webnovel

ตอนที่ 191

ตอนที่ 191 ของวิเศษ

" เอ่อ..." เฝิ่งเยี่ยนฮวายลังเลเล็กน้อย มองเสิ่นอี้ คล้ายกับว่าไม่สะดวกจะพูด 

เย่หนิงไม่ลังเลอีกต่อไป แล้วจึงพูดว่า " นายเข้าไปกับฉัน ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย!" 

เฝิ่งเยี่ยนฮวายเองก็หวังเป็นอย่างยิ่ง เขารีบตามเย่หนิงกลับเข้าไปในบ้านเก่า พอเห็นเสิ่นอี้ไม่ตามเข้ามา ในที่สุดเฝิ่งเยี่ยนฮวายจึงถอนหายใจ มือไม้อ่อนยวบยาบ กริชซที่กำแน่นอยู่ในมือมาโดยตลอดร่วงลงหล่นลงไปบนพื้นเปียก  

เย่หนิงหยิบกริชซท้อไม้นั้นขึ้นมาแล้วยื่นคืนให้เฝิ่งเยี่ยนฮวาย คอยอยู่นานกว่าเฝิ่งเยี่ยนฮวายจะรับกลับไป แล้วหลังจากนั้นเขาก็เช็ดเหงื่อออก

เย่หนิงคิดไม่ถึงว่าเฝิ่งเยี่ยนฮวายจะตกใจถึงขนาดนี้ เธอเฝ้ามองอย่างเงียบๆ สักพักหนึ่ง แล้วจึงถามว่า " เฝิ่งเยี่ยนฮวาย นายไม่เป็นไรใช่ไหม!"  

" อาหนิง คุณเธอ..." เฝิ่งเยี่ยนฮวายไม่รู้ว่าตนเองควรพูดอย่างไรดี " คุูณ คุณ...ทำไมคุณถึงได้อยู่กับผีดิบได้ล่ะ! คุณ...คุณรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นผีดิบ ใช่ไหม คุณรู้มาก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหมว่าเขาเป็นผีดิบ คุณไม่ได้เพิ่งรู้ใช่ไหม คุณต้องรู้มาก่อนแน่ๆ เลย เป็นอย่างนี้ใช่ไหม ทำไมคุณไม่บอกผมเลยล่ะ" 

" บอกนายแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ" เย่หนิงถามกลับ " เฝิ่งเยี่ยนฮวาย นายพูดขนาดนั้น แล้วฉันจะบอกอะไรนายได้บ้าง ก็เหมือนกับเมื่อกี้ พวกนายตกใจ พวกนายอยากฆ่าเขา เดิมทีแล้วพวกนายเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย! แต่ไม่ต้องห่วงนะ เขาไม่ลงมือกับพวกนายหรอก!"  

" อาหนิง...คุณ..." เฝิ่งเยี่ยนฮวายทั้งรู้สึกเครียดและเป็นห่วงจริงๆ " อาหนิง ทำไมคุณถึงได้เชื่อใจเขา ทำไมคุณถึงเชื่อใจผีดิบ ทำไมถึงพูดว่าเชื่อใจผีดิบ คำพูดของเขา เชื่อได้งั้นเหรอ" 

เย่หนิงถาม " ทำไมจะเชื่อไม่ได้" 

" เฝิงเยี่ยนฮวาย ยิ่งถามอีก " เชื่อใจเขาเหรอ คุณรู้จักเขาขนาดไหนเชียว ถึงได้เชื่อใจเขาอย่างนี้" 

เย่หนิงเองก็ไม่ยอมล่าถอยเลยสักนิด จึงถามเฝิ่งเยี่ยนฮวายกลับไปว่า " งั้นนายล่ะ นายรู้จักเขาขนาดไหนเชียว ถึงได้สงสัยเขา และยังไม่ยอมเชื่อใจเขาขนาดนี้ เอาแต่คิดว่าเขาเป็นคนเลว คิดอยากฆ่าเขา นายไม่รู้จักเขา แต่เจอเขาก็เอาแต่อยากฆ่า พวกนายมีตรรกะอะไรงั้นเหรอ"

เฝิ่งเยี่ยนฮวายรีบถามว่า " เขาเป็นคนไหม เขาเป็นคนรึเปล่าล่ะ" 

" ถึงแม้จะไม่ใช่..." เย่หนิงพูดอย่างอารมณ์เสีย " ถึงแม้จะไม่ใช่ พวกนายก็ฆ่าเขาตามใจชอบได้งั้นเหรอ เป็นเพราะเขาไม่เหมือนคนปกติ พวกนายก็เลยจะฆ่าเขาน่ะสิ!" 

เฝิ่งเยี่ยนฮวายสูดลมหายใจเข้าลึก " เขาเป็นผีดิบ!" 

" ฉันรู้!" เย่หนิงก็พูดเช่นกัน " แต่นี่้ไม่ใช่เหตุผลที่พวกนายจะฆ่าเขาได้!" 

เฝิ่งเยี่ยนฮวายยิ้มเยาะ " เอาหนิง เธอไม่ต้องเป็นห่วง ถึงยังไงพวกเราก็ฆ่าเขาไม่ได้" 

ได้ยินเฝิ่งเยี่ยนฮวายพูดเช่น ภายในใจของเย่หนิงสบายใจเป็นอย่างมาก " เป็นอย่างนั้นจริงๆ เหรอ"

เฝิ่งเยี่ยนฮวายไม่ตอบ กลับถามเย่หนิงว่า " อาหนิง คุณรู้ไหมว่าผมและเจิ้งชวนมาหาของอะไรที่บ้านเก่าของคุณ"

เย่หนิงส่ายหน้า " ฉันจะไปรู้ได้ยังไง" 

" ของชิ้นนี้เป็นของที่สำคัญมาก!" เฝิ่งเยี่ยนฮวายถอนหายใจแล้วพูดว่า " เรื่องนี้ เกี่ยวพันกับราชาผีดิบ! ยังจำเรื่องก่อนหน้านี้ที่พวกเราเคยพูดกับคุณได้ไหม อีกไม่นาน ก็จะถึงวันที่ผนึกอ่อนแรงแล้ว พวกเราจะต้องคิดหาวิธี เสริมพลังของผนึก ไม่อย่างงั้นถ้าต้องรอให้ถึงวันสุริยุปราคาจริงๆ ผีดิบพวกนั้นต้องทำลายผนึก แล้วช่วยราชาผีดิบออกมาได้อย่างแน่นอน!" 

เย่หนิงเข้าใจอยู่บ้าง " ของที่พวกนายคุณต้องตามหา เกี่ยวข้องกับผนึกใช่ไหม" 

" ใช่!" เฝิ่งเยี่ยนฮวายพยักหน้า " ไม่มีของชิ้นนั้น พวกเราก็จะไม่มีทางเพิ่มพลังของผนึกได้เลย!"

เย่หนิงครุ่นคิด แล้วถามว่า " คืออะไรกันแน่" 

" กระจก" เฝิ่งเยี่ยนฮวายพูดพลาง ถามว่า " อาหนิง คุณจำได้บ้างไหม" 

เย่หนิงส่ายหน้าอย่างงุนงง

เธอไม่รู้ว่าคืออะไรจริงๆ! 

ก่อนหน้าที่จะพบเฝิ่งเยี่ยนฮวาย ขนาดเรื่องที่เธอเป็นนักล่าผีดิบยังไม่รู้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องผนึกอะไรนั่นเลย แล้วยังเรื่องที่ของที่ช่วยเพิ่มพลังของผนึกแล้วด้วย 

พ่อและแม่ของเธอเสียไปเร็ว เลยไม่มีโอกาสได้พูดเรื่องเหล่านี้กับเธอ กระทั่งสุดท้ายป้าของเธอก็ไม่เคยบอกเธอ 

ป้าของเธอเคยพูดเรื่องราชาผีดิบและผนึกกับเธอ แต่ไม่เคยพูดว่าจะจัดการกับผนึกอย่างไร ดังนั้นเย่หนิงก็เลยคิดว่าป้าของเธอเองก็คงไม่รู้ 

คิดถึงตรงนี้ เย่หนิงจึงพูดขึ้นว่า " นายมาถามฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอก เดิมทีฉันก็ไม่รู้อยู่แล้ว คาดว่าเรื่องนี้ ก็มีแค่พ่อกับแม่ของฉันเท่านั้นที่รู้ ทว่าน่าเสียดายพวกท่านไม่อยู่แล้ว กระจกอะไรนั่น ใหญ่มากไหม" 

" ต้องไม่ใช่กระจกธรรมดาอย่างแน่นอน” " เฝิ่งเยี่ยนฮวายพูดอย่างจนปัญญาเล็กน้อย “" ปีนั้นกระจกนี้เป็นหนึ่งในวัตถุสำคัญที่ใช้ปิดผนึกของราชาผีดิบ กล่าวกันว่า เป็นกระจกโบราณ ต้องเป็นกระจกเงาในสมัยโบราณอย่างแน่นอน  ถึงยังไงตอนนี้พวกเราก็ต้องใช้กระจกนี้ อาหนิง คุณลองตั้งใจคิด ตอนคุณเป็นเด็ก เคยเห็นกระจกแบบนั้นไหม" 

" กระจกเหรอ" เย่หนิงพยายามคิดย้อนกลับไป " ฉันขอคิดดูก่อนนะ" 

เฝิ่งเยี่ยนรีบพูดขึ้นว่า " ขอร้องล่ะ อาหนิง คุณต้องจำให้ได้ นี่้เป็นของที่สำคัญมากๆ!" 

เย่หนิงถามอย่างสงสัยเล็กน้อยว่า " หากระจกนี้ก็ได้แล้วงั้นเหรอ จะเพิ่มพลังของผนึกได้ใช่ไหม พวกนายไม่ได้บอกหรอว่า ต้องอาศัยคนจากสี่ตระกูลใหญ่ จึงจะสามารถเพิ่มพลังของผนึกได้ พวกนายอกเจอผู้สืบทอดของตระกูลถังแล้วงั้นเหรอ" 

" ไม่!" เฝิ่งเยี่ยนฮวายยิ้มขื่น " ตระกูลถังมีผู้สืบทอดที่ไหนกันล่ะ! ปีนั้นหลังจากที่นักล่าผีดิบเสียชีวิต แม้แต่คนรุ่นหลังก็ไม่มีลูกหลาน แล้วจะหาผู้สืบทอดจากไหนอีก"

" ไม่มีแล้วพวกนายจะเพิ่มพลังของผนึกอย่างไรล่ะ" เย่หนิงยังเป็นห่วงอย่างมาก " พึ่งแค่นายกับเจิ้งชวนก็ได้งั้นเหรอ  หรือว่าพวกนายจะหาคนอื่นให้มาช่วย"

" ไม่มี!" เฝิ่งเยี่ยนฮวายส่ายหน้า " จะหาคนที่ไหนมาช่วย! อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าจะเอาใครมาเพิ่มพลังของผนึกได้ตามใจชอบ ทั้งยังต้องพึ่งอาวุธพิเศษและคาถา พวกเรายังได้ค้นหาหนังสือหลายเล่มที่ทิ้งเอาไว้ที่บ้าน สมุดบันทึก ถึงได้ค่อยๆ เข้าใจเรื่องของผนึกขึ้นมาเล็กน้อย อีกอย่างสำหรับคุณสมบัตินี้ของผนึก แน่นอนว่ามีแค่ทายาทของสี่ตระกูลใหญ่เท่านั้นที่รู้ ไม่สามารถแพร่งพรายออกไปได้ พวกเราก็เลยไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปได้ยังไงล่ะ ดังนั้นความจริงแล้วก็เลยหาคนอื่นให้มาช่วยไม่ได้ ต้องพึ่งพาแต่ตัวพวกเราเองเท่านั้น!" 

เย่หนิงจึงถามว่า " พวกนายมีแผนว่าจะทำยังไง" 

" คือแบบนี้ เย่หนิง!" เฝิ่งเยี่ยนฮวายพูดอธิบาย " คุณคงไม่รู้ ตอนนั้นคนที่เสนอวิธีให้ปิดผนึกราชาผีดิบ คือพวกคุณตระกูลเย่ วิธีนี้ก็เป็นพวกคุณที่คิดออกมา และวิธีการปิดผนึก แล้วก็เป็นคนของตระกูลคุณที่สอนคนอื่นๆ  และผนึกของราชาผีดิบ ทั้งวิธีซ่อมแซมและปลดผนึก ล้วนก็ต้องใช้อาวุธวิเศษสี่อย่าง โดยอาวุธวิเศษสี่ชิ้นนี้ จะแบ่งเอาไว้ที่บ้านของสี่ตระกูลใหญ่"

" เวลานั้นตระกูลถังใช้อาวุธวิเศษคือลูกศร มาปิดผนึกราชาผีดิบ ตระกูลเจิ้งใช้ดาบท้อ ตระกูลเฝิ่งใช้หินที่แกะสลักเป็นรูปกิเลน ส่วนตระกูลเย่ของพวกคุณ ใช้กระจกทองแดง ได้ยินว่าการผนึกราชาผีดิบ กระจกทองแดงของตระกูลเย่ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากมัน ก็ไม่มีวิธีใดซ่อมแซมและเพิ่มพลังของผนึกได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เจิ้งชวนและผมถึงได้ ตัดสินใจมาหากระจกทองแดงชิ้นนี้!"