักทีไร หลับเป็นตาย"

วราลีเตรียมเอ่ยตอบรตี แต่ไม่ทันได้ทำเช่นนั้นเมื่อวรวุธเป็นฝ่ายเอ่ยแทรกเสียก่อน

"ผมว่าลองไปถามคุณมิ้นต์ดูก็ดีเหมือนกันนะครับ เราไปหาคุณมิ้นต์พร้อมกันไหมครับ ผมเองก็จัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วขอไปพร้อมพวกคุณด้วยอีกคนก็แล้วกัน"

จากนั้นเขาขยับก้าวออกมา ปิดประตูห้องแล้วรวมกลุ่มไปพร้อมกับสามคนที่เดินทางมาหาเขามุ่งหน้าไปยังห้องพักมินตรา เมื่อไปถึงที่หมาย รตีเป็นฝ่ายขยับไปเคาะประตูพร้อมส่งเสียงเรียก

"มิ้นต์ แกตื่นหรือยัง"

ไม่มีสัญญาณตอบจากภายใน รตีเคาะประตูพร้อมขานเรียกเจ้าของห้องอีกครั้ง แต่ก็ไร้การตอบกลับเช่นเดิม เธอหันมาส่วยหน้าให้ทั้งสามคนเป็นการบอกว่าเจ้าของห้องคนยังไม่ตื่น วราลีจึงเสนอความคิดเห็น

"ลีว่าเราไปถามเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ดีไหมคะ พวกเขาอาจจะให้ข้อมูลเราได้"

ชลธีพยักหน้า

"ผมเห็นด้วยกับคุณลีครับ"

จากนั้นทั้งสี่คนเตรียมขยับเดินออกไปจากหน้าห้องพักมินตรา หากต้องชะงักกับที่เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากภายในห้อง รตีได้สติและเอ่ยขึ้นก่อนใคร

"นั่นมันเสียงมิ้นต์นี่"

วรวุธรีบปราดไปหน้าประตูห้องพักมินตราเร็วกว่าทุกคน เขารัวมือเคาะประตูพร้อมร้องเรียกเจ้าของห้อง

"คุณมิ้นต์ เกิดอะไรขึ้นครับ เปิดประตูให้ผมที"

เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง วรวุธยิ่งร้อนรนเพียงแค่คิดว่าอาจเกิดเหตุร้ายกับมินตรา เขาตัดสินใจขยับตัวออกมาเพื่อพังประตูเข้าไป แต่ชลธีซึ่งตัดสินใจวิ่งไปขอคีย์การ์ดสำรองจากพนักงานต้อนรับมาได้ทันเวลาก่อนวรวุธจะพังประตูเข้าไป วราลีรีบจับตัววรวุธไว้ก่อนเขาวิ่งพังประตู ชลธีรีบแตะคีย์การ์ด สัญญาณปลดล็อกดังขึ้น วรวุธรีบุ่งตัวเข้าไปคนแรก ตามด้วยวราลี รตี และชลธี และทั้งสี่ต้องยืนราวรูปปั้นเพราะสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า

---------------------------------------------------

มินตรารัวฝ่ามือลงบนใบหน้าชายร่างเปล่าเปลือยที่ตอนนี้มีเพียงผ้าห่มปกคลุมท่อนล่างอยู่ เช่นเดียวกับเธอซึ่งใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันปกปิดร่างกายเปลือยของตัวเอง เธอใช้มือข้างขวากุมกระชับผ้าปกปิดร่างกายไว้และใช้มือซ้ายทำร้ายฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้ง

"คุณทำอะไรฉันคุณเหล็กเพชร คุณเข้ามาในห้องฉันได้ไงกัน"

เหล็กเพชรพยายามปัดป้องฝ่ามือหญิงสาว พลางใช้ความคิดตริตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา

"ผมไม่รู้จริงนะคุณมิ้นต์ ผมจำได้ว่าผมกำลังดื่มกับนาน่าและเธอก็ให้ผมมาคุยต่อ แต่ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้"

มินตราน้ำตาไหลพราก ไม่คาดคิดว่าต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตหญิงในช่วงเวลาไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะทั้งปวง

"แล้วคุณเข้ามาในห้องฉัน มาทำแบบนี้กับฉันเพราะคิดว่าฉันเป็นนาน่าแบบนั้นเหรอ"

ฝ่ามือมินตราฟาดลงบนใบหน้าเขาสุดแรงมือ เหล็กเพชรรีบหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวซึ่งวางอยู่ที่โต๊ะใกล้ตัว รีบพันตัวเองแล้วลุกขึ้นมาจากเตียง

"คุณมิ้นต์ คุณใจเย็นก่อนนะ เรื่องนี้ผมพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง"

ไม่ทันได้ตั้งตัว วรวุธปรี่เข้าถึงตัวเหล็กเพชร ส่งหมัดเข้าใบหน้าเขาไม่ยั้ง พร่ำเอ่ยถามอีกฝ่ายเสียงกราดเกรี้ยว

"คุณทำแบบนี้กับคุณมิ้นต์ได้ไง คุณมันระยำ"

เหล็กเพชรปัดป้องตัวเองจนหลุดพ้นจากวรวุธโดยมีชลธีเข้ามากั้นระหว่างคนทั้งสอง เหล็กเพชรยกนิ้วชี้หน้าอีกฝ่าย

"ผมบอกแล้วว่าผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นความสัตย์จริง ฟังผมบ้างสิ"

หากวรวุธยังคงพยายามเข้าไปทำร้ายเหล็กเพชร ระหว่างนั้นรตีและวราลีรีบเข้าไปหามินตราพร้อมช่วยแต่งตัวให้เรียบร้อย เจ้าของห้องยังคงร่ำไห้ไม่หยุด เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยจึงพยายามลุกขึ้นโดยมีรตีและวราลีคอยประคอง

เหล็กเพชรเห็นหญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วรีบปรี่เข้าไปหามินตรา ละล่ำละลักเอ่ยกับเธอ

"คุณมิ้นต์ ให้ผมพูดสักกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ได้ว่าผมของโทษ ผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง ผมจะให้คุณพ่อมาสู่ขอคุณโดยเร็วที่สุด"

มินตราสะบัดตัวออกจากการประคอง ก้มลงไปหยิบกองเสื้อผ้าเหล็กเพชรมาไว้ในมือ โดยไม่คาดคิดว่าเธอมีแรงมหาศาลจากไหน มินตาใช้มือทั้งสองที่ถือชุดชายหนุ่มผลักเขาออกไปจากห้องจนถึงพื้นที่นอกประตูห้องโดยที่เหล็กเพชรเองไม่ทันตั้งตัว รวมถึงชลธีและวรวุธที่ยืนอยู่ด้านหลังเหล็กเพชรต้องถอยตัวเองออกมาจากภายนอกห้องด้วยเช่นกัน เมื่อเขาออกจากห้องเธอแล้วมินตราปาทุกสิ่งในมือใส่หน้าเขาโดยไม่รู้ว่าเธอมีพละกำลังขนาดนี้ได้อย่างไร

กองผ้าปะทะใบหน้าหล่อของเหล็กเพชรอย่างจังจนกระทั่งผ้าทุกชิ้นเลื่อนหลุดจากใบหน้าไปกองที่พื้นจึงเห็นหญิงสาวยืนชี้หน้าเขา แววตาเปี่ยมด้วยความอาฆาต

"นี่เป็นแผนการของคุณใช่ไหม พอฉันไม่ให้โอกาสคุณก็ใช้วิธีเข้ามาปล้ำฉัน... คุณมันเลวมากนะคุณเหล็กเพชร อย่าคิดว่าสิ่งที่คุณทำมันจะสำเร็จ ฉันยิ่งเกลียดและไม่มีวันมองคุณในแง่ดีได้... ฉันขอให้เรื่องวันนี้จบลงแค่นี้ ไม่มีวันที่ฉันจะคบกับคุณ ต่อให้คุณจะพาพ่อคุณมาสู่ขอ ฉันก็ไม่แต่ง"

พูดจบแล้วมินตรากระแทกเท้าหันหลังกลับเข้าไปภายใน เหล็กเพชรก้าวตามเพื่ออธิบายหญิงสาวแต่วรวุธเข้ามาขวางเสียก่อนและเตรียมก่อเหตุวิวาทอีกครั้ง แต่ไม่ทันได้ทำอย่างที่คิด เสียงรตีตะโกนขัดขึ้นเสียก่อน

"หยุดทั้งคู่นะคะ ทั้งคุณเพชรและพี่วุธ ถ้าจะมีเรื่องก็เชิญที่อื่น แล้วไปชกกันให้ตายไปข้างหนึ่ง ไม่มีใครตายไม่ต้องกลับมาที่นี่ แต่ถ้ามีความคิดก็ช่วยหยุดใช้กำลังแทนสมองค่ะ...แค่เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็น่าปวดหัวมากพอแล้ว อย่ามาสร้างเรื่องให้น่าปวดหัวมากกว่านี้อีกเลย" จากนั้นหันมาพูดกับชายอีกคนที่พยายามห้ามการวิวาท "คุณธีคะ รตีรบกวนคุณพาทั้งสองคนไปจากที่นี่ที ส่วนรตีกับลีจะขออยู่ดูแลมิ้นต์ที่นี่ก่อน"

---------------------------------------------------

รตีปิดประตูห้องลงแล้วเดินไปยังมุมห้องซึ่งมินตรานั่งกอดเข่าก้มหน้าอยู่ตรงนั้นโดยมีวราลีคอยนั่งเคียงข้าง เธอขยับไปนั่งอีกฝั่ง ก้มหน้ารวบรวมสติ เอ่ยเสียงนิ่ง

"ไปกันหมดแล้วล่ะมิ้นต์ ตอนนี้มีแค่ฉัน ลี และแกแค่นั้น"

หญิงสาวที่ก้มหน้ากอดเข้าค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ใบหน้างามอาบน้ำตาที่ไหลเอ่อ เธอยังคงร้องไห้ไม่หยุด วราลีประคองศีรษะหญิงสาวให้มาซบที่ไหล่ของเธอ เอ่ยเสียงอ่อนโยน

"มีอะไรก็เล่าให้พวกเราฟังเถอะมิ้นต์ อย่าเอาแต่ร้องไห้แบบนี้เลย ลีกับรตีเป็นห่วงมิ้นต์มากนะ พูดออกมาเผื่ออะไรจะดีขึ้น"

มินตราสั่นศีรษะ น้ำตายังคงไหลพราก

"ไม่มีทางที่อะไรจะดีขึ้นหรอกลี สิ่งที่เกิดขึ้นมันแย่ที่สุด เลวที่สุดในชีวิตฉัน... ฉันไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร"

รตีขยับเข้าไปใกล้ แต้ฝ่ามือลงกับเข่ามินตรา ค่อยๆ เอ่ยถาม

"แกลองนึกให้ออกสิมิ้นต์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง"

มินตรานิ่ง พยายามนิ่งถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดวงตาที่ช้ำโรยจากการร้องไห้อย่างหนักกะพริบน้อยๆ เพื่อไล่น้ำตาที่รื้นขึ้น

"ฉันนึกไม่ออกจริงๆ จำได้แค่ฉันดื่มหนักมาก และลีก็มาส่งฉันที่ห้อง จากนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งได้ยินเสียงแกมาเรียกที่หน้าห้องตอนเช้าก็เลยจะลุกไปเปิด แต่พอหันมาก็เห็นเข้านอนอยู่ข้างตัว ยิ่งอยู่ในสภาพนี้ แทบไม่ต้องบอกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น"

รตีหันมองวราลีเป็นเชิงถาม อีกฝ่ายราวกับอ่านสายตาออกรีบเอ่ยตอบทันที

"แต่ตอนออกจากห้องมิ้นต์ฉันก็ล็อกเรียบร้อยนะ คีย์การ์ดของมิ้นต์ฉันก็วางไว้ให้ที่โต๊ะ ก่อนออกจากห้องฉันก็เช็คซ้ำแล้วว่าประตูห้องปิดสนิท"

เรื่องนี้ทุกคนรู้ดีว่าวราลีละเอียดรอบคอบมาก เธอมักตรวจสอบทุกอย่างซ้ำสม่ำเสมอ สิ่งที่รตีส่งสายตาถามวราลีจึงถูกขัดด้วยเหตุผลที่อีกฝ่ายตอบด้วยประการทั้งปวง

มินตรายกมือขึ้นปัดผมที่ปกปิดใบหน้าออกจนหมด เช็ดน้ำตาจนแห้ง เอ่ยกับเพื่อนทั้งสองเสียงสั่นเครือ

"รตี ลี ฉันอยากกลับบ้าน เรากลับกันเถอะ และช่วยบอกพี่วุธให้ฉันทีว่าให้ช่วยดูแลทีมงานขนของกลับให้เรียบร้อยแล้วค่อยแทนฉัน... และขอร้องพวกเธอ รวมถึงช่วยบอกพี่วุธกับคุณธีด้วย ขอให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เสียให้หมด ให้คิดเสียว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันเองก็จะลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่เหมือนกัน"

รตีและวราลีลอบมองหน้ากัน เข้าใจดีว่าตอนนี้มินตราทั้งเจ็บปวด เสียใจมากเพียงใด

---------------------------------------------------

"แกลองทบทวนอีกทีสิเจ้าเพชรว่าแกไปอยู่ในห้องคุณมิ้นต์และเกิดเรื่องแบบนั้นได้ไง"

เหล็กเพชรพยายามคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

"ฉันจำได้แค่ฉันดื่มกับนาน่า แล้วเธอก็ให้คีย์การ์ดห้องกับฉัน ฉันก็ไปตามคีย์การ์ดนั่น ก็มีเรื่องที่เกิดตามปกติที่มันควรเกิด ทีแรกฉันมองเห็นคิดว่านาน่าเป็นคุณมิ้นต์ แต่ตอนนั้นมันก็แค่คิด ไม่คิดว่าพอตื่นมาจะกลายเป็นคุณมิ้นต์ตัวจริงไปได้"

คำตอบเพื่อนรักยิ่งทำให้ชลธีกุมขมับแน่นขึ้น

"ไอ้เวรเอ๊ย อยู่ดีๆ ก็ทำเรื่องใหญ่จนได้... นี่ฉันกับคุณวุธก็ลองไปถามนาน่าแล้ว เธอก็ยืนยันว่าส่งคีย์การ์ดให้แกถูกต้อง แล้วไหงออกมาเป็นแบบนี้ได้วะ" ชลธีหันมามองเพื่อนซึ่งนั่งกุมมือนิ่งจึงผ่อนลมหายใจ พยายามควบคุมสติตัวเองที่เริ่มจะฟุ้งซ่านตาม "แล้วทีนี้แกจะทำไงไอ้เพชร"

ฝ่ายที่ถูกถามนิ่งเงียบสักพักแล้วเอ่ยออกมา

"ฉันก็จะทำอย่างที่พูด ฉันจะให้พ่อมาสู่ขอและแต่งงานกับคุณมิ้นต์ให้เร็วที่สุด"

ชลธีตบบ่าผู้เป็นเพื่อน ถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเห็นถึงปัญหาที่รออยู่ข้างหน้า

"แล้วแกว่ามันจะสำเร็จเหรอในเมื่อคุณมิ้นต์เธอก็บอกแล้วว่าต่อให้แกจะพาพ่อมาสู่ขอก็จะไม่ยอมแต่งงานกับแกเด็ดขาด ไหนจะคุณวุธอีกคนที่แกกับฉันก็เห็นชัดเจนว่าเขาไม่ได้คิดกับคุณมิ้นต์แค่พี่ชายน้องสาวแน่ๆ และฉันเชื่อว่าเขาจะต้องขัดขวางแกทุกวิถีทาง"

เหล็กเพชรหันมาสบตาชลธี แววตานิ่ง แน่วแน่

"ถึงอย่างไรฉันก็ไม่เปลี่ยนใจ นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับคุณมิ้นต์ ฉันต้องรับผิดชอบ ส่วนใครจะขวางฉันไม่สน เพราะเขาไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของคุณมิ้นต์แน่นอนตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่"

---------------------------------------------------

ภายในห้องพักที่ปิดสนิท วรวุธนั่งนิ่งที่เก้าอี้ น้ำตาไหลอาบสองแก้มเพราะยังคงหวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

แผนการที่เขาวางไว้กลับตาลปัตรทุกอย่าง คนที่ควรนอนอยู่ข้างเหล็กเพชรควรเป็นนาน่า และมินตราควรได้เห็นสิ่งนั้นเพื่อตัดหนทางเหล็กเพชรได้เด็ดขาดทันที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นมินตราที่ตกเป็นของเหล็กเพชรโดยทางพฤตินัย วรวุธรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้หนทางของเขากับมินตรายิ่งมืดดำขึ้นทุกที

ภาพมินตราผุดพรายขึ้นมาในห้วงความคิด นับตั้งแต่ภาพหญิงสาวผู้แสนดี คอยหยอกล้อเขาในยามร่าเริง คอยระบายกับเขายามเกิดปัญหา จนกระทั่งภาพหญิงสาวที่นั่งกอดผ้าห่มน้ำตาไหลพรากจากการเสียใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตผู้หญิง ยิ่งฉุดให้วรวุธดิ่งลงลึกให้ห้วงแห่งความเสียใจเกินจะเอ่ยออกมาให้ใครฟังได้หมดสิ้น

หญิงสาวที่เฝ้ารัก เฝ้าทะนุถนอม กลับถูกชายอื่นพรากความบริบูรณ์แห่งดอกไม้งามแรกแย้มไปเสียสิ้น ใจของวรวุธแทบแหลกสลายราวถูกยื้อแย่งสิ่งของอันมีค่าที่สุดไปจากกาย เขาฟุบหน้าลงกับฝ่ามือ แฝดเสียงร้องไห้ไม่เกรงว่าใครจะได้ยิน

เขานิ่งไปสักพักแล้วเงยหน้าชุ่มคราบน้ำตาขึ้น กายเริ่มสั่นเทา ใบหน้าปรากฏเส้นเลือดปูดโปนบริเวณขมับ ดวงตาที่เปียกชื้นด้วยน้ำตาแดงก่ำ ความโกรธแค้นภายในใจมีมากจนแทบปะทุออกมา

ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ บิดเบี้ยว ริมฝีปากเผยอให้เห็นฟันที่กัดกันแน่น เสียงสั่นเครือเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน

"ไอ้เหล็กเพชร มึงกับกูไม่มีวันอยู่ร่วมโลกกันได้"