webnovel

ตอนที่ 178

ตอนที่ 178 เรื่องเล่าของผีดิบ

ลาพักอยู่จริงๆ ด้วย

"เกิดอะไรขึ้น" สีหน้าของเย่หนิง บ่งบอกว่าทำไมเธอถึงไม่รู้อะไรเลยล่ะ

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม "อย่างไรก็ตามคดีของเมิ่งซินถงก็เกือบจะปิดได้แล้ว ส่วนคดีของอู๋เหวินคัง ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีวิธีอะไรมาพิสูจน์ว่าโจวฉงเป็นฆาตกรได้เลย ทำได้แค่ส่งคนไปแอบตามเขาก่อน ค่อยๆ หาหลักฐานไป ให้พูด พวกเราเองต่างก็ยุ่งกันมานาน ควรพักกันบ้าง ผมบอกกับหัวหน้าหยางก่อนหน้านี้แล้ว ว่าพวกเราจะลาพักไม่กี่วัน สัปดาห์หน้าค่อยกลับไป หัวหน้าหยางให้พวกเราลาพัก พักผ่อนเสียหน่อย แล้วค่อยกลับไปลุยงานต่อ!"

พูดอย่างนี้ เย่หนิงก็งุนงงเล็กน้อย ทำไมเหมือนกับว่าพอหลับไปแล้วก็เกิดเรื่องขึ้นมากมายเลยล่ะ

"โทรศัพท์ของฉันอยู่ไหนเหรอคะ" เย่หนิงสงสัย "อาสะใภ้ของฉันบอกว่าโทรมาหาฉันตั้งหลายครั้ง ฉันก็ไม่รับ ผลก็เลยเป็นว่าอาก็เลยโทรสายตรงไปที่สถานีตำรวจ เพราะเรื่องนี้ก็เลยถูกเธอด่าซะยกใหญ่ บอกว่าฉันเจตนาไม่รับโทรศัพท์ของเธอ ทำให้เธอเป็นห่วงอยู่ตั้งนานสองนาน ยังคิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉันอยู่เลย"

เสิ่นอี้ยิ้มอย่างจนปัญญา พูดว่า "โทรศัพท์มือถือของคุณไม่รู้ว่าถูกเจ้าเซียะยุ่นผิง ไม่โยนทิ้งเอาไว้ที่ไหน ยังหาไม่เจอเลย"

"หา!" เย่หนิงตกใจไม่น้อยเลย "ฉันบอกไปแล้วนะ! ฉันบอกว่าฉันไม่รู้ว่าโทรศัพท์มือถือของฉันไปอยู่ไหน อาสะใภ้ของฉันโทจี้รมาหาฉันหลายครั้ง แต่ฉันก็ไม่รับเลย โทรศัพท์มือถือไม่อยู่แล้ว ฉันจะไปรับได้ยังไงล่ะ เซียะยุ่นผิงคนนี้น่ารังเกียจจริงๆ เลย คิดไม่ถึงว่าจะเอาโทรศัพท์มือถือโยนทิ้งไปแล้ว!" 

“เขาโยนของคุณทิ้งไปแล้ว โทรศัพท์มือถือนั่น ช่างมันเถอะ! พอแล้ว พอแล้ว อย่ากลุ้มใจไปเลยนะ!" เสิ่นอี้ลูบเส้นผมของเธอ แล้วพูดปลอบใจว่า "พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปหาอาสะใภ้ของคุณเอง ให้ผมเป็นคนไปรับมือเองนะ คุณไม่ต้องห่วงไปครับ"

"คุณงั้นเหรอ ได้เหรอคะ" เย่หนิงยังไม่วางใจ

"ทำไม ไม่เชื่อใจผมงั้นเหรอ" เสิ่นอี้พูด

แน่นอน คุณไม่รู้หรอกว่าพวกป้าๆ อาๆ เหล่านั้นน่ากลัวมากขนาดไหน" เย่หนิงคิดย้อนกลับไป ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านไปแล้วแต่ในใจยังหวาดผวาอยู่

เสิ่นอี้หุบยิ้ม "ผมมีอายุมาพันกว่าปี มีเรื่องอะไรที่ไม่เคยเห็นบ้าง" 

"หือ" เย่หนิงเหล่ตามองเสิ่นอี้ 

"ทำไม ไม่เชื่อเหรอ" เสิ่นอี้ถาม 

"เชื่อค่ะ ฉันแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้นเอง คนแก่อย่างคุณมีอายุอยู่ตั้งพันกว่าปี แม่ภรรยาแบบนี้ไม่รู้ว่าเคยเจอมากี่ครั้งแล้วบ้าง"

เสิ่นอี้งุนงงสักพัก ถึงได้เข้าใจขึ้นมา ทันใดนั้นก็ฉีกยิ้มอีกครั้ง "คุณพูดเรื่องเหลวไหลอะไรครับ"

"ไม่ใช่เหรอคะ มีชีวิตอยู่ตั้งพันกว่าผี มีเรื่องอะไรบ้างที่ไม่เคยเห็น"

เสิ่นอี้กลั้นยิ้ม "พูดตามจริงๆ นะ ครับ ผมไม่เคยเจอแม่ภรรยาเลยจริงๆ"

"เหอะ ใครเชื่อคุณกันล่ะ!"

"จริงๆ..." เสิ่นอี้หยิกแก้มเล็กๆ ยิ้มแล้วพูดว่า "ผมว่า เสี่ยวหนิง คุณคงไม่ใช่กำลังหึงใช่ไหมครับ" 

"ไม่ ไม่มี!" ใบหน้าของเย่หนิงแดงก่ำ 

เสิ่นอี้หัวเราะ "ผมไม่มีจริงๆ ครับ"

"ใครเชื่อคุณกันล่ะ...ไม่ใช่แค่สิบหรือแปดปีนะ...หรือว่าพันกว่าปีมานี้ คุณไม่เคยมีภรรยาเลยหรอ..."

"ไม่มีจริงๆ ครับ…" 

"ไม่มีทาง!"

“ผมเป็นผีดิบ ผีดิบจะแต่งภรรยาได้ที่ไหนล่ะครับ!" เหตุผลเช่นนี้ของเสิ่นอี้ยังพูดออกมา

"งั้น...งั้นฉันล่ะ..." เสียงพูดของเย่หนิงเบามากๆ เธอกลัดกลุ้มใจ “งั้น งั้นทำไมถึงเป็นฉัน..."

“เสี่ยวหนิง!” เสิ่นอี้จับมือของเธอ แล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณไม่เหมือนกัน! คุณไม่รู้หรอกว่า หลายพันกว่าปีมานี้ผมต้องผ่านประสบการณ์มากมายขนาดไหน แล้วก็มีเรื่องที่ลืมไปแล้วตั้งหลายเรื่อง ผมมีช่วงเวลาที่ยาวนานมาก ทั้งเคยผ่านการใช้ชีวิตอยู่ในหลุมฝังศพ แล้วก็ไม่เคยได้รับการได้รับการยอมรับจากมนุษย์ แต่ก็ยังต้องใช้ชีวิตร่วมกับพวกคุณ เพราะไม่อยากให้สิ่งที่ปิดเอาไว้แดงขึ้นมา ไม่อยากทำให้คนสงสัย อีกอย่างคุณไม่รู้หรอก สิ่งมีชีวิตแบบพวกเรา...ไม่มีวันตาย เดิมทีไม่อยากมีชีวิตอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ต้องมีชีวิตต่อไปเรื่อยๆ ฤดูหนาวไม่กลัวเย็น ฤดูร้อนก็ไม่รู้สึกร้อน ตากฝนก็ไม่เป็นไข้ งูพิษกัดก็ไม่ตาย ดังนั้นพวกเราต้องการอะไรนั้น ก็ไม่ได้ต้องการอะไรเลย" 

"งั้น งั้นทำไมค่ะ..." เย่หนิงยังคงกลุ้มใจ 

"พันกว่าปีมานี้ ผมไปมาตั้งหลายที่ เคยเดินไปตั้งหลายที่ ล่องผ่านมหาสมุทรโดยที่ไม่ต้องนั่งเรือ ลอยระล่องอยู่ในมหาสมุทรหลายเดือนก็ไม่เป็นอะไรเลยสักนิด ไม่รู้จักเหนื่อย ไม่ง่วงนอน แล้วก็ไม่รู้สึกหิว ไม่ว่าอะไร สำหรับผมแล้วล้วนไม่เป็นอุปสรรค ดังนั้นผมสามารถลอยเล่นอยู่ในทะเล ไปสิบกว่าปีก็ได้ มีบางครั้งที่เบื่อหน่าย เพียงแค่ฝังตัวเองอยู่ในกองหิมะ ปีนขึ้นไปบนภูเขาสูงที่ไม่มีคนขึ้นไป ไปอยู่หลายปีก็มี......"

เสิ่นอี้หยุดพูด ไม่พูดต่อ เพราะเขาเห็นดวงตาของเย่หนิงเป็นประกาย เกิดเรื่องอะไรขึ้น 

"ฉันก็อยากไปบ้าง!" ในดวงตาของเย่หนิงส่องประกายวิบวับ

"คุณไปไม่ได้!" เสิ่นอี้จนปัญญาจะพูด 

"คุณพาฉันไปไง" เย่หนิงยังคงมีสีหน้ารอคอยอย่างนั้น

"แรงกดดันใต้ทะเลมีอยู่มาก คุณทนไม่ไหวหรอก พูดอีกอย่าง ขนาดจะหายใจคุณยังทำไม่ได้เลย!" เสิ่นอี้บอกเย่หนิง

"อา..." เย่หนิงกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก "ไม่สนุกเลย ทำไมผีดิบถึงดีขนาดนี้นะ ฉันก็อยากเปลี่ยนเป็นผีดิบบ้าง..."

เสิ่นอี้......

"ไม่ถูกสิ" สติของเย่หนิงหวนกลับมา "พวกเราพูดเรื่องแม่ยายอยู่นี่นา! ไหงถึงได้พูดเรื่องเที่ยวรอบโลกได้ล่ะ"

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม "ผมแค่อยากบอกคุณ ผมเสียเวลาไปตั้งพันกว่าปีเพื่ออยากเข้าใจโลกใบนี้ ไปเพื่อให้เข้าใจชีวิตของมนุษย์ ไปเพื่อให้เข้าใจการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ของสายพันธุ์อื่นๆ แค่อยากรู้ว่าบนโลกใบนี้ทำไมถึงมีสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะเหมือนกับพวกเราได้ ถึงกระทั่งเคยไปประเทศทางตะวันตก อยากดูว่าพวกเขาที่อยู่ที่นั่น มีแวมไพร์หรือเปล่า"

"มีไหมคะ" ดวงตาของเย่หนิงเริ่มเป็นประกายอีกครั้ง

"แน่นอนครับ!" เสิ่นอี้พยักหน้า "ผมเคยเจอ! และอีกอย่าง หนึ่งในพวกนั้น ก็ยังเป็นสหายที่ผมสนิทมากด้วย!" 

"เอ่อ...พวกเขาดูดเลือดรึเปล่าค่ะ" 

"ก่อนหน้านี้ใช่ แต่ตอนนี้การดำรงชีวิตของพวกเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้ว! หลังจากที่วิวัฒนาการมาหลายปี ผีดูดเลือดก็ค่อยๆ ปรับตัวเข้าไปอยู่ในสังคมกับมนุษย์ ไม่ค่อยแตกต่างกับมนุษย์สักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าพวกเขายังต้องการเลือด แต่เลือดสัตว์ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเลือดของมนุษย์เสมอไป ทำไมก่อนหน้านี้ผีดิบถึงปรากฏตัวมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วล่ะ ไม่ใช่พวกเขาไม่มีอยู่แล้ว แต่เพื่อปิดบังตัวตนของตนเองก็เลยต้องเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิต รวมถึงนิสัยการชอบดื่มเลือดมนุษย์ พวกเขาล้วนเปลี่ยนจนหมดสิ้น! ไม่ดื่มเลือดของมนุษย์อีก ธรรมชาติก็เลยไม่มีสิ่งที่เรียกว่าแวมไพร์เหลือแล้ว!"

เย่หนิงประหลาดใจ "มีจริงๆ หรอเนี่ย...น่าทึ่งชะมัดเลย..." 

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม "นั่นเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ความจริงแล้วบนโลกใบนี้มีสิ่งชีวิตน่าทึ่งจำนวนมาก มากมายจนถึงตอนนี้ มีความลึกลับที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ หลังจากนี้มีโอกาส ผมจะค่อยๆ บอกคุณ พาคุณไปดู ให้เข้าใจ!"

"ดีค่ะ ดี!" เย่หนิงตื่นเต้นมาก "พูดแล้วนะ ต้องพาฉันไปแน่ๆ นะ!"

"รอให้เรื่องนี้จบลงก่อน พวกเราจะลาพักยาวไปเที่ยวกัน คุณอยากไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ผมจะพาคุณไปเอง ดีไหม" เสิ่นอี้ถามเธอ