webnovel

ตอนที่ 135

ตอนที่ 135 หลักฐานการกระทำผิด

 

"บังเอิญได้ยินเหรอ" เสิ่นอี้หันไปมองกวานลี่ผิง พร้อมถามว่า "เป็นไปได้ไหมครับ" 

"นี่..." จริงๆ แล้วกวานลี่ผิงไม่รู้ว่าความพูดอย่างไรดี! 

เสิ่นอี้พูดอีกครั้งว่า "ฆาตกรจะได้ยินโดยไม่ได้ตั้งใจได้ยังไง หรือว่าหลายวันก่อนเขาแอบตามอู๋เหวินคังมาโดยตลอด ทำไมล่ะ ปกติแล้วตอนที่อู๋เหวินคังอยู่ที่ออฟฟิศหรืออยู่ในหอพักของตนเองคนเดียว ที่เหมือนกันคือไม่มีใครสามารถยืนยันให้เขาได้ ทำไมฆาตกรถึงไม่รอให้อู๋เหวินคังกลับออฟฟิศก่อนแล้วถึงค่อยลงมือ เลือกไปเลยสักคืน ทำไมถึงต้องตาม ไม่ลำบากเกินไปหรือไง"

"พูดอีกอย่าง ถ้าฆาตกรตามอู๋เหวินคัง โดยปกติแล้วจะต้องรู้ว่าโฮสเทลที่พวกเขาพักนั้นพักได้สองคนต่อหนึ่งห้อง ถ้าหากว่าอู๋เหวินคังรอให้ทุกคนเมาแล้วถึงค่อยกลับไป อย่างนั้นฆาตกรจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาจะไม่ดูโทรทัศน์หรือพูดคุยเล่นกันต่อ เช่นนั้นเขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าอู๋เหวินคังจะไม่มีหลักฐานที่อยู่" 

"งั้นเขาก็ต้องยืนยันได้น่ะสิว่าเพื่อนคนนั้นจะไม่อยู่ในห้องกับอู๋เหวินคังแน่นอน ฆาตกรคนนี้ก็ต้องมีความสามารถในการรู้ล่วงหน้า ถ้าไม่อย่างนั้นที่เขาตามจะได้ประโยชน์อะไร ตามไปก็เสียเปล่า"

ทั่วทั้งร่างของกวานลี่ผิงสั่นไหวและเย็นวาบ "ให้พูดก็คือฆาตกรตัวจริงที่อยู่ในที่เกิดเหตุ! ก็คือเพื่อนของอู๋เหวินคัง และหลายคืนนั้นพวกเขาก็ไปดื่มเหล้าด้วยกัน" 

พูดถึงตรงนี้สีหน้าของกวานลี่ผิงจนปัญญาเล็กน้อย เขาฉีกยิ้มอย่างเจ็บปวด "ใช่ ปีนั้นพวกเราเอาแต่พยายามตรวจสอบคนที่อยู่รอบตัวของผู้ตาย สืบสวนญาติสนิทของพวกเธอ เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน เพื่อนนักเรียน...แต่ไหนแต่ไรกลับไม่เคยสืบคนที่อยู่รอบตัวของอู๋เหวินคังเลย แล้วก็ไม่เคยคิดอยากตรวจสอบคนที่อยู่รอบตัวเขาเสียด้วยซ้ำ..." 

กวานอี้เหลียงรีบพูดขึ้นว่า "หรือว่าปีนั้นเทียนชี๋จุนจะคบชู้อยู่กับผู้ชายคนนั้น" 

"ไม่ ไม่ใช่เขา!" กวานลี่ผิงส่ายหน้า "เพื่อนนักเรียนเหล่านั้นของอู๋เหวินคัง อู๋เหวินคังกับพวกเขาไม่เจอกันมากว่าสิบปี ยากมากกว่าจะได้เจอกัน ดังนั้นถึงได้เล่นอะไรบ้าๆ แบบนี้!"

กวานอี้เหลียงกล่าวออกมาอย่างงุนงงว่า "ถ้าเป็นเพื่อนนักเรียนที่ไม่ได้เจอกันมาสิบกว่าปี งั้นเพียงแค่ไม่กี่วัน นั้น...ทำไมถึงทำแบบนั้น ทำไมถึงต้องคิดแผนเอาไว้ล่วงหน้า อยากจะทำร้ายอู๋เหวินคัง อีกอย่าง อีกอย่างศาสตราจารย์เสิ่นไม่ได้บอกเองเหรอว่า ”ตลอดมาฆาตกรได้เรียนรู้ความรู้ทางด้านกฎหมายจากอู๋เหวินคังไปไม่น้อย"

เสิ่นอี้ไม่รอคำตอบของกวานลี่ผิง เขาพูดขึ้นมาว่า "ในนี้ ต้องมีสักคนหนึ่งที่ใช่" 

"โจวฉง!" กวานลี่ผิงจับหน้าผาก แล้วพูดอย่างเจ็บปวดว่า "เป็นเขา!"

ไม่รอให้กวานลี่ผิงพูดคำตอบออกมา เสิ่นอี้ก็เดาออก "เขาต้องเป็นคนที่อยู่ในห้องเดียวกับอู๋เหวินคังใช่ไหม" 

"เป็นเขา! เป็นเขา!" กวานลี่ผิงรู้สึกเกลียดจนแทบกระอัก "เดิมตอนที่เริ่มต้น เขาเป็นคนมาบอกกับพวกเรา! ก่อนหน้านี้ปิดบังมาตลอดไม่ยอมพูด แต่หลังจากนั้นกลับมาหาพวกเราอย่างกะทันหัน แล้วพูดเรื่องนี้ออกมา! ขนาดตอนที่พวกเราตกอยู่ในสภาวะคับขันของการสืบสวน จู่ๆ ก็มาบอกพวกเรา! เห็นได้ชัดเลยว่า..." 

"ใช่ครับ!" เสิ่นอี้ถอนหายใจ "เป็นอุบายที่แยบยลจริงๆ!" 

เป็นอุบายที่แยบยลจริงๆ! 

แม้แต่เวลาก็เลือกมาได้ดีขนาดนี้! 

เดิมทีก็สงสัยอู๋เหวินคังอยู่แล้ว พอเป็นอย่างนี้ยิ่งสงสัยเข้าไปอีก!

แต่ขณะนั้นเพื่อคดีนี้ ทั่วทั้งเมืองตงไห่แทบจะมีตำรวจเคลื่อนไหวอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง สืบสวน รวบรวมหลักฐาน รวบรวมหลักฐาน สืบสวน..." 

โจวฉงเลือกมาหาพวกเขาในเวลาที่พวกเขาต้องการรีบปิดคดี ตอนที่หมดหนทางที่สุด จู่ๆ ก็มาให้ความหวังอันน้อยนิดแก่พวกเขา 

ส่วนผลสรุปน่ะเหรอยังต้องจะพูดอะไรอีก 

แทบจะทุกคนที่ถูกเขาปั่นหัว ตามไปตรวจสอบเบาะแสนั่นโดนตรง 

ยิ่งค้นหาปัญหาก็ยิ่งมีมากขึ้น ยิ่งสืบสวนอู๋เหวินคังเขาก็ยิ่งถูกกล่าวหามากยิ่งขึ้น 

คืนนั้นที่เกิดเรื่องกับเทียนชี๋จุน อู๋เหวินคังไม่มีหลักฐานทีอยู่ เพราะเดิมทีคนที่สามารถยืนยันให้เขาได้คือ โจงฉง แต่เขาดันไม่อยู่ 

ความสงสัยทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่อู๋เหวินคัง จะไปมีใครคิดถึงว่าความจริงแล้วโจวฉงคนนั้นก็เหมือนกันไม่มีหลักฐานที่อยู่ เพียงแต่ว่าเดิมทีแล้วกลับไม่มีใครไปสงสัยเขาเลย

เพื่อนสมัยเรียนของอู๋เหวินคัง และเทียนชี๋จุนไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน และก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับเหยื่อรายอื่นๆ ด้วย ใครจะไปสงสัยเขาได้ ตอนนั้นทั้งหมดก็เป็นคนที่เดินผ่านไปเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกน่าสงสัยเลยสักนิด พวกเขาคิดอย่างไร ก็ไม่นึกถึงคนเหล่านั้น ยิ่งกว่านั้นไม่มีคนคิดถึงพยานบุคคลว่ามีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นฆาตกร 

เสิ่นอี้ยังคงถามต่อว่า "โจวฉงคนนี้ เขามีภูมิหลังเป็นมาอย่างไร คุณกวาน คุณยังจำได้ไหม"

กวานลี่ผิงคิดอยู่นานมาก ถึงได้พูดว่า "ไม่รู้หรอกครั้งนั้นจู่ๆ เขาก็มาหาพวกเรากะทันหัน จึงทำให้เป็นพยานที่สำคัญมาก ผมยังคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะมา! โจวฉงคนนี้ เป็นเพื่อนนักเรียนของอู๋เหวินคัง ที่บ้านทำธุรกิจทางทะเล แล้วไม่ไกลจากเขตไฮ่โค่วยังมีฟาร์มของตัวเอง เขาลาออกจากโรงเรียนหลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมต้น เรียนการทำฟาร์มจากพ่อของเขา ฐานะทางบ้านก็จัดได้ว่าค่อนข้างดี"

"ในกลุ่มเพื่อนนักเรียนเหล่านั่นของอู๋เหวินคังก็มีเขาที่ติดต่อกับอู๋เหวินคังบ่อย โจวฉงมักมาส่งของในเมือง เลยบังเอิญได้พบกับอู๋เหวินคัง สุดท้ายทั้งสองคนเลยได้ไปมาหาสู่กันตลอด ทุกครั้งวันหยุดสุดสัปดาห์จะทั้งไปส่งของและไปหาอู๋เหวินคัง ครั้งนี้ที่อู๋เหวินคังกลับมา โจงฉงเองก็เป็นคนลงมือติดต่อเพื่อนนักเรียนในเขตกังโค่ว บอกทุกคนว่าไม่เจอกันมานานแล้ว ควรไปเล่นสนุกด้วยกัน เหอะ ตอนนี้พอมองดู เขาคงคิดอุบายเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว!" 

"อาจจะครับ" เสิ่นอี้ยิ้มเย็น "ต้องเพื่อลงมือกับอู๋เหวันคังโดยเฉพาะ! แน่นอน ก็เพื่อให้พวกเราเข้าใจผิด โจวฉงอยู่ที่ฟาร์มของเขตกังโค่วใช่ไหมครับ"

"อยู่ไม่ไกลจากเขตกังโค่ว..." กวานลี่ผิงคิด พร้อมกับพูดอีกครั้งว่า "ที่บ้านของเขาทำฟาร์มมาหลายปี อีกอย่างเขาก็ช่วยที่บ้านทำมาตั้งแต่เด็ก คงไม่วิ่งแจ้นไปอยู่ที่ไหนหรอก..." 

ตอนนี้กวานลี่ผิงเป็นกังวลมากที่สุดว่าโจวชงจะหนีไป 

"เดิมทีคงไม่..." เสิ่นอี้กล่าวเหตุผล "หลังจากที่คดีฆ่าหั่นศพของเมิ่งซินถงถูกเปิดเผย เขาจะหนีไปไหน ก็ไม่อาจรู้ได้! ถึงแม้ว่าปีนั้นเขาจะเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว แต่ในเมื่อทำไปแล้ว ลึกๆ แล้วในใจต้องรู้สึกกลัวอย่างแน่นอน แน่นอนว่าต้องกังวลเรื่องที่กระทำเอาไว้จะแดงออกมา เขาต้องไม่มีทางปล่อยวางได้ ยิ่งกว่านั้น ครั้งนี้ฆาตกรจงใจมุ่งเป้าไปหาเขา เขาจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเหรอ"

"เขาค่อนข้างระมัดระวังและรอบคอบ โดยปกติแล้วจึงมักจะให้ความสนใจกับโลกภายนอก เตรียมพร้อมที่จะหนีได้ตลอดเวลา! หัวหน้าหยาง เรื่องนี้ไม่ควรช้า ต้องรีบตามรอยเขา อย่าให้เขาหนีไปได้เป็นอันขาด!" 

กวานอี้เหลียงรีบพูด "ยังจะรออะไรอีก รับไปจับเขาสิ!" 

"จับหรอ" หยางปินจ้องเขา "นายมีหลักฐานอะไรไปจับเขา!" 

กวางลี่ผิงตกตะลึง "หา..." 

"เฮ้อ!" กวานลี่ผิงสูดลมหายใจเข้าลึก "ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ถ้าปีนั่นยังมีหลักฐานอะไรอยู่ ต้องเอาผิดเขาได้แน่นอน"

หยางปินเองก็รู้สึกปวดหัวมาก คดีเก่าเมื่อหลายสิบกว่าปีก่อน ในอดีตพวกเขาไม่พบหลักฐานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับโจวฉงเลย และอีกอย่างเรื่องก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว หลักฐานอะไรก็คงถูกทำลายจนหมดแล้ว!

"งั้นจะทำอย่างไร" หลังจากคิดความเป็นไปได้ กวานอี้เหลียงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย "หรือว่าพวกเราจะทำอะไรไม่ได้แล้ว ทำอะไรก็คงทำไม่ได้แล้วใช่ไหม"