webnovel

ตอนที่ 223

ตอนที่ 223 บุคคลล่องหน

เย่หนิงครุ่นคิดอย่างจริงจัง แล้วจึงพูดว่า "ถ้าฆาตกรเป็นคนที่สนิทกับเสี่ยวถิงมากๆ งั้นปกติก็มีความเป็นไปได้มากว่าต้องรู้เรื่องที่เธอมีนัดกับฉินเฉาฮุ้ยเมื่อคืนวาน ทำไมเขาถึงยังวิ่งไปหอพักไปหาเสี่ยวถิงล่ะ หรือว่าเขาจะรู้ว่าเสี่ยวถิงไม่ได้มีนัดกับฉินเฉาฮุ้ย"

เสิ่นอี้กล่าวเสียงทุ้ม "ฆาตกรคนนี้ แรกเริ่มเดิมทีเขาต้องมีโอกาสได้พบปะกับฉินเฉาฮุ้ย! นอกจากนี้เขาต้องคุ้นเคยและเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ของบาร์ฮวางเจียอย่างแน่นอน มีอีกนิดที่น่าสนใจก็คือความสัมพันธ์ของฆาตกรกับเสี่ยวถิง ไม่ต้องพูดถึงฉินเฉาฮุ้ย ต้องสนิทกับเสี่ยวถิงมากๆ ด้วย แต่ความจริงคนในบาร์ฮวางเจียต่างรู้กัน หลายปีมานี้ความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันของเสี่ยวถิง นอกจากฉินเฉาฮุ้ยแล้วก็คือคนแซ่ฮวางคนนั้น ถ้าพวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่ฆาตกร งั้นฆาตกรจะเป็นใครกัน หรือว่าจะเป็นแฟนใหม่ที่เสี่ยวถิงเพิ่งจะรู้จักเมื่อคืน"

เย่หนิงพูดอย่างประหลาดใจว่า "เสิ่นอี้ ที่คุณพูดหมายความว่าฆาตกรเป็นคนที่หาโอกาสเข้ามาใกล้ชิดเสี่ยวถิงเมื่อคืนวาน เพียงเพื่ออยากที่จะใส่ร้ายฉินเฉาฮุ้ยใช่ไหมคะ"

เสิ่นอี้ถามว่า "คุณคิดว่า นี้มีความเป็นไปได้บ้างไหม" 

เย่หนิงด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "ถ้าเป็นอย่างนี้ บางทีฆาตกรอาจจะได้ยินเสี่ยวถิงคุยโทรศัพท์กับฉินเฉาฮุ้ย รู้ว่าเดิมทีแล้วเสี่ยวถิงนัดกับฉินเฉาฮุ้ยเอาไว้ แต่ฉินเฉาฮุ้ยยกเลิกนัด ดังนั้นอารมณ์ของเสี่ยวถิงจึงไม่ดีนัก ดังนั้นฆาตกรก็เลยใช่เวลานี้ถือโอกาสแฝงตัวเข้าไปงั้นเหรอ เสี่ยวถิงเป็นนกพิราบที่ฉินเฉาฮุ้ยปล่อยทิ้งขว้าง และไม่มีทางระบายมันออกมาได้ เลยถูกฆาตกรหลอกเข้าให้ ทั้งยังพาฆาตกรกลับไปที่หอพัก แล้วถูกฆาตกรฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม"

“มีความเป็นไปได้มาก!" เสิ่นอี้พูดว่า "งั้นตอนนี้ก็เหลือแค่ปัญหาสำคัญปัญหาเดียว ก่อนหน้านี้เสี่ยวถิงรู้จักฆาตกรไหม หรือว่าพวกเขาเพิ่งรู้จักกันเมื่อคืนวาน แต่ถ้าฆาตกรเข้าใจสถานการณ์ภายในคลับอย่างชัดเจน เขาคงรู้จักเสี่ยวถิงอยู่ก่อนแล้ว ถึงทั้งสองคนจะไม่สนิทกัน แต่ก็ต้องเคยเจอกันอย่างแน่นอน"

ลู่เว่ยปวดหัว "ดูก็รู้แล้วว่าเรื่องพวกนี้ขอบเขตมันกว้างเกินไป ตรวจสอบยากมาก! ตรวจสอบทีละคนทีละคน ต้องตรวจสอบไปถึงเมื่อไหร่กัน!"

หลังจากที่เสิ่นอี้เงียบอยู่พักหนึ่ง พูดว่า "ดูแล้วพวกเราคงจำเป็นต้องไปหาเสี่ยวเหลียนคนนั้นอีก! ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเสี่ยวถิงไม่ดีนัก แต่ยังไงก็อยู่หอเดียวกัน แล้วก็เป็นคนบ้านเดียวกัน พูดอีกอย่าง เธอต้องเข้าใจสถานการณ์ของเสี่ยวถิงอย่างแน่นอน!"

แต่เห็นได้ชัดว่าจิตใจของเสี่ยวเหลียนได้รับการกระทบกระเทือนไปไม่น้อย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าสถานการณ์ดีขึ้นมาหน่อยไหม ที่สำคัญคือมืดแล้ว คงไม่ต้องไปหาเสี่ยวเหลียนแล้วล่ะ และกลับไปที่สถานีตำรวจก่อน บอกคนอื่นๆ และหยางปินให้เข้าใจสถานการณ์เสียหน่อย

หยางปินและคนอื่นๆ ตรวจสอบบันทึกการโทรของเสี่ยวถิงในช่วงหลายเดือนมานี้ ไม่พบว่ามีปัญหาอะไร แล้วทุกคนในบาร์ที่อยู่ข้างในนั้นต่างก็เข้าใจ หลายปีมานี้นอกจากฉินเฉาฮุ้ยและฮวางซูหรง เสี่ยวถิงไม่ได้เข้าใกล้ผู้ชายคนไหนเลย มีไปดื่มบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น 

ที่จริงแล้วก็มีชื่อของฉินเฉาฮุ้ยอยู่ที่ตรงนั้น คนที่อยู่ในแวดวงนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้จักฉินเฉาฮุ้ย ผู้หญิงของเขา ใครล่ะที่จะกล้ายุ่งเกี่ยว ขนาดเป็นสาวนั่งดริ้ง ถึงแม้ว่าหลังจากที่โดนฉินเฮาฮุ้ยทิ้งขว้าง แต่เสี่ยวถิงยังคงหยิ่งผยอง คนปกติจึงยังดูไม่ออก ดังนั้นก็เลยไม่มีผู้ชายที่ไหนเข้ามา หลังจากนั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไปสนิทกับฮวางซูหรงได้ คงเป็นเพราะสู้กับเสี่ยวหลิงไม่ได้ถึงได้ล้มเลิก หันไปคว้าเศรษฐีอีกคนแทน เพียงแต่คาดว่าขนาดเธอเองก็คงจะคิดไม่ถึง ฮวางซูหรงก็เป็นเหมือนกับฉินเฉาฮุ้ย ก็แค่เล่นๆ กับเธอเท่านั้น ทั้งสองคนนี้ยังเป็นคนที่ขี้เบื่อหน่อย หันหลังไปก็มีอะไรกับผู้หญิงอีกคนเสียแล้ว 

หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ของเสี่ยวถิงและเสี่ยวเหลียนก็ไม่ดีเอามากๆ ทะเลาะกันทั้งวัน ตอนที่เสี่ยวถิงคุยกับฉินเฉาฮุ้ยอีกครั้ง ทั้งโอ้อวดกับเสี่ยวเหลียนหลายต่อหลายครั้ง ทว่ายังถูกเสี่ยวเหลียนยิ้มเย้ยหยัน บอกว่าไม่นานจะแย่งฉินเฉาฮุ้ยของเธอไป เพราะเรื่องนี้เสี่ยวถิงโกรธเสี่ยวเหลียนมากจนทำลิปสติกของเธอเสีย ได้ยินมาว่าลิปสติกที่ฮวางซูหรงให้เสี่ยวเหลียนเป็นรุ่นที่มีจำนวนจำกัด 

เพราะเรื่องนี้ทั้งสองก็เลยเกือบจะตีกัน หลังจากนั้นก็มีพนักงานชายมาแยกพวกเธอ ขนาดผู้จัดการยังต้องตกใจ แต่เสี่ยวถิงยังมีฉินเฉาฮุ้ยคอยหนุนหลัง ผู้จัดการจะทำอะไรเธอได้ยังไงกัน ถึงยังไงเธอก็เป็นตัวเรียกเงินของบาร์ ส่วนอีกคนก็มีคนใหญ่คนโตอีกคนคอยหนุนหลัง ผู้จัดการก็เลยไม่กล้าทำอะไรกับพวกเธอ สุดท้ายไม่ว่าใครจะสนใจใครไม่สนใจใคร ถึงยังไงเสี่ยวเหลียนก็ถูกด่าทอต่อว่าอย่างรุนแรง ขณะนั้นเสี่ยวเหลียนก็โมโหไม่น้อย ทั้งยังยิ้มเยาะเสี่ยวถิง แล้วก็พูดว่า "ฉันจะคอยดูว่าเธอจะภาคภูมิใจได้ถึงตอนไหนกันเชียว!"

เสี่ยวถิงเองก็ไม่ได้ภูมิใจมากจริงๆ เพราะเธอถูกฆ่าไปเสียก่อน

ถ้าไม่ใช่ว่าเสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาก่อคดี พวกเขาก็คงต้องมุ่งเน้นการสอบสวนไปที่เสี่ยวเหลียนจริงๆ

"งั้นก็บังเอิญมาก!" จงอี้ฮ่าวพูด "เสี่ยวเหลียนไม่มีหลักฐานที่อยู่อย่างสมบูรณ์แบบ! มันเจตนาเกินไปหรือเปล่า" 

หยางปินกล่าวเสียงเรียบ "ถึงแม้ว่าจะเจตนา แต่นั้นกลับไม่มีพิรุธเลยสักนิดเดียว"

เสิ่นอี้จึงพูดว่า "ถึงยังไง เพราะว่าฆาตกรรู้ว่าเสี่ยวเหลียนจะไม่กลับมาคืนนี้ ดังนั้นถึงได้เลือกลงมือเวลานี้"

หยางปินพยักหน้า พูดเสียงทุ้มว่า "ฆาตกรคนนี้ไม่เพียงแต่รู้ว่าเสี่ยวเหลียนออกไปตั้งแคมป์กับฮวางซูหรงทั้งคืน สำหรับเบาะแสของเสี่ยวถิงที่ชัดเจนขนาดนี้ ดูแล้วคงมีความสามารถไม่น้อยเลยจริงๆ"

เสิ่นอี้เองก็พูดว่า "นี่แสดงให้เห็นว่า คนรอบตัวที่มีแนวโน้มมากว่าจะเป็นคนก่อคดี! ก็คือคนในบาร์ ถึงได้ตามร่องรอยของพวกเธอได้ชัดเจนขนาดนี้ ยกตัวอย่างเช่นมาม่าซังคนนั้น เด็กสาวพวกนั้นที่เธอดูแล ถ้าต้องออกไปข้างนอกต้องบอกเธออย่างแน่นอน แล้วแขกที่คุ้นเคยพวกนั้น คนไหนมา คนไหนไม่มา เธอก็ต้องรู้อย่างแน่นอน"

"มาม่าซังงั้นหรอ" ลู่เว่ยเบิกตาค้างอย่างตกใจ 

เย่หนิงตบเขาเล็กน้อย "เสิ่นอี้ก็แค่ยกตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าฆาตกรก็คือมาม่าซังเสียหน่อย!"

หยางปินพูดว่า "ความหมายของศาสตราจารย์เสิ่นก็คือ ถ้าคนที่รู้เรื่องของพนักงานพวกนั้นในคลับได้อย่างชัดเจน มีความเป็นไปได้มากว่าก็คือคนใน และเหมือนกับเสี่ยวถิง เสี่ยวเหลียน พวกเธอแข่งขันกันขนาดนี้ เรื่องแบบนี้ไม่แน่นอนหรอกว่าจะเป็นความลับ อาจจะประกาศไปทั่วทุกหนทุกแห่ง กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้หรือไงนะ แต่พวกเธอแสดงออกมาขนาดนี้ โดยปกติก็แสดงออกกับพวกสาวๆ ด้วยกันอยู่แล้ว คงไม่มีทางไปแสดงออกให้แขกเห็นหรอก ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่าคนที่ก่อคดีจะเป็นคนใน"

เสิ่นอี้ครุ่นคิดพักหนึ่ง แล้วพูดอีกครั้งว่า "ถ้าจากบาร์ออกไปที่ซอยเล็กหลังบาร์ ถึงแม้ว่าทางจะไม่ดีนัก แต่กลับเป็นทางลัด เดินไปถึงหอพักได้ แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นไม่กี่นาทีเท่านั้น ถ้าไม่มีความสำคัญเป็นพิเศษ แม้ว่าจะหายไปครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีใครสังเกตเห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิบนาทีกว่าๆ เลย! ถ้าลงมือได้ไว วิ่งกลับไป ฆ่าคน เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งกลับมาอีก เดิมทีแล้วก็คงใช้เวลาไม่เท่าไหร่หรอก"

สีหน้าของหยางปินหมองคล้ำ พูดว่า "ถ้าเป็นอย่างที่พูด ถึงแม้เขาจะฆ่าคน เกรงว่าก็คงไม่มีคนรู้ กระทั่งไม่รู้ด้วยว่าเขาออกไปก่อคดีตอนไหน”

เสิ่นอี้ครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วจึงพูดว่า "คืออย่างนี้ พรุ่งนี้พวกเราจะสืบต่อ อะไรที่ไม่เคยถามจะไปถามเสียหน่อย ไม่ว่าใคร ทั้งพนักงานทำความสะอาด พนักงานรักษาคาความปลอดภัย พ่อครัว จะต้องถามให้หมด ถามยิ่งละเอียดยิ่งดี บางทีอาจพบอะไรที่น่าสงสัยหรือเบาะแสก็ได้!"