webnovel

ตอนที่ 230

ตอนที่ 230 โทรศัพท์ที่หาสาเหตุไม่ได้

หน้าผากของเหลียงกังมีเหงื่อเย็นไหลอาบ แต่เขายังคงกัดฟันแน่นไม่ยอมรับ พูดว่า "ต้องเป็นตอนที่เสี่ยวหลิงพยายามต่อสู้แล้วดึงมันลงมาจากชุดของฉินเฉาฮุ้ย เธอกลืนกระดุมลงไปก็เพราะอยากให้พวกคุณรู้ว่าฆาตกรที่ฆ่าเธอคือฉินเฉาฮุ้ย” 

"อ่อ" เสิ่นอี้แปลกใจเป็นอย่างมาก "งั้นคุณรู้ได้ยังไงล่ะว่าเสี่ยวหลิงกลืนกระดุมเม็ดนั้นลงไป" 

เหลียงกังตกตะลึง 

เสิ่นอี้พูดอีกครั้งว่า "เสี่ยวหลิงตายได้ยังไง ทำไมคุณถึงรู้ได้อย่างชัดเจน ขนาดเรื่องกระดุมที่เธอกลืนลงไปคุณก็ยังรู้" 

"นี่......" เหงื่อบนหน้าผากของเหลียงกังยิ่งไหลอาบไม่หยุด "ผม ผมจะไปรู้ได้ยังไง นี่ นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกคุณจะมาถามคำถาม"

เสิ่นอี้พูดเสียงเย็นว่า "รายละเอียดที่เกี่ยวกับคดีนี้ พวกเราตำรวจไม่สามารถเปิดเผยออกไปง่ายๆ ได้อย่างแน่นอน จะมีคนมาบอกคุณได้ยังไง เหลียงกัง ทำไมคุณถึงพูดโกหกได้สมเหตุสมผลเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงการกระทำที่อุกอาจขนาดนั้น! ขนาดรูปที่ให้พวกคุณดู ที่ให้พวกคุณยืนยันหลักฐาน ก็ไม่มีทางบอกพวกคุณ ได้ว่าหลักฐานทางวัตถุนี้ถูกพบได้ยังไง ยังมี......"

"เหลียงกัง ยังมีอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของยาเสพติดชนิดใหม่ ผมเองก็แปลกใจ คุณรู้ได้ยังไงว่าเหยื่อที่ถูกทำร้ายทั้งสองรายนี้เคยกินยาตัวนี้ หรือว่าตำรวจที่มาถามเป็นคนบอกคุณ"

เหลียงกังพูดไม่ออก 

ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองได้ทิ้ง "หลักฐาน" เอาไว้ หลังจากนั้น คาดไม่ถึงเลยว่านี่จะเป็นหลักฐานที่ชี้มาที่เขา!

เสิ่นอี้พูดต่อว่า "เหลียงกัง อย่าคิดว่าคุณไม่ยอมรับแล้วจะหมดเรื่อง! พยานบุคคลก็มีหมดแล้ว พวกเราสามารถฟ้องร้องคุณได้ตลอดเวลา คุณควรจะซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ พยายามทำให้มันผ่อนปรน"

"ผ่อนปรนงั้นเหรอ" เหลียงกังยิ้มเย้ยหยันตัวเอง "ฆ่าคนไปทั้งคนจะผ่อนปรนได้ยังไง คุณตำรวจ คุณอย่ามาหลอกผมหน่อยเลย!" 

เสิ่นอี้พูดอย่างช้าๆ ว่า "ไม่ใช่ฉินเฉาฮุ้ยที่อยากกำจัดเสี่ยวหลิง และเสี่ยวถิงที่เข้ามาพัวพันถึงกับทำให้อยากลงมือฆ่าหรอก แต่เป็นเพราะเสี่ยวหลิงและเสี่ยวถิงต่างหากที่อยากกำจัดคุณ ทว่าคุณไม่ยอม สุดท้ายเพราะทั้งรักทั้งเกลียดจึงบันดาลโทสะลงมือฆ่าคน! ทั้งยังป้ายความผิดไปให้ฉินเฉาฮุ้ย แผนการพวกนั้นของคุณมีข้อบกพร่องเต็มไปหมด รู้ตัวอีกทีก็สายเกินไปแล้ว! คุณเห็นไหมพวกเรายังไม่ได้ตัดสิน ไม่มีการจับกุมฉินเฉาฮุ้ย ภายในใจก็ร้อนรน ทั้งยังวิ่งมาพูดเรื่องของคดีกับพวกเรา! ทั้งยังแสร้งได้เหมือนมากจริงๆ! ทั้งตะโกนทั้งร้องไห้!"

"เป็นเพราะพวกเธอมันเลว......" ทันใดนั้นเหลียงกังก็เงยหน้าขึ้นมา ตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง "เป็นเพราะพวกเธอไม่...เดิมทีก็เป็นความผิดของพวกเธอ...พวกเธอหลอกลวงผมตั้งแต่ทีแรก...ผู้หญิงทั้งสองคนนี้...ล้วนไม่ใช่คนดีอะไร ยัยพวกอยากได้หน้าได้ตา...พวกเธอไม่มองมาที่ผม ทิ้งผมที่เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ไม่มีเงินก็ถีบหัวส่ง! ฉินเฉาฮุ้ยอะไรนั้นเป็นพวกคนมีเงิน รักพวกเธอจริงๆ งั้นเหรอ ก็แค่เล่นสนุกเท่านั้น......"

"พวกเธอมีคุณสมบัติอะไรถึงไม่มองผม พวกเธอทำเรื่องพวกนี้ มีคุณสมบัติอะไรถึงไม่มองผม ผู้หญิงแบบนี้สมควรตายๆ ไปซะ! พวกเธอตายไปแล้ว! ยังมีฉินเฉาฮุ้ยคนนั้น เขาก็สมควรตายเช่นกัน! พวกเขาสมควรตายทั้งหมด ทำไมถึงไม่จับเขา...ทั้งหมดนี้เขาเป็นคนทำ ทั้งหมดนี้เขาเป็นคนทำ..."

เสิ่นอี้มองเหลียงกัง แล้วพูดเสียงเย็นว่า "ใครสมควรตายใครไม่สมควรตาย คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสิน! ก็เพราะว่าพวกเธออยากเลิกกับคุณ คิดว่าคุณให้ความสุขกับพวกเธอไม่ได้ แค่อยากเลิก คุณถึงกับต้องฆ่าเลยงั้นเหรอ ดูแล้วคุณต่างหากล่ะที่สมควรเข้าไปอยู่ในคุกเพื่อพิจารณาตัวเอง!" 

อารมณ์ของเหลียงกังไม่คงที่มาโดยตลอด พอหมดหนทางจะตั้งคำถามต่อ เสิ่นอี้บอกให้ไปพักก่อน ให้เหลียงกังใจเย็นก่อน เย่หนิงก็เลยชิงไปห้องแล็บ อยากดูว่าผลการทดสอบจะออกมาเมื่อไหร่ เพราะทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญทั้งหมด 

ผลกลายเป็นว่าเธอยังไม่ถึงห้องแล็ปก็ได้รับโทรศัพท์แปลกๆ เย่หนิงไม่คิดอะไรมากก็รีบรับสายทันที เสียงปลายสาย ภายในได้ยินเสียงที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนัก คนคนนั้นหัวเราะแล้วถามว่า "คุณตำรวจ คืนนี้ว่างไหม ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ"

เย่หนิงอึ้งไปสักพัก จึงแสดงปฏิกิริยาออกมา คนคนนี้คงไม่ใช่ฉินเฉาฮุ้ยหรอกนะ

เย่หยิงพูดอย่างอารมณ์เสียว่า "คุณฉิน ช่วงนี้คุณไม่ยุ่งหรือไง ทำไมถึงมีเวลาออกมาทานข้าวด้วยล่ะ"

ฉินเฉาฮุ้ยหัวเราะ "ยุ่งแต่ก็ไปทานข้าวได้! คุณตำรวจ คุณว่าไงล่ะ คุณเองก็อย่ามัวทำแต่งาน จนลืมทานข้าวสิครับ!"

"ฉันกินข้าวแล้ว! และอีกอย่างคืนนี้ฉันก็ไม่ว่าง ยังมีศพอีกหลายศพรอฉันอยู่ที่ห้องชันสูตรด้วย!"

ฉินเฉาฮุ้ยที่อยู่ด้านนั้นเงียบอยู่นาน เหมือนกับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เย่หนิงก็เลยพูดอย่างขอไปทีว่า "คุณฉิน คุณไม่มีธุระแล้วใช่ไหม ไม่มีอะไรแล้วงั้นฉันวางล่ะ! งานของฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลามาคุยเล่นกับคุณหรอก"

ฉินเฉาฮุ้ยยิ้ม "คุณหมอเย่ คุณพูดอะไรนะ ทำไมถึงเรียกว่าคุยเล่น พวกเราจะคุยกันเรื่องคดีต่างหาก คุณยุ่งอะไรนักหนา หรือว่าจะยุ่งเรื่องของคดีที่บาร์นั่น เมื่อวานไม่ใช่ว่ายังมาหาผม อยากให้ผมร่วมมือกับการสอบสวนหรอครับ ผมคิดอะไรบางอย่างออกพอดี ผมเลยอยากคุยกับคุณเสียหน่อย ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณจะไม่สนใจ"

เย่หนิงคิดว่าฉินเฉาฮุ้ยคนนี้น่าเบื่อเสียจริง ก็เลยถามว่า "เหรอคะ ประธานฉิน งั้นคุณคิดอะไรออกล่ะคะ"

ฉินเฉาฮุ้ยยิ้มแล้วพูดว่า "พูดในโทรศัพท์ไม่ดีนัก ออกมาแล้วคุยกันหน่อยเป็นไง บางทีเรื่องที่ผมบอกคุณอาจจะเป็นเบาะแสที่สำคัญมากๆ ก็ได้ บางทีถ้าพวกคุณอยากปิดคดี อาจจะต้องพึ่งเบาะแสชิ้นนี้ คุณหมอเย่ คุณคงไม่อยากพลาดเบาะแสที่สำคัญขนาดนี้หรอกนะ คดีนี้พวกคุณเองก็สืบหามาตั้งนานแล้ว ครั้งก่อนพวกคุณกดดันผมเป็นมากๆ ผมก็เลยอยากให้ความช่วยเหลือ"

"อ่อ!" เย่หนิงฉีกยิ้ม "งั้นคงต้องขอบคุณความเอาใจใส่ของคุณประธานฉินเป็นอย่างมากจริงๆ ความหวังดีของคุณ พวกเราขอรับด้วยใจ! แต่ฆาตกรถูกจับแล้ว งั้นก็คงไม่ต้องรบกวนเวลาของคุณแล้วล่ะค่ะ!"

ฉินเฉาฮุ้ยตกตะลึง "อะไรนะครับ ฆาตกรถูกจับแล้วเหรอ คุณหมอเย่ คุณล้อผมเล่นหรือไง" 

เย่หนิงถามกลับว่า "เรื่องแบบนี้ มีอะไรให้ล้อเล่นเหรอคะ" 

ฉินเฉาฮุ้ยยังไม่เชื่อมากนัก "คุณหมอเย่ พวกคุณจับฆาตกรได้จริงๆ หรอ จับได้เมื่อไหร่ ทำไมผมถึงไม่รู้เลย" 

เย่หนิงหมดคำจะพูด "คุณฉิน พวกเราจับฆาตกรได้แล้วทำไมต้องมารายงานคุณด้วย! น้ำเสียงของคุณเคร่งเครียดขนาดนี้ หรือว่าจะกลัวถูกหาว่าเป็นคนก่อคดีอีก"

"คุณหมอเย่ คุณพูดได้น่าตลกจริง หาว่าก่อคดีอะไร..." ฉินเฉาฮุ้ยหัวเราะ แล้วพูดอีกครั้งว่า "ถ้าเป็นอย่างนี้ คุณหมอเย่ คืนนี้คุณก็คงจะไม่มีเรื่องยุ่งอะไรแล้วน่ะสิ งั้นก็มาฉลองที่พวกคุณปิดคดีได้ดีไหม ออกไปทานข้าวด้วยกัน คุณว่าเป็นยังไงบ้าง"

"ใครบอกว่าฉันไม่ยุ่ง ถึงคดีนี้จะปิดแล้ว ฉันก็ยังมีคดีอื่นอีก เมื่อกี้ฉันไม่ได้บอกคุณหรือไงว่าฉันยังมีอีกหลายศพรอให้ฉันไปชันสูตร ใครจะมีเวลาว่างออกไปกินข้าวกับคุณล่ะ"

ฉินเฉาฮุ้ยรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย "คุณหมอเย่ ไม่ต้องปฏิเสธตรงๆ อย่างนี้ก็ได้ครับ"

"ได้ ไม่พูดแล้ว ฉันยุ่งค่ะ ก็แค่นี้แหละ!" เย่หนิงไม่เปิดโอกาสให้ฉินเฉาฮุ้ยได้พูด ก็ตัดสายโทรศัพท์ไป หลังจากนั้นก็พูดบ่นเสียงเบาว่า "เขารู้เบอร์โทรศัพท์ของฉันได้ยังไงนะ"