webnovel

ตอนที่ 169

ตอนที่ 169 หยอกคุณเล่น

"เดิมทีแล้วใจก็ไม่อยากปิดบังหรอก...ไม่อย่างงั้นวันนั้นทำไมผมต้องออกมาให้คุณตกใจด้วยล่ะ" เสิ่นอี้หัวเราะ

เย่หนิงประหลาดใจสักพัก ถึงได้เข้าใจ ทว่าก็ยังโกรธ จึงชกและเตะเข้าที่ขาของเขา "คุณตั้งใจใช่ไหม คืนนั้นที่ห้องชันสูตร คุณตั้งใจทำให้ฉันตกใจใช่ไหม" 

เสิ่นอี้จับมือของเธอ พยายามกลั้นหัวเราะ "ไม่ใช่ครับ ใครให้คุณมาถอดชุดของผมกันล่ะ อืม...ผมมีชีวิตมาตั้งพันกว่าปี แต่กลับถูกคนมาถอดชุดอย่างนั้น ไม่ทำให้คุณกลัวบ้าง ตัวเองก็ต้องเสียใจมากๆ น่ะสิ!"

"เหอะ เป็นคุณเองนะที่ทำให้ฉันตกใจก่อน! ใครบอกให้อยู่ๆ คุณก็วิ่งออกมาชนรถของฉันล่ะ!" เย่หนิงตีไม่ได้ เลยต้องเตะแทน "เตะคุณให้ตาย เตะคุณให้ตายเลย!"

"ผมเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ตายอีกไม่ได้แล้ว!" เสิ่นอี้กล่าวอย่างไม่สนใจเลยสักนิด

เย่หนิงล่ะความพยายาม เพราะอยู่ๆ เธอก็คิดขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง เจ้าหมอนี่เดิมทีแล้วไม่รู้สึกเจ็บรู้สึกปวดไม่ใช่เหรอ งั้นเตะเขาทำไม ถึงแม้จะหั่นร่างเขาออกเป็นชิ้นๆ เขาก็คงไม่รู้สึกอะไรอยู่ดี!

แพ้ย่อยยับแล้ว! 

เสียหน้าชะมัด!

"เหอะ!" เย่หนิงจ้องเขา" ฉันจะบอกเฝิ่งเยี่ยนฮวาน ให้พวกเขามาจับคุณ!" 

"เขาเหรอ" เสิ่นอี้ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือจะขำดี "เขาจับผมงั้นเหรอ เขาเป็นคู่ต่อสู้ของผมซะที่ไหนล่ะ เขาก็เป็นคนตัวเล็กๆ เท่านั้น เอามาวางไว้ตรงหน้าผม ผมยังไม่มองเลย! ผมไม่อยากเอามือไปจัดการเขาหรอก คุณคิดว่ากระบี่ไม้ท้อ หมึกดำ ฮู้ [footnoteRef:1]พวกนั้นจะทำอะไรผมได้งั้นเหรอ" [1: ฮู้ คือยันต์จีน]

"ไม่มีประโยชน์เลยเหรอ"

"คุณคิดว่าไงล่ะ ผมมีอายุมาพันกว่าปีแล้ว ของพวกนี้จะทำอะไรผมได้ยังไง"

"งั้นอะไรที่ทำร้ายคุณได้" เย่หนิงแปลกใจ 

"ไม่มีเลย" เสิ่นอี้มั่นใจเป็นอย่างมาก 

"ไม่มีทาง!" เย่หนิงไม่เชื่อ "คุณมีอายุหนึ่งพันปีได้อย่างไร ไม่มีคนจัดการคุณได้เลยหรอ" 

"เฮ้อ..." เสิ่นอี้ลอบถอนหายใจ "สวรรค์ยังจัดการผมไม่ได้ ยังจะมีใครล่ะที่จัดการผมได้อีก"

คำพูดนี้...ทำไมถึงพูดได้! 

ดูท่าทางเช่นนี้ของเสิ่นอี้แล้ว ดูเหมือนเป็นทุกข์อย่างเห็นได้ชัด แต่น้ำเสียงนั้น ทำไมถึงได้กวนโอ้ยขนาดนี้! ทำให้อยากบีบคอเขาให้ตายจริงๆ!

"อย่าคิดว่าตัวเองเก่งกาจนักสิ! ราชาผีดิบไม่เก่งกาจหรือไง ถึงได้ถูกผนึกไม่ใช่เหรอ" เย่หนิงสูดหายใจเข้าลึกขณะที่พูด "เตือน" เสิ่นอี้

เสิ่นอี้ประหลาดใจ "หือ คุณรู้จักราชาผีดิบด้วยเหรอ"

"ทำไมจะไม่รู้ล่ะ!" ขณะที่มองสีหน้าประหลาดใจเช่นนี้ของเสิ่นอี้ เย่หนิงรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก "ฉันเป็นนักปราบผีดิบนะ แล้วยังเป็นลูกหลานของสี่ตระกูลใหญ่ มีอะไรที่ฉันไม่รู้งั้นเหรอ"

เจ้าเด็กน้อย! 

เสิ่นอี้หยิกแก้มของเธอ "คุณรู้ เพราะเฝิ่งเยี่ยนฮวายบอกคุณ ไม่อย่างงั้นคุณจะรู้ได้ยังไงล่ะ" 

"ถึงยังไงฉันรู้ก็พอแล้ว ใครบอกฉันก็เหมือนกันแหละ" เย่หนิงส่งเสียงเหอะ แล้วพูดอีกครั้งว่า "รู้ไหมอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ถึงคุณเก่งกาจมาก แต่ก็ยังมีคนที่เก่งกาจมากกว่าคุณ! อย่าคิดนะว่าผีดิบอายุหนึ่งพันปีอย่างคุณจะเก่งกาจได้เสมอไป..."

"ผมไม่ได้พูดแบบนั้น" สีหน้าของเสิ่นอี้ดูเป็นผู้บริสุทธิ์เอามากๆ "ตรงหน้าของคุณ ผมก็แค่คนที่ยกสองมือยอมจำนนแล้วเท่านั้น"

ใบหน้าของเย่หนิงแดงก่ำ

นี่...เป็นคำพูดบอกรักงั้นเหรอ

ยิ่งคิด และได้ฟังใบหน้าก็ยิ่งแดงก่ำ "คุณพูดจาเหลวไหลอะไรอีกแล้ว!" 

"ผมไม่ได้พูดเหลวไหลนะ ผมพูดความจริงทั้งหมด" เสิ่นอี้ฉีกยิ้มเล็กน้อย แล้วหยิกแก้มของเธอเบาๆ แต่สำหรับเย่หนิง เธอนึกถึงตอนที่ทั้งคู่พบกันเป็นครั้งแรก คืนนั้นที่เธอพาชายหนุ่มกลับมาที่ห้องชันสูตร

น่าเกลียดมากๆ เลย! 

เย่หนิงเตะที่เท้าของเขาอย่างแรง! 

เสิ่นอี้ทำหน้าเป็นผู้บริสุทธิ์ "เสี่ยวหนิง! ผมพูดอะไรผิด ทำไมคุณต้องเตะผมด้วย" 

"เหอะ ใครใช้ให้คุณมาแกล้งฉันว่าเป็นศพตั้งแต่แรกล่ะ!" เย่หนิงสูดลมหายใจเข้าลึก

“แกล้งเป็นศพมาหลอกคุณงั้นเหรอ ตอนไหนครับ" เสิ่นอี้แสดงท่าทีไม่เข้าใจ

เย่หนิงพูดอย่างโกรธเคือง "ก็ตอนที่ฉันเกือบจะชำแหละคุณไง! รู้ก่อนหน้านี้ก็คงไม่ต้องเกรงใจ หั่นคุณเป็นชิ้นๆ ไปเลย!" 

เสิ่นอี้พยายามกลั้นหัวเราะ "ใช่ครับ ใช่ นั่นเป็นความผิดของผมเอง คุณไม่สนุกหรือไง แกล้งคุณเล่นสนุกออก" 

"ยังจะมาพูดอีก! ฉันเกือบจะตกใจตาย" เย่หนิงโมโหจนอยากทึ้งผมของเขา ทว่าความยาวของผมกลับหดสั้นลงเสียก่อน ไม่เห็นสนุกเลยสักนิดเดียว เย่หนิงพูดอย่างกลัดกลุ้ม "เสิ่นอี้ คุณทำให้ผมยาวได้ยังไง"

"ไม่เห็นยากเลย" 

"จริงเหรอ" ดวงตาทั้งสองของเย่หนิงเป็นประกาย "เปลี่ยนให้ฉันดูหน่อยสิ"

เสิ่นอี้มองเย่หนิงอย่างจนปัญญามากๆ

"ทำไมล่ะครับ ไม่ได้บอกไปแล้วหรอครับว่าง่ายมากๆ"

เสิ่นอี้ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยถามออกมาประโยคหนึ่งว่า "เสี่ยวหนิง คุณไม่กลัวสักนิดเลยจริงๆ เหรอ"

เย่หนิงประหลาดใจ ถามขึ้นทันใดว่า "ทำไมฉันต้องกลัวคุณด้วย" 

"แต่ผมเป็นผีดิบ! ไม่กลัวจนตกใจเลยหรอ ความจริงผมก็อยากบอกตัวตนของผมให้คุณรู้ตั้งนานแล้ว" เสิ่นอี้มองเย่หนิงอย่างจริงจัง แล้วพูดว่า "ยังมีอีก ตั้งแต่ตอนแรกที่คุณชนผม ผมไม่ได้แกล้งเป็นศพจริงๆ!"

คำพูดของเสิ่นอี้ไม่ค่อยเข้าใจ ทว่าสำหรับเย่หนิงแล้ว กลับเข้าใจ!

เขาไม่ต้องแกล้งเป็นศพ เพราะเดิมที่แล้วเขาไม่ต้องแกล้ง! 

เขาเป็นศพอยู่แล้ว!

ถึงจะเปลี่ยนเป็นผีดิบ...ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความเป็นจริงนี้ได้!

เขาไม่ใช่คนปกติ!

เดิมทีแล้ว นี่ก็คือความหมายที่เขาอยากจะบอก

เย่หนิงสับสนอยู่สักพัก แล้วจึงพูดว่า "ถ้าหน้าตาน่าเกลียด ก็คงกลัว"

"หน้าตาน่าเกลียดเหรอ" เสิ่นอี้แปลกใจ 

"ก็ ก็เหมือนกับคนคนนั้นที่พวกเราพากลับมาจากหมู่บ้านว่างยาชุน..." เย่หนิงกล่าวเสียงเบา

เสิ่นอี้หมดคำพูด พอเถอะ!

ถ้าเป็นอย่างคนนั้น......

อย่างงั้นแม้แต่ตัวเขาเองก็คงจะทนรับไม่ได้

เย่หนิงกล่าวอย่างช้าๆ ว่า "เสิ่นอี้ จวงหมิงหานคนนั้น ก็คงไม่ได้เป็นผีดิบใช่ไหม" 

เสิ่นอี้แทบจะโพล่งปากพูดออกมาว่า "ทำไมคุณสงสัยเขางั้นเหรอ" 

"พวกคุณไม่ได้สนิทกันมากหรือไง มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ถ้าเขาไม่ใช่ผีดิบ ก็คงสังเกตเห็นตันตนของคุณตั้งแต่แรกแล้ว อ๊าย ไม่ถูกสิ! ผีดิบไม่แก่ไม่ตายไม่ใช่หรอ คุณโตมาได้ยังไงกันนะ"

เย่หนิงจู่ๆ ก็พบว่า มีหลายเรื่องที่ตนเองไม่เข้าใจจริงๆ "เสิ่นอี้ คุณบอกว่าคุณกำลังสืบเรื่องที่คนพวกนั้นสร้างผีดิบ ทำไมคุณต้องสืบเรื่องนี้ด้วย" 

"เพราะของสิ่งนี้ เดิมทีแล้วไม่ควรอยู่บนโลกใบนี้" เสิ่นอี้กล่าวเสียงเรียบ ในน้ำเสียงยังแฝงไปด้วยความรังเกียจและความขยะแขยงเป็นอย่างมาก "ยิ่งไปกว่านั้น วิธีการของพวกเขาโหดเหี้ยมมาก ไม่ว่าจะเอาคนตายหรือว่าคนเป็นมาทดลอง ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ ใช้ร่างคนตายเป็นการลบหลู่ศพ ใช้คนเป็น นั้นก็โหดเหี้ยมยิ่งกว่า ไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว"

เย่หนิงพยักหน้า เสิ่นอี้พูดไม่ผิด! การทดลองเช่นนี้ เดิมแล้วไม่ควรทำต่อไปด้วยซ้ำ ขัดความประสงค์ของพระเจ้า ไร้ซึ่งจริยธรรม และไร้มนุษยธรรม! การทดลองแบบนี้เดิมทีแล้วก็ไม่สมควรที่จะทำเลย แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนทำมาหลายปีขนาดนี้! ใช้ซากศพ ใช้ชีวิตผู้คนมาทดลอง! แต่พวกเขาทำเรื่องแบบนี้ ทำมาตั้งหลายปี ไม่มีคนรู้เลยเหรอ

เย่หนิงพูดถามอย่างสงสัย “ ทำมาตั้งนานไม่มีใครรู้เลยเหรอ”

"ใช่ครับ" เสิ่นอี้พูดเสียงเย็น "พวกเขาปิดบังได้ดีมากๆ ดังนั้นถึงไม่มีคนพบมาโดยตลอด บวกกับก่อนหน้านี้การคมนาคม การสื่อสารและด้านอื่นๆ ไม่ได้เป็นเหมือนกับตอนนี้ สมัยก่อนข่าวสารสามารถปิดเงียบ ดังนั้นพวกเขาถึงได้ปิดมาได้นานขนาดนี้ ตอนนี้อินเตอร์เน็ตพัฒนาไปไกล มีคนปากโป้งหน่อยก็เอาไปปล่อยในอินเตอร์เน็ต พวกเขาอยากจะปิดก็คงจะยากมากๆ คุณดูสิ เฝิ่งเยี่ยนฮวายไม่ใช่ว่าเห็นข่าวจากโพสหรอ ถึงได้วิ่งโร่ไปที่หมู่บ้านว่างยาชุน ลองเปลี่ยนเป็นวิธีการปล่อยข่าวแบบเมื่อก่อนสิ เฝิ่งเยี่ยนฮวายอยากรู้เรื่องพวกนี้ บางทีอาจต้องใช้เวลาปีถึงสองปี แบบนั้นก็คงจะนานเกินไป "