webnovel

ตอนที่ 268

ตอนที่ 268 กระจกทองแดงจริงๆ ด้วย

"สองมาตรฐาน!" ใบหน้าของจวงหมิงหานบึ้งตึง ทนมองไม่ได้อีกต่อไป

เย่หนิงฉีกยิ้ม พูดว่า "พอแล้ว เสิ่นอี้ คุณวางใจได้แล้ว ขับรถไปเถอะ ฉันอ่อนแอขนาดนั้นเชียวเหรอ! ถนนสายนี้มันขรุขระโคลงเคลงนิดหน่อยเท่านั้นเอง! ขับเร็วๆ หน่อยสิ! ใกล้จะห้าโมงแล้วนะ! อีกสักพักฟ้าก็จะมืดแล้ว ฉันไม่อยากค้างคืนอยู่ที่นี่หรอกนะ"

เสิ่นอี้หุบยิ้ม "ก็ได้ ครั้งก่อนคุณก็ขับรถเร็วอยู่นะ! เกือบจะขับชนผมเข้าให้!"

"มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ" จวงหมิงหานชะโงกศีรษะ ถามออกไป "ทำไมฉันไม่เห็นได้ยินพวกคุณพูดถึงมาก่อนเลยล่ะ เสี่ยวหนิง เธอเกือบรถชนหมอนี้ด้วยหรอ ชนแรงไหม!"

เย่หนิงคิดไปถึงเรื่องนั้น ทั้งยังรู้สึกตลก "โทษฉันไม่ได้นะ ใครใช้ให้เขาแกล้งแต่งตัวเป็นผียืนอยู่กลางถนนดึกๆ ดื่นๆ ล่ะ"

จวงหมิงหานได้ยินดังนั้น มองเสิ่นอี้เหยียดๆ "น่าอายไหมล่ะนั้น ดึกดื่นแกล้งแต่งตัวเป็นผีทำไม"

เหลียงเซิ้งเจอถนนขรุขระ จนรู้สึกเวียนหัวไปหมดแล้ว เขาพูดอย่างอ่อนแรงว่า "ศาสตราจารย์จวง ผมคิดว่าเรื่องนี้ค่อยพูดกันเถอะ ศาสตราจารย์เสิ่นกำลังขับรถอยู่นะครับ"

"ไม่ต้องห่วงหรอก!" จวงหมิงหานฉีกยิ้มแล้วพูดว่า "ปฏิกิริยาการตอบโต้ของพวกเขาเทียบกับคนธรรมดาแล้วไม่รู้ว่าเร็วกว่ากี่สิบเท่า ถึงได้ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุไงล่ะ! แล้วอีกอย่างความสามารถของเขาถึงกับขนาดทำให้รถลอยได้! พวกนายยังจะกลัวอะไรอีก!"

หลังจากเงียบราวหนึ่งนาที เหลียงเซิ้งพูดขึ้นว่า "ศาสตราจารย์เสิ่น ไม่รู้ว่าถ้าคุณแบกรถวิ่งไป แบบนี้คงจะเร็วขึ้น!"

เสิ้นอี้ตอบโดยไม่หันกลับไป "ถ้านายพูดจาเหลวไหลอีก ฉันจะโยนนายออกไป!"

เหลียงเซิ้งเบิกตามองอย่างตกตะลึง "จะโยนผมออกไปเหรอ"

"โยนไปให้ถึงที่นั้นเลย! แล้วก็จะปล่อยให้นายรออยู่ที่นั่นด้วย!"

ใบหน้าของเหลียงเซิ้งปรากฏความสงสัย "ศาสตราจารย์เสิ่น คุณคงไม่จริงจังหรอกนะครับ"

"นายอยากลองดูไหมล่ะ" เสิ่นอี้หันกลับไปมองเขา "จะได้ยืนยันไงว่าโยนไปจริงๆ"

เหลียงเซิ้งพูดเสียงเบา "ทำไมถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้องกันนะ!"

จวงหมิงหานทนไม่ไหวแล้ว เขาหัวเราะร่า "เจ้าโง่! ถ้าเขามีความสามารถโยนนายไปที่ๆ ราชาผีดิบถูกผนึกเอาไว้จริงๆ นายถูกโยนลอยไปไกลขนาดนั้น นายคิดว่านายจะมีชีวิตอยู่อีกงั้นเหรอ"

เหลียงเซิ้งรู้สึกไม่ดี “ศาสตราจารย์เสิ่น ทำไมถึงขี้แกล้งขนาดนี้นะ!"

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม แล้วไม่พูดอะไรอีก แต่จวงหมิงหานกลับไม่มีแผนว่าจะปล่อยเขาไป ถามเขาต่อว่า "เสิ่นอี้ นายบอกว่าเสี่ยวหนิงเกือบจะชนนาย เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่"

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม หลังจากนั้นนามมากจึงพูดขึ้นว่า "เป็นเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน ฉันไปสืบที่สุสานร้างนิดหน่อย ระหว่างทางกลับเดิมทีคิดอยากจะนั่งรถกลับ ผลกลายเป็นว่าสาวน้อยคนนี้จู่ๆ ก็ขับรถมาชน ยังดีที่ขืนแรงเอาไว้! ไม่อย่างนั้นจากระดับความเร็วของรถคงจะทำให้กระดูกถูกบดแหลกละเอียดอย่างแน่นอน!"

เย่หนิงพูดค้านขึ้นมา “ตรงไหนกัน! ฉันขับรถเร็วขนาดนั้นเลยหรือไง"

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม “ไม่ใช่หรือไง"

เย่หนิงลนลานเล็กน้อย "เอ่อ เร็วนิดเดียวเอง...ถ้าไม่ใช้เจ้าบ้าลู่เว่ยเอาแต่เร่งฉันว่าปวดท้อง ปวดท้อง ฉันจะไม่รีบขับได้ไงล่ะ ขืนเขาปล่อยในรถ จะทำไงล่ะ..."

จวงหมิงหานพูดอย่างสะเทือนใจ "เสี่ยวหนิง เห็นคุณออกจะบอบบาง คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่เกรี้ยวกราดขนาดนี้ด้วย"

เสินอี้ฉีกยิ้ม "ผู้หญิงบอบบางงั้นเหรอ นายคงไม่เคยเห็นเธอตอนชันสูตรศพน่ะสิ! ผู้หญิงบอบบางที่ไหนจะทำเรื่องนี้กัน"

ใบหน้าของเย่หนิงเคร่งเครียด "พูดอีก ยังจะพูดอีก เดี๋ยวเอาคุณมาผ่าซะเลยนิ!"

"ไม่ใช่ว่าคุณไม่เคยทำหรอครับ!" เสิ่นอี้ฉีกยิ้มอย่างไม่สนใจเลยสักนิดเดียว

"หา!" จวงหมิงหานยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นกว่าเดิม หรี่ตามองเสิ่นอี้แล้วพูดว่า "เรื่อง เรื่อง เรื่องมันเป็นยังไงกัน"

เสิ่นอี้ยิ้มแต่ไม่พูด

จวงหมิงหานรีบถามเย่หนิงอีกครั้งว่า "เสี่ยวหนิง เหตุการณ์เป็นยังไง เล่าให้ฟังหน่อยสี คุณเคยผ่าชันสูตรเจ้าหมอนี่ รู้สึกยังไงบ้าง"

เย่หนิงหายใจหือๆ "นายถามเขาสิ!"

"เอ่อ" คนสอดรู้สอดเห็นจวงหมิงหาน รู้สึกกระวนกระวายจริงๆ "ดูแล้วคงมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ!"

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม "เมื่อครั้งนั้นคุณไม่ได้ขับมาชนฉผมเหรอ หลังจากนั้นพาศพของผมขึ้นไปบนรถ เตรียมลากเอากลับไปที่ห้องชันสูตรอีก….."

"นายอายบ้างไหม..." เฝิ่งเยี่ยนฮวายที่นั่งอยู่ข้างหลังอดสบถขึ้นมาไม่ได้ “อะไรคือเอาศพของนาย...พูดยังกับว่านายไม่ใช่งั้นล่ะ"

"ใช่ ใช่!" เย่หนิงพูดโพล่งขึ้นมาว่า "ใครใช้ให้คุณมาทำให้ฉันตกใจล่ะ!"

จวงหมิงหานหุบยิ้ม “เขาตั้งใจทำให้คุณตกใจเหรอ"

"ไม่ใช่หรือไง!" เย่หนิงร้องเหอะ "เขาแกล้งเป็นคนตายมาทำให้ฉันตกใจขนาดนั้น! พวกนายว่าหัวใจไม่เต้นไม่หายใจ ถ้าไม่ใช่คนตาย งั้นจะเรียกว่าอะไรล่ะ! หลังจากนั้นยังตายแปลกมากๆ อีก แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องลากกลับไปที่ห้องชันสูตร!"

จวงหมิงหานหัวเราะจนปวดท้องไปหมด "โกหกชัดๆ!"

เย่หนิงร้องเหอะ “ตอนนี้พวกนายรู้หรือยังละว่าเขาคนนี้คงจะเบื่อมากๆ พุ่งให้รถมาชนทำให้คนตกใจเล่น! นายว่าเรื่องที่ฉันเจอนี้ ดึกๆ ดื่นๆ เจอกับคนที่ตายโดยไม่รู้สาเหตุ ทั้งไม่รู้สาเหตุการตาย แน่นอนว่าฉันต้องลากกลับไปที่ห้องชันสูตรอยู่แล้ว! แต่เขาน่ะสิ คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะมาบอกว่าฉันลวนลามเขา! เหอะ! ใครจะไปสนใจคนตายกันเล่า"

จวงหมิงหานกลั้นยิ้ม ถามขึ้นมาว่า "หลังจากนั้น ได้ชันสูตรไหม"

เย่หนิงพูดเสียงเบา "เขาไม่ให้ฉันชันสูตรน่ะสิ! ทั้งยังทำให้ฉันกลัวต่อหน้าผีปลอมอีกด้วย!"

เสิ่นอี้หุบยิ้ม "ดูคุณออกจะกล้าหาญ กลัวผมด้วยหรอครับ!”

จวงหมิงหานตบมือให้เสิ่นอี้ "นายคงจะเบื่อจริงๆ! ทำให้สาวน้อยตกใจ มีความหมายอะไรไหม เสี่ยวหนิง คุณตกใจจนร้องไห้เลยไหม"

"อย่างเธอจะถูกผมหยอกจนร้องไห้งั้นเหรอ" เสิ่นอี้ยิ้ม พลางพูดว่า "วันถัดมาพอเจอหน้าผม เกือบจะตั้นหน้าผมล่ะสิไม่ว่า!"

จวงหมิงหานตกตะลึงอยู่สักพัก ทันใดนั้นก็หัวเราะร่า "สมควร! ใครใช้ให้นายไปแกล้งแต่งตัวเป็นผีหลอกคนอื่นล่ะ! สมน้ำหน้า!"

จู่ๆ เสิ่นอี้ก็จอดรถ

จวงหมิงหานตกใจ "ทำไม...ไม่ ไม่ขับต่อหรือไง..."

เสิ่นอี้หันกลับไปมองเขา พูดด้วยสีหน้าจนปัญญาว่า "ถึงแล้ว! จะขับไปไหนอีก! นายอยากไปไหนล่ะ ขับรถขึ้นภูเขาหรือไง!"

จวงหมิงหานเงยหน้าขึ้น มองภูเขามืดๆ ทึมๆ "...ยังต้องขึ้นเขาอีกเหรอ"

"ถูกต้อง! จอดรถทิ้งไว้ที่นี้แหละ เดินขึ้นไปเถอะ!"

หลังจากเสิ่นอี้ลงจากรถ มองไปรอบๆ เล็กน้อย เย่หนิงก็เลยถามขึ้นว่า "พวกเขามากันแล้วเหรอ"

เสิ่นอี้พูดเสียงเรียบ "มากันแล้วครับ! พวกเขารออยู่ที่นี่มาโดยตลอด ทำไมถึงจะไม่มาล่ะครับ! นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเขา ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นกับดัก แต่ก็ยังปิดตามาที่นี่"

เย่หนิงเองก็มองไปรอบๆ

"พวกเขาคงไม่รีบออกมาหรอก" เสิ่นอี้จูงมือของเย่หนิงอย่างเป็นปกติมากๆ พูดขึ้นว่า "พวกเราขึ้นเขาไปกันก่อน! คาดว่าพวกเขาจะลงมือ ตอนที่พวกคุณเอาอาวุธวิเศษทั้งสี่ชิ้นออกมา"

อาวุธวิเศษทั้งสี่ชั้น

เย่หนิงตบกระเป๋าสะพายหลังของตนเองอย่างไม่รู้ตัว ข้างในนี้มีกระจกทองแดงหนึ่งบาน กระจกทองแดงที่ไม่รู้ว่าเสิ่นอี้เอามาจากที่ไหน

พอคิดว่าเดี๋ยวอีกสักคนพวกนั้นจะเข้ามาแย่งกระจก เย่หนิงก็รู้สึกตลกขึ้นมาเล็กน้อย