webnovel

ตอนที่ 258

ตอนที่ 258 หนี้น้ำใจ

หลังจากที่เงียบอยู่นาน เสิ้นอี้จึงพยักหน้า 

เย่หนิงประหลาดใจ! 

ประหลาดใจจนพูดไม่ออก!

เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ คาดไม่ถึงเลยว่าความจริงของเรื่องนี้จะเป็นเช่นนี้ งั้น...งั้นก่อนหน้านี้เรื่องเหล่านั้นที่มู่หรงซีพูดถึงล่ะ......

ทันใดนั้นเย่หนิงคิดว่ามู่หรงชิงคนนั้นน่าสงสารเสียจริง...ตอนที่เธอตายก็ยังไม่รู้ว่าตนเองต้องตายอย่างไร 

น้องสาวของเธออยากให้เธอตาย คู่หมั้นของเธอก็อยากให้เธอตาย......

กระทั่งยอมสูญเสียทุกอย่างอย่างไม่เสียดาย เพื่อที่ร่วมมือกับนักล่าผีดิบ ฝืนบังคับให้เธอตาย 

เสิ่นอี้มองเย่หนิงเงียบๆ คล้ายกับว่าอยากฟังว่าเธอจะพูดอะไร แต่คิดไม่ถึงว่าเย่หนิงจะนิ่งเงียบไม่เอ่ยปากมาโดยตลอด เสิ่นอี้เองก็ไม่รู้จริงๆ ว่าในใจของเย่หนิงกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดขึ้นว่า "ก่อนหน้านี้ที่ผมไม่ได้บอกคุณ ก็เพราะกลัวคุณตกใจ...ผมไม่อยากให้คุณคิดว่าผมเป็น......" 

"ทำไมคะ" เย่หนิงถามเสิ่นอี้ "สาเหตุอะไรที่ทำให้คุณต้องทำถึงขนาดนี้"

เสิ่นอี้ยิ้มเย้ยหยัน "แน่นอนว่าเป็นเพราะอยากหลุดพ้นจากการควบคุมของราชาผีดิบ! ถ้าราชาผีดิบชนะสงครามครั้งนี้จริงๆ คงไม่มีใครคิดถึงหรอกว่าโลกใบนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร ความตายปรากฏทั่วทุกหนแห่ง ซากกระดูกกองกันเป็นภูเขา และอีกอย่างเขาก็มีนิสัยโหดเหี้ยม ดันทุรัง มั่นใจในตัวเองไม่ยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น คัดค้านเพียงเล็กน้อยก็ไม่ยอมฟัง ผมไม่มีทางหวังให้คนแบบนี้ขึ้นมาเป็นผู้นำหรอกครับ"

เสิ่นอี้เงียบไป แล้วจึงพูดอีกครั้งว่า "พูดตามจริง เขาเองก็ไม่คู่ควรเลย! ถ้าเขาได้ปกครองโลกนี้ไปจริงๆ โลกคงจะวุ่นวายอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะทีสิ่งมีชีวิตต้องล้มตายไปมากขนาดไหน และอีกอย่างเขามีอำนาจเหนือผีดิบทั้งหมด เมื่อถึงเวลานั้นเขาคงให้พวกเราเริ่มการสังหารจริงๆ จะทำอย่างไรล่ะ" 

เย่หนิงลังเลพักหนึ่ง แล้วจึงถามว่า "มู่หรงชิงคนนั้น เก่งกาจมากจริงๆ เหรอคะ" 

"ใช่ครับ! เธอเป็นผู้หญิงที่เก่งกาจมาก! ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเด็กผู้หญิง แต่เพราะท่านอ๋องไม่มีบุตรชาย ดังนั้นตั้งแต่เล็กจนโตก็เลี้ยงเธอเหมือนเด็กผู้ชายมาโดยตลอด ขี่ม้า ยิงธนู กลศึก เธอเข้าใจทั้งหมด และอีกอย่างเธอก็ฉลาดมากๆ ไม่ว่าจะเรียนอะไรก็เรียนได้หมด ตอนที่ท่านอ๋องมีชีวิตอยู่ ก็หวังกับเธอเอาไว้สูงมากๆ" 

เสิ่นอี้ถอนหายใจแล้วพูดอีกครั้งว่า ความจริงถ้าไม่มีเธอ ตอนนั้นพวกเราคงหาสุสานของท่านอ๋องไม่เจอหรอก เธออาศัยการคำนวณหาและทำตำแหน่งที่ท่านอ๋องถูกฝังเอาไว้ ตอนนั้นเธอทำให้พวกเราประหลาดใจจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเก่งกาจขนาดนี้!”

"และอีกอย่าง ก่อนที่พวกเราจะหาท่านอ๋องเจอ ข้าบริวารเก่าๆ ก็เป็นเธอที่หาเจอ ดังนั้นบอกได้เลยว่าการเอาท่านอ๋องออกมาในสุสาน มีโอกาสกลับมาตั้งตัวเป็นใหญ่ได้อีกครั้ง ลูกสาวคนนี้ของเขา จำเป็นอย่างยิ่ง! ต่อมาในสนามรบ เธอยังแสดงให้เธอถึงความสามารถในการสั่งการทหารของเธอ ค่ายกลที่แข็งแกร่งนั้นบีบบังคับให้กองทัพของมนุษย์ต้องพ่ายแพ้ ล่าถอยไปครั้งแล้วครั้งเล่า"

"แม้ว่าผมจะไม่ได้เข้าร่วมในสงคราม แต่ยังได้ยินสถานการณ์เหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง ใครๆ ต่างก็รู้ ข้างกายราชาผีดิบ มีกุนซือ (ที่ปรึกษา) ที่มีฝีมือเก่งกาจมากๆ จริงๆ ตอนที่พวกคุณตระกูลเย่มาหาผม ยังบอกว่า ถ้าอยากเอาชนะราชาผีดิบ อันดับแรกคือต้องตัดแขนตัวขาของเขา และผู้ช่วยที่เก่งกาจที่อยู่ข้างกายราชาผีดิบ ซึ่งนั่นไม่ใช่สี่ขุนศึก แต่เป็นกุนซือคนนั้นของเขา กุนซือผู้หญิงคนนั้น"

เย่หนิงถามหยั่งเชิงว่า "หลังจากนั้นคุณตอบตกลงจะช่วยไหมคะ" 

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม "ผมบอกไปแล้ว พวกเรามีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ผมเพื่อหลุดพ้นจากการควบคุมของราชาผีดิบ ส่วนพวกเขาเพื่อที่จะกำจัดราชาผีดิบ ถ้าเป้าหมายเหมือนกัน ทำไมถึงจะไม่ร่วมมือกันล่ะครับ"

"แค่กๆ..." เย่หนิงไอออกมาเล็กน้อย "พวกคุณมีความยินดีที่จะได้ร่วมงานกันใช่ไหม"

เสิ่นอี้ยิ้ม " ยินดีมาก..." 

"แค่กๆ...คิดไม่ถึงเลยว่าก่อนหน้านี้พวกคุณก็เคยร่วมมือกันด้วย..." ถึงเย่หนิงจะพูดเช่นนี้ ทว่าความจริงแล้วเธอรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของมู่หรงซี เธอจะไม่เชื่อมากนัก แต่เพียงคิดถึงความเป็นไปได้นี้ คล้ายกับมีหนามแหลมทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจ ทำไมถึงไม่รู้สึกไม่สบายใจเลย ถ้าคนของตระกูลเย่ฆ่าคู่หมั้นของเสินอี้จริงๆ...เธอจินตนาการไม่ได้จริงๆ ว่าในอนาคตเธอจะคบกับเสิ่นอี้ต่อไปได้อย่างไร

ใครจะรู้ว่าอนาคตจะอยู่ในแนวทางไหน ผลลัพธ์นี้ขนาดตัวเองก็คงคิดไม่ออก การตายของมู่หรงชิง คาดไม่ถึงว่ายังจะเกี่ยวข้องกับเสิ่นอี้ กระทั่งว่าเสิ่นอี้ยังเป็นคนที่วางแผนลงมือฆ่ามู่หรงชิงอีกด้วย

นี่...ถ้าราชาผีดิบรู้ล่ะ...

เย่หนิงถอนหายใจ "เสิ่นอี้ คุณพ่อของคุณไม่เรื่องนี้หรอคะ" 

เสิ่นอี้ทั้งอารมณ์ดีและรู้สึกตลก เขาหยิกแก้มของเย่หนิงอย่างแรง "พ่ออะไรกันครับ คุณพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว! ผมกับมู่หรงชิงถอนหมั้นกันตั้งนานแล้ว!"

"หา พวกคุณถอนหมั้นกันแล้วเหรอคะ เมื่อไหร่กัน" 

"เรื่องมันนานมากแล้ว ตอนที่มู่หรงชิงหาผมเจอก็เสนอว่าจะถอนหมั้นกับผม แต่เธอมีเงื่อนไขก็คือผมต้องตอบตกลงช่วยเธอทำเรื่องหนึ่ง ภายใต้ขีดจำกัดความสามารถของผม แค่ผมเห็นของแทนคำมั่นของเธอ จะต้องช่วยเธอทำสำเร็จให้จงได้!" 

เย่หนิงกะพริบตา "เรื่องอะไรคะ" 

เสิ่นอี้มองเย่หนิง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า "กระจกฟ้าดิน!" 

"อะไรนะ!" เย่หนิงแทบจะกระโดดออกมาจากในอ้อมกอดของเสิ่นอี้ "เดี๋ยวก่อน เสี่ยวหนิง คุณอย่าตกใจสิครับ!"

"ฉันสับสนไปหมดแล้ว! เหตุการณ์มันเป็นยังไงกันแน่!" เย่หนิงรู้สึกจริงๆ ว่าตนเองยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ 

เสิ่นอี้พูดเสียงเบาว่า "ตอนแรกผมแค่ตอบตกลงมู่หรงซี แค่เห็นของแทนคำมั่นของเธอ ก็จะช่วยเธอไปทำเรื่องหนึ่ง แต่พอถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้ เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร ความหมายของเธอก็แค่อยากให้ผมเป็นหนี้ความรู้สึกของเธอเท่านั้น หลังจากนั้นตอนที่ผมและซีเหมินถิงแยกตัวออกมา ผมยังคิดอยู่เลยว่าเธอขอให้ผมกลับไปช่วยไหม คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่แปลก เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจมาก บางทีเธอคงคิดว่าไม่มีพวกเราก็คงไม่ส่งผลกระทบมากนัก กำลังของเธอเพียงคนเดียว ก็พอที่จะเอาชนะพวกคุณได้ แล้วแต่ไหนก็ไม่ต้องการผมกับซีเหมินถิงอยู่แล้วด้วย"

เย่หนิงคิดแล้วถามว่า "งั้น...กระจกฟ้าดินนั้นมันหมายความว่าอะไร" 

"เป็นเรื่องหลังจากนั้น! เมื่อปีก่อน...มีคนนำของแทนคำมั่นของมู่หรงซีมาหาผม แล้วให้ผมช่วยทำอะไรเรื่องหนึ่ง" เสิ่นอี้อดดึงมือของเย่หนิงเข้ามากุมไม่ได้ แล้วพูดเสียงเบาว่า "ความหมายเดิมของพวกเขา คือให้ผมฆ่าลูกหลานของตระกูลนักล่าผีดิบให้หมด" 

"หา!" เย่หนิงตกใจ 

"แต่ผมไม่ได้ตอบตกลง" เสิ่นอี้ลูบเส้นผมยาวของเย่หนิง แล้วพูดว่า "ตอนที่พวกเขาพูดอย่างนั้น ผมก็พูดไปว่ามีประโยชน์อะไร ไม่มีอาวุธวิเศษทั้งสี่ชิ้น ถึงแม้ว่าคนของตระกูลนักล่าถูกฆ่าตายหมด ก็ทำลายผนึกไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นผมจึงแค่ตอบตกลงกับพวกเขาว่าจะช่วยเอาหาอาวุธวิเศษมาให้พวกเขาชิ้นหนึ่ง พวกเขาก็เลยบอกว่า อยากให้ผมหากระจกฟ้าดิน!"

เสิ่นอี้ลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงพูดอีกครั้งว่า "ความจริงแล้วในบรรดาอาวุธวิเศษ พลังมากที่สุด หายากที่สุด ก็คือกระจกฟ้าดิน พวกเขาเองก็รู้ถึงจุดๆ นี้ ดังนั้นถึงให้ผมไปหากระจกฟ้าดิน แค่ผมเอากระจกฟ้าดินไปให้พวกเขา หนี้น้ำใจของคนคนนี้ก็จะสิ้นสุดลงทันที"