webnovel

ตอนที่ 138

ตอนที่ 138 ไม่มีหลักฐานที่อยู่

เสิ่นอี้ถามคำถามที่ค่อนข้างพื้นฐานไม่กี่ประโยค ส่วนอ้ายหลุนก็ตอบ หลังจากที่ถามจบเสิ่นอี้ก็หยิบรูปถ่ายของเมิ่งซินถง เหลียงปิง ฟางจิ่งทั้งสามคนออกมา วางลงบนโต๊ะ แล้วถามอ้ายหลุนว่า "ดูสิ รู้จักพวกเธอไหม" 

อ้ายหลุนมอง แล้วรีบตอบทันทีว่า "รู้จัก! พวกเธอเป็นนักเรียนในคลาสของพวกเรา จะไม่รู้จักได้ยังไง!" 

จริงๆ ด้วย 

เสิ่นอี้ เย่หนิง หยางปินและคนอื่นๆ หันมาสบตากัน 

ดูแล้วเมิ่งซินถง เหลียงปินและฟางจิ่ง พวกเธอทั้งสามที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันเลย จะล้วนเป็นนักเรียนคลาสเต้น Para Para dance[footnoteRef:1] ของอ้ายหลุนทั้งหมด [1: Para Para dance เป็น เป็นการเต้นของญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใคร ถือกำเนิดขึ้นในต้นยุค80 เมื่อดิสโก้จากฝั่งยุโรปเริ่มขายในญี่ปุ่น]

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอใช่ไหม" อ้ายหลุนถามเสิ่นอี้ 

เสิ่นอี้มองอ้ายหลุน อ้ายหลุนแปลกใจ "ไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างงั้นทำไมพวกคุณถึงเอารูปของพวกเธอมาถามผมกันล่ะ" 

เสิ่นอี้กล่าวด้วยเสียงเรียบว่า "ปกติแล้วความสัมพันธ์ของคุณกับนักเรียนพวกนั้นเป็นอย่างไร" 

อ้ายหลุนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วส่งเสียงหัวเราะดังออกมาทันที "คุณตำรวจพูดกับผมแบบนั้น หมายความว่าอะไร คุณคิดว่าผมจะมีความสัมพันธ์อะไรกับนักเรียนตัวเองงั้นเหรอ ผมว่าคุณคงจะคิดมากไปจริงๆ! ขนาดเบอร์โทรศัพท์มือถือของผม ผมยังไม่เคยให้พวกเธอเลย แล้วก็ไม่เคยติดต่อส่วนตัวกับพวกเธอเลยด้วย ไม่งั้นคงมีคนเข้าใจผิดกันตายเลยล่ะ! อีกอย่างผมเป็นครูผู้ชาย ไม่ใช่ครูผู้หญิง ปกติแล้วเลยพยายามหลีกเลี่ยงการติดต่อพวกนักเรียนหญิงโดยตรง ไม่อย่างงั้นถ้าพวกสามีของเจ้าหล่อนเข้าใจผิดจะต้องลำบากมากแน่ๆ"

แถไปเรื่อย! เย่หนิงแอบกลอกตา เธอลองคิดดู ทำไมไม่เห็นอ้ายหลุนมีจุดที่น่าสนใจเป็นพิเศษเลยล่ะ ถ้าให้เธอพูดเจ้าหมอนี่เดิมทีแล้วก็ไม่ได้คิดปฏิเสธเลยด้วยซ้ำ

“คุณยังโสดอยู่เหรอ" จู่ๆ เสิ่นอี้ก็เอ๋ยปากถามขึ้นมา 

เย่หนิงให้ความสนใจสีหน้าของอ้ายหลุนที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับแล้วพูดว่า "ใช่ ทำไม ไม่ได้หรือไง" 

เย่หนิงอดทนไม่ไหวจริงๆ ยิ้มเหอะๆ "มาตรฐานของคุณอ้ายหลุนช่างสูงมากเลยค่ะ"

อ้ายหลุนมองไปที่เย่หนิง ฉีกยิ้ม แล้วพูดว่า "น้องสาว ถ้าคุณต้องการ ผมให้เบอร์โทรศัพท์คุณได้นะครับ!" 

"เหอะๆ...อย่าฝืนใจพูดขนาดนั้นเลยค่ะ..." 

"ทำไมล่ะ แต่ผมไม่ได้ฝืนใจเลยสักนิดเดียวเลย" 

อ้ายหลุนพูดเช่นนี้แล้ว จึงรีบหันไปถามเสิ่นอี้ว่า “ว่าไง คุณตำรวจ ยังมีอะไรจะถามอีกไหม ถ้าไม่มีผมจะกลับแล้วนะ!" 

เสิ่นอี้ถามต่อว่า “คุณมาที่บาร์ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อมาหานักเรียนงั้นเหรอ" 

"มีเวลาก็ไป ก็ไม่ได้ไปหานักเรียนทุกครั้งหรอก บางครั้งพอมีนักเรียนมากเกินไป ก็จะไม่รับสมัคร!" 

"งั้นทั้งสามคนนี้ล่ะ ก็สมัครกับคุณที่บาร์งั้นเหรอ" 

อ้ายหลุนครุ่นคิด “น่าจะครับ! นักเรียนของผม ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันในบาร์ ถ้าไม่ใช่ นักเรียนเหล่านั้นก็คงจะถูกแนะนำมาอีกที"

“ครั้งสุดท้ายที่เห็นพวกเธอ เมื่อไหร่ ยังจำได้ไหม" 

อ้ายหลุนขมวดคิ้ว เขาจ้องรูปของเมิ่งซินถงและคนอื่นๆ สักพัก แล้วจึงพูดว่า “ไม่ค่อยแน่ใจ เหมือนกับว่าจะไม่ได้เจอมาสักพักแล้ว พวกเธอสมัครเรียน...เหมือนว่าจะเป็นคลาสวันหยุด ปกติสอนสองชั่วโมงตอนเย็นวันศุกร์และวันเสาร์...แต่ปกติผมไม่อยู่วันเสาร์ คงจะสักพักแล้วมั้งที่ไม่เคยได้เจอกับพวกเธอเลย...”

“แต่ปกติแล้วถ้ามีธุระ พวกนักเรียนก็จะโทรมาลา โดยจะโทรเข้ามาที่เบอร์โทรศัพท์ของออฟฟิศ บอกสักนิดก็ได้แล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็เคยติดต่อไปที่โทรศัพท์ของเธอเหมือนกัน บอกให้พวกเธอมาเข้าคลาสเรียน ไม่อย่างงั้นจะเสียค่าเรียนไปเปล่าๆ ทำไม" 

ระดับการจดบันทึกของหยางปินเร็วกว่าเย่หนิงมาก อ้ายหลุนพูดจบ เขาก็แทบจะจดเสร็จแล้ว 

เสิ่นอี้มอง แล้วถามอ้ายหลุนตรงๆ ว่า “ที่พูดนี้ พวกเธอยังติดต่อกับคุณอยู่ไหม" 

สีหน้าของอ้ายหลุนเบื่อหน่ายมากๆ “คุณตำรวจครับ ตอนนี้ไม่ใช่สื่อสารไม่ใช่แบบเก่าอีกแล้ว การสื่อสารพัฒนาไปไกลขนาดนี้ การตามหาคนยังไม่ง่ายอีกเหรอ"

เสิ่นอี้เองก็ไม่ได้สนใจกับคำถามนี้ เขาถามออกมาตรงๆ ว่า “พวกเธอไม่มาเข้าเรียน แล้วได้ลาไหม" 

อ้ายหลุนยิ้มขื่น “ผมจะไปรู้ได้ยัง ผมเป็นเจ้าของ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล! เรื่องพวกนี้คุณควรไปถามผู้จัดการฝ่ายบุคคลบริษัทของพวกเรา มาถามผมแล้วจะได้ประโยชน์อะไร"

“ได้ งั้นเอาเบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการฝ่ายบุคคลมาให้ผม ผมจะติดต่อกับเขาเอง" 

“รอสักครู่!" อ้ายหลุนหยิบโทรศัพท์มือถืออกมา หาสักพัก “นี่ คุณต้องจำเอาไว้! สถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงของนักเรียน คุณต้องถามเขาให้ชัดเจนที่สุด"

“ดังนั้นคุณก็ไม่รู้ สาเหตุที่พวกเธอไม่มาเข้าเรียนนะสิ" 

“ไม่รู้! ทุกคนๆ โตๆ กันหมดแล้ว แล้วก็ไม่ใช่นักเรียนเล็กๆ ทำไมผมต้องถามรายละเอียดด้วยล่ะ คนส่วนมากก็แค่สนใจช่วงหนึ่ง มาแป๊บเดียวแล้วหลังจากนั้นก็ไม่มาอีกเลย แบบนี้ก็มี พวกเราเองก็จัดการได้ไม่มากนักหรอก” 

เย่หนิงหัวเราะเหอะๆ “กลับกันพวกคุณได้เงินก็พอแล้วสินะ" 

"เหอะๆ..." เสิ่นอี้หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วหลังจากนั้นก็ถามขึ้นว่า “วันที่ห้าของเดือนนี้ คุณไปอยู่ที่ไหน แล้วก็ทำอะไร" 

"วันที่ห้าตอนกลางคืนเหรอ ก่อนหน้าสองวัน...วันที่ห้าคือวันอะไร" 

"วันอังคาร" 

"วันอังคารเหรอ ไม่ได้ทำอะไร...ตอนกลางคืนมีคลาสปกติ วันหยุดภาคฤดูร้อนมีนักเรียนมากเป็นพิเศษ ปกติแล้วเลยไม่มีเวลาว่างสักเท่าไหร่" 

"มีคลาสทุกวันจนถึงกี่โมง" 

“ตอนเช้าเก้าโมงเริ่มคลาส ตอนเช้าเก้าโมงถึงสิบเอ็ดโมง ตอนบ่าย บ่ายสองถึงห้าโมงเย็น ตอนกลางคืนสองทุ่มถึงห้าทุ่ม คลาสเรียนเก้าชั่วโมงต่อวัน" 

“เก้าชั่วโมงทุกวัน คุณอยู่ในคลาสตลอดเลยเหรอ" 

“จะให้ทำยังไงล่ะ นักเรียนมีมากขนาดนั้น ขืนผมไม่ไปช่วยได้ตายกันพอดี!" 

“งั้นหลังจากเลิกเรียนตอนห้าทุ่ม เก้าโมงเช้าของวันถัดมา คุณอยู่ที่ไหน มีคนมายืนยันให้คุณได้ไหม" 

อ้ายหลุนไม่ได้รีบตอบ กลับฉีกยิ้ม “คุณตำรวจทุกท่าน พวกคุณสงสัยผมงั้นเหรอ งั้นผมคงต้องบอกพวกคุณว่าอย่าเสียเวลามาถามผมเลย ไปตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดเถอะ อีกอย่างก็เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน กล้องวงจรปิดต้องบันทึกเอาไว้ได้อย่างแน่นอน พวกคุณไปดูก็จะรู้เอง! แทบจะตลอดสัปดาห์ผมไม่ได้ออกไปจากสวนจิงเหอเลย! แม้แต่กินข้าวสามมื้อก็ไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ เท่านั้นเอง!" 

ในที่สุดเย่หนิงก็เข้าใจว่าทำไมอ้ายหลุนถึงไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว ในที่สุดก็เข้าใจว่าสาเหตุที่เขาไม่หวาดกลัวนั่นอยู่ที่ตรงไหน! 

แต่ไม่มีหลักฐานที่อยู่! 

เขามีหลักฐานที่อยู่ไม่เพียงพอ

ถ้าหากเขาอยู่ในหอพักเพียงคนเดียวก็ไม่มีคนมายืนยันให้เขาได้ แต่บริเวณที่อยู่อาศัยกลับล้วนเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด เขาออกไปจากสวนจิงเหอหรือไม่นั่น แค่ไปตรวจสอบก็รู้แล้ว ดังนั้นเดิมทีแล้วเขาก็เลยไม่ได้เป็นกังวลอะไร 

หลังจากถามจบ ผลที่ออกมา มันไม่เป็นที่พอใจเลยจริงๆ 

ก่อนที่จะปล่อยอ้ายหลุนไป ก็ได้บอกกับเขาว่าเร็วๆ นี้ห้ามออกจากเมืองตงไห่ และต้องให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของตำรวจ แล้วหยางปินยังบอกอีกว่าพรุ่งนี้จะลองไปดูคลาสเรียนของพวกเขา และยังต้องไปดูที่อยู่และที่ทำงานของเขาอีกด้วย อ้ายหลุนตบปากรับคำ ซ้ำยังรีบแจ้งคุณครูคนอื่นในโรงเรียนและพวกพนักงาน ให้พวกเขาบอกนักเรียนของตนเองว่าพรุ่งนี้ไม่มีคาบเรียน แต่พนักงานและคุณครูทุกคนพรุ่งนี้ต้องมาที่ออฟฟิศ ส่วนเกิดเหตุอะไรขึ้นนั้นอ้ายหลุนก็ไม่ได้บอก แค่ทำตามคำสั่งของหยางปินเท่านั้น กำชับว่าพรุ่งนี้พวกเขาต้องมาออฟฟิศให้ตรงเวลา