webnovel

ตอนที่ 240

ตอนที่ 240 บุคคลลึกลับ

"ผู้หญิงคนสนิท" เสิ่นอี้ตกตะลึง แล้วฉีกยิ้มทันที "ผู้หญิงคนสนิทอะไรกันเล่า เสี่ยวหนิง คุณอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่า ผู้หญิงคนสนิทที่ไหนกันล่ะ ท่านอ๋องมีพระมเหสีเพียงคนเดียว แล้วอีกอย่างพระมเหสีก็จากไปนานมากแล้ว...ถึงแม้ว่าข้างกายของท่านอ๋องจะมีผู้หญิงหลายคน แต่หลังจากที่ท่านอ๋องถูกสังหาร ทั่วทั้งวังถูกกวาดล้าง ไม่มีเหลือพยานปากเอกเหลือรอดสักคน"

เย่หนิงกะพริบตา มองเสิ่นอี้แล้วพูดว่า "เสิ่นอี้ คุณเข้าใจสถานการณ์ของราชาผีดิบได้ชัดเจนขนาดนี้เลยเหรอ"

เสิ่นอี้ฉีกยิ้มอย่างจนปัญญา "คุณอยากพูดอะไรกันแน่" 

เย่หนิงจึงถามขึ้นมาว่า "คุณต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน เมื่อกี้คุณยังพูดอยู่เลยว่า คุณบอกว่าคุณคิดไม่ถึงว่าข้างกายราชาผีดิบมีคนแบบนี้อยู่ด้วยเมื่อไหร่...เสิ่นอี้...คุณเป็นอะไรกับราชาผีดิบ ถึงได้คุ้นเคยมากๆ...ไม่คิดจะเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นหน่อยเหรอ"

เสิ่นอี้ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญาฉีกยิ้มแล้วพูดว่า "ได้ครับ...ดูท่าผมคงจะปิดบังคุณไม่ได้แล้ว......" 

"เหอะ! คิดไม่ถึงว่ายังอยากจะปิดบังฉัน" เย่หนิงอารมณ์เสียมาก

เสิ่นอี้ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า "ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณหรอกนะ ตอนเริ่ม คิดไม่ถึงเรื่องว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนเป็นยุ่งเหยิงขนาดนี้ แล้วผมก็คิดไม่ถึงด้วยว่าจะยังมีคนคิดอยากปล่อยราชาผีดิบออกมาจริงๆ ถึงยังไงมันก็ผ่านมานานมากขนาดนี้แล้ว ผมคิดว่าพวกเขาคงจะปล่อยวางไปได้นานแล้ว...ทว่าคนพวกนี้ ยังไม่ล้มเลิกอีก" 

เย่หนิงครุ่นคิด แล้วก็ถามว่า "คุณรู้จักคนพวกนั้นเหรอ" 

"รู้จักครับ" เสิ่นอี้พยักหน้า "ส่วนใหญ่ ตรงกันข้าม ยังเป็นคนที่รู้จักมากด้วย เพราะ...ก่อนหน้านี้ผมเองก็เคยอยู่ข้างกายราชาผีดิบ...พ่อของผม เมื่อปีนั้นก็เป็นหนึ่งในสี่ขุนศึกที่อยู่ข้างกายท่านอ๋อง"

"ห๊า!" เย่หนิงเบิกตามองอย่างตกตะลึง "อะไรนะ"

"คุณคงตกใจ" 

"ดังนั้น..." เย่หนิงกลืนน้ำลาย "ถ้างั้นตอนนี้เกิดอะไรขึ้น"

"ตอนนี้..." หลังจากที่เสิ่นอี้เงียบอยู่นาน จึงพูดขึ้นว่า "ปีนั้น ผมได้รับการฝากฝังงานจากพ่อ ดังนั้นถึงได้ช่วยตามหาท่านอ๋องมาโดยตลอด เพียงแต่พวกเราเองก็คิดไม่ถึง พอปล่อยราชาผีดิบออกมา เขาจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างนั้น...มีความแค้นฝังลึก ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้ว่าความเกลียดชังของเขามาจากไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะยินดีที่จะปฏิบัติตามแนวคิดของเขา เพียงแต่...เขาเป็นราชาผีดิบ...แล้วเดิมทีพวกเราก็ไม่มีทางต่อต้านคำสั่งของเขาได้อยู่แล้ว" 

"อะไรนะ" เย่หนิงถามขึ้นอย่างเร็ว "หมายความอะไร เสิ่นอี้ ที่คุณพูดหมายความว่าอะไร" 

เสิ่นอี้พูดอย่างช้าๆ ว่า "ระดับจิตกดดัน! ในหมู่ผีดิบ ระดับจิตกดดันคือสิ่งที่ร้ายแรงมาก...คำสั่งของราชาผีดิบที่ให้พวกเราต้องทำ หมดหนทานขัดขืนอย่างเสียมิได้ ระดับยิ่งต่ำความกดดันก็จะยิ่งรุนแรง ระดับสูงขึ้นมาหน่อยจะมีความคิดและความเห็นของตนเอง ไม่ถูกเขาควบคุมโดยง่าย แต่ถ้าเขาถูกกดขี่ข่มเหงด้วยการบีบบังคับของราชาผีดิบ พวกเราเองก็หมดหนทาง! ผมบอกคุณเลย เมื่อเผชิญหน้ากับราชาผีดิบ ผีดิบทุกตน ไม่อาจต้านทานขัดขืนได้!"

เย่หนิงตกตะลึง พูดขึ้นว่า "เก่งกาจขนาดนี้เลยเหรอ!"

"เก่งกาจมาก! ไม่เพียงแค่เพราะเขาเก่งกาจ อีกอย่างจิตกดดันเช่นนี้ก็ยิ่งเพิ่มความลำบาก ถึงแม้ว่าภายในใจของคุณอยากจะต่อต้าน แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเขา ทำตามประสงค์ของเขา แล้วไม่สามารถต่อต้านได้เลยสักนิดเดียว เพราะคุณต่อต้านไม่ได้ยังไงล่ะ!"

เสิ่นอี้พูดพลางถอนหายใจ แล้วพูดต่อว่า "ไม่อย่างนั้น เดิมทีคงไม่ต้องให้พวกคุณลงมือหรอก ในเผ่าพันธุ์ผีดิบคงมีคนฆ่าเขาไปก่อนหน้านี้แล้ว! น่าเสียดายที่พวกเราฆ่าไม่ได้! พวกเราฆ่าราชาผีดิบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเขาเก่งกาจมาก! ราชาผีดิบเก่งกาจยิ่งกว่า ไม่อย่างงั้นพวกเราคงจะฆ่าเขาเหมือนกัน! ที่หมดหนทางจะฆ่าเขา ทั้งหมดเป็นเพราะระดับเขาที่มีผลต่อพวกเรา" 

เย่หนิงสะดุ้งตกใจ "คุณเองก็อยากฆ่าเขางั้นเหรอ" 

เสิ่นอี้ยิ้มขื่นแล้วส่ายหน้า "ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พูดทั้งหมดหรอก ทีแรกเพียงแค่อยากห้ามปรามเขา ไม่ให้เขาทำเช่นนี้เท่านั้น! น่าเสียดายที่พวกเราห้ามเขาไม่ได้! ดังนั้นหลังจากนั้นมีคนบางส่วนในหมู่พวกเรา ก็เลยแอบหนีไปเช่นนี้! ขณะนั้นราชาผีดิบกำลังเตรียมรับมือกับกองทัพมนุษย์ของคุณ ก็เลยไม่มีเวลามาดูแคลนพวกเรา และอีกอย่างเขาก็มั่นใจในความสามารถของตนเองเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าพึ่งตัวเองเพียงคนเดียวก็จัดการทุกอย่างได้ทั้งหมด! ทั้งไม่ต้องให้พวกเราช่วยเหลือเลยด้วยซ้ำ"

"แต่หลังจากนั้นเขาก็ยังพ่ายแพ้งั้นเหรอ" 

"เขาประเมินตัวเองสูงเกินไป แล้วก็ประเมินความสามารถของนักล่าผีดิบอย่างพวกคุณต่ำเกินไป! ทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง"

ภายในใจของเย่หนิงรู้สึกเครียดเล็กน้อย "เสิ่นอี้ คุณคงไม่หวังให้เขาถูกปล่อยออกมาหรอกนะ"

เสิ่นอี้ส่ายหน้า "แน่นอนว่าผมไม่หวังอยู่แล้ว ถ้าเขาถูกปล่อยออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะวนลูปกลับมาอีกครั้ง อีกอย่างตอนนี้ ยิ่งมีคนที่ทะเยอทะยานและมักใหญ่ใฝ่สูงมากๆ อย่างฉินเฉาฮุ้ย...ปล่อยราชาผีดิบออกมา ต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน! เมื่อถึงเวลานั้นทั่วทั้งเมืองตงไห่ต้องประสบกับหายนะแน่นอน"

เย่หนิงรีบถามขึ้นว่า "พวกเราต้องรีบเพิ่มพลังของผนึกเสียแล้ว" 

"ไม่ง่ายหรอก...ตอนนี้ที่ผมกังวลมากที่สุดก็คือสิ่งนี้ พวกเขาต้องลงมือตอนที่พวกคุณเพิ่มพลังของผนึกอย่างแน่นอน"

"ไม่ใช่ว่ามีคุณหรือไง" 

"ผม" เสิ่นอี้ยิ้มเย้ยตนเอง "ผมให้ความสนใจมาตั้งหลายปี อาวุธวิเศษสี่ชิ้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และอีกอย่างในพวกคุณสี่คน ถ้าเกิดเรื่องกับพวกคุณสักหนึ่งคน ผนึกนี้ก็หมดหนทางจะเพิ่มพลังแล้ว! อยากจะแย่งอาวุธวิเศษจากพวกคุณสี่คน ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอะไรเลย"

เย่หนิงเงียบไป ไม่พูดอะไรอีก 

เสิ่นอี้พูดอีกครั้งว่า "พวกเขาต้องเตรียมแผนเอาไว้อย่างแน่นอน และอีกอย่างตอนนี้พวกเราอยู่ในที่แจ้ง พวกเขาอยู่ในที่ลับ สถานการณ์ตอนนี้ของพวกเรา อีกฝ่ายต้องรู้อย่างแน่นอน แต่สถานการณ์ของอีกฝ่าย...พวกเรากลับรู้ไม่มากนัก ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มลงมือจากตรงไหน อำนาจของเทียนเหิงกรุ๊ปมีมากมายมหาศาล ก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานเพียงพอ อยากลงมือกับพวกเขาจึงไม่ง่ายถึงขนาดนั้น"

เย่หนิงเข้าใจเล็กน้อย "เสิ่นอี้ ความจริงแล้วคุณกังวล...เรื่องคนคนนั้นในเทียนเหิงกรุ๊ปใช่ไหม ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อว่า ซีซาน่าใช่ไหม"

"ใช่ครับ..." เสิ่นอี้พยักหน้า "ผมรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ง่ายๆ เลย...แล้วก็เกรงว่าจะเป็นตัวแปรที่ใหญ่ที่สุด"

เย่หนิงครุ่นคิด แล้วพูดอีกครั้งว่า "แต่ ในกลุ่มผีดิบ นอกจากราชาผีดิบ ยังมีผีดิบที่เก่งกาจมากๆ อีกไหม คุณพอรู้ไหมคะ" 

"ที่ผมรู้มีแค่คนเดียว...คล้ายๆ กันกับผม ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นนักดาบที่เก่งกาจมาก พ่อของเขา และพ่อของผมนั้นเหมือนกัน ต่างเคยเป็นยอดฝีมือที่อยู่ข้างกายราชาผีดิบ แต่หลังจากนั้นเขาก็หายไป ไม่ติดตามราชาผีดิบ หลังจากที่ราชาผีดิบถูกผนึก เขาก็อยู่อย่างสันโดษ เขาบอกว่าเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับทางโลก ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทเหล่านี้"

“ไม่ใช่คนคนนั้นหรอคะ" 

"แน่นอนว่าไม่ใช่เขา เขาเป็นคนรักความสงบ ทำไมถึงจะไปช่วยเทียนเหิงกรุ๊ปทำเรื่องอย่างนั้น"

"งั้นก็แปลกมากๆ..." จริงๆ แล้วเย่หนิงไม่เข้าใจเลย " ผู้หญิงคนนั้น จริงๆ แล้วเป็นใครกันแน่" 

"ใช่ครับ..." เสิ่นอี้กล่าวอย่างเหม่อลอย "ผู้หญิงคนนั้น จริงๆ แล้วเป็นใครกันแน่"