webnovel

ตอนที่ 146

ตอนที่ 146 เขานัดผมแล้ว

เห็นได้ชัดว่าการตรวจค้นบ้านของอ้ายหลุนไม่ได้ผลสรุปอะไร ถึงแม้ว่าทางตำรวจจะค้นหาที่บ้านเป็นเวลานาน ทว่าบนใบหน้าของอ้ายหลุนก็ไม่ได้แสดงความรำคาญ กลับกันตอนที่เสิ่นอี้บอกว่าจะไปแล้ว เขายังพูดยิ้มๆ อย่างเสียดายว่า " กลับกันเร็วจัง" 

เสิ่นอี้เองก็ฉีกยิ้ม "คดีไม่เคยรอท่าครับ" 

“มีตรงไหนให้ช่วยต้องบอกผมเลยนะครับ!" ท่าทางของอ้ายหลุนที่พูดกับเสิ่นอี้กระตือรือร้นและดูให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่าเย่หนิงมองออก คนคนนี้...คิดไม่ถึงเลยว่าจะแสร้งแสดงออกมาได้ชัดเจนขนาดนี้

หลังจากขึ้นไปบนรถ บรรยากาศชวนอึดอัดเล็กน้อย สำหรับผลของการตรวจค้นครั้งนี้ ทุกคนล้วนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก 

"ทำไมถึงตรวจค้นอะไรไม่ได้เลย!" กวานอี้เหลียงกลัดกลุ้มใจ เกี่ยวข้องกับคดีเมื่อสิบห้าปีก่อน เมื่อปีนั้นพ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบของคดีนั้น แน่นอนอยู่แล้วที่กวานอี้เหลียงต้องหวังให้ปิดคดีให้ไวกว่าคนอื่น

"ตรวจค้นไม่เจอก็เป็นเรื่องที่ปกติมากครับ" เสิ่นอี้ไม่รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้เลยสักนิดเดียว "เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้อยู่ก่อนหน้านี้แล้วว่าพวกเราจะมาหาอ้ายหลุน เหยื่อทุกคนเป็นนักเรียนในคลาสเต้น มันเป็นสิ่งเดียวที่แยกระหว่างพวกเธอได้ ช้าเร็วพวกเราก็ต้องค้นเจอ อีกฝ่ายคงจะเตรียมพร้อมกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว"

"แต่เบาะแสก็ยังมีน้อยอยู่ดี" ทว่าเย่หนิงกลับไม่ท้อถอย เธอยกเรื่องกลิ่นหอมขึ้นมาพูดทันทีว่า "บางทีบ้านของเขาอาจเป็นสถานที่หั่นศพ”

“จะเป็นไปได้ยังไงครับ” เสิ่นอี้หุบยิ้ม “บริเวณนี้ล้วนเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด อย่าไปพูดถึงการเคลื่อนย้ายศพเลย ยิ่งดึกก็ยิ่งน่าสงสัยมาก อีกอย่างยกของที่มีขนาดใหญ่อย่างนั้นออกไป ไม่น่าสงสัยไปหน่อยเหรอครับ ถ้าจะเคลื่อนย้ายศพออกไปจากที่นี่จริงๆ กล้องวงจรปิดต้องถ่ายเอาไว้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นทั้งตอนที่ลงมือก่อคดีและตอนหั่นศพ ต้องไม่ใช่ที่นี่อย่างแน่นอน"

"อย่างงั้นเหรอ" เย่หนิงผิดหวังเล็กน้อย แน่นอนว่าในการสืบสวนคดีอาชญากรรม เธอยังทำได้ไม่ดีพอ ข้อบกพร่องที่ชัดเจนขนาดนี้ ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึง

เสิ่นอี้พูดอีกครั้งว่า "แต่ที่คุณพูด ในบ้านของอ้ายหลุนได้กลิ่นน้ำมันหอมระเหยเป็นพิเศษ อีกอย่างกล่องกระดาษที่ใส่ชิ้นส่วนและถุงที่ใส่กล่องต่างก็มีกลิ่นหอมแบบเดียวกัน ผมคิดว่าคงเป็นเพราะห่อของที่ใช้บรรจุชิ้นส่วนศพ เดิมทีแล้วคงจะอยู่ในบ้านของเขา แค่กล่องกระดาษและถุง คิดจะเอาออกมาก็ไม่เห็นจะยากตรงไหน แล้วก็ไม่ดึงดูดความสนใจของใครเลยสักนิด" 

เย่หนิงเข้าใจแล้ว "เสิ่นอี้ ความหมายของคุณคือ มีความเป็นไปได้มากๆ ว่าทั้งกล่องกระดาษพวกนั้นและถุง อ้ายหลุนเป็นคนซื้อมันทั้งหมดหรอคะ" 

"ถูกต้องครับ ไม่เห็นจะแปลกเลย" เสิ่นอี้พูดจบ ก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า "แต่ถึงจะรู้เรื่องพวกนี้ ประโยชน์ก็มีไม่มากนัก ประเด็นสำคัญคือจะทำยังไงให้คนคนนั้นออกมา"

"คนคนนั้นเหรอ" 

"ใช่ครับ คนคนนั้นที่อยู่ข้างหลังอ้ายหลุน คนที่เป็นผู้ชักใยอยู่หลังฉาก" 

กวานอี้เหลียงรีบถามขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า "ศาสตราจารย์เสิ่น คุณมีวิธีอะไรบ้างไหม" 

"จู่โจม โดยการเข้าหาอ้ายหลุน”

หยางปินกลับพูดอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย “พวกเราตามติดขนาดนี้ เจ้าคนปลิ้นปล้อนคนนั้นกลัวว่าจะไม่ยอมโผล่หัวออกมา! อีกอย่างถ้าเขาไม่อยากให้พวกเราตำรวจตรวจพบความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอ้ายหลุน โดยปกติเวลาที่พวกเขาจะเจอกันก็ต้องระมัดระวังอย่างแน่นอน คงเป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะมาหาอ้ายหลุนที่นี่ พวกเขาคงมีการกำหนดเวลาและสถานที่นัดพบ ยกเว้นเกิดกรณีที่ไม่คาดคิดขึ้น มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่มาปรากฏตัวง่ายๆ เป็นอันขาด"

"ตอนนี้ก็เกิดกรณีที่ไม่คาดคิดนะครับ" เสิ่นอี้กล่าวอ้างเหตุผล "ถ้าจะต้องถูกจับ คงไม่มีฆาตกรคนไหนยอมให้ถูกจับแบบนี้หรอก ต้องคิดว่าตนเองทำด้วยความมั่นใจเต็มร้อย ดังนั้นโดยปกติแล้วก็เลยสนใจการเคลื่อนไหวของตำรวจตลอดเวลา ดูว่าตนเองเผยจุดบกพร่องอะไรเอาไว้บ้าง พวกเราสามารถค้นหาได้หรือไม่ บางทีตอนนี้เขาอาจจะจับจ้องอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งใกล้ๆ ก็เป็นได้ครับ"

เสิ่นอี้พูดยังไม่ทันจบ ทุกคนต่างก็มองไปรอบๆ เสิ่นอี้ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือว่าจะยิ้มดี "ใช่ครับ ที่ผมพูดคือ เจ้าหมอนั้นเป็นคนระมัดระวัง ไม่มีทางออกมาให้พวกเราเจอง่ายๆ หรอก"

"ศาสตราจารย์เสิ่น..." กวานอี้เหลียงสงสัยเล็กน้อย ก็เลยถามขึ้นมาอีกว่า "งั้นแม้แต่คดีเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเขาก็คงไม่ได้สุ่มหาอย่างลวกๆ น่ะสิครับ”

"แน่นอนอยู่แล้วครับ" เสิ่นอี้พูด "เขาเองก็ไม่ใช่มือใหม่ เหตุผลข้อนี้จะไม่เข้าใจเชียวหรอ แฟ้มคดีที่สำคัญเช่นนี้ โดยปกติแล้วไม่ใช่ว่าจะสะเปะสะปะหาก็ได้ดู จะต้องได้รับสิทธิพิเศษให้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นห้องเก็บแฟ้มคดี หรือว่าข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ล้วนแต่ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะอ่านได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตอนนี้คุณอยากค้นหาก็ค้นหาไม่ได้หรอก"

ลู่เว่ยพูดลากเสียงว่า "ถึงจะลดขอบเขตให้น้อยลงหน่อยก็ไม่มีประโยชน์! คนที่แตะต้องแฟ้มคดีมีออกเยอะ ไม่ใช่คนสองคนเสียหน่อย" 

จงอี้ฮ่าวพูดอย่างเศร้าใจ "ถ้าตรวจสอบได้ว่าคนพวกนั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอู๋เหวินคังได้ก็คงดี" 

ลู่เว่ยกลับพูดอีกครั้ง “ไม่แน่ว่าจริงๆ แล้วพวกเขาอาจจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยก็ได้ ไม่แน่พอคนคนนั้นดูแฟ้มคดี ก็คงคิดว่าอู๋เหวินคังไม่ได้รับความเป็นธรรม เลยมองหาวิธี อยากพลิกคดีของอู๋เหวินคัง แต่เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมมากขนาดนี้ ทั้งยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่บอกว่าจะพลิกคดีก็จะพลิกคดีได้เลย ดังนั้นเขาเลยตั้งใจค้นหาด้วยตนเอง แม้กระทั่งกำกับการกระทำของตนเองด้วย”

"เหลวไหล!" สำหรับการการคาดการณ์นี้ของลู่เว่ย กวานอี้เหลียงแสดงออกมาว่าไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก

เสิ่นอี้กล่าวเสียงเรียบว่า "ความเป็นไปได้น้อยมาก! เขาไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้! ผมค่อนข้างเอนเอียงไปที่การคาดการณ์ก่อนหน้านี้ คนร้ายและอู๋เหวินคัง ต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่พยายามพลิกคดีของอู๋เหวินคัง จนถึงขั้นลงมือสังหารคนอย่างไม่เสียดายหรอก!"

หยางปินถอนลมหายใจ "น่าเสียดายที่ไม่พบเบาะแสอะไรเลย คนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอู๋เหวินคังที่สุดล้วนถูกตัดออกจากความเป็นไปได้ที่จะก่อคดีแล้ว และญาติและเพื่อนๆ ของเขาที่มีปฏิสัมพันธ์มาก่อนก็หาช่วงเวลาและเงื่อนไขในการก่อคดีไม่ได้เลย สุดท้ายแล้วเขาเป็นใครกันแน่" 

หยางปินรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

ความคิดของเขาและเสิ่นอี้ต่างเหมือนกัน รู้สึกว่าการที่ทำถึงขนาดนี้ คนคนนั้นต้องมีความสัมพันธ์พิเศษกับอู๋เหวินคังอย่างแน่นอน แต่จะเป็นใครล่ะ 

เบาะแสมีเล็กน้อยเท่านั้น และพวกเขาต่างค้นเจอหมดแล้ว และไม่สามารถค้นหาบุคคลที่น่าสงสัยใดๆ ได้เลย ตอนนี้ก็คงต้องฝากความหวังเอาไว้ที่อ้ายหลุนเท่านั้น แต่จะหาเบาะแสอะไรจากอีกฝ่ายได้ล่ะ

พวกเขาเองก็ไม่แน่ใจ ก่อนหน้านี้ทำได้ ก็แค่หาเบาะแสเท่านั้น เอาแต่ค้นหามาโดยตลอด

"ศาสตราจารย์เสิ่น คุณมีแผนอะไรต่อไป" หยางปินถามเสิ่นอี้ 

"ต่อไปก็เข้าหาอ้ายหลุน" เสิ่นอี้บอกหยางปินและคนอื่น "เขาเพิ่งนัดผม" 

"ห๊า!" เย่หนิงสบทออกมา

เขาเพิ่งนัดผมหรอ 

เสิ่นอี้เองก็พูดอย่างไม่แยแสเลยสักนิดเดียว!

"อะแฮ่มๆ......" หยางปินกระแอมออกมา "นี่ ศาสตราจราย์เสิ่น เกิดเรื่องอะไรขึ้น"

"เขาบอกว่าช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ คิดมาก พอได้ยินว่าผมเป็นจิตแพทย์ ก็เลยบอกว่าถ้าผมมีเวลา ก็ช่วยไปตรวจเขาหน่อย"

"นี่......" หยางปินหมดคำพูด "ศาสตราจารย์เสิ่นคุณตอบรับนัดไหม"