"คุณหนูฉี?"
"ขอรับ นางคือคุณหนูฉีอันหนิงบุตรีคนที่สิบเอ็ดของมหาเสนาบดีแคว้นฮุ่ยเหวินขอรับ" เมื่อเอ่ยจบ ดังคาด คุณชายคงมีความคิดเช่นเดียวกับเขาเป็นแน่
"เจ้ากับไป๋เฟิงเป็นอะไรกัน" เขาถามนางเสียงเข้ม เฮ่อซินหมิงกำลังจะเอ่ยตอบก็มีเสียงยียวนคุ้นหูขัดขึ้นมาเสียก่อน
"ไม่ยักรู้ว่าองค์รัชทายาทแคว้นต้าหย่งอยู่ที่นี่ ข้าจะได้เชิญไปเที่ยวที่หอคณิกากับข้าเสียหน่อย"
ฉับพลันที่จบประโยคก็ปรากฎเงาร่างสีขาวพลิ้วเข้ามาจากหน้าต่างบานที่เมื่อครู่ชายอาภรณ์ดำยืนอยู่ ใบหน้ายิ้มกริ่มนั้นมองสบตากับคนที่ถูกเรียกว่าเป็นองค์รัชทายาทก่อนจะเบนสายตามายิ้มกว้างให้กับสาวน้อยที่ยืนอยู่กลางห้อง
"อันหนิง แถวนี้เปล่าเปลี่ยวอันตราย เจ้ามาเที่ยวชมพอแล้วก็กลับกันเถิด"
"คุณชายไป๋หาข้าเจอได้ยังไงน่ะ"
"การที่เจ้าบุกรุกห้องของผู้อื่นเช่นนี้นับว่ายังสมกับเป็นคุณชายอยู่อีกหรือ?"
"ไม่ต่างจากเจ้าที่ลักพาตัวคนของข้ามาหรอก"
จู่ ๆ บรรยากาศก็เกิดตึงเครียดขึ้นมากะทันหัน เฮ่อซินหมิงที่ยังงุนงงก็ยังไม่กล้าปริปากพูดสิ่งใด ในขณะนั้นพร้อมกับประตูที่ถูกผลักออกพอดี
"คุณหนูเจ้าคะ!!"
"อาหมิงก็มาด้วยหรอ โชคดีจัง…"
"คุณหนูมาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านหายตัวไปข้าก็กลัวแทบแย่" สีหน้าจินหมิงที่ซีดเผือดบัดนี้เริ่มมีเลือดฝาดซับขึ้นมา
เฮ่อซินหมิงหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะเอ่ย "คือ…ข้าได้กลิ่นหอม ๆ ก็เลยเดินตามกลิ่นนั้นไปจากนั้นก็ได้เจอกับจิ้นหยี่เฉิงหรือก็คือผู้ชายคนนั้นเข้า เขาก็เลยพาข้ามาหาคุณชายท่านนี้น่ะ เขาบอกว่าอยากพบกับข้า"
"ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทมีเรื่องใดกับคนของกระหม่อมหรือพะยะค่ะ" หึ!…เจ้าปลาไหลไป๋เฟิง ทีเรื่องเช่นนี้กลับรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
"หากนางเป็นบุตรสาวของมหาเสนาบดีฉีกุ้ยเหวิน แล้วจะเป็นคนของเจ้าไปได้อย่างไร" เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม แต่ไม่กระทบกระเทือนสีหน้าของไป๋เฟิงเลยแม้แต่น้อย
"นางทำผิดที่กินขนมของกระหม่อมไปโดยไม่รู้ กระหม่อมจึงต้องแสร้งเอาผิดนางและทำโทษนางด้วยการพามาเที่ยวเล่นในเมืองพะยะค่ะ กระหม่อมจึงต้องดูแลนาง ดังนั้นวันนี้นางจึงเป็นคนของกระหม่อม"
เมื่อฟังจบคนทั้งห้องต่างขมวดคิ้วตามกันด้วยความงุนงง ทว่าชายชุดดำกลับยิ้มเยาะแล้วเอ่ยอย่างเหี้ยมเกรียม
"หากเช่นนั้นข้าก็พูดได้ว่านางเป็นคนของข้าเช่นกัน" คนทั้งห้องยิ่งขมวดคิ้วชิดกันมากกว่าเก่า
"ขอฟังเหตุผลขององค์รัชทายาท"
"ข้าเคยช่วยใช้กำลังภายในกับอาการป่วยที่กำเริบของนาง ดังนั้นนางจึงติดหนี้บุญคุณของข้า นางต้องชดใช้หนี้บุญคุณให้กับข้า"
อะโหย…คนอย่างเฮ่อซินหมิงต้องทำคุณไถ่โทษ และยังมีหนี้บุญคุณต้องชำระอีก สิ่งที่ตากับยายสอนว่าไม่ควรทำวันนี้กลับโดนไปแล้ว
รอยยิ้มของไป๋เฟิงแข็งค้างไปชั่วขณะไม่อาจเอ่ยอะไรได้อีก เฮ่อซินหมิงหันไปถามกับชายอาภรณ์ดำที่กลายเป็นเจ้าหนี้ของนาง "องค์รัชทายาท อยากให้ข้าชดใช้หนี้บุญคุณครั้งนั้นอย่างไรหรือ?"
"ชื่อของข้าคือหลี่เพ่ยหยาง เจ้าเรียกชื่อของข้าก็พอ" ไป๋เฟิงตากระตุก บนใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมีรอยยิ้มเยาะเย้ยแฝงอยู่
ไป๋เฟิงคาดหวังว่าคุณหนูฉีคงจะไม่กล้าเอ่ยนามตรง ๆ ขององค์รัชทายาทเป็นแน่ แต่…
"ได้ หลี่เพ่ยหยาง ท่าอยากให้ข้าชดใช้หนี้บุญคุณครั้งนี้ยังไงล่ะ" เพล้ง! เหมือนจะมีเสียงของตกแตกมาจากที่ไหนสักแห่ง
ไป๋เฟิงไม่ยอมแพ้ แต่ไหนแต่ไรองค์รัชทายาทฝีปากไม่เคยสู้เขาได้อยู่แล้ว "วันนี้กะทันหันนัก หนิงเอ๋ออาจจะยังปรับตัวไม่ค่อยได้ ข้าว่าเรากลับก่อนดีกว่า เจ้าไม่รู้ว่าหากยิ่งอยู่นานประเดี๋ยวเจ้าอาจจะถูกตัดหัวโดยไม่รู้ตัวได้จากคนใจดำอำมหิต"
"เจ้าว่าใคร!!!"
"ข้าก็ไม่ได้พูดชื่อของท่านออกมาสักหน่อย จะร้อนตัวไปทำไมเล่า วันนี้ข้าต้องพาคนของข้ากลับไปแล้ว ขอให้องค์รัชทายาทสุขกายสบายใจ"
"เจ้า!!!"
"ไปกันเถิดหนิงเอ๋อ ที่นี่ห้องหับคับแคบอบอ้าวนักอยู่แล้วยิ่งร้อน เราไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ป่าไผ่ของเจ้ากันดีกว่า"
"ไป๋เฟิง!!!"
"ไปกันเถิดหนิงเอ๋อ" เขาอมยิ้มมุมปากใช้มือข้างหนึ่งโอบไหล่นางไว้ส่วนอีกข้างก็กางพัดสีขาวของตนเองพัดให้นางอย่างนุ่มนวลแล้วค่อย ๆ ออกจากห้องไปเชื่องช้าราวกับเต่าเดิน
ใจขององค์รัชทายาทหลี่เพ่ยหยางลุกโชนขึ้นเป็นไฟ เขาคิดอยากจะเข้าไปแกะมือเหนียวนั่นออกนัก และแน่นอนว่าไม่มีทางที่เขาจะไม่กล้า
สายพลังรุนแรงพุ่งตรงไปยังแผ่นหลังสูงโปร่งของชายหนุ่มอาภรณ์สีขาวสะอาด ไป๋เฟิงที่รับรู้ได้ถึงพลังรุนแรงที่สามารถเอาชีวิตคน ๆ หนึ่งได้ เขากระชากร่างเล็กนั้นเข้ามาในอ้อมแขนแล้วพลิ้วกายหลบอย่างว่องไว
"อะไรกันองค์รัชทายาท ข้าไปทำอะไรให้ท่านถึงใจร้อนวู่วามคิดจะฆ่าข้าเช่นนี้ ความอำมหิตของท่านยังเหมือนเดิมเลยนะ"
"หากเจ้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว…ข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ!!"
"โธ่…องค์รัชทายาท หากท่านใจร้อนเช่นนี้แล้วข้าจะไม่พูดได้อย่างไร ข้าเตือนท่านเพราะหวังดีนะเนี่ย"
สีหน้าแววตาของคนตรงหน้าก็ยังทำเอาเฮ่อซินหมิงตาค้าง หากเจ้านี่ยังพล่ามต่อไปไม่แน่ว่าทั้งเขา นางและอาหมิงคงไม่รอดแน่
"นี่…ข้าว่าเจ้าน่ะพอได้แล้วนะ แล้วก็ปล่อยข้าได้แล้ว"
ไป๋เฟิงหันมามองคนในอ้อมแขนแล้วยิ้มร่า สีหน้าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทันที
"ได้สิ เจ้าว่าอย่างไรข้าก็ว่าอย่างนั้น เช่นนั้นเรารีบไปกันเถิด ก่อนที่จะหายใจไม่ออกตาย" นี่ก็ยังจะไปโยนระเบิดทิ้งทวนอีก เขาอยากตายจริง ๆ รึไง
เหตุการณ์ในวันนี้ทำเอานางรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที......…