webnovel

ตอนที่ 184

ตอนที่ 184 ผู้มาเยือน

"หนูพากลับมาด้วยค่ะ!" เย่หนิงพูดเสียงเบามากเป็นพิเศษ

ใบหน้าของอาสะใภ้ปรากฏความสงสัย "เธอพูดจริงหรือว่าโกหก เธอคงไม่ได้พาคนกลับมาให้อาดูแบบขอไปทีใช่ไหม"

"ทำไมต้องขอไปทีด้วยล่ะ อาสะใภ้! เมื่อวานหนูก็บอกอาแล้วว่าหนูมีแฟนแล้วจริงๆ แต่อาก็ไม่เชื่อเอง" 

อาสะใภ้กลอกตา "อาชีพของเธอน่ะเหรอจะไปหาแฟนได้ เธอมีเวลาไปรู้จักผู้ชายด้วยหรือไง" 

"ทำไมจะไม่มีล่ะคะ! เหอะ! ในสถานีตำรวจของพวกเรามีคนหน้าตาดีตั้งเยอะแยะ" เย่หนิงพูดอย่างตรงไปตรงมา

"ในสถานีตำรวจของพวกเธอ ตำรวจงั้นเหรอ" อาสะใภ้ขมวดคิ้ว "เธอไม่ต้องเอาเพื่อนร่วมงานมาหาอาอย่างขอไปทีนะ"

"ไม่ใช่ตำรวจค่ะ! เขาเป็นศาสตราจารย์ มีฐานะทางสังคม แล้วก็ดีกว่าเจ้าเต่าตนุอะไรนั่นของอาด้วย อีกอย่างเขาก็เคยไปเรียนต่างประเทศ ฐานะทางครอบครับก็ยังดีมากๆ ด้วยค่ะ..." 

เย่หนิงกลัวว่าอาสะใภ้ของเธอยังอยากให้เธอไปดูตัว จึงพูดส่วนดีของเสิ่นอี้ออกมาเป็นชุด ชมเชยเสิ่นอี้อย่างเหนือฟ้าเหนือดิน จนแม้แต่เธอยังคิดว่าตนเองพูดชมเสิ่นอี้เกินไป

ขณะที่เธอออกปากชมอยู่เช่นนี้ อาสะใภ้ของเธอเชื่อเล็กน้อย กลับกันเพื่อนบ้านบ้านตรงข้าม และตึกตรงข้าม บรรดาป้าๆ เหล่านั้นกลับไม่เชื่อเลยสักนิด

"อาหนิง อย่ามาอวดเก่งหน่อยเลยน่ะ" คนที่พูดคนแรกก็คืออาหลี่ที่อยู่บ้านตรงข้ามของพวกเขา 

อาหลี่คนนี้ บุญวาสนาไม่เลวเลย ลูกสาวทั้งสามล้วนได้คู่ครองที่ดี คนหนึ่งเป็นครู คนหนึ่งเป็นหมอ อีกคนทำงานอยู่หน่วยงานราชการ ล้วนมีรายได้มั่นคง และสถานที่ทำงานก็ยังอยู่ในเขตตัวเมือง ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้วในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ เรื่องนี้ก็เลยเป็นที่คุ้มค่าสำหรับการโอ้อวด ถ้าอาหลี่ไม่มีอะไรทำ ทั้งวันก็จะเอาแต่พูดโอ้อวด พอวันนี้ได้ยินจากคนอื่นว่ามีคนจะแนะนำเจ้าเต่าตนุอะไรนั่นให้เย่หนิง ภายในใจไม่ยอมเชื่อ อยากมาเห็นด้วยตาว่าเป็นความจริงหรือเปล่า ผลลัพธ์ยังไม่เห็นเต่าตนุอะไรนี้ ก็ได้ยินเย่หนิงพูดคุยโวโอ้อวด จนเกินจะรับได้

"อาหนิง ที่เธอพูดอวดดีไปหรือเปล่า" ใบหน้าของอาหลี่แสดงความดูถูก "คนที่มีฐานะดีขนาดนั้น จะมามองเธอทำไม" 

เวลาเช่นนี้อาสะใภ้ของเย่หนิงที่ยืนอยู่ข้างเย่หนิงปกป้องเธออย่างเด็ดเดี่ยว "นี่ พูดอะไรน่ะ สถานะของอาหนิงมันแย่มากนักหรือไง ทำไมถึงจะไม่มีใครมามองเธอ"

“เหอะ!” อาหลี่ห่าวเหตุผล “คนที่มีฐานะที่ดีขนาดนี้จะหันมามองพวกเธอได้ยังไงละ ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกครอบครัวของพวกคุณนะอาหนิง เธอควรค่าแก่คนอื่นหรือไง เอาอะไรให้คนพวกนั้นมามองเธอ”

อาสะใภ้ของเย่หนิงพอได้ฟังก็รู้สึกไม่ดี "อาหนิงทำไมเธอไม่ควรค่าให้คนอื่นมามองหรือไง ฉันบอกเธอเลยนะ ครอบครัวของพวกเรามีฐานะดีว่าครอบครัวของพวกเธอมาก! อาหนิงจบตั้งมหาวิทยาลัยและอีกอย่าง ก็ยังทำงานราชการ รับใช้ประเทศ เข้าใจไหม เอาไปเทียบกับคนในครอบครัวของเธองั้นเหรอ ขนาดเรียนมหาวิทยาลัยยังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำ!"

โอ๊ย! เย่หนิงปวดหัว พอเห็นอาทั้งสองต้องทะเลาะกันเช่นนี้ จึงรีบไปขวางแล้วพูดว่า "อาค่ะ พอแล้ว พอแล้ว อาจะพูดให้..."

"เหอะ!" อาสะใภ้ของเย่หนิงส่งเสียงเหอะ "ฉันก็ไม่เห็นว่าคนพวกนั้นจะน่าอิจฉาตรงไหน ไม่เห็นว่าทุกคนจะดีกว่าเธอเลย..."

เห็นชัดๆ ว่าอาหลีรู้สึกไม่ดี เธอร้องเหอะ "ฉันอิจฉา มีอะไรให้ต้องอิจฉา! ลูกสาวทั้งสามคนของฉัน ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่ามี..."

"เหอะๆ..." อาสะใภ้ของเย่หนิงหัวเราะอย่างไม่จริงใจ "งั้นหรอ ฉันจะบอกว่าลูกสาวของเธอแต่งตั้งนานแล้ว ทำไมถึงยังไม่ท้องอีกล่ะ"

คำพูดของอาสะใภ้ของเย่หนิงดูเหมือนถากถางเล็กน้อย อาหลี่ดูเหมือนจะเดือดดาลขึ้นมา พุ่งตัวไปหาอาสะใภ้ของเย่หนิงอย่างรวดเร็ว "เธอพูดอะไรห๊ะ เธอพูดอะไร เธอหมายความว่าอะไร เสี่ยวอิงฉันขอเตือนเธอเลยนะ เธออย่ามาพูดจาเหลวไหล!"

กลุ่มคุณป้าเหล่านั้นมองว่าการทะเลาะแว้งไม่ถูกต้องเลยรีบไปขวางอาหลี่ ผลลัพธ์เป็นว่าอาสะใภ้ของเย่หนิง อาสะใภ้คนโตแห่งตระกูลเสี่ยวไม่เพียงไม่ยอมหยุด พูดตะโกนเสียงดังว่า "มาสิ! เธอคิดว่าฉันกลัวหรือไง ทำไม เธอก็ไม่มีลูกไม่ใช่เหรอ!"

อาหลี่ส่งเสียงกรีดร้องดัง พอเห็นอย่างนี้คงจะคลั่งจริงๆ แล้วล่ะ เทพองค์ไหนก็คงเข้ามาห้ามไม่ได้แล้วล่ะ

ให้ตายเถอะ! เย่หนิงอยากโขลกหัวให้ตายเลยจริง ด้านหนึ่งเธอก็ลากอาสะใภ้ของเธอ ให้เข้าไปในบ้าน อีกด้านหนึ่งก็คิดอยากปิดปากอาสะใภ้ของเธอ อาใหญ่ท่านนี้ รู้ไหมว่าอากำลังพูดเหลวไหลอะไรอยู่

"อาคะ..." เย่หนิงรีบพูดโน้มน้าว "พูดไม่กี่คำ! ทำไมอาถึงได้ทะเลาะกับอาหลี่ได้นะ..." 

เย่หนิงยังพูดไม่ทันจบ ทั่วทั้งร่างก็แข็งทื่อเล็กน้อย แล้วฉีกยิ้มอย่างอึดอัด "เหอะๆ..." 

เสิ่นอี้เดินมาถึงประตูบ้านพอดี แล้วก็มองเห็นฉากนี้เข้าจึงรู้สึกตกใจอยู่บ้าง แต่แล้วก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เขาฉีกยิ้มเล็กน้อย แล้วถามว่า "เสี่ยวหนิง ต้องการความช่วยเหลือไหมครับ" 

"ต้องการค่ะ" เย่หนิงเหงื่ออาบทั่วตัว พลางร่ำไห้ " รีบช่วยฉันลากอาหน่อยสิ!" 

ความจริงแล้ว ก็ไม่ต้องหรอก 

เพราะขณะนั้นพอเสิ่นอี้ปรากฏตัว ทุกๆ คนในที่นั้นต่างสงบลงอย่างรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าใครต่างก็มองเสิ่นอี้อย่างตกตะลึง พูดไม่ออกเลยสักคำ 

"ครึกครื้นจังเลยนะครับ" เสิ่นอี้ฉีกยิ้มเล็กน้อย 

ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยอยากชื่นชมเขา แต่เย่หนิงก็อดยอมรับไม่ได้ ว่ารอยยิ้มของเขาเหมือนมีเวทมนตร์จริงๆ ดึงดูดคน และทำให้ผู้คนหลงใหลได้อย่างง่ายดายมากๆ

และอีกอย่าง เขาในแบบนี้ มองดูเป็นเด็กดีมากๆ พวกอาๆ ต้องยินดีต้อนรับมากๆ อยู่แล้ว

เด็กดีงั้นเหรอ 

ทั่วทั้งร่างของเย่หนิงหนาวเหน็บ

หลังจากนั้นพอเห็นอาสะใภ้ของเธอยิ้ม บนใบหน้าเหมือนกับดอกไม้บานสะพรั่ง "ไอหยา อาหนิง นี่ก็คงเป็นแฟนของเธอสินะ ไม่เลว! สายตาไม่เลวเลย!" 

เสิ่นอี้เดินตรงไปตรงหน้าของเสี่ยวอิง แล้วเอาถุงของขวัญในมือมอบให้เธอ เขาฉีกเล็กน้อย แล้วพูดว่า "อาสะใภ้ สวัสดีครับ! ผมเป็นแฟนของเสี่ยวหนิงครับ เสิ่นอี้ คุณจะเรียกผมว่าเสี่ยวอี้ก็ได้นะครับ"

เสี่ยวอิงดูมีความสุข ยิ้มจนไม่รู้ว่าเจิดจ้ามากขนาดไหน "เสี่ยวอี้! เธอบอกให้มาก็มาเลยหรอ แล้วยังเอาของอะไรมาอีกเนี่ยะ มาถึงที่บ้านของอา ทำให้เหมือนอยู่บ้านของตัวเอง จะเกรงใจทำไมกันล่ะ"

เสิ่นอี้ฉีกยิ้มเล็กน้อย แล้วมองคนที่อยู่เต็มห้อง "อาสะใภ้ครับ ที่บ้านมีแขกหรอครับ" 

"ไม่มี ไม่มี!" เสี่ยวอิงรีบผายมือ "เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกันทั้งนั้นเลย"

เสี่ยวอิงจับมือของเสิ่นอี้ไม่ปล่อย ฉีกยิ้มปากถึงหู "มามามา เสี่ยวเสิ่น เข้ามานั่งในห้องก่อนสิ เดี๋ยวอาจะต้มชาให้ดื่มนะ ไอหยา ไหนบอกสิ เอาของอะไรมา ทำไมถึงได้หนักขนาดนี้"

"ไม่มีอะไรหรอกครับ" เสิ่นอี้ยิ้มพลางพูดว่า "ของเล็กๆ น้อยๆ น่ะครับ ไม่รู้ว่าคุณอาจะชอบไหม"

"ไอหยา พูดอะไรอย่างนั้น ฉันเป็นคนง่ายๆ ฉันบอกเลยนะเสี่ยวเสิ่น ครั้งหน้าที่มา ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก วา จริงสิถูกแล้ว จะอยู่ก็ข้าวเที่ยงที่นี่ไหม ชอบกินอะไรล่ะ เดี๋ยวอาจะทำให้กิน..."