webnovel

ตอนที่ 099

ตอนที่ 99 สายโทรเข้าตอนเที่ยงคืน

เดิมทีเสื้อผ้าชุดนี้ของเสิ้นอี้ก็หลวมมาก และพร้อมที่จะหลุดตลอดเวลาอยู่แล้ว

พอเย่หนิงจับ จึงล่วงหล่นลงมา

เมื่อมองมือของตนเองที่อยู่บนชุดคลุมนั้น ทั่วทั้งร่างของเย่หนิงก็แข็งทื่อกลายเป็นหิน

เสิ่นอี้หันกลับมา มองเธอ สายตานั่น...

เย่หนิงหดตัวเข้ากลับไปในผ้าห่ม แล้วพูดเสียงอ่อยว่า " ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ"

เสิ่นอี้ขึ้นมาบนเตียง กดร่างของเธอที่อยู่ในผ้าห่มเอาไว้แน่น แล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูของเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวล "ถึงแม้จะตั้งใจก็ไม่เป็นไรนะครับ" 

นี่...กำลังยั่วกันนี่ 

"เอ่อ...คุณตั้งใจจะ..." เย่หนิงอยากขัดขืนแต่กลับไร้เรี่ยวแรง

"ใช่ ผมตั้งใจ ทำไมเหรอครับ" เสิ่นอี้ยันตัวลุกขึ้น มองเธอที่อยู่ใต้ร่าง แล้วฉีกยิ้มเล็กน้อย 

ทำไม...เกือบลืมไปแล้วจริงๆ ว่า คนๆ นี้เป็นคนหน้าไม่อายขนาดไหน

หลังจากนั้น อืม...เขา เขา เขาเข้ามาใกล้ขนาดนี้ คิดจะทำอะไรน่ะ...

เย่หนิงเม้มปากแน่น 

เสิ่นอี้หุบยิ้ม "คุณทำอะไรครับ" 

เย่หนิงอัดอั้นมาตั้งนาน จึงหลุดพูดออกมาว่า "ฉันกลัวว่าตัวเองจะอั้นเอาไว้ไม่อยู่ค่ะ" 

"อั้นไม่อยู่เหรอ" 

"อั้นขำน่ะค่ะ" 

เสิ่นอี้กุมมือของเธอ เขายิ้มแล้วมองมาที่เธอ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "เสี่ยวหนิง ผมเริ่มอยากจูบคุณแล้วสิครับ" 

ไม่นะ! 

เย่หนิงถอยตัวติดกำแพงอย่างตกใจ!

เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่สมควรพูดออกมานะ

เย่หนิงมองชายหนุ่มคนนั้นที่เข้ามาใกล้ทีละนิด หัวใจของเธอเต้นถี่รัวคล้ายกับว่ากำลังจะหลุดออกมา 

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเพลงดังนั้น พวกเขาทั้งสองสะดุ้งตกใจ เสียงที่ดังแทรกขึ้นมาฉับพลันคือเสียงของโทรศัพท์มือถือนั่นเอง 

และเป็นโทรศัพท์ของพวกเขาทั้งสองคนที่เกือบจะดังขึ้นมาพร้อมๆ กันด้วย! 

ทั้งสองหันมาสบตากัน ไม่พูดอะไร ก็รู้ว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแล้ว! 

เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมกัน ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน 

และเรื่องที่เกิดต้องไม่ใช่เรื่องดี

เรียกหมอนิติเวชตอนดึกขนาดนี้ กลัวว่าจะเป็นคดีฆาตกรรม 

เสิ่นอี้มองเย่หนิงอย่างหมดหนทางเล็กน้อย หลังจากนั้นทั้งสองต่างฝ่ายต่างก็แยกกันไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเอง 

"สวัสดีค่ะ เย่หนิงพูดค่ะ!" เมื่อเย่หนิงรับโทรศัพท์มือถือ เธอพูดชื่อของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก คิดไม่ถึงว่าคนที่อยู่ปลายสายนั้นกลับพูดอย่างตกใจว่า "เสี่ยวเย่ ทำไมโทรศัพท์มือถือของศาสตราจารย์เสิ่นถึงมาอยู่ที่คุณได้ล่ะ" 

"หา! อะไรนะคะ" 

เธอและเสิ่นอี้ใช้โทรศัพท์มือถือยี่ห้อเดียวกัน ถึงแม้จะคนละรุ่นกัน แต่มองผ่านๆ ก็คล้ายกันอยู่ เมื่อกี้ทั้งสองต่างก็รีบร้อน ไม่ทันได้ระมัดระวังก็เผลอหยิบและกดรับสาย

เธอรีบเอาโทรศัพท์มือถือคืนให้เสิ่นอี้ "เสิ่นอี้คะ คุณหยิบผิด! เครื่องนี้ของคุณค่ะ!" 

"เหมือนกันจริงๆ!" เสิ่นอี้เอาโทรศัพท์มือถือคืนให้เธอ แล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "คดีฆ่าหั่นศพ! รีบไปกันเถอะครับ!"

เย่หนิงนิ่งเงียบไป "อะไรนะคะ"

เมื่อมีโทรศัพท์โทรเข้ามาในเวลานี้ ปกติแล้วไม่ใช่ข่าวดี บริเวณใต้สะพานที่เขตเมืองเก่าของตงไห่ มีคนบังเอิญไปพบศพเข้า 

คนที่พบศพ คือนักเรียนมัธยมปลายกลุ่มหนึ่ง

ตอนนี้เป็นวันหยุดภาคฤดูร้อน นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ต้องไปโรงเรียน และเล่นสนุกสนานกันอย่างบ้าคลั่ง สิ่งที่พวกเขาชอบกันเป็นพิเศษคือการตั้งแคมป์ตอนกลางคืน ตรงเขตเมืองเก่ามีสะพานซึ่งเป็นสถานที่เด็กนักเรียนชอบไปตั้งแคมป์กัน บริเวณนั้นค่อนข้างลับตาคน รถและคนก็ค่อนข้างน้อย ที่สำคัญด้านข้างมีแม่น้ำสายเล็กใกล้หมู่บ้าน อีกทั้งทิวทัศน์โดยรอบก็ไม่เลว เหมาะสมสำหรับการตั้งแคมป์เป็นที่สุด 

กลุ่มเด็กนักเรียนที่เป็นผู้พบศพอยู่ห้องเดียวกัน คืนนี้เป็นคืนดีสำหรับออกไปเล่นด้วย นอกจากกางเต๊นท์แล้ว ยังเตรียมอาหารมากมาย และเตรียมงานเลี้ยงรอบกองไฟสำหรับเล่นสนุกตลอดทั้งคืน

ตอนกลางคืนใต้สะพานลมพัดค่อนข้างแรง ตอนที่มองหาสถานที่สำหรับทำบาร์บีคิว พวกเขาเลือกใต้สะพานเพราะเป็นสถานที่ซึ่งสามารถหลบลมได้ ผลกลายเป็นว่าบังเอิญเจอถุงพลาสติกสีดำขนาดกลางที่ลอยมาตามน้ำ ข้างในไม่รู้ว่าใส่อะไรอยู่ รู้สึกเพียงแค่ว่ามันมีขนาดใหญ่มากๆ

เดิมทีพวกนักเรียนต่างไม่ได้สนใจ แล้วคิดว่าชาวบ้านที่อยู่แถวนี้ทิ้งขยะลงมา ขณะที่เตรียมหยิบไปทิ้ง ผลกลายเป็นว่าพอหยิบขึ้นมา ถุงดำที่เดิมมัดเอาไว้ไม่ดี ของที่อยู่ด้านในจึงร่วงหล่นออกมา 

เป็นกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหมือนกับกล่องกระดาษ ด้านนอกห่อด้วยกระดาษหลากสีสันอย่างดี แถมยังผูกด้วยริบบิ้น ดูแล้วเป็นของที่ใหม่เอามากๆ มองยังไงก็ไม่คิดว่าจะเป็นสิ่งของที่สมควรนำมาโยนทิ้งเลยสักนิด เด็กนักเรียนหลายคนมองอย่างแปลกใจ พร้อมกับพูดในใจว่านี้ควรเป็นของขวัญที่ซื้อเพื่อที่จะให้ใครสักคน แล้วเอามาโยนทิ้งแบบนี้ได้ยังไงกัน

ห่อยังไม่ถูกแกะ

นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "น่าจะให้ผู้หญิง แล้วหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็โยนทิ้ง! ดังนั้นเลยไม่ได้แกะ" 

นักเรียนชายที่ถือกล่องกระดาษนั้นลองเขย่ามัน แต่กลับไม่ได้ยินเสียงของสิ่งของข้างใน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าข้างในใส่อะไรเอาไว้ "เป็นพวกของเล่นใช่ไหม" 

นักเรียนคนนั้นอยากรู้อยากเห็นเอามากๆ "แถมยังหนักมากด้วย" 

"อาจจะนะ แต่กล่องใหญ่ขนาดนี้ จะใส่อะไรลงไปล่ะ" 

"เอ้อ พวกเราพูดกันขนาดนี้แล้ว ก็เปิดดูกันเลยเหอะ!" 

นักเรียนหลายคนแกะกล่องกระดาษอย่างกระตือรือร้น เมื่อเปิดดูก็เห็นเป็นของสีดำ เลยไม่รู้ว่าเป็นอะไร มีนักเรียนคนหนึ่งหยิบของสีดำนั่นขึ้นมา แล้วยังพูดว่า "ขนยาวขนาดนี้ หมีดำเหรอ" 

หลังจากที่ยกขึ้นมาแล้ว นักเรียนเหล่านั้นไม่เพียงเห็นอย่างชัดเจนเท่านั้น ต่างก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน เห็นชัดเลยว่านั้นก็คือ ศีรษะมนุษย์! 

ศีรษะของผู้หญิง เส้นผมยาว ทั้งยังมีเลือดไหลย้อยลงมา 

เด็กนักเรียนตกใจจนเกือบจะสลบไป ผ่านสักพักจึงฟื้นคืนสติ แล้วรับวิ่งตะโกนร้องไห้หาพ่อและแม่บนสะพาน 

เหล่านักเรียนร้องตะโกนอย่างขวัญผวา ตำรวจสองนายที่อยู่ใกล้ๆ ที่เดินผ่านมา พวกเขาคิดว่าเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันจึงรีบมาหา ผลเป็นว่าพวกเขากลับได้ยินว่าพบศีรษะคนที่ใต้สะพาน ตำรวจทั้งสองนายเจอเข้ากับคดีฆาตกรรมเสียแล้ว หนึ่งในตำรวจเดินไปข้างหน้า ปลอบขวัญเด็กนักเรียนเหล่านี้ ส่วนตำรวจอีกหนึ่งนายก็เดินไปดูสาเหตุของเรื่องที่ใต้สะพาน 

เมื่อตำรวจคนนั้นเดินมาใต้สะพาน ก็พบเข้ากับกล่องกระดาษที่นักเรียนพวกนั้นพูดถึงถูกโยนทิ้งเอาไว้ข้างใต้สะพานห่างออกไปไม่กี่เมตร มีของตกอยู่ในความมืด เขาเปิดไฟฉาย พอตั้งใจมองก็พบว่าเป็นศีรษะของมนุษย์! อีกอย่างนั่นเป็นศีรษะของผู้หญิง! เส้นผมยาวเหยียด สยายอยู่บนพื้น

ไม่ต้องพูดถึงนักเรียนเหล่านั้นที่ตกใจกลัวจนฉี่ราด ขนาดเขาที่เพิ่งเข้ามาทำงานในสถานีตำรวจไม่นาน แค่ได้มองภายในใจก็รู้สึกขลาดกลัวแล้ว ผ่านไปสักพักเมื่อสติของเขากลับมา เขาเดินไปอย่างช้าๆ ตั้งใจมองอย่างละเอียด จึงแน่ใจว่ามองไม่ผิด นี่เป็นศีรษะของมนุษย์ที่ถูกตัดมาจากคอ ทั้งยังเลือดซึมอยู่! 

นี่คือ คดีฆาตกรรม! 

นายตำรวจรีบติดต่อไปที่หน่วย เพื่อเรียกกำลังเสริม 

หลังจากนั้นก็รีบติดต่อหยางปินให้มาที่นี่

ด้านนี้คดีเพิ่งจบไป ทุกคนเพิ่งได้กลับไปพักผ่อน หยางปินยังบอกเลยว่าให้ทุกคนหยุดสองวัน พักผ่อนเยอะๆ ผลกลับกลายเป็นว่ายังไม่ทันได้พักผ่อนก็มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นอีกแล้ว 

เมื่อกลับมาที่สำนักงาน เย่หนิงตรวจเช็คกล่องที่จะใช้สำรวจภาคสนามของตนเอง เมื่อตรวจเรียบร้อยแล้ว เสิ่นอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เอื้อมมือมาช่วยเธอถือกล่องแล้วเดินไป เขาฉีกยิ้มพลางพูดขึ้นมาว่า "ผมช่วยคุณถือนะครับ" 

เย่หนิงพูดอย่างจนใจเล็กน้อยว่า " ฉันมีผู้ช่วยค่ะ" 

ผู้ช่วยที่ว่านี้คือ เสี่ยวลู่ที่ถูกคนทั้งสองมองข้าม เขายืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกปวดใจอย่างมหาศาล

เสิ่นอี้กลับไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น เขายิ้มแล้วพูดว่า "ใครถือก็เหมือนกัน ไปกันเถอะ! คนในกองสอบสวนกำลังรอพวกเราอยู่ข้างนอกครับ"