webnovel

ตอนที่ 087

บทที่ 87 ข้อสงสัย

พอกลับมาถึงหอพักแล้วเย่หนิงก็รีบร้อนเก็บข้าวของทันที

ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรให้เก็บมากมายสักเท่าไหร่ ในห้องของเธอมีของอยู่ไม่มาก มีเพียงแค่พวกเสื้อผ้ากับหนังสือเท่านั้น

เฝิงเยี่ยนฮวายมองแล้วก็เอ่ยกึ่งล้อเล่นกึ่งจริงจังออกมา “อาหนิง ข้าวของของเธอนี่น้อยเกินไปหน่อยไหม ฉันไม่เคยเห็นห้องของผู้หญิงคนไหนดูเรียบง่ายขนาดนี้มาก่อนเลย”

เจิ้งชวนหัวเราะออกมา “ฟังดูแล้วเหมือนนายเข้าห้องสาวๆ บ่อยเลยนะ!”

“เหลวไหลน่า!” เฝิงเยี่ยนฮวายจ้องอีกฝ่าย แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ฉันหมายความว่า งานของอาหนิงน่ะลำบากมากจริงๆ ไม่มีแม้แต่เวลามาดูแลตัวเองต่างหาก!”

เย่หนิงเองก็รู้สึกอายอยู่ไม่น้อย ห้องของเธอก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ แทบจะไม่มีอะไรเลย แม้กระทั่งพวกครีมบำรุงผิวก็เป็นของที่เสิ่นอี้ให้มา พอเปิดตู้เย็น ก็มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีของกินเลยสักอย่าง

“แหะแหะ...” เย่หนิงกระอักกระอ่วน “ฉันว่าฉันพาพวกนายออกไปกินข้าวข้างนอกดีกว่า ห้องของฉันไม่มีอะไรเลย”

เจิ้งชวนหัวเราะ “ข้างนอกคนเยอะ ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ยังไงเราคุยกันเสร็จแล้วค่อยออกไปหาอะไรทานก็ยังได้ แต่ผมว่านะอาหนิง หอพักของคุณนี่มันก็เรียบเกินไปจริงๆ นั่นล่ะ ตู้เสื้อผ้าก็โล่ง ชั้นวางรองเท้าก็ว่าง คุณยังเป็นผู้หญิงอยู่หรือเปล่าเนี่ย ดูท่าคุณคงยุ่งจนไม่มีเวลาไปช็อปปิ้งเลยใช่ไหมครับ อย่างคุณนี่ต้องไม่มีแฟนแน่ๆ เลย”

เฝิงเยี่ยนฮวายถลึงตาใส่เจ้าของคำพูดอีกครั้ง “เหลวไหลน่า! อาหนิงน่ารักออกแบบนี้จะไม่มีแฟนได้ยังไง! แต่จะว่าไปนะ อาหนิง ต่อไปต้องหาผู้ชายที่ว่าง่ายสักหน่อย ซักผ้า ทำอาหาร ทำงานบ้านได้หมดแบบนี้ล่ะดีสุดๆ”

“ฮ่าฮ่า...” เจิ้งชวนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “นายทำได้หรือเปล่าล่ะ”

เฝิงเยี่ยนฮวายทั้งโมโหทั้งหน้าแดง “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ”

เย่หนิงเองก็หัวเราะออกมาด้วย “ช่างเถอะๆ พวกนายสองคนเลิกล้อฉันได้แล้ว ถึงยังไง...ฉันก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้วน่า”

จู่ๆ เจิ้งชวนก็ดูจริงจังขึ้นมา “พูดจริงๆ นะ อาหนิง อายุก็ไม่น้อยแล้ว คุณต้องคิดได้แล้วนะ”

เย่หนิงยังคงส่ายหน้า “ช่างเถอะ!”

“ทำไมล่ะ” เจิ้งชวนอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที

“เฮ้!” เย่หนิงจ้องอีกฝ่าย “ที่พวกนายมาหาฉัน เพราะจะคุยเรื่องนี้กันหรือไง”

เฝิงเยี่ยนฮวายกระแอมออกมาสองครั้ง “ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว เป็นงานเป็นการหน่อย อะแฮ่มๆ จริงจังกันก่อน!”

เย่หนิงค้นทั้งในกล่องและในตู้อยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ได้ชุดน้ำชาออกมา เป็นของใหม่ที่ยังไม่เคยแกะเลยด้วยซ้ำ ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เธอจะจัดการล้างจนสะอาดเรียบร้อย แต่สุดท้ายกลับไม่มีใบชา...... เธอจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก สุดท้ายก็เป็นเจิ้งชวนที่ทนดูต่อไปไม่ไหว “พอได้แล้ว อาหนิง อย่าลำบากเลย เรามาคุยแปปเดียว เดี๋ยวก็ไปแล้ว”

“โอเค...” แต่ถึงยังไงก็ต้มน้ำแล้ว เพราะงั้นเย่หนิงก็เลยรินน้ำให้ทั้งสอง “แหะๆ ดื่มน้ำก่อน...”

แก้วเล็กๆ นั่น ดื่มได้ไม่ทันอิ่มด้วยซ้ำ

เฝิงเยี่ยนฮวายกับเจิ้งชวนถึงกับพูดไม่ออก แต่ช่างเถอะ ยังไงก็พยายามสุดความสามารถแล้วนี่ พวกเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาดื่มชาด้วย

เจิ้งชวนดื่มน้ำแก้วเล็กนั่นจนหมดแล้วเดาะลิ้นเบาๆ “เหล่าเฝิง นายพูดเลย”

เฝิงเยี่ยนฮวายมองเย่หนิงแล้วเอ่ยถาม “อาหนิง เรื่องที่ผมเคยคุยกับคุณก่อนหน้านี้ คุณได้ไปหาหลักฐานพิสูจน์กับคนในครอบครัวมาหรือยัง ที่ว่าคุณเป็นผู้สืบทอดนักล่าผีดิบ เหมือนกันกับพวกเรา”

“อืม” เย่หนิงพยักหน้า “ทำไมเหรอ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

เฝิงเยี่ยนฮวายมองเจิ้งชวน เจิ้งชวนวางแก้วน้ำลง จากนั้นก็เงียบอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยขึ้น “สองสามปีมานี้ผมรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่ อาหนิง คุณอาจจะไม่เข้าใจ เพราะยังไม่ได้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการ ในช่วงหลายปีมานี้ พวกเราสัมผัสได้ถึงพวกผีดิบบ่อยมาก! ถ้าให้พูดกันจริงๆ ก็ช่วงสิบกว่าปีมานี้ พวกผีดิบเคลื่อนไหวกันน้อยมาก ทำให้มีตระกูลนักล่าผีดิบไม่น้อยที่ล้มเลิกการทำงานหรือไม่ก็เปลี่ยนอาชีพไปตั้งนานแล้ว เมื่อไม่มีผีดิบ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีนักล่าผีดิบอีก”

เจิ้งชวนหยุดไปชั่วครู่แล้วเอ่ยขึ้นต่อ “แต่ช่วงสองสามปีมานี้ ไม่รู้ทำไมผีดิบพวกนั้นถึงได้มีความเคลื่อนไหวขึ้นมา อย่างผีดิบอายุร้อยกว่าปีที่เหล่าเฝิงเคยเจอเมื่อก่อนหน้านี้ จริงๆ ผมเองก็ไม่นึกว่าจะยังสามารถเจอผีดิบที่บำเพ็ญตบะเกินร้อยปีได้อีก”

เฝิงเยี่ยนฮวายส่ายหน้า “นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอกใช่ไหม”

“ใช่ ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ ยังมีผีดิบที่ร้ายกาจมากๆ หลงเหลืออยู่!” เจิ้งชวนมองเย่หนิงแล้วเอ่ยต่อ “ช่วงนี้พวกคุณกำลังจัดการคดี เหล่าเฝิงเองก็บอกผมแล้ว เรื่องศพที่เน่าเปื่อยนั่น คุณพอจะช่วยเล่ารายละเอียดให้เราฟังหน่อยได้ไหม”

เย่หนิงตากระตุก

เรื่องศพที่เน่าเปื่อยในตอนแรก เฝิงเยี่ยนฮวายเคยพูดไว้ว่า นั่นเพราะมีผีดิบที่บำเพ็ญเพียรมาสูงกว่ากำลังคอยก่อกวน ทำให้ศพนั่นเน่าเปื่อยและมีหนองขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ หลังจากนั้นเธอเองก็ได้พิสูจน์คำพูดนี้กับคุณอาของตัวด้วย

แต่สุดท้ายแล้วในรายงานการชันสูตรเธอก็ไม่สามารถเขียนไปแบบนั้นได้ จึงได้แต่อิงตามการคาดการณ์ของทางตำรวจ คิดว่ากู่เถียนโปฉวยโอกาสลงมือตอนที่พวกเขาไม่สังเกต มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ทางกู่เถียนโปยังไม่ได้รับการพิสูจน์และยืนยัน แต่แนวคิดเรื่องผีดิบนี่คงไม่ได้รับการยอมรับจากกรมตำรวจแน่นอนอยู่แล้ว พวกเขาไม่สามารถอิงตามแนวคิดของเฝิงเยี่ยนฮวายแล้วเขียนลงไปในรายงานได้

เรื่องแปลกประหลาดและไม่มีหลักฐานแบบนี้ จะอาศัยแค่คำพูดไม่กี่ประโยคของเฝิงเยี่ยนฮวายมันก็ไม่มีน้ำหนักมากพอให้เชื่อถือเลยจริงๆ เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเขียนลงไปในรายงานได้จริงๆ

ถ้าเฝิงเยี่ยนฮวายไม่พูด เธอเองก็คงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

“อาหนิง” เฝิงเยี่ยนฮวายสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเย่หนิงแปลกไป เช่นนั้นจึงเอ่ยถามออกมา “โอเคหรือเปล่า”

เย่หนิงรีบส่ายหน้า “ไม่มีอะไร......คือ พวกนายอยากจะถามอะไร ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ถามไปแล้วเหรอ”

เมื่อเห็นท่าทางของเย่หนิงแล้วเจิ้งชวนก็เข้าใจอะไรขึ้นมา “อาหนิง คุณไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเหล่าเฝิงใช่หรือเปล่า”

เย่หนิงมองน้ำเปล่าที่อยู่ในแก้วของตัวเอง ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เธอไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีมากกว่าที่จะบอกว่าเธอไม่อยากเชื่อคำพูดของเฝิงเยี่ยนฮวาย เธอกลับรู้สึกไม่อยากเชื่อว่าข้างตัวเธอจะมี “คนนั้น” ที่เฝิงเยี่ยนฮวายพูดถึงเสียมากกว่า

เฝิงเยี่ยนฮวายถอนหายใจออกมา “อาหนิง ผมรู้ว่าคุณรับเรื่องจริงเรื่องนี้ไม่ไหว แต่ว่า...”

“บางทีอาจจะมีความเป็นไปได้อย่างอื่นอีกหรือเปล่า” เย่หนิงอดที่จะขัดขึ้นมาไม่ได้ “นั่นไม่ใช่ความเป็นไปได้เดียวใช่ไหม บางทีอาจจะมีความเป็นไปได้อื่นอีก เพียงแต่พวกคุณไม่รู้เท่านั้นเอง”

เฝิงเยี่ยนฮวายรู้ว่าตนไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเย่หนิงได้แล้วจริงๆ เขาจึงได้แต่หันมองไปทางเจิ้งชวน

เจิ้งชวนรินน้ำเพิ่มให้ตัวเอง “อาหนิง ถึงแม้จะมีเปอร์เซ็นความเป็นไปได้แค่หนึ่งในร้อย แต่เราก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้! คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าผีดิบที่บำเพ็ญตบะมาหลายร้อยปี เมื่อปะปนอยู่ในกลุ่มผู้คนแบบนั้นมันจะอันตรายมากแค่ไหน คุณไม่รู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง”

“เป็นไปไม่ได้!” เย่หนิงปฏิเสธทันที “ทุกคนรู้จักกันมานานแล้ว หรือจะบอกว่าฉันยังไม่รู้จักพวกเขาดีพองั้นเหรอ ในกรมตำรวจของเรา ไม่มีทางมีคนแบบนั้นอยู่แน่! พวกคุณอย่ามาตั้งข้อสงสัยมั่วๆ สิ! ถึงแม้จะมี นั่นก็มาจากฝีมือของชาวบ้านหมู่บ้านว่างยาชุน ไม่ใช่คนจากกรมตำรวจของเราแน่!”

เจิ้งชวนถามออกไปตรงๆ “คุณรู้จักพวกเขามานานเท่าไหร่ ถึงแปดปีสิบปีแล้วหรือยัง เข้าใจพวกเขามากแค่ไหน ทำไมถึงได้แน่ใจขนาดนั้น”

“ถึงยังไงฉันก็รู้จักพวกเขามานานมากแล้ว!”